ตอนที่ 286 หายไปอีกครั้ง
ตอนที่ 286 หายไปอีกครั้ง
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปอย่างเนิ่นนานเฉินตงก็ได้กลับมาพบกับเซี่ยเฟยบนเนินเขาทางตอนใต้ของเมือง โดยในตอนนี้ชายหนุ่มจากดาวโลกกำลังสูบบุหรี่นั่งอยู่บนก้อนหินและมองไปยังเมืองที่มีควันไฟลอยขึ้นมาในอากาศ
“ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในความวุ่นวายแล้ว บุชเชอร์กำลังนำนักสู้ในสังเวียนสู้กับคนของฮุกอย่างดุเดือด ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างก็บาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าพิจารณาจากโมเมนตัมของสถานการณ์ ฉันก็คิดว่าคนของฮุกคงจะยืนหยัดอยู่ได้ไม่ถึงวันพรุ่งนี้” เฉินตงกล่าว
“พวกเขาถูกคุมขังมาเป็นเวลานาน ตอนนี้มันก็คงจะไม่มีใครสามารถที่จะหยุดความโกรธของพวกเขาเอาไว้ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับ
เฉินตงเดินไปนั่งลงข้าง ๆ เซี่ยเฟยพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่แจ่มใสทำให้เห็นดวงดาวส่องแสงระยิบระยับเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
“นายไม่สนใจจะไปจัดการกับฮุกเลยเหรอ? ตอนแรกฉันอยากจะฆ่าไอ้สารเลวนั่นที่มาจับนายไปต่อสู้ในสังเวียน แต่ฉันเป็นห่วงนายมากกว่าเลยมาที่นี่เพื่อดูนายสักหน่อย ถ้าเราไม่ลงมือในตอนนี้พวกเราอาจจะไม่ใช่คนที่จัดการกับฮุกนะ” เฉินตงกล่าว
“ช่างมันเถอะ! สถานการณ์โดยรวมถูกตัดสินไปแล้วและใครจะเป็นคนฆ่าฮุกก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับฉัน คนที่ทำให้ฉันต้องมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่เขา เขาเป็นเพียงแค่เบี้ยที่ถูกใช้แล้วทิ้งเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ว่าแต่นายหาผู้หญิงคนนั้นเจอหรือเปล่า?” เฉินตงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ไม่ ตอนที่ฉันมาถึงที่นี่ยานของเธอกำลังบินขึ้นไปแล้ว ฉันจึงทำได้เพียงแต่เฝ้าดูยานอวกาศจากด้านล่างเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย
“นายน่าจะบอกฉันเร็วกว่านี้ ฉันเอายานทริสตันมาจากที่บ้าน บางทีเราอาจจะไล่ตามเธอไปทันก็ได้” เฉินตงกล่าวพร้อมกับตบขาของตัวเอง
“ไม่มีประโยชน์หรอก ยานรบของพวกเขาติดตั้งระบบล่องหนแล้วมันก็เริ่มล่องหนทันทีที่ยานรบเริ่มขึ้นบิน” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
เฉินตงพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจ เพราะท้ายที่สุดยานรบที่มีระบบล่องหนก็เป็นตัวตนที่ยากจะรับมือ เว้นแต่ว่ายานรบของเขาจะติดตั้งระเบิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถหยุดยานรบที่มีระบบล่องหนได้
“ระบบล่องหนมีราคาที่แพงมากแล้วมันก็มีเพียงแต่องค์กรใหญ่ ๆ ในพันธมิตรเท่านั้นถึงจะสามารถซื้อระบบล่องหนมาติดตั้งในยานรบได้ ฉันเกรงว่าภูมิหลังเพื่อนของนายคงจะไม่ธรรมดา” เฉินตงกล่าว
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก เธอเป็นคนที่ธรรมดามาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เฉินตงเลือกที่จะไม่ตั้งคำถามต่อไป เพราะท้ายที่สุดเขาก็มีนิสัยเหมือนกับเซี่ยเฟยที่ไม่ชอบเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นโดยไม่จำเป็น
“ว่าแต่นายเถอะทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” เซี่ยเฟยถาม
