(ฟรี) ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 130 ความอดทนของชิงอี้
ท่ามกลางบันไดของเทือกเขายอดดารานั้นมีผู้คนมากมายที่ค่อยเดินขึ้นและลง
“ท่านอาจารย์ ท่านรู้หรือไม่ว่า เหตุใดยอดเขาดาราที่เก้าถึงถูกเรียกว่ายอดเขาสะเก็ดดารา” ฉู่หยางมองไปที่ยอดเขาที่เก้า ขณะที่ถามเซวียนห่าว
หูของชิงอี้ขยับเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำถามของฉู่หยาง นางขยับเข้าใกล้เซวียนห่าวด้วยความสนใจ
“หืม... จากที่ข้ารู้ เมื่อครั้งที่ผู้ก่อตั้งนิกายกระบี่ล่องนภาและผู้ก่อตั้งอาณาจักรนภาสวรรค์ยังมีชีวิตอยู่ ในตอนนั้นนิกายกระบี่ล่องนภาเล็กกว่าที่เป็นอยู่มาก อีกทั้งเทือกเขายอดดาราเองก็ยังคงอยู่เป็นของราชวงศ์”
“อยู่มาวันหนึ่งก็มีดาวตกที่ได้ทำลายส่วนหนึ่งของเทือกเขายอดดารา จนทำให้ยอดเขาในเทือกเขายอดดารามีความสูงที่ลดลง มีเพียงยอดเขาหลักของเทือกเขายอดดาราเท่านั้นที่รอดจากการทำลายของดาวตกนี้ มีข่าวลือว่าที่บนยอดเขาของเทือกเขายอดดารานั้นยังคงเหลือเศษของดาวตกอยู่”
เมื่อเซวียนห่าวมองไปยังยอดเขาที่เก้า เขาก็สัมผัสได้ถึงความวุ่นวายในทันท
“เกิดเหตุใดขึ้นกับยอดเขาหลักของเทือกเขายอดดาราหรือ? ท่านผู้ก่อตั้งอาณาจักรนภาสวรรค์รู้หรือไม่?” ชิงอี้รีบเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ผู้ก่อตั้งอาณาจักรนภาสวรรค์ไม่สามารถครอบครองเศษดวงดาวนั้นได้ มีเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตราชันเท่านั้นที่สามารถไปถึงยอดเขาหลักของเทือกเขายอดดาราได้...
“ในตอนนั้น ผู้ก่อตั้งก็ได้เอ่ยถามกับจักรวรรดินภาว่าเขาต้องการสิ่งนั้นหรือไม่ พวกเขาเองก็ส่งคนมาที่เทือกเขายอดดารานี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีสิ่งใดแตกต่าง ข้าคาดว่าเศษดวงดาวอาจยังคงอยู่ที่นี่!”
“มีข่าวลือว่าเศษดวงดาวถูกผู้ฝึกตนขอบเขตราชันของจักรวรรดินภาแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดที่จะรู้ นอกจากเราจะไปยังที่นั่นด้วยตนเอง...” เซวียนห่าวรู้ว่าหากเขาต้องการไปที่ยอดเขาหลักของเทือกเขายอดดารา เขาก็ต้องอยู่ที่ขอบเขตราชันเสียก่อน
ด้วยความสามารถของเขา สิ่งที่เขาต้องการก็คือเวลาหรือศิษย์ที่ทะลวงสู่ขอบเขตควบแน่นแก่นแท้
ไม่ว่าเศษดวงดาวจะยังคงอยู่หรือไม่ ตอนนี้เซวียนห่าวก็อ่อนแอเกินกว่าจะคิดเรื่องนี้
อดีตของเทือกเขายอดดารานั้นลึกลับมากและเซวียนห่าวเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มากนัก
ชิงอี้และฉู่หยางที่ได้ยินคำอธิบายของเซวียนห่าว พวกเขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ เซวียนและศิษย์ทั้งสองก็หาทางขึ้นไปบนยอดเขาดาราที่เก้าได้สำเร็จ
