บทที่ 22
บทที่ 22
“สวี่ล่ายข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยเลือด!”
หลี่เทียนปาห์ชักกระบี่จากเอว ลุกพรวดขึ้นต้องการลงมือ
“ปกป้องนายน้อย!”
“ขอรับ!”
“ขอรับ!”
หน่วยอารักขาทั้ง 32 คนของสวี่ล่ายที่นำโดยสวี่หู ปกป้องสวี่ล่ายไว้ตรงกลาง
“ช้าก่อน!”
ในตอนนั้นเอง เหยาว่านซินลุกขึ้นช้าๆ และเรียกหลี่เทียนปาห์ให้หยุด
“ผู้อาวุโสหลี่ กระบวนการทั้งหมดของการประลอง ทุกคนรอบสังเวียนต่างเห็นได้อย่างชัดเจน สวี่ล่ายชนะอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา และพี่ชายหลี่ก็พ่ายแพ้ แต่ยังคงได้รับเกียรติอันรุ่งโรจน์เช่นกัน ข้าพูดถูกไหม? พี่สาวหลิว”
“เอ๋? อ่า ใช่ ใช่ ...” หลิวเฟยเยี่ยนสะดุ้ง ไม่นึกว่าเหยาว่านซินจะยืนขึ้น พูดแทนสวี่ล่าย และยังผลักตนเองออกมา
“ข้าไม่สน! ตอนนี้บุตรชายข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการเช่นนี้ต่อให้รักษาหายเกรงว่าคงพิการ วันนี้ข้าต้องฆ่าคนเพื่อล้างแค้น!”
“เฮ้ยๆ! อาการบาดเจ็บนั่นลูกชายเจ้าทำตัวเอง เดิมเขาคงยังสบายดีถ้ายอมรับความพ่ายแพ้ แต่ดันเลือกกลืนโอสถเม็ดแดง สุดท้ายก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดก็ไม่ใช่ มนุษย์ก็ไม่เชิง ที่ข้าทำก็แค่รักษาชีวิตตัวเอง”
สวี่ล่ายเลิกคิ้วขึ้นด้วยความโกรธ ตะโกนเสียงดัง
“เจ้าโกหก! อาศัยแค่ขยะเช่นเจ้า จะสามารถบังคับให้บุตรชายข้ายอมกลืนโอสถบีบอัดโลหิตปีศาจได้อย่างไร?”
“โอ้ ที่แท้โอสถนั่นก็มีชื่อว่าโอสถบีบอัดโลหิตปีศาจนี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ทรงพลังนัก! แต่โชคดีที่คู่ต่อสู้คือข้าสวี่ล่าย หากเป็นผู้อื่น คนๆนั้นคงได้นอนตายอยู่ที่นี่แล้ว” สวี่ล่ายหน้ามุ่ย แท้จริงชายผู้นี้รู้อยู่แล้วว่าบุตรชายกินอะไรเข้าไป แต่ที่ทำตอนนี้ก็แค่พยายามรักษาหน้าตัวเอง
หลี่เทียนปาห์สะบัดกระบี่ยาวหลังจากพูด ประกายแสงสีทองวิบวับคล้ายภาพลวงตา
“ไม่ได้การ! พวกเจ้าทุกคนหลบไป!” สวี่ล่ายตะโกน กระโจนออกจากหน่วยอารักขา
หลี่เทียนปาห์คือยอดฝีมือขั้น 5 ในขอบเขตรวมวิญญาณ ‘มหาสมุทรหยกทองคำ’ ที่เขาสำแดงย่อมแตกต่างจากน้ำที่ยังไม่เต็มขวดเช่นหลี่อวี้ถิง
“เมฆาเปิดหมอก~!”
บรึ้ม——!
