MDB ตอนที่ 308 ปลดผนึกทาสด้วยความผิดพลาด
ช้างตัวใหญ่วิ่งหนีไป เพราะสัญชาตญาณของสัตว์ป่า หลินจินไม่คิดจะหยุดมัน เพราะไม่มีมนุษย์รายล้อมพวกเขาในระยะ 16 กิโลเมตร เขาสามารถปล่อยให้ช้างจะเดินเตร่ได้ตามต้องการ
หลินจินกระโดดลงจากหลังช้างอย่างประทับใจ
เมื่อจั่วเหวินถังและกลุ่มของเขาเห็นสิ่งนี้ จั่วเหวินถังเต็มไปด้วยความโล่งใจ การที่หลินจินอยู่ที่นี่ ภัยอันตรายที่มีทั้งหมดจะผ่านพ้นไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขาเห็นว่าสามคนพ่ายแพ้ในพริบตา บางคนเป็นอัมพาตและบางคนบาดเจ็บจากการตกหลังช้าง สถานการณ์ของพวกเขาจัดได้ว่าย่ำแย่มาก
'น้องหลินเก่งมาก' จั่วเหวินถังคิด
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองอย่างใกล้ชิด แต่จั่วเหวินถังก็มั่นใจว่าทั้งสามคนบนหลังช้างต้องไม่อ่อนแอไปกว่าปีศาจเสือดาวตนนี้ นี่เป็นการพิสูจน์แล้วว่าหลินจินแข็งแกร่งมากเพียงใด
ทิลลี่ โฉมงามจากแดนประจิมจับจ้องไปที่หลินจินด้วยความอยากรู้อยากเห็น สายตาของเธอเต็มไปด้วยวคามชื่นชม
ตอนนี้เหลือเพียงปีศาจเสือดาวเท่านั้น
หลังจากที่หลินจินลงมา เขาก็มองไปทางปีศาจเสือดาว ฝ่ายหลังจ้องกลับด้วยความกลัวและระแวงระวังอย่างชัดเจน
โดยธรรมชาติแล้วสัตว์วิเศษมีสัญชาตญาณมากกว่ามนุษย์ แน่นอนว่าสัตว์ปีศาจก็มีสัญชาตญาณมากกว่าสัตว์วิเศษเช่นกัน เนื่องมาจากหลินจินไม่ได้ซ่อนตัวอีกต่อไป เขาได้ปลดปล่อยให้ออร่าของการบ่มเพาะของเขาและกายาแห่งธรรมของเสี่ยวฮั่วให้เอ่อล้นออกมา ทำให้ปีศาจเสือดาวรู้สึกกดดันอย่างมาก
ปีศาจเสือดาวแยกเขี้ยวของมันออกและคำรามอย่างดุร้าย แต่ไม่ได้บุกเข้ามา
สรุปแล้ว มันเป็นเพียงสัตว์ปีศาจระดับสาม แม้ว่ามันจะรู้คาถาบางอย่าง แต่นั่นก็ไม่มีค่าในสายตาของหลินจิน แม้แต่เสี่ยวฮั่วก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายด้วยตัวเอง
หลินจินเองก็ค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับปีศาจเสือดาว
เขาสงสัยว่าคนในทวีปกลาสซี่ทั้งสามสามารถควบคุมสัตว์ปีศาจที่แปลงร่างได้อย่างไร?
เนื่องจากเขาไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ หลินจินจึงสะบัดเข็มออกไป ทันทีที่เข็มพุ่งไปข้างหน้า ปีศาจเสือดาวที่ไวต่อความรู้สึกก็หลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว หลินจินสะบัดออกอีกสามครั้งติดต่อกันในทันที แม้จะไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อีกต่อไป แต่เสือดาวก็ใช้ทักษะพิเศษในการตั้งขนของเขาให้แข็งเหมือนเดือยเหล็ก
เข็มเงินสามารถเจาะเข้าไปในร่างกายของมันได้เพียงบางส่วนและหยุดอยู่แค่นั้น
แทนที่จะทำร้ายเขา หลินจินเพียงต้องการจะประเมินปีศาจเสือดาวด้วยเข็มของเขาเท่านั้น
รายละเอียดของสิ่งมีชีวิตปรากฏขึ้นทันทีในพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ
คำอธิบายเกือบทั้งหมดเป็นไปตามที่หลินจินคาดการณืเอาไว้ รวมถึงระดับของปีศาจเสือดาวอีกด้วย แต่เขาข้อมูลบางอย่างที่สะดุดตาเขา
“ผนึกทาส?”
