ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 680 ตักเตือนเบาๆ (ฟรี)
เกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าขึ้นไปทั่วจักรวรรดิสุขาวดี นี้เป็นสิ่งเล็กๆ ที่จักรวรรดิระดับสูงส่งมาเตือนซู่เสี่ยวไป่ และมันได้สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนของจักรวรรดิสุขาวดีอย่างมาก แต่นี้เป็นแค่คำเตือนเท่านั้นพวกเขาจะไม่ส่งกำลังทหารใดเข้ามาทั้งสิ้น
แต่ซู่เสี่ยวไป่ไม่สนใจคำเตือนเหล่านี้ และมองว่าการกระทำนี้ไม่ต่างจากการยั่วมือยั่วเท้ามากกว่า ทำให้เขาเลือกที่จะออกไปสั่งสอนพวกจักรวรรดิระดับสูง
“เฉี่ยวเห้อ เปิดย้อนรอยนิรันดร์สุดขั้วที”
“นายท่านอีกฝ่ายอาจจะอยู่ห่างออกไปเป็นล้านๆ ปีแสง มันยากเกินไปที่นายท่านจะติดตามพวกมันได้”
“ก็ใช้พลังจากอาคม999ชั้นฟ้าที่ข้าสร้างขึ้นเสริมพลัง แล้วระบุตำแหน่งพร้อมกับตบะของพวกมัน เดี๋ยวข้าจะไปเยี่ยมพวกมันถึงบ้านเอง”
ซู่เสี่ยวไป่เป็นคนขี้หวาดระแวง แม้ว่าจะแข็งแกร่งก็ตาม เพราะไม่รู้ว่าปลายทางที่เขาไปนั้นจะเจอเข้ากับจักรวรรดิระดับสูงที่มีจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 อยู่หรือไม่ เขาสร้างม่านอาคม999ชั้นฟ้าขึ้นมาเพื่อปกป้องจักรวรรดิของเขา และเสริมพลังให้กับผู้ที่อยู่ภายในม่านพลังนี้
เฉี่ยวเห้อไม่สามารถขัดขืนซู่เสี่ยวไป่ได้ และเปิดใช้ย้อนรอยนิรันดร์สุดขั้ว ระบุตำแหน่งจักรวรรดิระดับสูงที่ส่งเมฆฝนพายุมายังจักรวรรดิของเขา
ซึ่งอยู่ห่างออกไป 7 ล้านล้านปีแสง และผู้ปกครองจักรวรรดิแห่งนั้นมีนามว่าจักรพรรดิหมิงจู
“หือ…ความรู้สึกเมื่อครู่นี้มัน”
เหมือนว่าจักรพรรดิหมิงจูเอง ก็จะรู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกตรวจจับอยู่
“หาข้าเจอด้วยยังงั้นหรอ….ก็เอาสิไม่มีทางที่แกจะมาโผล่ที่นี่ได้อยู่แล้ว!”
จักรพรรดิหมิงจูเป็นจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 เขามั่นใจว่าซู่เสี่ยวไป่คงไม่สามารถละทิ้งจักรวรรดิที่อยู่ในสภาวะสงครามแล้วเดินทางมาหาเขาได้
แต่เขาคิดผิด วินาทีนั้นเสียงเตือนของอาคมเตือนภัยดังสนั่นไปทั่วจักรวรรดิ
“จิตสังหารที่รุนแรงแบบนี้มัน….อันตราย!!”
จักรพรรดิหมิงจูนั้นลุกขึ้นแล้วถอยหนีออกมาจากจุดเดิมทันที และยืนมองด้วยแววตาที่เบิกกว้าง
ตูม!!!
ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ราวกับเป็นของเทพแห่งการทำลายล้างได้พุ่งเข้าใส่จุดที่เขาอยู่เมื่อครู่ มันเดินทางมาเป็นระยะทางหลายล้านปีแสง พุ่งลงมาจากทางเหนือของวัง และทำลายอาคมและม่านพลังป้องกันทั้งหมดของจักรวรรดิ
“เดี๋ยวๆ นี้มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง!!”
จักรพรรดิหมิงจูตื่นตระหนกไปหมด เขาแทบตั้งตัวไม่ทัน และไม่มีคำเตือนอะไรจากอีกฝ่ายก่อนเลยมีเพียงแค่สัมผัสตรวจสอบกับจิตสังหารที่รุนแรง
การโจมตีเมื่อครู่แม้แต่จักรวรรดิระดับสูงหลายสิบจักรวรรดิรวมพลังกัน ก็ยังสร้างการโจมตีแบบเมื่อครู่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ซู่เสี่ยวไป่ปรากฏตัวพร้อมกับมีดสีดำในมือ ลำแสงที่เขาปล่อยออกมานั้นทำลายเมืองไปครึ่งหนึ่ง และเขาก็เดินเข้าไปในวังพร้อมกับขนสมบัติทั้งหมดออกมา โดยที่ทิ้งคำเตือนเอาไว้
“นี้แค่คำเตือน อย่าได้ยุ่งกับข้าอีก”
เงายักษ์เทพได้พุ่งหายไปในพริบตา และทิ้งให้ทุกคนในวังมองหน้ากันด้วยความมึนงง
เงายักษ์เทพในรูปร่างของซู่เสี่ยวไป่ได้ทิ้งคำเตือนเอาไว้ และสร้างคำถามมากมายขึ้นอีกด้วย
นี้มันจะหยิ่งผยองเกินไปแล้ว ไม่สิยิ่งกว่าหยิ่งผยองเสียอีก!
