ตอนที่แล้วบทที่ 18
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20

บทที่ 19


บทที่ 19

“ดูนั่นเร็ว นายน้อยขยะของตระกูลสวี่ มาจริงๆ แถวยังเปิดตัวซะอลังการเชียว”

ฝูงชนใต้อัฒจันทร์อยู่ในความโกลาหล ทุกสายตาจับจ้องไปยังกลุ่มคนที่ค่อยๆ มาจากที่ไกลๆ

เห็นแค่เพียงไม่ไกล สมาชิกตระกูลสวี่ล้วนอยู่ในชุดคลุมสีเขียว ควบขี่ม้าขาว แต่ละคนถือธงขนาดใหญ่พาดไว้บนไหล่ พวกมันถูกลมพัดส่งเสียง ‘พรึบ พรึบ’

บนธงใหญ่ถูกปักด้วยสัตว์หลากสีสัน มีมังกรฟ้า พยัคฆ์ขาว หงส์แดง และเต่าดำอยู่แถวหน้า แถวกลางเป็นสัตว์สิบสองนักษัตร แถวช่วงหลังเป็นสัตว์อะไรก็ไม่รู้ ไม่มีใครในเมืองดูออก แต่หากเป็นคนในโลกของสวี่ล่าย จะรู้ได้ทันทีว่าพวกมันคือมิกกี้เม้าส์ โดนัลด์ดั๊ก และปิกาจู ....

จะยังไงก็ช่าง สรุปสั้นๆว่าการเปิดตัวนี้ดูโอ่อ่าเปี่ยมบารมีสุดๆ!

หน้าสุดของขบวน สวี่ล่ายสวมเสื้อคลุมสีคราม สะพายกระบี่ยาวบนแผ่นหลัง ขี่ม้าขาวสง่างาม รายล้อมไปด้วยคนคุ้มกันทั้ง 32 เคลื่อนตัวมาอย่างช้าๆ

“นี่... สวี่ล่ายผู้นี้ต้องการทําอะไรกันแน่?”

“แต่ว่าก็ว่าเถอะ พวกเจ้ารู้สึกไหม นั่นช่าง ... อลังการและน่าเกรงขามนัก”

“ใช่ ใช่”

ฝูงชนใต้อัฒจันทร์กระซิบกระซาบกัน

“คิกคิก ขบวนยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้ ดูเหมือนสวี่ล่ายผู้นี้กำลังต้องการสื่อว่าเขามาเพื่อชนะจริงๆ” เหยาว่านซินยิ้ม เธอไม่คาดคิดว่าสวี่ล่ายจะมาเข้าร่วมการประลองด้วยขบวนยิ่งใหญ่เช่นนี้

“ฮึ ก็แค่ตัวตลก ยังคิดทำตัวยิ่งใหญ่ ข้าจะรอดูว่าเขาจะทำตัวทระนงไปได้ถึงเมื่อไหร่”หลิวเฟยเยี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ เบิกตาด้วยความโกรธ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง

ณ ขณะนี้ ขบวนกำลังเข้าใกล้ลานประลอง เหล่ารุ่นเยาว์ตระกูลสวี่ราวกับตาบอดไม่เห็นหัวผู้ใด เดินขบวนบีบให้ฝูงชนทั้งสองฝั่งหลีกทาง ผ่านไปอย่างพร้อมเพรียง

“ไง นี่เกือบจะเที่ยงพอดี ดูเหมือนข้าสวี่ล่ายจะมาทัน”สวี่ล่ายจงใจเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า จากนั้นเขาก็ทักทายทุกคนในอัฒจรรย์ฝั่งเหนือ

“สวี่ล่าย! ขยะเช่นเจ้าไม่สมควรให้ผู้คนต้องมาตั้งใจรอเช่นนี้ ทั้งการมาเยือนยังแสร้งทำเป็นอวดโอ้อีก ไหนเจ้าลองว่ามา เจ้าสมควรได้รับโทษอย่างไร?”

