ตอนที่ 292 1 vs 9
ตอนที่ 292 1 vs 9
3 วันผ่านไป
ในตอนนี้หมดเวลาปรับแต่งยานอวกาศแล้ว ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนจึงไม่สามารถจะทำอะไรกับยานรบได้อีก นอกจากรอการแข่งขันอย่างเป็นทางการได้เริ่มต้นขึ้น
ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนส่วนใหญ่ได้เลือกอะไหล่มาทำการติดตั้งยานรบในมูลค่าเกือบ 50 ล้านสตาร์คอยน์ แต่เซี่ยเฟยได้ใช้เงินในขั้นตอนการปรับแต่งไปเพียงแค่ 41.22 ล้านสตาร์คอยน์เท่านั้น เพราะเขาได้เก็บเงินบางส่วนเอาไว้ใช้ในการแข่งขันรอบสุดท้าย ซึ่งถ้าหากว่ายานรบได้รับความเสียหายเขาจะได้ใช้เงินที่เหลือในการซื้ออะไหล่มาซ่อมแซม
คอนสแตนตินกับหลี่โม่ไม่จำเป็นจะต้องมีส่วนร่วมในการแข่งขันรอบนี้ เพราะคะแนนของพวกเขาอยู่ในกลุ่มผู้นำของการแข่งขัน แต่เซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันในส่วนที่เหลือทั้งหมด เพราะคะแนนของเขายังคงอยู่รั้งท้ายในตารางคะแนน
ช่วงเวลาเช้าเซี่ยเฟยก็รับประทานอาหารก่อนที่จะตรวจสอบยานรบและออกเดินทาง ท้ายที่สุดเขาก็รู้ดีว่าความสำคัญระหว่างเขากับหลี่โม่พัฒนาไปจนถึงขั้นแตกหักแล้ว และหลี่โม่ก็อาจจะหาวิธีการใหม่ ๆ มาทำร้ายเขาได้ทุกเมื่อ
น่าแปลกที่ช่วงเวลานี้หลี่โม่ยังอยู่อย่างเงียบสงบจนน่าประหลาด และถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเดินผ่านเซี่ยเฟยอยู่หลายครั้งแต่เขาก็ไม่เคยพูดจาเสียดสีเซี่ยเฟยออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ขณะเดียวกันบริเวณรอบ ๆ หลี่โม่ก็เต็มไปด้วยบอดี้การ์ดเป็นจำนวนมากทั้ง ๆ ที่ดวงดาวที่พวกเขาอยู่นี้คือดาวในเขตของกลุ่มดาวนครหลวงที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในพันธมิตร ซึ่งการกระทำของหลี่โม่ได้ทำให้เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เนื่องจากเขาสามารถทำให้หลี่โม่คอยระแวงตัวเองอยู่ตลอดเวลาได้สำเร็จ
วันนี้หลี่โม่ไม่มีตารางการแข่งขันเขาจึงไม่ได้เดินทางมายังสนามแข่ง แต่คอนสแตนตินได้เดินทางมาที่นี่อย่างไม่คาดคิดเพื่อมารอชมผลงานคู่แข่งของเขาในอนาคต
เซี่ยเฟยบอกกับคอนสแตนตินว่าเขาสามารถดูการแข่งขันผ่านทางสตาร์เน็ตเวิร์กในห้องของตัวเองก็ได้ แต่ชายหนุ่มบอกว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องของตัวเองเล็กเกินไป ไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากับหน้าจอในเวที
คอนสแตนตินกับเซี่ยเฟยไม่ได้มีความเกลียดชังซึ่งกันและกัน นอกจากนี้คะแนนของคอนสแตนตินยังนำห่างเซี่ยเฟยไปไกล ดังนั้นบรรยากาศระหว่างบทสนทนาของทั้งสองคนจึงผ่อนคลายมากกว่าในช่วงแรก
การแข่งขันในรอบนี้เป็นการแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 10 คน ซึ่งมันก็จะมีผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียวที่สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มเข้าไปแข่งขันในรอบสุดท้ายได้
ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 300 คนเดินไปจับฉลากเพื่อสุ่มกลุ่มของตัวเอง ซึ่งเซี่ยเฟยก็ได้จับฉลากได้หมายเลข 7 แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอะไรเลย
เมื่อถึงเวลาการแข่งขันเซี่ยเฟยก็ขึ้นยานรบของตัวเองพร้อมกับเปิดระบบนำทางอัตโนมัติ เพื่อให้ยานบินขึ้นไปในอวกาศตามตำแหน่งที่ทางการแข่งขันได้กำหนดเอาไว้