ใครมันจะกล้าบุกโจมตีจักรวรรดิระดับสูงอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ได้ และบอกว่านี้เป็นแค่การขู่ ไป่หยินผู้นี้มันบ้าอำนาจเกินกว่าที่ใครจะควบคุมได้แล้ว
จักรวรรดิหมิงจูไม่อาจจะทำใจรับได้ แต่เวลานี้ซู่เสี่ยวไป่ได้หอบเอาสมบัติไปทั้งหมดพร้อมกับส่งสมบัติทั้งหมดให้ระบบเผาผลาญทันที
ทำให้ระบบถูกยกระดับขึ้นอีกครั้ง และสร้างความแตกต่างใหม่ขึ้น
จำนวนเงาในพื้นที่ออกล่าสัตว์อสูรในคลิกเดียวมีเพิ่มอีกสิบล้านตัว นั้นก็หมายความว่าซู่เสี่ยวไป่สามารถเพิ่มพลังตัวเองให้เท่ากับจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 ได้อย่างง่ายดายแล้ว
แล้วเมื่อระบบถูกยกระดับความเร็วในการฝึกวิชาก็เร็วขึ้นด้วย ทำให้ตอนนี้วิชาภัยพิบัติของซู่เสี่ยวไป่เริ่มจะบรรลุในขั้นพื้นฐานเยอะขึ้น และยังปิดรอยร้าวของศิลากาลเวลาได้เร็วขึ้นอีก ซึ่งตอนนี้ปิดไปแล้ว 87 จุด อีกไม่นานเขาจะเข้าใกล้กับเขตแดนภัยพิบัติขั้น 9 อย่างแท้จริง
มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะปล้นจักรวรรดิระดับสูงอื่นด้วย และจักรวรรดิเล็กจักรวรรดิน้อยอีก เพื่อมาลับคมให้กับระบบอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาที่สหัสจักรวรรดิเก้าฟ้าไร้อนันล่มสลายลงก็มีหลายจักรวรรดิพยายามที่จะขึ้นมาแทนที่ แต่ก็ถูกซู่เสี่ยวไป่เล่นงานทั้งหมด
และยังมีบางคนที่คิดฉวยโอกาสเข้ามาหาโชคลาภในดินแดนที่ซู่เสี่ยวไป่พึ่งยึดได้มาจากสหัสจักรวรรดิเก้าฟ้าไร้อนัน ทำให้มีแมงเม่าเข้ามาติดกับและถูกสังหารจำนวนมาก
“นี้มันปีศาจจากดินแดนนรกไหนกัน? หากว่าไม่ยอมหรือไม่เห็นด้วยกับเขา จักรวรรดิใดจะอยู่หรือจะพินาศก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของไป่หยินยังงั้นหรอ?”
“อย่าเสี่ยงเลยมอบสมบัติให้ไป่หยินไปเถอะ รักษาชีวิตเอาไว้ก่อน ข้าไม่อยากจะปะทะกับเขา”
“ท่าทางของผู้กลับชาติมาเกิดคนนี้ดุร้ายเกินไป อย่าเสี่ยงไปยั่วยุเขาจะดีกว่า”
หลายจักรวรรดิระดับสูงเริ่มพูดคุยปรึกษากันเพื่อหาทางออก เพราะเมื่อพวกเขาอยู่ต่อหน้าซู่เสี่ยวไป่แล้วพวกเขาเองก็ไม่ต่างจากมดแมลงที่จะฆ่าทิ้งเมื่อไรก็ได้ แล้วจักรวรรดิที่ไม่มีจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 ปกครองอยู่อย่างพวกเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายที่ชื่อไป่หยินแม้แต่วินาทีเดียว
ซู่เสี่ยวไป่เริ่มยึดครองและทำลายจักรวรรดิระดับสูงทั้งห้าที่เปิดศึกกับเขา ทั้งราชวงศ์หวู่เหลี่ยง ลัทธิสวรรค์ สหัสจักรวรรดิเก้าฟ้าไร้อนัน สหประชาไท่คูซวน และรวบดินแดนมาเป็นของเขา
ซู่เสี่ยวไป่ได้อาศัยจังหวะนี้เก็บเกี่ยวสมบัติจากจักรวรรดิทั้งห้าด้วย ทำให้สามารถเพิ่มระดับระบบได้อีก
ทำให้ตอนนี้ขอบเขตพลังของซู่เสี่ยวไป่เทียบกับกับจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเงามากอีกแล้ว หากว่าเขาดูดกลืนเงาทั้งหมดก็พอจะไปถึงครึ่งก้าวสู่เขตแดนภัยพิบัติขั้น 10
อย่างไรก็ตามพลังที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจที่สุด แต่คือความสามารถใหม่ที่ได้รับ
