ตอนที่ 287 สวนเอเดน
ตอนที่ 287 สวนเอเดน
ปัจจุบันฮุกตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าสังเวช โดยเขาคนนี้ถูกจับมัดมือมัดเท้าโยนไว้กลางห้องโถง และมีใครบางคนใช้เข็มเย็บจมูกอันใหญ่โตของเขาจนทำให้เขาหายใจไม่ออกแล้วจำเป็นจะต้องหายใจทางปากแทนทางจมูก
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้สร้างบาดแผลให้กับทั้งสองฝ่ายอย่างรุนแรง เพราะทางลูกน้องของฮุกได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและมีอุปกรณ์ต่อสู้อย่างครบครัน ขณะที่นักสู้ที่หลุดออกมาจากสังเวียนเลือดต่างก็ล้วนแล้วแต่มีอาการบาดเจ็บและไม่ได้รับประทานอาหารอย่างดี ซึ่งมันก็มีนักสู้หลาย ๆ คนที่มีอาการขาดสารอาหาร
แต่ถึงกระนั้นโมเมนตัมของการต่อสู้ก็เทไปทางนักสู้ที่หลุดออกมาจากสังเวียนเลือดมากกว่าลูกน้องของฮุก เพราะท้ายที่สุดฝ่ายหนึ่งก็ต่อสู้เพื่ออิสรภาพแต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ต่อสู้เพื่อเงิน มันจึงทำให้ในช่วงเวลาวิกฤตไม่มีใครคิดจะแลกชีวิตเพื่อเงินอันน้อยนิด ลูกน้องส่วนใหญ่ของฮุกจึงเลือกที่จะหนีไปทำให้การต่อสู้ไม่ได้รุนแรงอย่างที่ควรจะเป็น
“คุณไม่ได้คิดจะให้เขากับผมใช่ไหม? ความจริงแล้วผมไม่ได้สนใจอะไรเขาหรอก พวกคุณต่างหากที่ถูกเขาทรมานมานานหลายปี ดังนั้นพวกคุณควรมีสิทธิ์ที่จะจัดการกับเขามากกว่าผม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ฮุกที่มีจมูกช้ำและใบหน้าบวมจนแทบจะจำเค้าโครงเดิมเกือบไม่ได้
“ได้! ในเมื่อนายพูดแบบนั้น พี่น้องพวกเรามาทำทุกอย่างแบบที่พวกเราต้องการกันเถอะ!” บุชเชอร์กล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์โดยรวมแล้วบุชเชอร์ก็น่าจะเป็นผู้นำของนักสู้กลุ่มนี้
“ฉันรอวันนี้มานานแล้ว”
“รอก่อนเถอะไอ้แก่! ฉันจะให้แกได้ชดใช้สิ่งที่เคยทำกับพวกเราไว้”
เหล่านักสู้ตะโกนออกมาเสียงดังก่อนที่จะยกร่างของฮุกออกไปจากห้อง หลังจากนี้งานปาร์ตี้เลือดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และพวกเขาก็ต้องการที่จะระบายความโกรธในใจออกมาใส่คนที่จับพวกเขามาทรมาน
ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้เหลือเพียงแต่เซี่ยเฟย, เฉินตงและบุชเชอร์เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้อง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะ ผมแนะนำว่าพี่ชายควรติดต่อครอบครัวของคุณโดยเร็วที่สุด เพราะหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นมาหลายปีครอบครัวของคุณก็คงจะเป็นห่วงคุณมาก” เซี่ยเฟยกล่าว