การแข่งขันในวันนี้เต็มไปด้วยอันตราย พวกเขาจึงจำเป็นต้องย้ายการแข่งขันขึ้นไปในอวกาศ โดยจุดเริ่มต้นของการแข่งขันยานแต่ละลำจะเว้นระยะห่างจากยานของคู่แข่งคนอื่นอยู่ที่ 1,000 กิโลเมตร
แน่นอนว่าการแข่งขันในรอบนี้ไม่มีมาตรการป้องกันใด ๆ และเมื่อไหร่ที่ยานของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องทิ้งยานรบเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองไว้ แต่อย่างน้อยผู้เข้าแข่งก็ถูกห้ามไม่ให้ทำลายยานกู้ชีพที่ถูกดีดออกมาจากยานรบ
แต่ถ้าหากว่าพลังทำลายของฝ่ายตรงข้ามรุนแรงมากจนเกินไป และบังเอิญจู่โจมทะลุผ่านเครื่องปฏิกรณ์เข้าไปพอดี เจ้าของยานลำนั้นก็จะถือว่าโชคร้ายเสียชีวิตไปโดยไม่สามารถเอาผิดอะไรในการแข่งขันได้ทั้งสิ้น
ทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันได้เซ็นสัญญายอมรับเงื่อนไขเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าการแข่งขันในรอบนี้มันก็อาจจะมีอันตรายถึงชีวิต
เซี่ยเฟยรู้สึกว่าเหตุผลที่การแข่งขันในรอบนี้มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก นั่นก็อาจจะเป็นเพราะพวกเขาคาดหวังที่จะได้เห็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขัน
ธรรมชาติในจิตใจของมนุษย์เต็มไปด้วยความรู้สึกอันชั่วร้าย ซึ่งเรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้จากความนิยมของสังเวียนเลือด
ถึงแม้ภายนอกมนุษย์จะดูเหมือนพัฒนาอารยธรรมจนสูงส่ง แต่ท้ายที่สุดสัญชาตญาณของบรรพบุรุษก็ยังคงถูกสลักเอาไว้ใน DNA ดังนั้นถึงแม้ว่ามนุษย์จะได้พัฒนาอารยธรรมขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม แต่มันก็ทำได้แค่พรางตาความโหดร้ายในนิสัยที่แท้จริงของมนุษย์เอาไว้เท่านั้น
ในที่สุดยานรบทั้ง 10 ลำก็ประจำตำแหน่งและรอคอยให้สัญญาณการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้น
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่หน้าจอแต่ยืนอยู่ตรงช่องหน้าต่างเพื่อสังเกตุการณ์ยานด้านนอกด้วยตาของตัวเอง ซึ่งมันก็โชคดีที่เขาได้ฝึกวิชามนตราอสูร ดังนั้นถึงแม้ว่ายานของอีกฝ่ายจะอยู่ห่างไกลออกไปนับ 1,000 กิโลเมตร แต่เขาก็ยังพอจะมองเห็นยานของคู่ต่อสู้ของเขาอยู่บ้าง
“ดูเหมือนการแข่งขันรอบนี้จะมีช่องโหว่อยู่นะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ช่องโหว่อะไร? มันก็ดูยุติธรรมดีนี่” อันธกล่าว
“มันก็ดูเหมือนจะยุติธรรมนั่นแหละที่ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 10 คนได้ถูกกระจายออกไปคนละทิศคนละทาง แต่ถ้าหากว่าใครบังเอิญเข้าวงล้อมของคู่ต่อสู้ก่อน เขาคนนั้นก็จะต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของทุกคนพร้อมกัน ดังนั้นถ้าหากว่าใครที่ไม่มั่นใจในความปลอดภัย พวกเขาก็ไม่ควรที่จะเริ่มทำการจู่โจมคู่ต่อสู้ก่อน” เซี่ยเฟยกล่าว
“มันก็สมเหตุสมผลแล้วนี่ ไม่ว่าใครจะเคลื่อนไหวไปทางไหนมันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะได้ตกอยู่ในวงล้อมของคู่ต่อสู้อยู่ดี ซึ่งการแข่งขันในรอบนี้นายก็อาจจำเป็นจะต้องพึ่งพาโชคอยู่เล็กน้อย” อันธกล่าว
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้นสัญญาณการแข่งขันในกลุ่มแรกก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ทันทีที่สัญญาณไฟได้ดับลงยานรบหมายเลข 12553 ก็พุ่งเข้ามาใจกลางสนามรบอย่างเร่งรีบ ซึ่งในวินาทีต่อมายานลำนั้นก็ได้ตกเป็นเป้าหมายของผู้เข้าแข่งขันทุกคน