“-เผยความสามารถใหม่ พื้นที่กลืนกินในคลิกเดียว-”
“-พื้นที่กลืนกินในคลิกเดียว หลังจากที่เจ้านายสังหารศัตรูได้แล้ว เจ้านายเลือกได้ว่าจะดูดซับร่างของศัตรูเข้าไปหรือไม่ หากดูดซับมาจะได้รับวิชาที่ศัตรูคนนั้นมีทั้งหมด-”
เหตุผลที่ซู่เสี่ยวไป่สนใจก็คือเขาสามารถได้รับวิชาภัยพิบัติได้เลยหากดูดซับศพจ้าวภัยพิบัติมา
ด้วยความสามารถใหม่นี้ จะช่วยทำให้ซู่เสี่ยวไป่ได้รับวิชาภัยพิบัติได้โดยตรง และไม่ต้องฝึก
พื้นที่กลืนกินในคลิกเดียวนั้นถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อจ้าวภัยพิบัติและผู้ฝึกตนทุกคน เพราะทุกครั้งที่จ้าวภัยพิบัติตายลงวิชาระดับสูงจะถูกทำลายไปพร้อมกับเขาด้วยซึ่งยากมากที่จะได้รับวิชาจากศพของจ้าวภัยพิบัติ
แล้วพื้นที่กลืนกินในคลิกเดียวนั้นทำงานร่วมกับพื้นที่ออกล่าสัตว์อสูรในคลิกเดียวได้ดีมาก
เมื่อเงาเยอะขึ้น โอกาสเจอจ้าวภัยพิบัติก็เยอะขึ้น เพิ่มโอกาสดูดกลืนวิชามากขึ้นด้วย
วิชาระดับภัยพิบัตินั้นหาได้ยากมากหากไม่อยู่ในคลังสมบัติก็แทบจะหาไม่ได้เลย
แต่เพราะด้วยความสามารถใหม่นี้การเก็บรวบรวมวิชาจะเร็วขึ้นหลายเท่า และยิ่งปิดรอยร้าวบนศิลากาลเวลาได้เร็วขึ้น ในไม่ช้าศิลากาลเวลาจะสมบูรณ์
“ตอนนี้เขตแดนภัยพิบัติขั้น 9 เราก็บรรลุได้แล้วไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้”
ซู่เสี่ยวไป่ยังตกใจอยู่เลยด้วยซ้ำถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดหลังจากได้ความสามารถใหม่มา นั้นเพราะเกิดจากเงาที่กลืนกินร่างของจ้าวภัยพิบัติไปจำนวนมาก จนได้รับวิชาภัยพิบัติอย่างไม่ขาดสาย และเพิ่มขอบเขตพลังของเขาอย่างต่อเนื่อง
แต่ยังไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ของซู่เสี่ยวไป่ พวกจักรวรรดิระดับสูงเองก็ยังไม่รู้ เอาแต่คิดว่าจะเล่นงานซู่เสี่ยวไป่ตอนไหนดี
“งั้นก็ดีในเมือทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว เมื่อถึงเวลาเพิ่มระดับระบบอีกครั้ง คาดว่าครั้งต่อไปจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 คงอยู่แค่เอื้อม”
ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกตื่นเต้นมาก กับสิ่งนี้เขาเฝ้ารอวันที่จะกลายเป็นจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 มานานแล้ว และครั้งนี้ใช้เวลาหลายปีกว่าจะยกระดับเขตแดนได้ จนกระทั้งเขาเริ่มปล้นจักรวรรดิระดับสูงเขาถึงสามารถเพิ่มความเร็วในการเติบโตได้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน กระแสมิติและกาลเวลาขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลจากมหาจักรวรรดิผิงเจียง
ก่อนที่จะมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาพร้อมกับทำลายทั้งมหาจักรวรรดิผิงเจียงต่อหน้าต่อตาเงาของซู่เสี่ยวไป่
“ครั้งนี้แหละ ข้าจะไม่ปล่อยให้แกหนีได้อีกแล้ว และจะลากคอแก..มาขึ้นแท่นประหารให้ได้!”
จักรวพรรดิหวู่ดาที่ออกตามล่าซู่เสี่ยวไป่ พร้อมกับความเคียดแค้นที่มีอยู่เต็มอก ก่อนที่เขาจะทำลายร่างเงาของซู่เสี่ยวไป่ที่อยู่ตรงนั้นทิ้งทันที