“เดี๋ยวเรื่องนั้นค่อยจัดการทีหลัง ตอนนี้นายตามฉันมานี่ก่อน” บุชเชอร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินออกมาจากห้องโถงหน้าตรงไปยังสวนหลังบ้าน ซึ่งเป็นส่วนที่มีภูเขา, ลำธารและสระน้ำใสอยู่อย่างครบครัน
“ด้านล่างคือที่ที่ฮุกได้ซ่อนของสำคัญของตัวเองเอาไว้ ถึงแม้ของส่วนใหญ่จะถูกนักสู้คนอื่น ๆ ปล้นชิงไปแล้ว แต่มันก็ยังเหลือของอื่น ๆ อยู่อีกพอสมควร ไม่ว่ายังไงพวกเราก็หลุดรอดออกมาได้เพราะแผนการของนาย พี่น้องทุกคนจึงตกลงที่จะตอบแทนนายอย่างเต็มที่เท่าที่พวกเราจะพอทำได้” บุชเชอร์กล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังสระน้ำใสที่อยู่ตรงหน้า
“ผมไม่คิดจะปฏิเสธเงินอยู่แล้ว พวกเราลงไปดูด้วยกันเถอะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นทั้งสามก็กระโดดลงไปในสระน้ำก่อนที่จะได้เห็นประตูเล็ก ๆ ถูกซ่อนอยู่ใต้สระน้ำประมาณ 7-8 เมตร ซึ่งหลังจากที่พวกเขาได้ว่ายน้ำผ่านประตูเข้าไป พวกเขาก็ได้พบว่าเส้นทางนี้คือเส้นทางลับนำไปสู่ห้องลับที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้
เมื่อเซี่ยเฟยขึ้นมาจากน้ำอีกครั้งเขาก็ได้พบกับรูปปั้นทองคำที่มีขนาดความสูงมากกว่า 10 เมตร โดยทั่วทั้งร่างของรูปปั้นทองคำนี้ถูกฝังด้วยอัญมณีหลากหลายชนิด แต่อัญมณีบนรูปปั้นถูกแกะออกไปจนเกือบหมดแล้ว มันจึงเหลือเพียงแค่หลุมที่ว่างเปล่าประดับอยู่ทั่วทั้งตัวรูปปั้นเท่านั้น
“ตอนที่ด้านนอกกำลังวุ่นวายลูกน้องของฮุกก็ได้เข้ามาขโมยของในนี้ไปจนหมดแล้ว โชคดีที่พวกเราพบห้องนี้ได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่หลงเหลืออะไรให้กับพวกเราเลย” บุชเชอร์กล่าว
“นี่อาจจะเป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงที่สุดของฮุกที่คิดว่าลูกน้องทุกคนเชื่อฟังคำสั่งเขา แต่ในความเป็นจริงฮุกได้ปกครองลูกน้องด้วยความหวาดกลัว และเมื่อเขาไม่มีกำลังมากพอที่จะสร้างความหวาดกลัว มันจึงไม่มีใครคอยอยู่เคียงข้างเขาจนวินาทีสุดท้าย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“มาเถอะมาดูกันว่าพี่น้องได้เก็บอะไรไว้ให้กับนายบ้าง” บุชเชอร์ตบไหล่เซี่ยเฟยอย่างเข้าใจก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของรูปปั้น
หลังจากนั้นเขาก็ได้หยิบกล่องไม้ออกมาจากหัวของรูปปั้นสีทอง ก่อนที่จะกระโดดกลับลงมายังด้านล่างอีกครั้ง
“เราพบของสิ่งนี้โดยบังเอิญแต่เราก็ไม่ได้เปิดมันขึ้นมาดู แต่เมื่อพิจารณาจากการที่มันถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดีแล้ว ของข้างในก็จะต้องเป็นของที่ดีมากแน่ ๆ” บุชเชอร์กล่าว