สวี่ล่ายเพียงสัมผัสกับหลี่เทียนปาห์ ก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนแรงกล้า เขย่าอวัยวะภายในของตัวเอง
“อ๊ากกกก!” สวี่ล่ายร้องลั่น ร่างกระเด็นกลับหัวกลับหาง
“นายน้อย!” พวกสวี่หูรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อรับเขาป้องกันไม่ให้สวี่ล่ายตกจากสังเวียน
“สุดยอด แกร่งชะมัด ...”สวี่ล่ายยกมือทาบหน้าอกตัวเอง บริเวณมุมปากเขามีเลือดไหลออกมา
ขั้น 5 ขอบเขตรวมวิญญาณนี้ไม่สูญเปล่าจริงๆ มันสามารถแสดงให้เห็นถึงความห่างชั้นระหว่างตัวเขากับ หลี่เทียนปาห์ในการโจมตีเดียว
“พี่สาวหลิว ต้องรีบหยุดสถานการณ์นี้ หากเรื่องราวมันลุกลามใหญ่โต เกรงว่ามันจะส่งผลกระทบมาถึงท่านอย่างเลี่ยงไม่ได้” เหยาว่านซินพอเห็นว่าหลิวเฟยเยี่ยนไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ ก็เริ่มกระวนกระวาย
เธอไม่ต้องการให้สวี่ล่ายตายเพราะเรื่องนี้ เพราะผลดังกล่าวจะนำไปสู่ความล้มเหลวเรื่องอื่นที่ตั้งใจไว้
“ให้ข้าหยุดเรื่องนี้? ข้าไม่ความสามารถขนาดนั้น หยุดมันไม่ได้หรอกหลิวเฟยเยี่ยนผายมือออก แสร้งทำเป็นทำอะไรไม่ถูก
“ท่าน ...”
เหยาหว่านซินขมวดคิ้ว ไม่ได้คาดหวังว่า ‘ตัวก่อปัญหา’ ที่อยู่ตรงหน้าจะใจร้ายขนาดนี้
เรียกได้ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากเธอ แต่ในตอนท้ายกลับนั่งดูอยู่ข้างนอกโดยทำราวกับไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเอง
เหยาว่านซินกำลังคิดหาวิธีช่วยสวี่ล่าย ทันใดนั้นสังเกตเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเจ็ดหรือแปดคนอยู่ข้างหลังเธอ เขาเหล่านั้นกำลังติดตามความเคลื่อนไหวบนสังเวียนอย่างใกล้ชิด
บุคคลเหล่านี้แต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ต้าหยาน แต่ละคนมีดวงตาที่แหลมคม และปล่อยบรรยากาศอันตรายออกมาอย่างแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่าทุกคนเป็นยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบ
ในตอนแรกเหยาว่านซินคิดว่าพวกเขาทั้งหมดคือผู้คุ้มกันที่หลิวเฟยเยี่ยนนำมาจึงไม่ได้สนใจ แต่เวลานี้พอลองตรวจสอบดูชัดๆ ก็จะพบความแตกต่างบางอย่าง
ในบรรดาคนเหล่านี้ มีชายวัยกลางคนที่ดูมีอำนาจนั่งอยู่ บุคคลผู้นี้มีท่าทางสงบสำรวม อย่างไรก็ตาม กลับแผ่กลิ่นอายที่โดดเด่นกว่าใครออกมา
“หรือนั่นจะเป็น ...... ท่านอ๋องหลิว?” เหยาว่านซินจำคนที่นั่งตรงกลางได้ทันที
คนผู้นี้ ปัจจุบันคืออ๋องใหญ่ของตระกูลหลิวแห่งราชวงศ์ต้าหยาน นอกจากนี้ยังเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของหลิวเฟยเยี่ยนซึ่งอยู่ที่นี่อีกด้วย
“ยอดเยี่ยม! เท่านี้สวี่ล่ายมีโอกาสรอดแล้ว!”เหยาว่านซินแอบยิ้ม จากนั้นจัดแจงแต่งองค์ทรงเครื่องเข้าไปถวายบังคม