ฝั่งอัฒจันทร์ทิศเหนือจู่ ๆ คนๆหนึ่งก็ยืนขึ้น ชี้ไปทางสวี่ล่าย ตะโกนด้วยความโกรธ

“หือ? ถ้าข้าสวี่ล่ายจำไม่ผิด เจ้าสมควรเป็นเย่สือตง อาวุโสสี่ของตระกูลเย่กระมัง?” สวี่ล่ายเงยหน้า มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย ตอบโต้ด้วยน้ำเสียงไม่ช้าไม่เร็วเกินไป

“ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลเย่ เจ้าไม่เพียงไม่รักษาความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลสวี่และตระกูลเย่ แต่ยังพยายามเกลี้ยกล่อมให้ประมุขเย่ทำลายสัญญาแต่งงานกับตระกูลสวี่ การกลับคําและผิดความน่าเชื่อถือเช่นนี้ก็ยังกล้าทําได้ ไม่กลัวโดนผู้คนดูถูกเอาหรือ?”

“นายน้อยแก่กล้า!”

“นายน้อยแก่กล้า!”

หน่วยอารักขาทั้ง 32 คนตะโกนโห่ร้องพร้อมเพรียงกัน

“เจ้า ...... เจ้า ......” เย่สือตงโกรธมากจนเคราสั่น ผุดยืนขึ้นและชี้ไปที่สวี่ล่าย แต่ก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้น เอ่ยคำ ‘เจ้าๆๆๆ’ อยู่ครึ่งค่อนวัน คาดว่าคงลืมบทไปแล้วว่าต้องเอ่ยประโยคหลังว่าอย่างไร

“ฮึ! จะเสียเวลากับเจ้าขยะนี่ไปทำไม” ในขณะนั้นอง จู่ๆหลี่เฟิงก็ยืนขึ้นเสนอหน้า

“อย่าเอ่ยคำ ‘ขยะ’ ให้มากนักเลย วันนั้นในหอจูเซียน เจ้าถูกข้าตีฝ่ามือเดียวตกจากชั้นสอง เช่นนั้นเจ้าไม่ยิ่งกว่าขยะหรอกหรือ? เฮ้อ! ถ้าวันนั้นไม่ใช่ข้าคุณชายจงใจถอนพลังคืน 7 ส่วน เกรงว่าตอนนี้เจ้าคงยังนอนซมอยู่ที่บ้าน”

สวี่ล่ายยิ้มมุมปาก ไม่แม้แต่จะมองมาที่เขา

“นายน้อยแก่กล้า!”

“นายน้อยแก่กล้า!”

“เจ้า ... ขอขอสู้ตายกับเจ้า ...!” หลี่เฟิงโกรธจนไฟลุก ชักกระบี่ทำท่าทีต้องการสู้สุดชีวิต

“ถอยไป!”

ถึงขั้นนี้ หลิวเฟยเยี่ยนไม่สามารถทนดูได้จริงๆ ลุกขึ้นมาตวาด หลี่เฟิงก็ถอยกลับทันที

“เฮะ เฮ่ ที่แท้ก็มีดีแค่นี้”  ริมฝีปากสวี่ล่ายม้วนงอ

“เมื่อเจ้าไม่คิดจะสู้อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอวดโอ้ คิดว่าตีฝีปากกับเขาก็แก้สถานได้หรือ?” หลิวเฟยเยี่ยมด่าไฟลุกจนแทบลืมหายใจ ก่อนหันกลับมามองสวี่ล่ายอย่างไม่ใส่ใจ

“สวี่ล่าย! เจ้ายังกล้ามาอีก?”

“ทำไมข้าจจะไม่กล้า” สวี่ล่ายไม่โกรธ เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เกรงกลัว

“ฮึ อย่าลืมว่านี่คือการดวลชี้เป็นชี้ตาย เดิมหากเจ้าขี้ขลาดไม่กล้ามา บางทีอาจจะรักษาชีวิตน้อยๆเอาไว้ได้ แต่บัดนี้คิดเล่นบทวีรบุรุษ? เช่นนั้นก็โทษใครไม่ได้แล้ว ...”

“ช้าก่อน ช้าก่อน!” สวี่ล่ายยกมือขึ้น รีบขัดจังหวะการพูดพล่ามของหลิวเฟยเยี่ยม “ที่ต้องดวลชี้เป็นชี้ตายกันนี่ พวกเรามีความบาดหมางกันขนาดนั้นเลยหรือ?”

