บทที่ 20
บทที่ 20
“สวี่ล่าย! เจ้ากำลังมองหาความตาย!” หลี่อวี้ถิงโกรธจัด กระบี่ยาวถูกชักออกจากฝัก ทอแสงเย็นวาบ ปราณบริสุทธิ์อัดฉีดเข้าไปในกระบี่และกลายเป็นแสงสีทอง
“กระบี่แสงทอง!”
“ฮึ่ม! เมฆาเปิดหมอก!” สวี่ล่ายก็ไม่ยอมอ่อนข้อ แค่นเสียงเย็น ชักกระบี่ที่สะพายหลังและแทงไปข้างหน้า
ติ๊ง!
ปลายดาบชี้ไปที่แสงสีทอง บังเกิดระลอกคลื่นเป็นชั้นๆ เหมือนหินเวลาโยนลงน้ําในทะเลสาบ ตามมาด้วยระลอกคลื่นที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
บรึ้ม~!
คลื่นอัดอากาศระเบิดออก กระบี่แสงทองของหลี่อวี้ถิงสลายไปทันทีตั้งแต่แรกเห็น
“นายน้อยแก่กล้า!”
“นายน้อยแก่กล้า!”
หน่วยอารักขาทั้ง 32 คนตะโกนพร้อมกัน เป็นกำลังใจให้สวี่ล่าย
มุมปากของหลี่อวี้ถิงโค้งเล็กน้อย ราวกับข้ารู้อยู่แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เขาเปลี่ยนกระบวนท่าโดยไม่ตื่นตระหนก
“ฮึ่ม! จงเบิ่งตาดูกระบวนท่าก้นหีบของข้า : กระบี่หยกทองคำไล่ประชิด!”
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
ในพริบตา กระบี่ยาวในมือหลี่อวี้ถิงพลันเต็มไปด้วยอักขระยันต์ กระบี่ยาวแบ่งออกเป็นสอง สองเป็นสี่ สี่เป็นแปด เปลี่ยนเป็นรัศมีกระบี่แปดสายที่มีสีสันแตกต่างกัน
“หืม? นี่คือ......?” สวี่ล่ายผงะเล็กน้อย ไม่ได้คาดหวังว่าหลี่อวี้ถิงจะมีลูกเล่นแบบนี้อีก
“สวี่ล่าย! ไปลงนรกซะ!” หลี่อวี้ถิงตะโกนเสียงดัง กระบี่ยาวในมือเหวี่ยงไปข้างหน้าอย่างแรง รัศมีกระดาบทั้งแปดสายที่อยู่ข้างหน้าเขาหายไปต่อหน้าทันทีและเกือบจะชั่วพริบตาก็ปรากฏตัวต่อหน้าสวี่ล่ายในระยะไม่ถึงหนึ่งอิงฉื่อ
“ไม่ได้การ!” สวี่ล่ายรู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ลอบร้อง ‘ท่าไม่ดี’ มือซ้ายผลักกระบี่ไปข้างหน้า ระเบิดปราณบริสุทธิ์ออกมาอย่างเร่งรีบ ขณะเดียวกันสองเท้าถีบพื้นดิน ดันตัวถอยห่างอย่างรวดเร็ว
ป้าง! ป้าง! ป้าง!
ทันทีที่กระบี่ยาวสัมผัสกับรัศมีกระบี่ มันราวกับพบเครื่องบดเนื้อ ถูกบดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
จากนั้น รัศมีกระบี่ทั้งแปดสายยังคงไม่ลดทอนอำนาจลง แบ่งขึ้นลงซ้ายขวาสี่ทิศทางไล่ล่าสวี่ล่าย
สวี่ล่ายใช้มืออีกข้างลูบแหวนเบาๆ เรียกดาบกระหายเลือดออกมาแล้วฟันไปข้างหน้าด้วยกำลังทั้งหมดที่มี “กระบี่ทระนงสังหารท่อนที่เจ็ด!”
พรึบ พรึบ พรึบ!