บนยอดเขาดาราที่เก้ามีทางเรียบขนาดใหญ่ที่ทอดยาวออกไปหลายฉื่อ ทุกทิศทุกทางปกคลุมด้วยป่าเขียวชอุ่มที่มีสมุนไพรและพืชนานาชนิดขึ้นอยู่รอบ ๆ จากสิ่งนี้เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าผู้ใดก็รู้ว่ายอดเขานี้สูงตระหง่าเพียงใด
เซวียนห่าว, ชิงอี้และฉู่หยางรู้สึกประหลาดใจกับภาพตรงหน้าเล็กน้อย
เซวียนห่าวเคยอ่านเจอว่าที่แห่งนี้นั้นอุดมไปด้วยสมุนไพรนานาชนิด แต่เมื่อเขาเห็นด้วยตาของตน เขาก็ยังรู้สึกทึ่งไม่หาย
อุณหภูมิโดยรอบของยอดเขานี้เหมือนกันด้านล่างอยู่มาก สิ่งนี้ไม่เหมือนกับที่เขาคิดโดยสิ้นเชิง หากไม่ใช้ว่าเขาอยู่ที่สูง เขาก็คงไม่ตระหนักว่าตนนั้นอยู่ที่ยอดเขาดาราที่เก้า
นี่เป็นเรื่องแปลกอย่างมาก แม้ว่าเขาจะอยู่บนยอดเขาเช่นนี้ เขากับรู้สึกราวกับอยู่ที่พื้นดินปกติ
เซวียนห่าวไม่ต้องการคิดถึงเรื่องนี้ต่อ เขาจึงพาศิษย์ทั้งสองเดินผ่านป่าที่เขียวชอุ่มนี้ไป
พลังปราณที่นี่นั้นรุนแรงและหนาแน่นกว่าที่พื้นดินมาก หากจะคิดว่าการอยู่ที่นี่จะทำให้ฐานการบ่มเพาะก้าวหน้าได้อย่างมั่นคง นั่นคงเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ การที่อยู่ที่นี่นานไปจะทำให้ฐานการบ่มเพาะหรือแม้แต่จุดตันเถียนบาดเจ็บได้
นี่คือเหตุผลที่นักสำรวจส่วนใหญ่รีบเก็บรวบรวมสมุนไพร ก่อนที่จะกลับไปพักฟื้นที่ด้านล่าง
“ท่านอาจารย์ ข้าขออยู่ที่นี่ก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ?” ขณะที่เซวียนห่าวกำลังเดินผ่านป่านี้ไป ทันใดนั้นชิงอี้ก็ได้จับเสื้อคลุมเขาก่อนที่จะถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
เมื่อเซวียนห่าวเห็นสายตาที่ราวกับลูกสุนัข เขาก็หันไปมองสมุนไพรทางด้านหลัง
“เราจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ตอนนี้เราจะต้องไปที่ยอดเขาดาราที่สามก่อน หากเจ้าอยู่ที่นี่นาน เจ้าอาจทนต่อพลังปราณที่ยอดเขาดาราที่สามไม่ได้” เมื่อเซวียนห่าวพูดจบ เขาก็เห็นใบหน้าของชิงอี้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ
ด้วยเหตุนี้ เซวียนห่าวและฉู่หยางต่างก็เดินออกจากป่านี้ไป ขณะที่ชิงอี้หันกลับไปมองสมุนไพรที่นางรักเป็นครั้งคราว เมื่อตอนที่นางเข้ามาที่ป่าแห่งนี้ นางก็ได้เห็นนักสำรวจจำนวนมากที่เก็บสมุนไพรเหล่านี้ไปมากมายมหาศาล แต่นางกลับทำเช่นนั้นไม่ได้
นางทำได้เพียงแค่เก็บสมุนไพรมนุษย์ตามทางของนางเท่านั้น แต่เหล่านักสำรวจกลับได้สมุนไพรล้ำค่าจากยอดเขาดาราที่เก้าไปมากมาย
‘ช่างเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดเสียจริง!’