ตอนที่ 291 ข่าวจากทูราม
ตอนที่ 291 ข่าวจากทูราม
ทันทีที่ทูรามบอกว่ามีเรื่องจะพูดเซี่ยเฟยก็นึกถึงเรื่องของเซียวรั่วหยูขึ้นมาในทันที
“ขอโทษด้วย แม้แผนกสืบสวนลับจะพยายามเร่งสืบสวนเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่พบร่องรอยอะไรเพิ่มเติมเลย” ทูรามกล่าวพร้อมกับยิ้มขึ้นมาอย่างเขินอาย
“ตอนที่ยานของคนพวกนั้นขับออกไปผมเห็นว่ายานของพวกเขาใช้ระบบล่องหน ถ้าผมจำไม่ผิดพันธมิตรได้ควบคุมอุปกรณ์ทางยุทธศาสตร์อย่างระบบล่องหนอย่างเข้มงวด บางทีถ้าเราเริ่มสืบจากบริษัทที่ผลิตระบบล่องหน พวกเราก็อาจจะได้รับเบาะแสอะไรบางอย่างก็ได้นะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวให้คำแนะนำเพิ่มเติมหลังจากรู้สึกผิดหวังกับคำตอบที่ทูรามได้ให้เขากลับมา
“สมาพันธ์จัสทิสของพวกเราไม่ใช่กรมทหาร ดังนั้นพวกเราจึงไม่มีสิทธิ์ตรวจสอบข้อมูลภายในของบริษัทต่าง ๆ ในพันธมิตร ถึงยังไงข้อมูลของลูกค้าก็ถือว่าเป็นความลับและบริษัทพวกนั้นก็ไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลออกมาง่าย ๆ” ทูรามกล่าว
“แล้วทำไมพวกเราไม่ส่งเรื่องนี้ให้กับกรมทหารเหรอครับ? พวกเขาจะได้เข้ามาช่วยพวกเราทำการสืบสวนด้วย” เซี่ยเฟยกล่าว
“นี่นายกำลังล้อเล่นอยู่หรือยังไง? พวกเราคือสมาพันธ์จัสทิสเชียวนะ! พวกเราคือองค์กรนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตร! พวกเราคือองค์กรที่มีกองยานอยู่ภายใต้การควบคุมถึง 157 กองยาน และพวกเรายังเป็นองค์กรที่มีสมาชิกที่มีความสามารถอยู่เป็นจำนวนหลายล้านคน”
“หากวัดกันในเรื่องของอิทธิพลสมาพันธ์จัสทิสก็มีอิทธิพลไม่น้อยหน้าไปกว่าทางกองทัพเลย ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะต้องไปร้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพ” ทูรามกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
เซี่ยเฟยเม้มริมฝีปากอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ท้ายที่สุดเขาก็รู้ดีว่าองค์กรขนาดใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่ถือว่าเป็นเรื่องภายในและพวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหลออกไปยังโลกภายนอก
“นอกจากเรื่องนั้นแล้วระบบล่องหนก็ไม่ใช่ระบบที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดอีกต่อไป เพราะเมื่อไม่นานมานี้ทางกองทัพได้พบกับโรงงานเล็ก ๆ หลาย ๆ แห่งที่ผลิตระบบล่องหนออกมาขาย ดังนั้นการพยายามตามร่องรอยจากเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างที่นายคิด” ทูรามกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ข้อมูลใหม่เรื่องนี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะเขาไม่เคยคิดว่ามันจะมีการลักลอบผลิตระบบล่องหนขายในตลาดมืดอยู่จริง ๆ ซึ่งเขาก็เริ่มมีความคิดที่จะซื้อระบบล่องหนมาติดตั้งให้แวมไพร์ด้วย เพราะท้ายที่สุดถ้าหากแวมไพร์สามารถล่องหนได้มันก็จะช่วยให้เขามีกลยุทธ์ในการจัดการกับศัตรูได้มากขึ้น
“ว่าแต่คุณตามาหาผมเพราะเรื่องอะไรเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้ตั้งใจมาหานายโดยตรงหรอก ฉันแค่มีธุระแถวนี้ก็เลยแวะมาหาเฉย ๆ แต่ฉันก็มีเรื่องที่ต้องการจะบอกนายอยู่ 2 เรื่องนะ”
“เรื่องแรกคือฉันได้ยินมาว่าในการแข่งขันดัดแปลงยานรอบสุดท้ายจะมีตัวแทนจากกองทัพมารับชมการแข่งขันด้วย ฉันไม่รู้ว่าคนที่เดินทางมารับชมการแข่งขันนั้นเป็นใคร แต่ฉันก็เดาว่าเขาน่าจะเป็น 1 ใน 3 จอมพลของกรมทหาร ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นายจะได้โชว์ศักยภาพของอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จให้กับทางกองทัพได้ดู”