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
สวี่ล่ายต้านรับรัศมีกระบี่ที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม รัศมีกระบี่เพียงกระดอนหมุนลอยในอากาศพักเดียว ก็บินวนกลับมาโจมตีใหม่
“เป็น ...... เป็นไปไม่ได้!” สวี่ล่ายตกใจจนหน้าซีด ถีบตัวถอยร่นครั้งแล้วครั้งเล่า ดาบกระหายเลือดในมือขวาตวัดอย่างรวดเร็ว ขับไล่รัศมีกระบี่ออกไปอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม รัศมีกระบี่ทั้งแปดสายเหมือนมีชีวิต พวกมันบินขึ้นและลงล้อมรอบสวี่ล่าย ตราบใดที่สวี่ล่ายประมาทเลินเล่อเพียงเล็กน้อย ย่อมถูกรัศมีกระบี่ทั้งแปดฟาดฟันและทิ่มแทงร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! สวี่ล่าย! คราวนี้เจ้าตายแน่! กระบวนท่ากระบี่หยกทองคำไล่ประชิดของข้าไม่ใช่แค่ปราณกระบี่ธรรมดา แต่มันเกิดจากพลังของอาวุธระดับสมบัติด้วยเช่นกัน ตราบใดที่ปราณบริสุทธิ์ของข้าไม่เหือดแห้ง รัศมีกระบี่ทั้งแปดนี้จะไล่ตามเจ้าอย่างไม่ลดละ! ไล่ล่าจนกว่าเจาจะสิ้นชีพไม่ก็ข้าหมดแรง!”
หลี่อวี้ถิงถือกระบี่ประจำกายไว้ในมือและค่อยๆชี้ไปในระยะไกล คอยออกคำสั่งให้รัศมีกระบี่ทั้งแปดว่ายวนในอากาศ ไล่สังหารสวี่ล่ายอย่างเมามัน
“นายน้อย!?”
“นายน้อย!?”
หน่วยอารักขาทั้ง 32 คนใต้สังเวียนร้องเสียงดัง อย่างไรก็ตาม สังเวียนได้รับการคุ้มกันโดยค่ายกลขนาดใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่จะรีบไปเข้าไปช่วยเหลือ
“ดู ดู ดู! ข้าพูดไม่ผิดเลยใช่ไหม สวี่ล่ายผู้นั้นเป็นเพียงขยะไร้ค่า!”
“ใช่ ใช่ ใช่! การประลองครั้งนี้ไม่มีค่าอะไรต้องเสียเวลาดู”
“ช่างน่าสงสารนัก! ที่คนๆหนึ่งต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย”
รอบสังเวียน ผู้ชมทุกคนได้กำหนดวันตายของสวี่ล่ายแล้วว่าต้องเป็นวันนี้
“คิกคิก เป็นไงน้องเหยา ข้าพูดไม่ผิดเลยใช่ไหม สวี่ล่ายผู้นี้รู้แค่วิธีเล่นปาหี่เท่านั้น ตอนนี้ต่อให้เขาก้มหน้ายอมรับความผิดของตัวเอง ก็เกรงว่าจะสายเกินไป หลี่อวี้ถิงจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่นอน”
หลิวเฟยเยี่ยนระเบิดเสียงหัวเราะ เขย่าแขนเหยาว่านซินที่อยู่ข้างๆ
“การประลองเพิ่งเริ่มต้น ข้าว่ายังไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะ” เหยาว่านซินพูดช้าๆ ไม่เร่งรีบ
“อะไรนะ? น้องเหยายังคิดว่าเจ้าขยะสวี่ล่ายผู้นี้มีโอกาสชนะอีกหรือ?”หลิวเฟยเยี่ยนเลิกคิ้ว ลึกๆเกิดความไม่พอใจอยู่บ้าง
“คิกคิก เช่นนั้นพี่สาวสนใจเดิมพันกับข้าไหม?” ดวงตาของเหยาหว่านซินเป็นประกาย มีแผนในใจ
“โอ้ ข้าสงสัยว่าน้องเหยาคิดเดิมพันสิ่งใด?” แม้ลึกๆหลิวเฟยเยี่ยนจะไม่พอใจแต่ปากก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาล่วงเกิน
“เอาแบบนี้ หากครั้งนี้สวี่ล่ายบังเอิญชนะ เช่นนั้นพี่หลิวยินดีให้ข้ายืมปรมาจารย์โม่สักสองสามวันจะได้หรือไม่?”
“เจ้าหมายถึงโม่ฉงหวู่? ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลเจ็ดดาวคนนั้นน่ะหรือ” หลิวเฟยเยี่ยนผงะไปครู่หนึ่ง
“ถูกต้อง” เหยาว่านซินพยักหน้า
“แล้ว ...... ถ้าสวี่ล่ายแพ้ล่ะ?”