“ถามมาได้ ที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะทฤษฎีของนายที่ทำให้ฉันยอมรับคำร้องขอของทุกคน จนทำให้ฉันไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลยเนี่ย” เฉินตงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“แล้วมันไม่ดีเหรอ อย่างน้อยทฤษฎีนั่นก็ทำให้นายได้มาเจอกับฉัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉินตงเงียบเสียงลงไปครู่หนึ่งก่อนจะคิดว่าทฤษฎีของเซี่ยเฟยสามารถใช้การได้จริง ๆ เพราะถ้าหากว่าเขาเลือกที่จะปฏิเสธคำขอใด ๆ ไป เขาก็คงจะไม่ได้มาเจอกับสหายในช่วงที่เซี่ยเฟยกำลังตกอยู่ในวิกฤตแบบนี้
“นายหนีออกมาจากสังเวียนเลือดได้ยังไง? ฉันพยายามคิดอยู่นานแต่ก็ยังคิดหาวิธีช่วยนายออกมาไม่ได้เลย แสงเลเซอร์ที่กักขังพวกนายไว้มีพลังงานสูงมากและถึงแม้ว่าฉันจะใช้เกราะน้ำแข็งปกป้องร่างกายเอาไว้ แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะฝ่ากำแพงเลเซอร์เข้าไปได้ โชคดีที่นายสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะรู้สึกร้อนใจไปจนตาย” เฉินตงกล่าว
“ลำแสงเลเซอร์พวกนี้มีชื่อว่าเลเซอร์โฟกัสที่จำเป็นจะต้องใช้พลังงานมากกว่าเลเซอร์ธรรมดา แล้วคนแบบพวกเราก็ไม่สามารถที่จะผ่านพลังงานความเข้มข้นสูงแบบนี้ไปได้”
“อย่างไรก็ตามเลเซอร์โฟกัสก็มีจุดอ่อนที่ร้ายแรง เพราะว่าตัวของมันจำเป็นจะต้องใช้พลังงานที่สูงมาก มันจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องปฏิกรณ์พลังงานแบบคู่ขนานคอยเติมพลังงานตลอดเวลา ขณะเดียวกันเครื่องปฏิกรณ์พลังงานแบบคู่ขนานก็ประกอบไปด้วยเครื่องปฏิกรณ์หลักและเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กจำนวนมาก ที่ต้องกระจายอยู่ทั่วทุกที่เพื่อคอยป้อนพลังงานให้กับแสงเลเซอร์ที่มีอยู่ทั่วทั้งสังเวียนเลือด”
“ตอนที่ฉันมาถึงเมืองนี้ครั้งแรกฉันได้สังเกตเห็นแล้วว่ามันไม่มีอาคารไหนที่สามารถรองรับเครื่องปฏิกรณ์พลังงานขนาดใหญ่ได้ ฉันจึงเดาว่าเครื่องปฏิกรณ์พลังงานพวกนี้จะต้องถูกฝังเอาไว้ที่ใต้ดิน และมันก็มีโอกาสถูกฝังเอาไว้ใต้สังเวียนเลือดมากที่สุด”
“ดังนั้นฉันจึงพยายามเกลี้ยกล่อมบุชเชอร์ให้ช่วยค้นหาตำแหน่งเตาปฏิกรณ์ใต้ดินและทำลายมันลงไปซะ เพราะตราบใดที่เตาปฏิกรณ์ได้รับความเสียหายเพียงแค่เล็กน้อย มันก็จะทำให้พลังงานรั่วไหลออกมาอย่างรุนแรงและทำให้ระบบเลเซอร์ทั้งหมดสูญเสียพลังงานของพวกมันไป”
คำอธิบายของเซี่ยเฟยทำให้เฉินตงอ้าปากค้าง และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักสู้ชั้นยอดแต่เขาแทบที่จะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีเลย ด้วยเหตุนี้คำอธิบายของสหายจึงล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ
“นายกับบุชเชอร์วางแผนที่จะทำลายเตาปฏิกรณ์ตั้งแต่แรกงั้นเหรอ? เพราะแบบนี้ใช่ไหมนายเลยจงใจโจมตีเพื่อทำลายพื้นเวที ตอนแรกฉันไม่ทันสังเกตจริง ๆ ฉันคิดว่านายกำลังพยายามฆ่าบุชเชอร์อยู่ด้วยซ้ำ” เฉินตงกล่าว
“ฉันต้องการจะให้คนอื่นเห็นแบบนั้นอยู่น่ะสิ ฉันจะได้มีเวลาค้นหาตำแหน่งของเตาปฏิกรณ์แล้วทำลายมันลงไปซะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ในเมื่อนายรู้อยู่แล้วว่าเตาปฏิกรณ์อยู่กลางสนาม แล้วทำไมนายถึงไม่ทำลายเตาปฏิกรณ์ตรง ๆ ไปเลยล่ะ นายจะมัวทำลายพื้นเวทีรอบ ๆ ไปทำไม?” เฉินตงถามอย่างสงสัย