หลินจินตกตะลึงกับคำ ๆ นั้น
แม้แต่ในพิพิธภัณฑ์ คำสองคำนี้ก็ฟังดูลึกลับ คนที่สามารถทำสิ่งนี้ได้ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลินจินได้ยินมัน
เขาได้ศึกษาหนังสือเกี่ยวกับสัตว์วิเศษมาหลายเล่ม และพิพิธภัณฑ์ก็ให้ความรู้เพิ่มเติมแก่เขา หนึ่งในนั้นคือผนึกทาส
ผนึกทาสเป็นคาถาเหนือธรรมชาติที่ผู้อมตะโบราณใช้เพื่อควบคุมสัตว์ปีศาจ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มันก็เป็นหนึ่งในคาถาแรก ๆ ที่ถูกค้นพบในช่วงเริ่มต้นของยุคของสัตว์วิเศษ จากนั้น เคล็ดวิชาจะสูญหายไปตามกาลเวลา อย่างไรก็ดี นี่เป็นครั้งแรกที่หลินจินได้เห็นสิ่งนี้ด้วยตาตัวเอง
การได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่มีเฉพาะในเรื่องเล่าในตำนาน มันทำให้หลินจินสนใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อฟื้นจากความประหลาดใจในตอนแรก เขาก็ตระหนักว่ามีคำอธิบายโดยละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับคำว่า 'ผนึกทาส' ในพิพิธภัณฑ์
จากข้อมูลที่ให้มา มีหลายวิธีในการปลดผนึก และวิธีที่หลินจินเห็นเป็นอย่างแรกก็คือวิธีการใช้สูตรคาถา 'ขจัดมนต์หยินหยาง' มันเป็นคาถาลบล้างที่มีความคล้ายคลึงกับขจัดคาถาที่เขาฝึกฝนในตอนที่เขาไป ๆ มา ๆ ในสมาพันธ์นักบวชก่อนหน้านี้
ย้อนกลับไปตอนที่เขาเข้าร่วมการแข่งขันศิษย์ของสมาพันธ์นักบวช หลินจินถึงกับใช้ขจัดคาถาเพื่อทำลายการรวมพลังของหยางเจี๋ยกับสัตว์วิเศษของเขา และตอนนี้คาถาใหม่นี้ดูเหมือนจะสร้างมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ
มันต้องใช้กายาแห่งธรรมหยินหยางเพื่อทำการร่ายคาถานี้โดยเฉพาะ
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลินจินจึงลองใช้มันดูอย่างไม่คิดอะไร
แม้ว่าเขาจะคาดการณ์ว่าตัวเองจะร่ายไม่สำเร็จในครั้งแรก แต่เขากลับสามารถร่ายสำเร็จโดยไม่ตั้งใจ ในขณะนั้นเอง พลังงานที่มองไม่เห็นเริ่มหลั่งไหลออกมาจากพิพิธภัณฑ์ พุ่งตรงไปที่ตัวของปีศาจเสือดาว และจากนั้นก็เกิดรอยร้าวขึ้น ฟังดูเหมือนมีอะไรบางอย่างแตกหัก
เมื่อเขาดูคำอธิบายของปีศาจเสือดาวอีกครั้ง คำว่า 'ผนึกทาส' ก็เริ่มสลายหายไป
ด้วยความตกตะลึง หลินจินจึงออกมายังโลกภายนอกอย่างรวดเร็ว เขาเห็นลำแสงที่ส่องออกมาจากร่างของปีศาจเสือดาวราวกับว่ามันได้รับการปลดปล่อย บนหัวของเขา พวกเขาสามารถเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ถูกดูดออก ก่อนที่มันจะจางหายไป
ความตื่นเต้นและความยินดีปรากฏให้เห็นในดวงตาของปีศาจเสือดาวแล้ว ความชั่วร้ายและเจตนาฆ่าในตอนแรกหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทันใดนั้น ปีศาจเสือดาวก็รีบไปข้างหน้าและคุกเข่าต่อหน้าหลินจิน
“ข้าขอขอบคุณท่านปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำลายผนึกทาสของข้า ข้าหลินเป่ารู้สึกซาบซึ้งมาก ได้โปรดยอมรับความเคารพของข้าด้วย”
เมื่อพูดจบก็เกิดเสียงดังขึ้นสามครั้งในขณะที่เขาเคาะหน้าผากลงกับพื้นสามครั้งด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้ง
พูดตามตรง หลินจินยังไม่หายจากอาการตกตะลึง
เขาไม่เคยคิดจะทำลายผนึกทาสของสัตว์ปีศาจเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเรื่องผิดพลาดอย่างร้ายแรง เขาเพียงต้องการจะลองใช้ขจัดมนต์หยินหยางเท่านั้น เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะลงเอยอย่างนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไรสายน้ำก็ไม่มีวันไหลย้อนกลับ
ดูเหมือนว่าปีศาจเสือดาวตัวนี้จะถูกควบคุมโดยชาวพื้นเมืองของทวีปกลาสซี่ หลังจากคลายผนึกแล้ว ดูเหมือนว่าปีศาจเสือดาวก็ไม่ใช่ศัตรูอีกต่อไป