สถานการณ์ในสนามรบตกอยู่ในความตรึงเครียด เนื่องมาจากยานรบรุ่นเดียวกันถึง 10 ลำได้พยายามจู่โจมเข้าหากันอย่างสิ้นหวัง
“นี่มันจะมั่วเกินไปแล้ว! มันไม่สามารถบอกได้ด้วยซ้ำว่าใครกำลังสู้กับใครอยู่กันแน่” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ฉันคิดว่าในระยะใกล้ขนาดนั้นไม่ว่ายานรบจะดีแค่ไหน แต่มันก็ยากที่จะต้านทานการโจมตีที่เข้ามาพร้อม ๆ กันหลาย ๆ ลำได้อยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าว
“พวกเราต้องพยายามอย่าตกเข้าไปอยู่ท่ามกลางวงล้อม เพราะถ้าหากเป็นแบบนั้นไม่ว่าเครื่องขยายพลังชาร์จจะมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน แต่มันก็คงจะไม่สามารถแสดงพลังของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่” อันธพยายามกล่าวเตือนเซี่ยเฟย
—
รอบนี้หลี่โม่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันเขาจึงนั่งรับชมการแข่งขันอย่างสบาย ๆ อยู่บนโซฟา
“นายคิดว่าครั้งนี้เซี่ยเฟยมันจะรู้ตัวหรือเปล่า?” หลี่โม่กล่าวพร้อมกับจิบไวน์เข้าไปเล็กน้อย
“ไม่มีทางครับนายน้อย ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาพวกเราไม่เคยเข้าไปสร้างความบาดหมางกับเขาเลย ผมไม่เชื่อว่าเซี่ยเฟยจะคิดว่าเราจะลงมือในวันนี้ โดยการติดสินบนผู้เข้าแข่งขันทุกคนให้โจมตีเขาก่อน” พ่อบ้านมีหนวดกล่าวพร้อมกับก้มศีรษะลงด้วยความเคารพ
“หึ! ตอนมันไปอยู่กับฮุก นายก็บอกว่ามันจะตาย แต่ดูตอนนี้สิมันยังมาลอยหน้าลอยตาต่อหน้าฉันอยู่เลย” หลี่โม่ร้องคำรามขึ้นมาอย่างเย็นชา
“นายน้อยสถานการณ์ในครั้งนี้แตกต่างจากสังเวียนเลือดมากเลยนะครับ เพราะพวกเราได้ใช้ช่องว่างของกฎในการโจมตี และไม่ว่าใครจะเก่งกาจแค่ไหนแต่เขาก็ไม่สามารถรับมือกับยานที่จู่โจมเข้ามาพร้อม ๆ กันถึง 9 ลำได้”
“ส่วนเหตุผลที่พวกเราพลาดในสังเวียนเลือดมันก็ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเซี่ยเฟย แต่เป็นฮุกที่ประเมินเซี่ยเฟยต่ำเกินไป วันนี้พวกเราได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้ว มันไม่มีทางที่เซี่ยเฟยจะรอดชีวิตไปจากการแข่งขันในครั้งนี้ได้จริง ๆ ครับ” พ่อบ้านพยายามอธิบายสถานการณ์
“ฉันหวังว่ามันจะเป็นไปอย่างที่นายพูดนะ สิ่งที่ฉันต้องการคือผลลัพธ์ฉันไม่ได้สนใจวิธีการ ถ้าคราวนี้นายยังไม่สามารถจัดการเซี่ยเฟยได้ นายก็น่าจะรู้นะว่านายจะต้องเจอกับอะไร” หลี่โม่กล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
คำพูดจากชายหนุ่มทำให้พ่อบ้านมีหนวดขนลุกขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสถานการณ์ที่เขากำลังเป็นอยู่นี้ก็ไม่ต่างไปจากการขี่หลังเสืออยู่เลย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาได้จัดการเรื่องต่าง ๆ ให้หลี่โม่อย่างมากมาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาทำผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียวหลี่โม่ก็พร้อมที่จะกำจัดเขาลงไปได้ทุกเมื่อ
“แล้วถ้าเซี่ยเฟยหนีออกมาทางยานกู้ชีพล่ะ นายจะทำยังไง? ระบบคอมพิวเตอร์ AI ในการแข่งขันไม่สามารถล็อกการโจมตีไปที่ยานกู้ชีพได้ไม่ใช่เหรอ?” หลี่โม่ถาม