“ใต้เวทีไม่ได้มีเพียงแต่เตาปฏิกรณ์หลักแต่มันยังมีเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กอยู่ด้วย แต่ฉันสามารถสร้างรอยแตกเล็ก ๆ บนพื้นเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของรังสีที่รั่วไหลได้ และเตาปฏิกรณ์อันไหนที่มีปฏิกิริยารุนแรงมากที่สุด อันนั้นแหล่ะที่เป็นตำแหน่งของเตาปฏิกรณ์หลัก” เซี่ยเฟยกล่าว
ชุดต่อสู้เกือบทั้งหมดในพันธมิตรต่างก็ได้ติดตั้งระบบตรวจจับรังสีเอาไว้ เพื่อตรวจจับว่าสภาพแวดล้อมบริเวณนั้นเป็นอันตรายต่อผู้สวมใส่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงมากที่สุดของฮุกที่ไม่ยึดอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเขาไปเพราะมั่นใจในระบบป้องกันของตัวเอง
สิ่งที่ฮุกยังไม่รู้นั่นก็คือถึงแม้แสงเลเซอร์จะกันไม่ให้นักสู้หนีขึ้นไปทางด้านบนได้ แต่มันก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้นักสู้ทำลายพื้นที่อยู่เบื้องล่างได้อยู่ดี
อุปกรณ์แต่ละชนิดต่างก็ล้วนแล้วแต่มีข้อดีและข้อเสียเป็นของตนเอง ซึ่งบางทีมันก็อาจจะมีเพียงแต่ยานไททันที่เซี่ยเฟยเคยเห็นมาเท่านั้น ที่เป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบมากที่สุด
สาเหตุที่เหตุการณ์ได้ออกมาเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะฮุกประเมินความสามารถของศัตรูต่ำเกินไป และความรู้ของเซี่ยเฟยในเรื่องเทคโนโลยีก็มีบทบาทสำคัญเช่นเดียวกัน ถ้าหากว่าเขาไม่สามารถหาตำแหน่งของเตาปฏิกรณ์หลักได้ เขาก็ไม่สามารถที่จะหนีออกมาจากสังเวียนเลือดได้แบบนี้
—
เนื่องมาจากเซี่ยเฟยหยุดเซียวรั่วหยูเอาไว้ไม่ทัน เขาจึงรู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดี ซึ่งเฉินตงก็นั่งอยู่กับเขาบนเนินเขาตลอดทั้งคืน และจ้องมองไปยังการสู้รบภายในเมืองที่ยังคงส่งเสียงดังตลอดเวลา
“น่าจะใกล้จบแล้ว พวกเราลงไปดูในเมืองกันเถอะ” เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นหลังจากพระอาทิตย์ได้ส่องแสงขึ้นมาบนขอบฟ้า
หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินไปบนถนนที่มุ่งหน้าเข้าไปในเมือง ซึ่งระหว่างทางพวกเขาก็ได้เห็นนักสู้หลายคนที่ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเลือด และภายในมือของพวกเขาก็ถือสิ่งของต่าง ๆ เอาไว้อย่างมากมาย
ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยเฟยพวกเขาก็คงจะต้องติดอยู่ในสังเวียนเลือดไปตลอดชีวิต ซึ่งในบรรดานักสู้เหล่านี้มันก็มีนักสู้บางคนเดินมากอดชายหนุ่มด้วยความรู้สึกที่ขอบคุณ และพยายามยกทรัพย์สินที่พวกเขาขโมยมาได้เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนที่เซี่ยเฟยช่วยปลดปล่อยพวกเขาออกมา
หลังจากต้องหยุดทักทายนักสู้คนอื่น ๆ ตลอดทั้งทาง ในที่สุดเซี่ยเฟยกับเฉินตงก็เดินทางมาจนถึงบ้านที่ฮุกเคยอาศัยอยู่
บนต้นไม้มีศพของทหารหลายร้อยศพถูกแขวนเอาไว้ โดยทั่วทั้งร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยรูพรุนคล้ายรังผึ้ง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่านักโทษที่เพิ่งถูกปลดปล่อยออกมารู้สึกเคียดแค้นพวกฮุกมากแค่ไหน พวกเขาจึงพยายามระบายความโกรธแค้นของตัวเองออกไปทันทีที่พวกเขาได้รับอิสระ
“เซี่ยเฟย! เมื่อคืนนายไปไหนมา?” บุชเชอร์ถามขณะที่เดินออกมาจากประตู
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มแต่ไม่เลือกที่จะตอบอะไรกลับไป
“นายมาก็ดีแล้ว รีบตามฉันมาเร็ว ๆ เข้า! ฉันได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่เอาไว้ให้นายแล้ว” บุชเชอร์กล่าวก่อนจะเดินมาลากชายหนุ่มเข้าไปในบ้านด้วยความตื่นเต้น
***************