“เหยาว่านซินบุตรสาวแห่งพันธมิตรการค้าว่านตงคารวะท่านอ๋องหลิว ก่อนหน้านี้ข้าไม่ทราบว่าท่านอ๋องจะเสด็จมาที่นี่ โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”
“น้องเหยา นี่เจ้า......” หลิวเฟยเยี่ยนเมื่อได้ยินก็ตกใจทันที ไม่คิดว่าเหยาหว่านซินจะเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงพระบิดาในที่สาธารณะ
“โฮ่ โฮ่ ข้าไม่ติดใจเอาความใดหรอก” ท่านอ๋องหลิวยิ้มเล็กน้อย สะบัดแขนเสื้อส่งปราณบริสุทธิ์ออกมา ค่อยๆพยุงเหยาว่านซินขึ้น
“สมกับเป็นบุตรสาวสุดที่รักของว่านเฉียน ตาสว่างไสวดั่งคบเพลิง สะท้อนภูมิปัญญาอันงดงาม เฉียบคมยิ่งกว่าธิดาบ้านข้าเสียอีก”
“ท่านพ่อ......ท่านพูดอะไร?” หลิวเฟยเยี่ยนฟังปุ๊บ ก็ทำหน้ามุ่ยไม่พอใจเล็กน้อย
“โฮ่ โฮ่ ข้าก็พูดตามที่คิดน่ะสิ นับวันป้าเจ้าตามใจเจ้าจนเสียคน” ท่านอ๋องหลิวส่ายหัวและถอนหายใจเบา ๆ
“ท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านคงทราบสถานการณ์แล้ว จากการประลองทั่วๆไปกลายเป็นการล้างแค้น หากสวี่ล่ายผู้นี้เสียชีวิตในวันนี้ด้วยน้ำมือของหลี่เทียนปาห์ ผู้อาวุโสสองของตระกูลหลี่ ข้าเกรงว่าตระกูลสวี่จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น……”
ก่อนที่เหยาว่านซินจะพูดจบ หลิวเฟยเยี่ยนกลอกตา ตอบด้วยสีหน้าหงุดหงิดว่า “หากไม่ปล่อยไปแล้วอย่างไร? หรือว่าตระกูลสวี่นั่นจะกล้ารุกรานพวกเราราชวงศ์?”
“พี่สาวหลิวพูดได้ถูกต้อง ตระกูลสวี่ย่อมไม่กล้ารุกรานราชวงศ์เพราะเหตุนี้ แต่เรื่องนี้แท้จริงมันเกิดจากความประสงค์ของพี่สาว และอาจพัฒนาไปสู่คำเล่าลือที่ไม่สามารถควบคุมได้ ถึงตนนั้นข้าเกรงว่าจะกระทบต่อชื่อเสียงราชวงศ์” เหยาว่านซินยิ้มอ่อน เปิดปากเอ่ยช้าๆ
“ทำไมเจ้าถึงพูดเข้าข้างไอ้ขยะสวี่ล่ายนี่ตลอดเลย อย่าบอกนะว่าเจ้าเห็นว่าไอ้ขยะนั่น ....”
หลิวเฟยเยี่ยนอารมณ์เสีย ลุกขึ้นต้องการตอบโต้
“เฟยเยี่ยน อย่าไร้เหตุผล” ท่านอ๋องหลิวรีบขัดขวางพฤติกรรมไม่เหมาะสมของบุตรสาว
“ท่านพ่อ ......”หลิวเฟยเยี่ยนพยายามแก้ต่าง แต่เห็นท่านอ๋องหลิวจ้องใส่ ก็ได้แต่กลืนคำพูดกลับลงไป
“โฮะ โฮ่ สิ่งที่หลานว่านซินพูดนั้นถูกต้องแล้ว เราผู้เฒ่าจะออกไปไกล่เกลี่ยให้เอง” ท่านอ๋องหลิวยิ้มบาง ค่อยๆลุกขึ้น
เพียงแต่ในขณะนั้น บนสังเวียนเละเทะไปแล้ว หน่วยอารักขาทั้ง 32 คนตั้งขบวนค่ายกลป้องกัน ประกอบกับสวี่ล่ายและเซียะเทียนเข้าร่วม คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานกับหลี่เทียนปาห์ได้จริงๆ
ในความเป็นจริง หลี่เทียนปาห์ยังกังวลว่าลูกชายตัวเองจะได้รับผลกระทบ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่ มิฉะนั้นด้วยพลังรบในขอบเขตรวมวิญญาณขั้น 5 เพียงคนเดียว ก็มากพอแล้วที่จะทำลายหน่วยอารักขาตระกูลสวี่
“หยุด!” ท่านอ๋องหลิวยืนขึ้นและตะโกน
ฮือฮา ....