“เรื่องนี้นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วงครับ อย่าลืมว่ายานรบทุกลำสามารถติดตั้งอาวุธเพิ่มเติมนอกเหนือจากขีปนาวุธได้ ซึ่งมันก็มีอาวุธบางชนิดสามารถโจมตีได้โดยไม่ต้องใช้คำสั่งคอมพิวเตอร์ ดังนั้นทันทีที่เซี่ยเฟยหนีออกมาทางยานกู้ชีพ…” พ่อบ้านมีหนวดกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“นายกำลังหมายความว่า…” หลี่โม่ตบต้นขาตัวเองอย่างตื่นเต้น
“ตูม! ไงครับนายน้อย”
—
การแข่งขันได้ผ่านไปเร็วกว่าที่เซี่ยเฟยได้คาดการณ์เอาไว้ เพราะท้ายที่สุดการป้องกันของยานเคสเทลก็ไม่ได้ดีนัก และเนื่องจากยานรุ่นนี้โดดเด่นทางด้านการโจมตี มันจึงทำให้การทำลายยานรบของคู่ต่อสู้กลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากขึ้นกว่าเดิม
“ในช่วงเวลาสั้น ๆ มียานรบถูกทำลายไปกี่สิบลำแล้วเนี่ย! ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่ามูลค่าความเสียหายของการแข่งขันในรอบนี้มันจะมีตัวเลขประมาณเท่าไหร่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเบะริมฝีปากออกมาอย่างเสียดาย
“สปอนเซอร์การแข่งขันในรอบนี้คือบริษัทคัลดารี ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทบิ๊กโฟร์เชียวนะ ความเสียหายเพียงแค่นี้ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของพวกเขาร่วงด้วยซ้ำ” อันธกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งแต่เขาก็สามารถทำความเข้าใจได้ว่าสำหรับบริษัทขนาดใหญ่การทิ้งยานรบ 2-3 ลำมันก็ง่ายพอ ๆ กับการทิ้งเศษกระดาษ ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ในการแข่งขันยังเป็นถึง 1 ใน 4 บริษัทบิ๊กโฟร์ที่ขายยานรบไปทั่วทั้งพันธมิตร ซึ่งเผลอ ๆ ยานรบที่พวกเขาทำลายในระหว่างการทดลองอาจจะมีมูลค่ามากกว่ายานรบที่ถูกทำลายในการแข่งขันรอบนี้ด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นไม่นานการแข่งขันในกลุ่มที่ 6 ก็สิ้นสุดลง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งข้อความหาเซี่ยเฟยว่าการแข่งขันในกลุ่มที่ 7 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ขอให้เซี่ยเฟยขับยานรบเข้าไปประจำตำแหน่งได้เลย
เมื่อได้รับคำสั่งเซี่ยเฟยก็เปลี่ยนระบบขับยานจากระบบอัตโนมัติเป็นระบบควบคุมด้วยมือ และถึงแม้ว่าการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์จะแม่นยำ แต่การตอบสนองของระบบคอมพิวเตอร์ก็ยังคงช้ากว่ามนุษย์ที่มีพลังพิเศษสายความเร็วอย่างเขาอยู่
เซี่ยเฟยได้เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเพียงระบบเดียวเท่านั้น แต่ยังคงให้คอมพิวเตอร์ AI คอยควบคุมระบบอื่น ๆ อยู่ ซึ่งมันก็จะทำให้เขามีสมาธิในการขับยานและสามารถตะโกนสั่งการระบบอื่น ๆ ให้ทำตามคำสั่งของเขาได้
ทันใดนั้นมันก็มีเวลานับถอยหลัง 3 นาทีปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ชายหนุ่มจึงได้จับพวงมาลัยเอาไว้แน่นพร้อมกับจับจ้องมองไปยังด้านหน้า
“เปิดระบบขีปนาวุธทั้งหมดพร้อมทำการโจมตีเต็มกำลัง, เปิดระบบเกราะพลังงาน 100%, เปิดใช้งานระบบเสริมพลังชาร์จเต็มกำลังและเปิดระบบเรดาร์เต็มกำลัง ฉันต้องการรู้ว่ามีขีปนาวุธโจมตีมาที่ฉันกี่ลูก, ความเร็วคือเท่าไหร่และใครเป็นคนยิงขีปนาวุธออกมา…”
เซี่ยเฟยออกคำสั่งอย่างใจเย็น แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าคู่ต่อสู้ที่เขาต้องเผชิญหน้าในการแข่งขันรอบนี้ไม่ใช่การต่อสู้แบบสุ่มเหมือนในกลุ่มที่ผ่านมา แต่ผู้เข้าแข่งขันทั้งเก้าได้มุ่งเป้ามาที่เขาเพียงคนเดียว
***************