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวอีกไม่นานผมกับเฉินตงก็จะกลับแล้ว พวกคุณมีแผนที่จะทำอะไรต่อไปงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยรับกล่องไม้มาด้วยความยินดีก่อนที่จะถามบุชเชอร์กลับไป
“พวกเราหลาย ๆ คนต้องการเวลาพักฟื้น เพราะท้ายที่สุดไม่ว่าใครที่ติดอยู่ในสังเวียนเลือดมาเป็นเวลานานต่างก็ได้รับความทุกข์ทรมานด้วยกันทั้งนั้น จากนั้นเราต้องหาทางติดต่อไปยังกองทัพเพื่อกำจัดฐานการผลิตยาเสพติดบนดาวดวงนี้ซะ” บุชเชอร์กล่าว
เซี่ยเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยิบสมุดออกมาเขียนช่องทางการติดต่อยื่นให้กับบุชเชอร์
“นี่คือข้อมูลการติดต่อของผมเอง ผมพอจะมีบริษัทเล็ก ๆ อยู่บนดาวบ้านเกิด ถ้าหากพวกคุณไม่รู้จะทำอะไรต่อไปก็ขอให้ติดต่อผมมา”
“ขอบคุณมาก หลังจากนี้ขอให้น้องเซี่ยเฟยเดินทางโดยสวัสดิภาพ” บุชเชอร์รับกระดาษพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“ว่าแต่ผมยังไม่รู้จักชื่อจริงของคุณเลย?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ชื่อเรียกเป็นเพียงแค่ตัวกลางในการสื่อสาร ในเมื่อทุกคนรู้จักฉันในนามบุชเชอร์ก็เรียกฉันว่าบุชเชอร์ต่อไปเถอะ” บุชเชอร์กล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ได้ครับ หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
—
วื้ด!
เฉินตงบังคับยานทริสตันขึ้นสู่อวกาศ ซึ่งหลังจากเขาได้เปิดระบบเดินทางอัตโนมัติเขาก็เดินออกจากห้องบัญชาการไปหาเซี่ยเฟยที่ห้องอาหาร
“ฉันตั้งค่าให้เดินทางกลับกลุ่มดาวนครหลวงแล้ว ดาวของฮุกถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นที่พิเศษทำให้ไม่สามารถค้นหาดาวดวงนี้ได้หากไม่มีตำแหน่ง โชคดีที่ฉันได้บันทึกตำแหน่งของดาวเอาไว้ตั้งแต่ที่ได้เดินทางมาจนถึงดาวดวงนี้แล้ว ซึ่งเราก็จำเป็นจะต้องวาร์ปออกไปอีกสองครั้งถึงจะเชื่อมต่อกับสตาร์เน็ตเวิร์กได้” เฉินตงกล่าว
“หลังจากไปถึงนครหลวงแล้วนายจะทำอะไรต่อ?” เซี่ยเฟยถาม
“มันยังมีอีกหลายเรื่องที่ฉันจะต้องกลับไปจัดการ โดยเฉพาะธุระที่เยว่เกอฝากฉันทำ” เฉินตงกล่าวด้วยใบหน้าที่โศกเศร้าอยู่เล็กน้อย
“เรื่องนั้นฉันจำได้ แต่เยว่เกอก็อยู่ในนครหลวงด้วยเหมือนกันนะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“เธอไปทำอะไรที่นครหลวง?” เฉินตงถามอย่างสงสัย
“เธอบอกว่าครอบครัวของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับไป๋เย่ และถึงแม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจแต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของตระกูลได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไป๋เย่ที่อยู่ค่ายฝึกเดียวกับเราอ่ะนะ?”