“คิก คิก ทำไม? หรือเจ้ากลัว?” หลิวเฟยเยี่ยนได้ยินแบบนี้ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะจนตัวสั่น

“กลัว? ข้าสวี่ล่ายเคยกลัวตั้งแต่เมื่อไหร่? เช่นนั้นเรามาเดิมพันกันดีไหม?”

“เดิมพัน? เดิมพันสิ่งใด?”  หลิวเฟยเยี่ยนผงะเล็กน้อย

“มันง่ายมาก ในเมื่อเจ้าบอกว่าถ้าข้าแพ้ ข้าต้องสูญเสียคุณสมบัติเข้าประลองของตระกูลเย่ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าข้าแพ้ ข้าต้องยกเลิกการแต่งงานกับตระกูลเย่โดยสมัครใจนั่นถูกต้องหรือไม่?”

“ถูกตัอง!”

“ดี งั้นในทางตรงกันข้าม ถ้าข้าจะชนะ เช่นนั้นหลี่อวี้ถิงก็สมควรยกเลิกงานหมั้นหมายกับเจ้าองค์หญิงเช่นกัน!”

“เจ้าพูดว่าอะไร!?”

“นี่เจ้ากล้า!?”

เสียงของสวี่ล่ายแผ่วลง โทสะของหลี่อวี้ถิงและหลิวเฟยเยี่ยนก็ปะทุในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่แค่นั้น แม้แต่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ยังตกใจ

“นี่ไง นี่ไง! ข้าบอกแล้วว่านายน้อยเราชอบพอกับหลิวเฟยเยี่ยน” สวี่เปากะพริบตาให้สวี่หู เอ่ยกระซิบกระซาบ

“นายน้อยมีบุคลิกเหนือคนจริงๆ ชอบพอสตรีนางไหนก็กล้าลงมือแย่งชิง หล่อสุดๆ!” สวี่เปียวยังคงเติมเชื้อไฟ

“ชู่ว์! พวกเจ้าอยากตายหรือ?” สวี่หู่เบิกตา สวี่เปียว เปา เหมือนถูกน้ำสาดทันที

จากนั้น สวี่หูก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย บ่นพึมพำในปาก “หรือว่า ... หรือว่านายน้อยจะแอบชอบหลิวเฟยเยี่ยนผู้นี้จริงๆ?”

โชคดีที่ในเวลานี้สวี่ล่ายไม่ได้สนใจคนทั้งสาม ไม่งั้นเขานี่แหละจะเป็นคนแรกที่เข้าไปบีบคอพวกเขาจนตาย!

ในใจของสวี่ล่าย เขาทำเช่นนั้นเพื่อต้องการให้ตระกูลหลี่ ตัดขาดจากราชวงศ์ต้าหยานโดยสิ้นเชิง เมื่อตระกูลหลี่สูญเสียรัศมีของราชวงศ์ พวกเขาจะกลายเป็นเสือไร้เขี้ยว ไม่เพียงพอให้หวาดกลัวอีกต่อไป

บทสนทนาทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นกับดักที่สวี่ล่ายขุดไว้นานแล้ว ทีละขั้น ทีละตอนให้หลิวเฟยเยี่ยนกระโดดเข้ามา

“เจ้า......ช่างกล้า!” หลิวเฟยเยี่ยนโกรธมากจนร่างกายของเธอสั่น และคงไม่มีทางนึกถึงเลยว่าตัวเองกำลังเดินเข้ามาในบ่วงกับดักของสวี่ล่าย

“ว่าไง? หรือเจ้ากังวลว่าคู่หมั้นเจ้า หลี่อวี้ถิงจะพ่ายแพ้ข้า?” มุมปากสวี่ล่ายโค้งงอเล็กน้อย

“อย่างเจ้าน่ะหรือจะเอาชนะข้าได้!?” หลี่อวี้ถิงก้าวมาข้างหน้า จ้องมองสวี่ล่าย อย่างชั่วร้าย

“โอ้ ในเมื่อเจ้าพูดแบบนั้น แล้วเจ้ากล้าเดิมพันหรือไม่?” สวี่ล่ายกางมืออย่างไม่แยแส