“ถ้าสวี่ล่ายแพ้ น้องเหยายินดีมอบโอสถคงความเยาว์วัยแก่พี่หลิว” เหยาว่านซินกล่าว ก่อนหยิบกล่องไม้จันทร์ออกมาจากอ้อมแขน
“เจ้าพูดว่าอะไร!?โอสถคงความเยาว์วัย?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของหลิวเฟยเยี่ยนสว่างไสวในคราเดียว
โอสถคงความเยาว์วัย ว่ากันว่าหลังจากรับประทานแล้วหลอมรวมมันในกาย ผู้กินจะสามารถชะลอความชรา รักษาความงามและรูปลักษณ์ อีกทั้งยังให้ผลมหัศจรรย์อีกนับไม่ถ้วน
นี่คือความฝันที่เป็นจริงสำหรับสตรีทุกคนในโลก!
อย่างไรก็ตาม สมุนไพรวิญญาณที่จำเป็นในการกลั่นโอสถคงความเยาว์วัยแต่ละอย่างนั้นมีค่ามากเกินไป ด้วยเหตุนี้ โอสถคงความเยาว์วัยจึงมีค่ามากและหายากในท้องตลาด
หลิวเฟยเยี่ยนอดใจไม่ไหว คว้ากล่องไม้จันทร์ในมือเหยาว่านซิน
แคร่ก!
กล่องไม้จันทร์ถูกเปิดออก กลิ่นหอมแปลกๆโชยออกมาจางๆ
“นี่......นี่น่ะหรือโอสถคงความเยาว์วัย?”
ดวงตาของหลิวเฟยเยี่ยนเบิกกว้าง มองเม็ดโอสถสีขาวราวหิมะขนาดเท่าหนึ่งนิ้วหัวแม่มือในกล่องไม้
“พี่สาวหลิวสามารถตรวจสอบดูได้” เหยาว่านซินพลิกฝ่ามือ แสดงท่าทีว่าหลิวเฟยเยี่ยนสามารถทดสอบได้ด้วยตัวเองว่าเป็นของจริงหรือไม่
อึก ...
“เช่นนั้นข้าขอลอง”
หลิวเฟยเยี่ยนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ใช้นิ้วมือบีบเบาๆ ที่โอสถคงความเยาว์วัย และยกสองนิ้วนั้นขึ้นมาอังใต้จมูกเพื่อสูดกลิ่น ตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง
เห็นท่าทางประหม่าของหลิวเฟยเยี่ยน เหยาว่านซินแอบยิ้ม พึมพำในใจ ‘ดูท่าจะเป็นจริง โอสถคงความเยาว์วัย อาจกล่าวได้ว่าเป็นสมบัติที่ไม่มีสตรีใดสามารถต้านทาน’
ฮู้!
ไม่นานนัก หลิวเฟยเยี่ยนก็เสร็จสิ้นการทดสอบ เธอถอนหายใจยาว ค่อยๆ วางโอสถคงความเยาว์วัยอย่างอ่อนโยน แล้วปิดฝาครอบกล่อง
“น้องเหยา เจ้ายินดีเดิมพันโอสถคงความเยาว์วัยในกล่องนี้กับข้าจริงๆ?” หลิวเฟยเยี่ยนยังไม่กล้าเชื่อ
“คิกคิก ก็แค่โอสถคงความเยาว์วัยเม็ดเล็กๆ ตราบใดที่พี่หลิวชอบ ข้าก็ยินดี” เหยาว่านซินยิ้มจาง พยักหน้ายืนยันชัดเจน
“อืม เอาล่ะ ในเมื่อน้องเหยาตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นพี่สาวก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ข้ายินดีเดิมพันกับเจ้า”หลิวเฟยเยี่ยนลอบมีความสุขในใจ
สถานการณ์ในสังเวียนตอนนี้ สวี่ล่ายจะพ่ายแพ้เมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
“มารอดูกัน” เหยาว่านซินพยักหน้ารับทราบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นหลิวเฟยเยี่ยนถือกล่องไม้จันทร์และไม่มีทีท่าว่ายื่นคืน เธอก็ยิ้มบางและจงใจไม่เอ่ยขอใดๆ
ณ ขณะนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงเหนือสังเวียน
ป้าง! ป้าง! ป้าง!
สวี่ล่ายล่าถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดาบกระหายเลือดเหวี่ยงไม่หยุดมือจนเห็นแค่ประกายแสงสะท้อน
“สวี่ล่าย! อย่าดิ้นรนโดยไม่จำเป็น จงรีบยอมตายอย่างว่าง่าย” มุมปากของหลี่อวี้ถิงโค้งเล็กน้อย เขายังคงยืนอยู่ในระยะไกล ถ่ายเทปราณบริสุทธิ์ในตัวเข้าไปในกระบี่อย่างสุดกำลัง
“นี่เจ้าเห็นว่าข้าโง่? แค่บอกให้รอรับความตายก็ต้องยอมหรือ? พูดไปพูดมา คนที่สามารถฆ่าข้าสี่ล่ายได้ เกรงว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เกิด!”
สวี่ล่ายกัดฟันแน่น ถีบร่างถอยอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เขากำลังถูกบังคับให้ถอยไปยังมุมสังเวียน ซึ่งหากถอยไปมากกว่านี้จะไม่มีทางถอยอีก
“ฮ่า ๆ สวี่ล่ายใกล้จะตายอยู่แล้วยังมาทำปากดี!” หลี่อวี้ถิงมีความสุขมากเมื่อได้เห็นแบบนั้น สวี่ล่ายถูกบังคับให้เข้าสู่ทางตันด้วยฝีมือเขา เมื่อเจอจังหวะเหมาะเมื่อไหร่ก็จะโจมตีร้ายแรงถึงตายใส่มัน!
“อ๊ะ ไม่ได้การ!” สวี่ล่ายหันกลับมา ก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ในทางตันแล้ว
“สวี่ล่าย! เป็นเจ้าเองที่ร้องขอ ย่า——!”
หลี่อวี้ถิงตะโกนเสียงดัง ปราณบริสุทธิ์ทั้งหมดในร่างกายเขาถูกฉีดเข้าไปในกระบี่ยาว
หึ่ง หึ่ง!
รัศมีกระบี่ทั้งแปดส่องสว่างขึ้นในทันใด พวกมันตั้งแถวเรียงรายอยู่ในอากาศ เตรียมทิ่มแทงลงพร้อมกันได้ทุกเมื่อ
“นายน้อย!”
“นายน้อย!”
หน่วยอารักขาทั้ง 32 คนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน คนแล้วคนเล่าโยนธงในมือทิ้ง ชักอาวุธออกมาต้องการเข้าไปช่วยเหลือ
“อะไร!? ตระกูลสวี่ของพวกเจ้าไร้ระเบียบเช่นนี้หรือ”
เสียงเพิ่งแผ่วลง ร่างจำนวนหนึ่งพุ่งออกมาและหยุดพวกสวี่หู
“ไปให้พ้นทางข้า! มิฉะนั้นอย่าตำหนิว่าข้าสวี่หูหยาบคาย” ในเวลานี้ สวี่หูและคนอื่นๆดวงตาแดงก่ำ ปราณบริสุทธิ์ทั้งหมดในร่างกายถูกปล่อยออกมาเพื่อเตรียมลงมือสุดกำลัง เปิดทางไปข้างหน้า
ณ ตอนนี้ หลี่อวี้ถิงได้เปิดตัวการโจมตีปิดท้ายแล้ว
“สวี่ล่าย! ไปลงนรกซะ——!”
“ข้าไม่ไป!” จู่ๆ ปากของสวี่ล่ายก็ม้วนงอ เผยให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มจนบรรยายไม่ถูก
ณ ขณะนี้ หลี่อวี้ถิงไม่สนใจรอยยิ้มแปลกๆของสวี่ล่ายอีกต่อไป รัศมีกระบี่ทั้งแปดทิ่มลงจากฟ้าพร้อมกันด้วยพลังทั้งหมดที่มี ว่องไวปานสายฟ้าฟาด!
อย่างไรก็ตาม
หึ่ง หึ่ง~!
ดาบกระหายเลือดในมือสวี่ล่ายส่องแสงจ้าขยายยาวขึ้นเป็นสามอิงฉื่อ ตลอดทั้งดาบล้อมรอบไปด้วยอักขระยันต์สีแดง
“สะบั้นกระหายเลือด——!”
หวืออออ~!
อาชาโลหิตที่ยาวกว่าสิบอิงฉื่อถูกเหวี่ยงออกไป เผชิญหน้ากับรัศมีกระบี่แปดสายที่ทิ่มลงมา
บรึ้ม~!
รัศมีกระบี่เพียงสัมผัสกับอาชาโลหิต มันก็ถูกผ่าเป็นสองท่อนทันที และกลายเป็นไอแสงวิญญาณ กระจัดกระจาย สลายคืนสู่สวรรค์และปฐพี
“ไม่...เป็นไปไม่ได้?!” หลี่อวี้ถิงตะโกนเสียงหลง ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ย่า——!
บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม!
รัศมีกระบี่ที่เหลืออีกเจ็ดสายแตกสลายไปทีละสาย ชั่วพริบตาเดียวก็หายไปทั้งหมด
“นี่...นี่มัน...?”
“เป็นไปได้ด้วยหรือ!?”
“ได้ยังไงกัน!?”
ณ เวลานี้ ไม่ว่าจะเหนืออัฒจันทร์หรือผู้ชมที่อยู่ด้านล่างสังเวียน ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ
“นายน้อย...เขาไม่เป็นไร!”
“นายน้อยแก่กล้า!”
“นายน้อยแก่กล้า!”
หน่วยอารักขาทั้ง 32 คนน้ำตาแห่งความตื้นตันนองหน้า ตะโกนสุดเสียง ในใจของพวกเขา สวี่ล่ายในวันนี้คือเจ้านายที่จะนำพวกเขาไปสู่แสงสว่างอย่างแท้จริง
“เป็นไปได้ยังไง?” หลิวเฟยเยี่ยนเบิกตากว้าง ลุกพรวดยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลา ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าสวี่ล่ายผู้นี้จะมาถึงขั้นนี้แล้ว” เหยาหว่านซินที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็แอบประหลาดใจมากไม่แพ้กัน
“เฮะ เฮ่ เมื่อกี้ข้าจงใจแสร้งทำเป็นให้เจ้าต้อนจนมุมหรอก มีแต่ต้องทำแบบนั้นข้าถึงจะมีโอกาสโจมตีทำลายรัศมีกระบี่ทั้งแปดของเจ้าในคราเดียว ช่างน่าเสียดาย ที่ฐานบำเพ็ญเพียรของเจ้ายังน้อยไป เลยไม่สามารถสำแดงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้”
สวี่ล่ายเปล่งเสียงเบาๆ ดาบกระหายเลือดในมือสลายหาย กลายเป็นดาบขึ้นสนิทธรรมดาอีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้ ข้า ... ข้าคือนักสู้ในขอบเขตรวมวิญญาณ แล้วจะไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้อย่างไร?” หลี่อวี้ถิงได้รับผลกระทบอย่างหนักทั้งตัวและหัวใจ ไม่สามารถเชื่อความจริงที่สวี่ล่ายพูดได้เลย
“เหอ เหอ หลี่อวี้ถิง ข้าว่าที่ฐานบำเพ็ญเพียรของเจ้าทะยานขึ้นมาได้ คงเพราะใช้ลูกเล่นตุกติกอะไรบางอย่างบังคับมันมากกว่า หากเจ้าให้เวลาตัวเองอีกอย่างน้อยหนึ่งปีเพื่อรวบรวมปราณบริสุทธิ์ในการตัดผ่านขอบเขต ก็เกรงว่าจะไม่มีเรื่องเช่นวันนี้เกิดขึ้น แต่เจ้ามันยโสเกินไป รีบร้อนตัดผ่านขอบเขตเพื่อมาประลองกับข้า สุดท้ายลงเอยพ่ายแพ้แบบนี้ ...”
“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ! ข้าเป็นอัจฉริยะ! อัจฉริยะหลี่อวี้ถิง! แล้วจะพ่ายแพ้ขยะเช่นเจ้าได้อย่างไร!” จู่ๆ หลี่อวี้ถิงก็เริ่มคลั่ง บังคับเค้นปราณบริสุทธิ์ที่เหลืออยู่ในร่างกายไม่มากนักออกมา
“สวี่ล่าย! หากข้าต้องตาย เจ้าก็จงตายไปพร้อมกับข้า!!”