“ใช่ ไป๋เย่คนนั้นแหละ”
“อันที่จริงฉันก็คิดว่าสายตาที่ไป๋เย่มองมาที่เยว่เกอดูแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน ฉันเคยได้ยินมาว่าตระกูลไป๋มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหลี่ และสิ่งที่ทำให้ครอบครัวของเธอตัดสินใจแบบนี้ก็คงจะเป็นเพราะอิทธิพลของตระกูลหลี่ไม่ใช่ตระกูลไป๋” เฉินตงกล่าวพลางยักไหล่
“นายเข้าใจถูกแล้ว บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องปกติของคนตระกูลใหญ่ ๆ ที่คิดว่าทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไอ้พวกนั้นสร้างปัญหาให้กับนายเหรอ?” เฉินตงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เปล่าหรอก ฉันแค่ได้ยินเรื่องนี้มาจากเยว่เกอ” เซี่ยเฟยกล่าวโดยพยายามไม่ดึงเฉินตงเข้ามาพัวพันกับปัญหาของเขา
แน่นอนว่าเฉินตงย่อมไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับคำตอบของสหาย เพราะท้ายที่สุดมันก็ไม่มีเหตุผลที่เซี่ยเฟยจะต้องเข้าไปพัวพันกับตระกูลขนาดใหญ่พวกนั้นเลย เว้นแต่ว่าเขาจะได้ยินเรื่องนี้ผ่านมาทางเยว่เกอจริง ๆ
“นายทำผลงานในงานแข่งโกลเดนฟิงเกอร์ได้ดีเลยนี่ หลังจากฉันกลับไปที่กลุ่มดาวนครหลวงฉันค่อยออกเดินทางหลังจากที่งานแข่งจบลงก็แล้วกัน ช่วงนี้ฉันต้องเดินทางไปนู่นไปนี่อยู่เรื่อยและมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อยมากพอสมควร” เฉินตงกล่าว
ปกติเฉินตงไม่ใช่คนที่จะออกมาบ่นเรื่องความเหนื่อยล้า และการที่เขาออกมาพูดถึงความเหนื่อยล้าแบบนี้มันก็แสดงว่าเขาทำงานหนักมากไปจริง ๆ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ เฉินตงก็กล่าวขึ้นมาว่า
“ในตอนที่ฉันกำลังเดินทางในอวกาศคนเดียวฉันก็ได้เข้าใจถึงสิ่งที่นายเคยเจอมาก่อน อันที่จริงนายไม่จำเป็นจะต้องแบกรับทุกอย่างเอาไว้เพียงลำพัง สิ่งที่เยว่เกอเคยพูดออกมามันก็มีเหตุผลอยู่นะ เมื่อรวมภาพลวงตาของเธอ, น้ำแข็งของฉันและความเร็วของนาย มันย่อมสร้างทีมระดับสุดยอดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน”
“ถ้านายต้องการอะไรให้รีบติดต่อฉันมาได้เลย ตอนนี้ฉันเริ่มชอบที่จะออกเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ แล้ว ไม่คิดที่จะอุดอู้อยู่แต่ในห้องฝึกเหมือนเดิมอีกต่อไป”
“ได้สิ” เซี่ยเฟยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
หลังจากพูดคุยกับเฉินตงอยู่สักพัก เซี่ยเฟยก็เข้าไปพักภายในห้องของเฉินตงเพื่อรอติดต่อไปยังคนอื่น ๆ ที่กำลังเป็นห่วงว่าตอนนี้เขาปลอดภัยแล้ว
แต่เนื่องมาจากว่าในตอนนี้ระบบยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับสตาร์เน็ตเวิร์กได้ เซี่ยเฟยจึงได้หยิบกล่องไม้ที่บุชเชอร์ได้มอบเอาไว้ให้กับเขาออกมา
ที่ตัวกล่องมีเพียงแค่ระบบล็อกแบบเก่าติดตั้งเอาไว้ ซึ่งเซี่ยเฟยก็ขี้เกียจเกินกว่าจะหาวิธีปลดล็อกเขาจึงกระชากกล่องให้เปิดออกมาโดยตรง
ฟู่!
แต่ทันใดนั้นมันก็มีควันหนาทึบถูกปล่อยออกมาจากกล่อง เซี่ยเฟยจึงรีบวิ่งออกมาจากห้องพร้อมกับกดปุ่มเปิดระบบระบายอากาศ
“เกิดอะไรขึ้น?”