“คัก คัก คัก ดี! สวี่ล่าย เจ้าช่างมีความกล้าจริงๆ!” ในขณะนี้ หลิวเฟยเยี่ยนจู่ๆ ก็หัวเราะแทนที่จะโกรธ อย่างไรก็ตาม หลังจากหัวเราะ ความโกรธของเธอก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

“อย่ารีบหลุดหัวเราะสิ เดี๋ยวทุกคนก็รู้เรื่องที่เจ้าแอบมาหาข้าที่บ้านเมื่อคืนนี้หรอก” สวี่ล่ายจงใจขยิบตาให้หลิวเฟยเยี่ยน

“เจ้า... เมื่อคืนเจ้าไปทำอะไร?” ปอดของหลี่อวี้ถิงกำลังจะระเบิด ดึงหลิวเฟยเยี่ยนขึ้นมาถามเสียงดัง

“เจ้าคิดว่าเราองค์หญิงกลิ่นหอมจะทำอะไรไม่ดีงั้นหรือ!?”

“เอาล่ะๆ ข้าไม่มีเวลาฟังหมากัดกัน นี่ก็ได้เวลาแล้ว พวกเจ้ากล้าเดิมพันหรือไม่?” สวี่ล่ายรีบขัดจังหวะหลี่อวี้ถิงกับหลิวเฟยเยี่ยนที่โต้เถียงกัน

“ได้! งั้นข้าตกลงเดิมพัน!” หลิวเฟยเยี่ยนขบฟันนสีเงินของเธอ ตอบเสียงดัง

“เจ้าว่าอะไร นี่เจ้า......” หลี่อวี้ถิงกำลังจะปฏิเสธ แต่ถูกหลิวเฟยเยี่ยน ขัดจังหวะ

“ถ้าเจ้ายังชนะไอ้ขยะนี่ไม่ได้ ก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นคนของข้าหลิวเฟยเยี่ยน!” หลิวเฟยเยี่ยนตะคอกอย่างเย็นชา ทิ้งคำพูดสุดท้าย แล้วหันหลังกลับไปนั่งที่เดิม

“ให้ตายเถอะ ......” หลี่อวี้ถิงยืนกัดฟันอย่างเกลียดชัง

ในอดีต ตระกูลหลิวเป็นเพียงตระกูลขนาดเล็กค่อนไปกลาง แต่ไม่กี่ปีก่อน หลังจากประมุขนักสู้เลี่ยวหงหวู่ขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็บังเอิญไปตกหลุมรักป้าของหลิวเฟยเยี่ยน

ถึงคราวนี้ ตระกูลหลิวจึงกระโดดข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชวงศ์ต้าหยาน

ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากทางตระกูลหลี่เคยสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลหลิวมาก่อนแล้ว เลยได้ไหลตามกระแสน้ำไปด้วย

แต่ความจริงมันโหดร้าย ตระกูลหลิวได้กลายเป็นราชวงศ์ ในขณะที่ตระกูลหลี่ยังคงเป็นเพียงตระกูลขนาดเล็กขั้นสาม ความสมดุลระหว่างทั้งสองฝ่ายเสียไปในทันที และหลิวเฟยเยี่ยนต้องการหาข้ออ้างเพื่อทำลายการแต่งงานครั้งนี้มานานแล้ว

และตอนนี้ การเดิมพันของสวี่ล่ายคือโอกาส ......

“เฮะ เฮะ เจ้าได้ยินไหม? ทั้งสองฝ่ายยึดถือสัญญาหมั้นหมายเป็นเดิมพัน”

“ยอดเยี่ยม มาวันนี้ไม่เสียเที่ยวจริงๆ”

“นั่นสิๆ ช้าเห็นด้วย”

“อนิจจา ดูจะมีความคึกคักให้รับชมแล้ว”

ฝูงชนกระซิบกระซาบ แลกเปลี่ยนคำพูดกัน อย่างไรก็ตาม เกือบทั้งหมดไม่ได้มองสวี่ล่าย นายน้อยขยะในแง่ดี

“เอาล่ะ” สวี่ล่ายตบอานม้า ร่างเขาลอยขึ้นไปในอากาศ หลังจากนั้นไม่นาน เท้าของเขาก็ค่อยๆ หยั่งลงบนหลังม้า แล้วยืมมันเป็นตัวรับแรงส่ง กระโจนขึ้นไปบนสังเวียน

“นายน้อยแก่กล้า!”