นี่ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดี และเป็นความดีความชอบของหลินจิน
ขณะที่หลินจินค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะตกใจ แต่เขาก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้ อย่างไรก็ตาม จั่วเหวินถังและคนอื่น ๆ นั้นแตกต่างออกไป
ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดกำลังอ้าปากค้าง
มันเป็นฉากที่น่าตกใจจริง ๆ จั่วเหวินถังและทิลลี่ต่างรู้ดีว่าปีศาจเสือดาวนั้นน่ากลัวและน่าเกรงขามเพียงใด พวกเขาไม่คิดเลยว่าก่อนที่หลินจินจะลงมือ สัตว์ปีศาจที่น่ากลัวตนนี้ก็คุกเข่าลงต่อหน้าเขา
ก่อนหน้านี้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับปีศาจเสือดาวอย่างชัดเจน พวกเขาเห็นผนึกรูปร่างแปลก ๆ และเงาลึกลับโผล่ออกมาจากร่างของเขา และนั่นต้องเป็นการคาถาบางอย่างที่น่าอัศจรรย์
อย่างไรก็ตาม ทั้งจั่วเหวินถังและทิลลี่ ไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขารู้ว่าหลินจินต้องมีทักษะที่น่าทึ่งซึ่งช่วยปีศาจเสือดาวได้สำเร็จ นั่นเป็นคำอธิบายเดียวว่าทำไมเขาถึงหมอบกราบต่อหน้าหลินจินในตอนนี้
เมื่อถึงจุดนี้พวกเขาชื่นชมทักษะเหนือธรรมชาติของหลินจินอย่างสุดหัวใจ
จั่วเหวินถังและทิลลี่ต่างยืนนิ่งไม่ไหวติง ขณะเดียวกันฉู่เหวินจีวิ่งไปหาจั่วเหวินถัง และจับมือเขาไว้แน่น
“เหวินถัง เจ้าสบายดีหรือไม่?” ฉู่เหวินจีถามอย่างอ่อนโยน
จั่วเหวินถังตบหลังมือของเธอเพื่อบอกว่าเขาไม่เป็นไร
ทิลลี่กลอกตาแล้วถอยห่างไปสองสามก้าว
อย่างไรก็ตาม ดวงตากลมโตของโฉมงามจากแดนประจิมไม่เคยละสายตาจากหลินจินตั้งแต่จนถึงตอนนี้
ความสามารถในการเอาชนะราชาหยานและคนอื่น ๆ ในชั่วพริบตา และสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้ ทำให้ปีศาจเสือดาวตัวนี้ยอมจำนนอย่างง่ายดายและคุกเข่าด้วยความสำนึกบุญคุณ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้
ทิลลี่ประทับใจในตัวเขาอย่างมาก
ทางด้านหลินจิน เขามองไปที่ปีศาจเสือดาวที่คุกเข่า เขาคิดว่า
'เสือดาวตัวนี้ชื่อหลินเป่า? ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ เขามีนามสกุลเดียวกับฉันเลย’
บางทีอาจเป็นโชคชะตาที่ทำให้เขาปลดผนึกทาสบนตัวเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทันใดนั้น เมื่อรู้สึกได้ถึงบางอย่าง หลินจินเงยหน้าขึ้นทันเวลาเห็นแสงที่ไหลออกมาจากร่างของปีศาจเสือดาวก่อนจะควบแน่นเป็นดวงตา
ดวงตาขนาดใหญ่นี้กำลังจ้องมองที่หลินจิน และหลินจินก็จ้องกลับไปที่มัน
ครู่ต่อมา นัยน์ตาก็หายวับไปในอากาศ
คิ้วของหลินจินขมวดเข้าหากัน
จากนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“แย่แล้ว ไม่น่าเลย!” หลินจินพึมพำกับตัวเอง
แท้จริงแล้วมันคือความผิดพลาดของเขา
เขาแค่ทำลายผนึกของปีศาจเสือดาวด้วยความสะเพร่า แต่ไม่คิดว่านี่จบลงด้วยการก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ขึ้นมาแทน
ลูกตานั้นไม่ได้เกิดขึ้นเอง และหลินจินคิดว่ามันต้องเป็นคาถาบางอย่างที่หลงเหลือจากการปลดผนึก มันเป็นดวงตาวิญญาณที่จะคอยสังเกตสถานการณ์ที่นี่
และใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังดวงตาดวงนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายทำได้แค่มอง ถ้าหากอีกฝ่ายพูดคุยได้ เขาตั้งใจจะสื่อสารกับพวกเขาและทำความเข้าใจสถานการณ์ให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับโอกาสนั้น
ถ้าการคาดเดาของเขาถูกต้อง อีกฝ่ายอาจเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่และรู้ว่าใครเป็นผู้ทำลายผนึกทาส หากพวกเขาไม่ถือสา พวกเขาก็อาจจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น มันก็จะมีปัญหามากมายที่กำลังรอเขาอยู่