เฉินตงรีบวิ่งเข้ามาถามอย่างกังวลหลังจากที่เขาได้รับสัญญาณเตือนมาจากห้องของเขา
“กล่องที่บุชเชอร์ให้ฉันมามีแก๊สพิษซ่อนอยู่ด้านใน โชคดีที่ฉันเร็วมากพอไม่อย่างนั้นตอนนี้ฉันอาจจะติดพิษไปแล้วก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“เป็นไปได้ไหมว่าบุชเชอร์จะรู้อยู่แล้วว่ามีแก๊สพิษอยู่ข้างใน เขาเลยมอบกล่องนั้นให้กับนาย?” เฉินตงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นายจะระแวงมากเกินไปแล้ว เขายื่นกล่องให้ฉันโดยไม่คิดที่จะมองกล่องด้วยซ้ำ แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่ามันมีกลไกซ่อนอยู่ในนั้น นอกจากนี้ถ้าเขาคิดจะฆ่าฉันแล้วเขาจะร่วมมือกับฉันตั้งแต่แรกไปทำไม” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉินตงรู้สึกว่าคำอธิบายของเซี่ยเฟยมีเหตุผล เขาจึงไม่คิดที่จะถามคำถามอะไรเพิ่มเติม
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินทางกลับไปยังห้องบัญชาการเพื่อดูสถานการณ์ผ่านระบบวิดีโอ ก่อนที่พวกเขาจะได้พบว่าแม้แต่ผนังอัลลอยก็ยังถูกแก๊สพิษกัดกร่อนจนเป็นรู แสดงให้เห็นว่าแก๊สพิษที่ถูกปล่อยออกมามีความอันตรายร้ายแรงมากแค่ไหน
อย่าลืมว่าเซี่ยเฟยเปิดระบบระบายอากาศทันทีที่เขาหนีออกมา ซึ่งถ้าหากเขาลงมือช้าไปกว่านี้แก๊สพิษก็อาจจะทำลายยานอวกาศไปจนถึงชั้นโครงสร้างของยานเลยก็ได้
“ขอโทษที ฉันว่าฉันทำห้องนายพังไปแล้วล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ
“ของในกล่องเป็นอะไรกันแน่ถึงต้องใช้แก๊สพิษที่รุนแรงขนาดนี้คอยปกป้องเอาไว้ โชคดีที่ปฏิกิริยาของนายเร็วมากพอ ไม่อย่างนั้นนายคงไม่เหลือกระดูกเอาไว้ให้ฉันเก็บด้วยซ้ำ” เฉินตงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“หวังว่ามันจะเป็นของดีก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
—
ในความเป็นจริงมันไม่ได้มีเพียงแต่ห้องของเขาเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย เพราะระบบระบายอากาศก็ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงเช่นเดียวกัน โชคดีที่ระบบการทำงานของยานรบไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถึงกระนั้นเฉินตงก็ยังจำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการซ่อมแซมยานลำนี้อยู่ดี
เซี่ยเฟยยังไม่สามารถจะกลับเข้าไปภายในห้องของเฉินตงได้ เขาจึงจำเป็นจะต้องหาห้องอื่นเพื่อติดต่อไปยังแอวริล
เมื่อไมโครคอมพิวเตอร์ของเขาได้เชื่อมต่อเข้ากับสตาร์เน็ตเวิร์ก ไมโครคอมพิวเตอร์ก็ได้แจ้งเตือนขึ้นมาว่าสัญญาณเครือข่ายตกอยู่ในสภาพที่กำลังล่ม
สตาร์เน็ตเวิร์กไม่เหมือนกับอินเตอร์เน็ตบนโลกที่มักจะมีอาการสัญญาณล่มอยู่บ่อย ๆ ด้วยเหตุนี้เหตุการณ์ที่สตาร์เน็ตเวิร์กล่มจึงเป็นสิ่งที่เซี่ยเฟยไม่เคยคาดคิดมาก่อน ซึ่งเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนหรือเปล่า
เครือข่ายล่มมักจะเกิดขึ้นหลังจากมันได้มีการรับส่งข้อมูลมากเกินไป และเหตุการณ์ที่ทำให้สตาร์เน็ตเวิร์กล่มแบบนี้มันก็หมายความว่ากำลังมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นไปทั่วทั้งพันธมิตร
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะหลังจากที่เขาได้ขึ้นยานของชายหัวโล้นคนนั้นไปเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ 3 วัน แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงแค่นี้มันกลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้สตาร์เน็ตเวิร์กถึงกับล่มเลยอย่างนั้นเหรอ?