“ถึงแม้ว่าอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จจะได้รับความนิยมในพันธมิตร แต่ตลาดในพันธมิตรกับตลาดของกองทัพก็เป็น 2 เรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ท้ายที่สุดเจ้าของยานในพันธมิตรก็ติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ จากยี่ห้อที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับยานของกองทัพแล้วพวกเขาก็จะใช้อุปกรณ์ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งที่พวกเขาพิจารณามาอย่างดีเท่านั้น” ทูรามกล่าว
“ขอบคุณที่เอาข่าวเรื่องนี้มาบอกกับผมครับ ตราบใดก็ตามที่ผมเข้าสู่รอบนั้นได้ผมจะพยายามแสดงประสิทธิภาพของเครื่องเสริมพลังชาร์จออกมาอย่างเต็มที่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“สิ่งสำคัญคือนายจะต้องเตรียมใจเอาไว้ นายรู้ไหมว่าทำไมการเป็นคู่ค้ากับทางกองทัพถึงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก” ทูรามกล่าวถามลองเชิง
“อาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการสินค้าที่มีตำหนิเลยแม้แต่น้อย” เซี่ยเฟยตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจมากนัก
“ปกตินายก็เป็นคนฉลาดดีนี่ ทำไมเรื่องแค่นี้นายถึงคิดไม่ออก” ทูรามกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ จากนั้นเขาก็อธิบายต่อไปว่า
“นายลองหาข้อมูลคู่ค้าของกองทัพในปีที่ผ่าน ๆ มาดูสิ นายจะรู้ว่ามีบริษัทภายนอกที่เป็นคู่ค้าของกองทัพเพียงแค่ไม่กี่บริษัทเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ทางกองทัพจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาผลิตขึ้นมาเอง เนื่องมาจากพวกเขาไม่ค่อยไว้วางใจในคุณภาพของสินค้าที่ผลิตมาจากบริษัทอื่น”
“ด้วยเหตุนี้บริษัทที่เป็นคู่ค้าของทางกองทัพได้จึงมีเพียงแต่บริษัทขนาดใหญ่ อย่างเช่น บริษัทบิ๊กโฟร์ที่คอยผลิตยานอวกาศส่งไปขายทั่วทั้งพันธมิตร แต่นายเคยสงสัยไหมว่าทำไม 4 บริษัทนี้ถึงไม่กลายเป็น 1 ใน 10 บริษัทอันดับแรกในพันธมิตรสักที นั่นก็เพราะงบประจำปีของพวกเขาแสดงผลกำไรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น”
“เหตุผลที่งบเป็นแบบนั้นนั่นก็เพราะพวกเขาได้รับคำสั่งซื้อจากทางกองทัพในปริมาณมหาศาล และข้อมูลในการทำธุรกรรมกับทางกองทัพก็จำเป็นจะต้องถูกปกปิดเอาไว้ ด้วยเหตุนี้บริษัทบิ๊กโฟร์จึงต้องเก็บข้อมูลการค้าที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเอาไว้เป็นความลับ ไม่อย่างนั้นด้วยผลกำไรที่พวกเขาได้รับมันก็คงจะทำให้พวกเขาติดอันดับ 1 ใน 10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในพันธมิตรไปตั้งนานแล้ว”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ตอนแรกผมคิดอย่างมักง่ายมากเกินไปว่าเพียงแค่มีสินค้าที่ดีก็เพียงพอที่จะทำให้บริษัทของเราได้รับคำสั่งซื้อแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถึงแม้ว่าทางกองทัพจะสั่งซื้ออุปกรณ์เสริมพลังชาร์จจากบริษัทของนายจริง ๆ แต่พวกเขาก็จะต้องกำหนดเงื่อนไขบางอย่างที่จะทำให้นายรู้สึกอึดอัดมาอย่างแน่นอน เช่น การขอสิทธิ์ในการซื้อเป็นอันดับแรก หรือการขอแบ่งชำระเงินเป็นงวด ๆ ฉันจึงบอกให้นายได้เตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเมื่อถึงตอนที่นายต้องเจรจาจริง ๆ นายจะได้มีสติในระหว่างการเจรจาอย่างเต็มที่” ทูรามกล่าว
“แล้วเรื่องที่ 2 ล่ะครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เรื่องที่ 2 ถือว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก เพราะฉันได้คุยกับลั่วซาแล้วเขาอยากจะรับนายเข้าสู่แผนกสืบสวนลับ โดยให้นายมีหน้าที่คอยสืบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของผู้สมัครในการประเมิน ซึ่งการที่นายได้เข้าร่วมกับแผนกกลางของสมาพันธ์มันก็จะช่วยให้นายได้รับโอกาสมากยิ่งขึ้น” ทูรามกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลย ทำไมจู่ ๆ ผู้อำนวยการลั่วซาถึงต้องการให้ผมย้ายไปที่แผนกสืบสวนลับล่ะครับ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เหตุผลในเรื่องนี้เข้าใจง่ายมาก อย่างแรกคือนายเป็นคนพบคนที่อยู่กับเซียวรั่วหยูทำให้นายเป็นพยานปากสำคัญในเรื่องนี้ และลั่วซาก็คิดว่ามันเป็นประโยชน์สำหรับการสืบสวน ส่วนเหตุผลประการที่2 ถึงแม้ระดับความสามารถของนายจะอยู่ห่างไกลจากการเข้าร่วมกับแผนกกลาง แต่นายก็มีศักยภาพในการพัฒนาที่ไม่เลว นอกจากนี้นายยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉินหมางหรือจะอธิบายง่าย ๆ ก็คือลั่วซาต้องการจะเอาใจฉินหมางนั่นแหละ” ทูรามกล่าว
“นายยังไม่ต้องรีบให้คำตอบฉันตอนนี้ก็ได้ ฉันรู้ว่านายไม่ชอบให้ใครมาคอยควบคุม แต่ครั้งนี้มันก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนายจริง ๆ ฉันจะแอบบอกนายหน่อยหนึ่งก็ได้ว่าจริง ๆ แล้วฉินหมางต้องการจะผลักดันนายเข้าสู่สมาพันธ์ แต่เนื่องมาจากว่านายยังเด็กเขาจึงยังไม่เคลื่อนไหวอะไร แต่ฉันขอบอกได้เลยว่าด้วยความสามารถของฉินหมาง เขาก็จะสามารถผลักดันนายให้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้อย่างรวดเร็ว”
“ผมขอบอกตรง ๆ นะครับว่าผมไม่สนใจที่จะเข้าไปในสมาพันธ์เลย สิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดในเวลานี้คือการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง ดังสุภาษิตโบราณที่เคยกล่าวเอาไว้ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทูรามไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับคำตอบของเซี่ยเฟยมากนัก จากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่ชายชราจะแยกออกไปทำธุระของตัวเอง
เมื่อแอวริลเห็นทูรามเดินออกไปแล้วเธอก็เดินมายืนเคียงข้างเซี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเกี่ยวแขนของชายหนุ่มเอาไว้ด้วยท่าทางอันออดอ้อน
“นายกำลังคิดอะไรอยู่?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่คิดว่าฉันจะได้รับข่าวเรื่องเสี่ยวหยูเพิ่มเติม มันเลยทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย” เซี่ยเฟยกล่าว
“แล้วทำไมนายถึงปฏิเสธล่ะ? สิ่งที่นายต้องการมาตลอดคือการช่วยน้องเสี่ยวหยูกลับมาไม่ใช่เหรอ?” แอวริลถาม
“ใช่ แต่ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ฉันไม่สามารถทำคนเดียวได้ ฉันจึงต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะถ้าหากคนนับพันยังไม่เพียงพอที่จะตามหาเธอ ฉันก็จะพยายามหาเงินให้ได้มาก ๆ แล้วจ้างคนเป็นล้านเพื่อตามหาเธอให้ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน
“สมมติว่าคนที่หายตัวไปไม่ใช่น้องเสี่ยวหยูแต่เป็นฉัน นายจะทำแบบเดียวกันหรือเปล่า?” แอวริลซบหัวลงบนแขนของเซี่ยเฟยพร้อมกับกล่าวถามขึ้นมาเบา ๆ
“ไม่” เซี่ยเฟยตอบกลับมาอย่างเฉยเมย
คำตอบนี้ทำให้แอวริลรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย แต่คำพูดต่อมาของชายหนุ่มก็ทำให้เธอยิ้มหน้าบานไปตลอดทั้งวัน
“ถ้าเธอหายไปฉันจะเป็นคนออกตามหาเธอด้วยตัวเอง และถึงแม้ว่าฉันจะต้องพลิกจักรวาลแต่ฉันก็จะต้องตามหาเธอให้เจอให้ได้”
***************