ทุกสายตาจับจ้องไปบนอัฒจันทร์เหนือ
เวลานี้ หลี่เทียนปาห์ได้ยินเสียง ถอนการโจมตีทันทีและถอยไปสองสามก้าว สวี่ล่ายและคนอื่น ๆ ก็ถอยการป้องกันของพวกเขาและเงยหน้าขึ้นมอง
“ท่านอ๋องหลิว?” หลี่เทียนปาห์ระบุตัวเท่านอ๋องหลิวที่อยู่บนอัฒจันทร์เหนือได้อย่างรวดเร็ว
“เทียนปาห์! รีบวางอาวุธของเจ้าซะ! เจ้าดีแค่ไหนกันถึงรังแกผู้น้อยเช่นนี้” ท่านอ๋องหลิววิจารณ์ว่าที่พ่อตาของบุตรสาวต่อหน้าสาธารณชนอย่างไม่เกรงใจ
“ท่านอ๋องหลิว! ท่านไม่เห็นหรือว่าอวี้ถิงบุตรข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากลูกสุนัขสวี่ล่าย? ตอนนี้อวี้ถิงบุตรข้ากำลังจะตาย แล้วจะไม่ให้ข้าหลี่เทียนปาห์ฆ่าไอ้สารเลวนี่ด้วยมือของข้าเองได้อย่างไร? หากไม่ทำ แล้วขจัดความเคียดแค้นในใจไดยังไง?”
“เทียนปาห์ การประลองนี้แรกเริ่มเดิมทีก็มากจากบุตรชายเจ้า เขาต้องการต่อสู้อย่างยุติธรรมกับสวี่ล่ายภายใต้สายตาของทุกคน แต่บัดนี้พอพ่ายแพ้ย่อยยับเจ้ากลับโทษผู้อื่น เหตุใดไม่ใจเย็นลงหน่อยแล้วพิจารณาตัวเองเสียบ้าง? คนแก่รังแกเด็ก ช่างเป็นความอัปยศต่อตระกูลหลี่ของเจ้าเสียจริง”
“พูดอะไรน่ะของท่านน่ะท่านอ๋อง นี่ท่าน ...” หลี่เทียนปาห์อึ้งทันทีที่ได้ยิน ไม่คาดคิดว่าท่านอ๋องหลิวจะหันศอกออกด้านข้างเช่นนี้
“เมื่อมองถึงผลเสียที่เกิดจากการประลองครั้งนี้ ตระกูลหลิวของข้าขอยุติสัญญาหมั้นหมายที่เคยกำหนดไว้กับตระกูลหลี่อย่างเป็นทางการ!”
ฮือฮา!
“คัก คัก เจ้าได้ยินไหม? ราชวงศ์ตระกูลหลิวยกเลิกการหมั้นกับตระกูลหลี่”
“นี่... มันน่าตกใจมาก”
“นี่คือข่าวใหญ่!”
“ครั้งนี้ตระกูลหลี่สูญเสียร่มเงาของราชวงศ์ ข้าเกรงว่าพวกเขาคงพังทลาย”
“ใช่ ใช่ ใช่ ในอดีตตระกูลหลี่พึ่งพาความสัมพันธ์ทางการสมรสกับราชวงศ์ รุกรานตระกูลน้อยใหญ่ไปไม่น้อย”
“หลังจากนี้คงมีละครดี ๆ ให้รับชมแล้ว”
สวี่ล่ายยืนอยู่บนสังเวียน และได้ยินประกาศของท่านอ๋องหลิวอย่างชัดเจน มุมปากเขายกโค้งขึ้นทันใด “เป็นไปตามคาด แผนสำเร็จแล้ว”
“เหล่าหลิว ท่าน ... ท่านว่ากระไร?” หลี่เทียนปาห์ต่อให้ตายก็ไม่อยากทำใจเชื่อประโยคนี้
“หลี่เทียนปาห์ สิ่งที่เราอ๋องใหญ่พูดยังไม่ชัดเจนอีกหรือ? ตระกูลหลิวของเราขอยกเลิกสัญญาหมั้นหมายระหว่างหลี่อวี้ถิงบุตรชายเจ้ากับองค์หญิงกลิ่นหอม!”ท่านอ๋องหลิวกล่าวอย่างชัดเจนอีกครั้ง
“ท่าน......ท่านทำแบบนี้ได้ยังไง? บุตรชายข้าตอนนี้บาดเจ็บสาหัส ท่านไม่สนใจหน้าตาของราชวงศ์ คิดผิดสัญญาต่อหน้าชาวประชาหรือ?” หลี่เทียนปาห์โกรธมากจนคิ้วตัวเองขมวดติดกัน
“เพราะคํานึงถึงหน้าตาของราชวงศ์เรา ข้าถึงขอประกาศตรงนี้ ชีวิตบุตรชายเจ้าอยู่ในอันตราย แม้รักษาหายก็เกรงว่ายังคงพิการ หรือเจ้าจะให้องค์หญิงแห่งราชวงศ์เราแต่งงานกับคนพิการเช่นนี้?”
“ท่าน……”
คำพูดของท่านอ๋องหลิวเสมือนกริชอาบยาพิษ แทงเข้าไปในหัวใจของหลี่เทียนปาห์
“หลี่เทียนปาห์! บุตรชายเจ้าจัดตั้งสังเวียนประลองกับผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต เรื่องนี้ละเมิดกฏหมายกษัตริย์รัฐต้าหยาน แต่เมื่อพิจารณาถึงคุณูปการที่ตระกูลหลี่มีต่อรัฐต้าหยาน ข้าจะไม่เอาผิด จงเร่งนำหลี่อวี้ถิงไปรักษาโดยเร็ว”
“ท่าน ...... ก็ได้! หลิวว่านห่าว! เราจะได้เห็นดีกัน!” หลี่เทียนปาห์กัดฟัน อุ้มหลี่อวี้ถิงที่กำลังจะตายขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง หันหลังกลับและจากไป
“เฮะ เฮ่ คนทำชั่วรับกรรมตัวเองแท้ๆ” สวี่ล่ายยิ้มเล็กน้อย โบกมือไปรอบๆ สั่งหน่วยอารักขาปลดขบวนค่ายกลป้องกัน
ณ ขณะนี้ พวกสวี่หูต่างปาดเหงื่ออกอจากหน้าผาก ปลดขบวนค่ายกล
“ผู้น้อยสวี่ล่ายขอบพระคุณท่านอ๋องหลิวสำหรับความช่วยเหลือ” สวี่ล่ายหันกลับมา คุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นอย่างรวดเร็ว
“ลุกขึ้นเถอะ บอกตามตรงข้าไม่ได้คาดหวังว่าตระกูลสวี่จะจงใจซ่อนพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของเจ้าไว้เช่นกัน”ท่านอ๋องหลิวยิ้มจาง โบกมือเป็นสัญญาณให้สวี่ล่ายลุกขึ้น
“ความสามารถของผู้น้อยยังอ่อนด้อยนัก ที่แสดงออกมาวันนี้ คงทำให้ท่านอ๋องต้องหัวเราะเยาะแล้ว”สวี่ล่ายรีบพูดอย่างสุภาพ
“ท่านพ่อ สวี่ล่ายคนนี้เพิ่งโชคดี บังเอิญได้กินสมุนไพรเซียนในป่าหมอก เลยเปลี่ยนจากขยะกลายเป็น ....”
หลิวเฟยเยี่ยนไม่พอใจเมื่อเธอได้ยินหลิวว่านห่าวประเมินสวี่ล่ายไว้สูง
“โฮะ โฮ่ ข่าวลือที่ไม่มีมูลเช่นนั้นอย่าเอามาจริงจังนักเลย” หลิวว่านห่าวไม่เชื่อข่าวลือเรื่องสวี่ล่ายกินสมุนไพรเซียนแม้แต่น้อย
“วันนี้ เราอ๋องใหญ่ขอถือโอกาสประกาศเรื่องหนึ่ง ในอีกสามเดือนต่อจากนี้ จะมีการประลองเกณฑ์ทหารแห่งรัฐต้าหยาน เพื่อให้ภารกิจระดมพลลุล่วงได้ดียิ่งขึ้น”
“เราอ๋องใหญ่ขอประกาศ : งานประลองคัดเลือกคู่ครองตระกูลเย่จะถูกเลื่อนออกไปเป็นเวลาสองเดือน และจะจัดขึ้นพร้อมงานประลองเกณฑ์ทหารรัฐต้าหยาน!”
“ว่ายังไงนะ!!”