เซี่ยเฟยพยายามเข้าเว็บไซต์ ECC มีเดียซึ่งเป็นเว็บข่าวที่ใหญ่ที่สุดของพันธมิตร เพื่ออัปเดตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่
“ดูเหมือนว่าจะมีข่าวใหญ่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันถูกจับสินะ นายเคยได้ยินเรื่องสวนเอเดนมาก่อนไหมอันธ?” เซี่ยเฟยถามหลังจากอ่านข่าวไปประมาณ 10 นาที
อันธส่ายหัวเป็นคำตอบซึ่งข่าวนี้ก็ทำให้เขารู้สึกตกใจไม่น้อยไปกว่าเซี่ยเฟย
“เซี่ยเฟยมีข่าวใหญ่!” เฉินตงเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตูด้วยซ้ำ
“นายกำลังพูดถึงข่าวนี้ใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้มพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปยังหน้าจอข่าวที่เขาเปิดค้างเอาไว้
“อือ ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ มันจะมีข่าวเรื่องสวนเอเดนปรากฏออกมา” เฉินตงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ในจักรวาลเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์มากมาย แล้วมันก็ไม่น่าแปลกใจที่มันยังมีอะไรที่พวกเราไม่รู้อยู่” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายคิดยังไงกับข่าวนี้บ้าง?” เฉินตงถาม
“ข่าวในปัจจุบันส่วนใหญ่มาจากยานอวกาศที่ชื่อโฮปกับลูกเรืออีก 165 คน และถึงแม้ว่ายานรบประเภทนี้จะไม่ใช่ยานของพันธมิตร แต่มันก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ายานลำนี้มาจากเอเดนจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าว
หลังจากได้ฟังเซี่ยเฟยวิเคราะห์มันก็ทำให้เฉินตงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็อยากเข้าไปพูดคุยกับมนุษย์สายเลือดโบราณ
ข่าวเรื่องสวนเอเดนเริ่มมาจากมันมีคนได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือมาจากภูมิภาคดาวโอมิสเตอร์ แต่สัญญาณขอความช่วยเหลือนี้ไม่ใช่รหัสสัญญาณที่ใช้ในพันธมิตร แต่มันเป็นสัญญาณดั้งเดิมที่เคยใช้ตั้งแต่สมัยมนุษย์โบราณ
ภูมิภาคดาวโอมิสเตอร์ตั้งอยู่ตรงบริเวณชายแดนของพันธมิตรมนุษย์ มันจึงมีกองยานเป็นจำนวนมากประจำการอยู่ในภูมิภาคดาวบริเวณนั้น และเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของสัญญาณนี้ กองยานบางส่วนจึงได้เดินทางข้ามพรมแดนเพื่อค้นหาเจ้าของสัญญาณ
หลังจากผ่านไปนานหลายเดือนทีมค้นหาก็ได้พบกับยานอวกาศหน้าตาแปลกประหลาดที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก คล้ายกับว่ายานลำนี้ได้รับบาดเจ็บจากสภาพแวดล้อมอันรุนแรงในจักรวาล
ลูกเหลือทั้ง 165 คนบนยานอวกาศต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์ และพวกเขาต่างก็พูดคุยด้วยภาษาโบราณแล้วบอกว่าพวกเขาเดินทางมาจากสิ่งที่เรียกว่าสวนเอเดน
จากคำบอกเล่าของลูกเรือพวกเขาได้เล่าว่าสวนเอเดนคือภูมิภาคดาวที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของมนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณ เพียงแต่มันได้ตั้งอยู่ในตำแหน่งอันลึกลับและอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในจักรวาล
ครั้งแรกที่มนุษย์ได้พบสวนเอเดนยังไม่มีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเผ่าพันธุ์ไหนครอบครองภูมิภาคดาวแห่งนี้เอาไว้ มนุษย์จึงกลายเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ทันทีที่พวกเขาได้ก้าวเท้าเข้ามา
ในเวลานั้นมนุษย์นับหมื่นได้ออกเดินทางสู่สวนเอเดนเพื่อโหยหาชีวิตใหม่ แต่น่าเสียดายที่ช่วงเวลาดี ๆ อยู่ได้เพียงแค่ไม่นาน เพราะรูหนอนที่นำไปสู่สวนเอเดนเป็นรูหนอนที่ไม่เสถียร ซึ่งหลังจากที่รูหนอนได้พังทลายลงไปมันก็ทำให้มนุษย์ส่วนหนึ่งถูกขังเอาไว้ในสวนเอเดนตลอดกาล
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นมาเนิ่นนานมนุษย์ในสวนเอเดนก็ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวโดยไม่เคยติดต่อไปยังสังคมอื่นเลย พวกเขาจึงได้กลายเป็นมนุษย์โบราณที่ไม่ถูกทำลายในสงครามหุ่นยนต์กวาดล้างมนุษย์
อย่างไรก็ตามมันก็มีมนุษย์ในสวนเอเดนบางคนไม่สามารถลืมรากเหง้าบรรพบุรุษของพวกเขาได้ พวกเขาจึงพยายามออกเดินทางจากสวนเอเดนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่มีใครสามารถเดินทางออกจากสวนเอเดนได้เป็นเวลาหลายหมื่นปี
ในที่สุดยานลำนี้ก็เป็นยานลำแรกที่สามารถออกจากสวนเอเดนได้สำเร็จ ซึ่งหลังจากที่มนุษย์กลุ่มนี้ได้ให้สัมภาษณ์ ข่าวของสวนเอเดนก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งพันธมิตรอย่างฉับพลัน
“ข้อมูลที่เราได้รับมีจำกัดมากเกินไป อย่างน้อยเราจะสามารถยืนยันข่าวนี้ได้จากกองยานที่ไปรับพวกเขากลับมา ซึ่งก่อนหน้านั้นพวกเราก็ยังจำเป็นจะต้องระวังข่าวเรื่องนี้เอาไว้ก่อน” เซี่ยเฟยกล่าว
“เรื่องนี้มันเป็นข่าวดีไม่ใช่เหรอ? อย่างน้อยพวกเขาก็คือมนุษย์ที่อยู่รอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้นการที่พวกเขาเดินทางกลับมายังพันธมิตรได้มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี” เฉินตงพูดอย่างสับสน
“ข้อมูลเรื่องนี้มีข้อสงสัยมากเกินไป อย่างแรกคือสิ่งที่คนพวกนี้พูดยังไม่ได้รับการยืนยัน อย่างที่สองพวกเขาบอกเองว่าสวนเอเดนเป็นภูมิภาคดาวที่อุดมสมบูรณ์และปราศจากสงคราม แล้วพวกเขาจะอยากออกมาจากความสมบูรณ์เพื่อมาแสวงหาความยากลำบากไปทำไม” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นายเป็นพวกขี้ระแวงชะมัด นายไม่เชื่อเหรอว่ามันจะมีภูมิภาคดาวที่สมบูรณ์แบบอย่างสวนเอเดนอยู่จริง ๆ” เฉินตงกล่าว
“มันก็ไม่ผิดนี่ที่ฉันจะขี้ระแวง แต่นายควรตั้งข้อสงสัยกับอะไรก็ตามที่นายเห็นว่ามันสมบูรณ์แบบมากเกินไปต่างหาก เอาล่ะตอนนี้แก๊สพิษน่าจะถูกระบายออกไปจนหมดแล้ว พวกเรากลับเข้าไปในห้องกันเถอะฉันอยากเห็นแล้วว่าอะไรกันแน่ที่ถูกซ่อนเอาไว้อยู่ในกล่อง”
***************