“นายน้อยแก่กล้า!”

“นายน้อยแก่กล้า!”

ถึงตอนนี้ทุกคนค่อยตระหนักได้ ว่าคนกลุ่มใหญ่ที่สวี่ล่ายนำมา มิใช่คนคุ้มกัน หากแต่เป็นกองเชียร์

หวือ!

เงาร่างมนุษย์กะพริบไหว  หลี่อวี้ถิงก็กระโดดเข้าไปในสังเวียนเช่นกัน ขณะนี้ทั้งสองอยู่ห่างกันสามอิงฉื่อ ยืนหันหน้าเข้าหากัน

หึ่ง หึ่ง!

แสงกระพริบไหว ค่ายกลป้องกันเปิดทำงาน ปกคลุมร่างทั้งสองไว้ข้างใน

“สวี่ล่าย ครั้งก่อนในหอจูเซียน หากไม่ใช่เพราะคุณหนูเหยาเข้าแทรกแซง  ข้าว่าเจ้าคงตายภายใต้กระบี่ข้าตั้งแต่วันนั้นแล้ว”

“แต่พอเจ้ารอดมาได้ แทนที่จะกลับไปทบทวนตัวเอง กลับป่าวประกาศไปทั่ว ใส่ร้ายข้าหลี่อวี้ถิงว่าพ่ายแพ้ต่อเจ้า! วันนี้! ข้าหลี่อวี้ถิงไม่เพียงมาเพื่อเปิดโปงคำโป้ปดของเจ้า แต่ยังตั้งใจจะมอบบทเรียนที่แสนสาหัสแก่เจ้าด้วย!”

“อย่าได้เอาแผ่นทองมาแปะปิดสนิมบนหน้าตัวเอง เจ้าคิดว่าในวันนั้นคนอื่นๆไม่รู้หรือว่าผู้ใดอ่อนแอ ผู้ใดแข็งแกร่ง?” สวี่ล่ายกลอกตา ในใจก็รำพึงว่า ‘ทำไมคนสมัยนี้หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงอีก?’

“สวี่ล่าย! วันนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้อีกแล้ว! ย่า!”

หลี่อวี้ถิงเพิ่งพูดจบ ปราณบริสุทธิ์ในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด

บรึ้ม~!

คลื่นอัดอากาศระเบิดออก สวี่ล่ายต้านไม่ไหวต้องใช้ ปราณบริสุทธิ์ของเขาเพื่อต่อต้าน

“หือ? ขอบเขตรวมวิญญาณ?” สวี่ล่ายรู้สึกประหลาดใจมาก ไม่ได้คาดหวังว่าหลี่อวี้ถิงจะตัดผ่านขอบเขตในช่วงไม่กี่วัน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้ากลัวใช่ไหม? ข้าขอบอกเจ้า นี่คือความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับขยะ!” หลี่อวี้ถิงหัวเราะเสียงดังออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ฮึ่ม! เช่นนั้นหากข้าอยู่ในขอบเขตรวมวิญญาณเช่นกันเล่า? นั่นหมายความว่าข้าก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกันใช่หรือไม่!” ปราณบริสุทธิ์ภายในตัวสวี่ล่ายเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน พุ่งเป็นศรเส้นแสง

หวืออออ~!

เพี๊ยะ~!

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป ก่อนที่หลี่อวี้ถิงจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แก้มเขาก็ถูกสวี่ล่ายตบเข้าอย่างแรง

“อา...! เจ้า......”หลี่อวี้ถิงถูกตบอย่างแรงจนต้องยกมือขึ้นปิดแก้มและถอยห่างออกมาหลายก้าว

“อะไรนะ ไม่เชื่อหรือ? งั้นเอาอีกรอบ!” สวี่ล่ายยิ้มบาง ยื่นมือขวา ทำท่าทางว่าจะตบ

“สวี่ล่าย ข้าจะฆ่าเจ้า! --กระบี่แสงทอง!”

“ฮึ่ม! เมฆาเปิดหมอก”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด