บทที่ 216 – ปีศาจน้อยผู้มีเมตตา
เพราะผนึกเวทย์มนต์ของผมบังคับให้เธอนั้นต้องคืนสภาพที่แท้จริง ตอนนี้เธอไม่สามารถกล่าวออกมาเป็นภาษาปกติได้ แต่ดวงตากลมโตคู่นั้นมีน้ำตาไหลออกมา ในขณะที่กำลังจ้องมองมาทีผมอย่างขอความเมตตา
อาจเป็นดวงตาคู่นั้น ที่ทำให้ผมถามออกไป “เจ้าทำสิ่งที่โหดร้ายมามากมาย ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่สมควรอีกหรือที่จะถูกลงโทษด้วยการสังหาร?”
ปีศาจอสูรตัวเล็กนั่นพยายามส่ายหัวของมันด้วยพละกำลังที่เหลือทั้งหมดทันที เหมือนกับว่าผมกำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไปอย่างนั้น ซูเหอที่อยู่ด้านข้างกล่าวออกมา “หือม์! ดูเหมือนว่าเธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง”
จ้านหู่ขัดขึ้น “จะมีอะไรให้พูดอีกหรือ? ก็แค่อยากจะของความเมตตาเท่านั้น จางกง! รีบ ๆ ฆ่ามันเสีย พวกเรายังต้องรีบเดินทางกันต่อ”
แต่ผมเริ่มใจอ่อนจากแววตาของเธอแล้ว ผมผ่อนคลายผนึกเวทย์ลงอีก ก่อนจะกล่าวบอกเธอ “ถ้าคิดที่จะหนี ข้ารับรองกับเจ้าได้ก่อนเลยว่า ศพของเจ้าจะไม่สวยอย่างแน่นอน! แต่ข้าจะให้โอกาสเจ้าอธิบายออกมาครั้งหนึ่ง”
ปีศาจจิ้งจอกตัวน้อยนั่นส่งเสียงที่น่าสงสารออกมา ก่อนที่จะมีพลังเวทย์กระเพื่อมอยู่ร่างกายขนาดเล็กของมัน และค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงรูปร่างกลายเป็นหญิงสาวคนเดียวกับที่พวกเราทั้งหมดเห็นก่อนหน้านี้ รูปร่างที่เย้ายวนของเธอยังทำให้ผมใจเต้นแรงได้อีกครั้ง ผมกัดปลายลิ้นของตัวเอง ก่อนจะขู่ออกไป “ถ้าเจ้ายังคิดที่จะล่อลวงพวกเราอีก ข้าจะไม่ไว้หน้าแล้วนะ”
ปีศาจจิ้งจอกสาวรีบกล่าว “ไม่! ไม่! ข้าไม่กล้าแล้ว!”
“เจ้ารีบกล่าวออกมา มีอะไรจะแก้ตัว” ผมไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อ “ข้าไม่ได้มีเวลามายืดยาดอยู่ที่นี่มากนักหรอกนะ”
สายตาของจิ้งจอกสาวมองมาที่ผมอย่างน่าสงสาร “ข้าเป็นเพียงปีศาจจิ้งจอกธรรมดาที่บังเอิญเกิดสติปัญญาขึ้น และได้เรียนรู้วิธีการฝึกฝนที่ท่านเรียกว่าการยกระดับตัวเองเท่านั้น แต่ถึงวิธีการฝึกฝนนั้นจะทำให้ข้าต้องการเลือดของผู้อื่น ข้าก็ไม่เคยสังหารผู้ใดเลย”
ผมคำรามออกมาอย่างเย็นชา “จะให้ข้าเชื่อคำพูดของเจ้าจริง ๆ หรือ? เจ้าสามารถฝึกฝนมาจนได้ถึงระดับนี้ โดยไม่ได้ฆ่าใครแม้แต่คนเดียวนี่นะ?”
เธอรีบตอบกลับมาทันที “ข้าพูดความจริงทั้งหมด นายท่าน! ถึงแม้ว่าข้าจะดูดเลือดของเผ่าปีศาจไปบ้าง แต่ทุกครั้งที่ข้าทำอย่างนั้น ข้าเพียงแต่ทำให้พวกเขาสิ้นสติไปเท่านั้น และไม่ได้ดูดเลือดพวกเขาจนถึงแก่ชีวิต แต่ใช้วิธีดูดเพียงเล็กน้อยจากหลายคนเท่านั้น ข้าไม่เคยฆ่าใครเพื่อเจตนาเอาเลือดของเขาเลยจริง ๆ!”
ผมหันกลับไปถามซูเหอ “สิ่งที่เธอกล่าวออกมามีความเป็นไปได้หรือไม่?”
ซูเหอพยักหน้า “จากสิ่งที่เห็นอยู่นี่ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้โกหกนะ ตรงหว่างคิ้วของเธอไม่มีเส้นสีดำปรากฏอยู่ เธอน่าจะไม่เคยฆ่าใครมาก่อนจริง ๆ”
นั่นทำให้ผมต้องใช้ความคิดแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ “ถ้าเจ้าไม่เคยฆ่าใครจริง ๆ ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก็ได้ แต่ต่อไปถ้าจะหาอาหารอีก ต้องระวังตัวอย่างไปฆ่าใครเข้าก็แล้วกัน เจ้าไปได้แล้ว”
ปีศาจสาวเจ้าเสน่ห์นั่นเริ่มโขกศีรษะและพร่ำขอบคุณผมออกมาอย่างไม่หยุด จนทำให้ผมต้องใช้พลังเวทย์ยกตัวเธอให้ยืนขึ้น ก่อนจะกล่าวห้ามออกไป “พอได้แล้ว! แค่ต่อไปเจ้าไม่สังหารผู้ใด นั่นก็เป็นวิธีการตอบแทนบุญคุณที่ดีที่สุดแล้ว ไปเสียที!”
แต่เธอไม่ยอมจากไป กลับกระซิบออกมา “นายท่าน ข้าขออะไรท่านบางอย่างได้หรือไม่?”
แค่ผมไม่สังหารเธอลงไปเสีย นี่ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว เธอยังต้องการอะไรอีก? ผมได้แต่ถามออกไปอย่างหงุดหงิด “พูดออกมา!”
สีหน้าของจิ้งจอกสาวเต็มไปด้วยความหวัง “ข้าขอเดินทางไปกับท่านด้วย!”
คำขอที่ไม่สมเหตุสมผลนี้ทำให้ผมอึ้ง ก่อนที่จะรีบปฏิเสธเธอออกมาเสียงดัง
น้ำตาของปีศาจเจ้าเสน่ห์เริ่มไหลออกจากดวงตาคู่งามของเธอแล้ว เธอสะอึกสะอื้นออกมา “ข้าไม่เคยฆ่าเผ่าปีศาจเลยแม้แต่คนเดียว ไม่ต้องนับถึงเผ่ามนุษย์เลย รับข้าไว้เถิดนะ ให้ข้าไปด้วยเถิด!”
ผมยังยืนยันที่จะไม่ให้เธอไปด้วย “นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าฆ่าหรือไม่ฆ่าเท่านั้น ข้าไม่สามารถพาเจ้าไปด้วยได้ อยู่ฝึกฝนที่นี่ต่อไปนะเป็นผลดีต่อเจ้าแล้ว” ถ้าพาเธอไปด้วยมันคงเป็นเรื่องตลกแน่ รูปร่างหน้าตาของเธอแบบนี้ ผมคงได้ทำให้มู่จือกับไหสุยเสียใจเข้าสักวันแน่ พวกเรายังเป็นผู้ชายทั้งแท่งกันอยู่นะ
แต่ซูเหอเข้าไปกระซิบบอกเธอ “ท่านหัวหน้าจะยอมให้เจ้าเดินทางไปด้วยได้อย่างไร ถ้าเจ้ายังอยู่ในรูปลักษณ์แบบนี้? เปลี่ยนไปอยู่ในร่างอื่นเร็วเข้า” เหมือนว่าปีศาจจิ้งจอกตนนี้จะหัวไวไม่น้อย รีบเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจจิ้งจอกหางเดียวตัวเล็ก ๆ น่ารักทันที และรีบกระโจนขึ้นมาอยู่ในอ้อมอกผม พร้อมกับแลบลิ้นของมันเลียมาที่ใบหน้าของผมด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมจ้องไปที่ซูเหออย่างดุร้าย “เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่? ทำไมถึงอยากให้เธอติดตามไปด้วย?”
เขามองผมกลับมาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ท่านอาจจะยังไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์ของเธอนั้นพิเศษมาก พรสวรรค์แต่กำเนิดของเธอนั้นไม่ได้ดีมากนักหรอก เพราะฉะนั้นกว่าที่จะฝึกฝนมาจนถึงจุดนี้ได้ เธอคงต้องผ่านความยากลำบากมาไม่น้อยแน่ ๆ และถ้าเธอต้องการที่จะยกระดับต่อไป เธอต้องการคนจำนวนมากที่เชื่อมั่นในตัวเธอ หรือไม่ก็พลังบางอย่างของพระเจ้าเท่านั้น นี่แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย! แต่ท่านนั้นแตกต่าง ในร่างกายของท่านต้องมีพลังงานบางอย่างของพระเจ้าอยู่แน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเธอไม่ต้องการที่จะติดตามท่านไปหรอก”
ได้ยินสิ่งที่ซูเหอกล่าว จิ้งจอกตัวน้อยผงกหัวสนับสนุนไม่หยุดเลยทีเดียว
แต่ผมกลับโยนเธอออกไปให้พี่ใหญ่จ้านหู่ทันที “พี่ใหญ่! พี่ก็มีพลังของพระเจ้าอยู่เหมือนกันนี่ รับเธอเอาไว้เถอะนะ เธอเปลี่ยนร่างเป็นสาวสวยได้ด้วย”
ร่างปุกปุยนั่นตกลงในอ้อมอกของจ้านหู่อย่างแม่นยำ ทำให้เขาสะดุ้งโหยงทันที และเมื่อจับใจความที่ผมพูดได้ เขาก็ตวาดออกมาด้วยความโกรธ “จางกง! เจ้าเด็กเลว ไม่ต้องมาโยนความคิดแย่ ๆ ให้ข้าเลย ไม่เอา! สาวสวยคนนี้ปล่อยให้อยู่กับเจ้าดีแล้ว” แล้วเขาก็โยนปีศาจจิ้งจอกกลับมาที่ผมอีกครั้ง และก่อนที่ผมจะพยายามโยนมันต่อไปให้ตงรื่อ ผมก็สังเกตเห็นน้ำตาของมันไหลออกมาอีกครั้ง จึงได้แต่ถอนหายใจ “ก็ได้! ข้ายอมให้เจ้าติดตามข้าไปก็ได้ แต่ห้ามคิดที่จะทำอะไรไม่ดีเด็ดขาด ถ้าเจ้ากล้าทำเรื่องอะไร ข้าจะทิ้งเจ้าทันที เข้าใจมั้ย? แล้วอีกอย่าง ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามเปลี่ยนร่างเด็ดขาด โดยเฉพาะรูปลักษณ์ของหญิงสาวคนนั้น เข้าใจแล้วหรือไม่?” ผมมันเป็นคนที่มีความเมตตากรุณา จะทิ้งเธอไปเฉย ๆ ก็คงจะไม่ดีแน่ ต่อไปก็แค่มอบเธอให้มู่จือเป็นของขวัญก็พอแล้วนี่
น้ำตาในดวงตาของเธอแห้งลงทันทีเหมือนกัน กลายเป็นแววตาแห่งความดีใจเข้ามาแทนที่
ส่วนผมได้แต่คิดอยู่ในใจ ภารกิจของพวกเรายังไปไม่ถึงไหนเลย ตอนนี้กลุ่มของเรามีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาแล้วสองคน
และต้องขอบคุณเหตุการณ์ที่เจ้าปีศาจจิ้งจอกนี้สร้างขึ้น พวกเราเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว ผมรีบถามซูเหอทันที “ไหนเจ้าบอกว่าในภูเขาที่มีป่าทึบแบบนี้จะมีปีศาจอสูรอยู่อย่างไรล่ะ? ทำไมพวกเราถึงไม่เจอมันเลย? นอกจากเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้”
เขาได้แต่ยิ้มออกมาอย่างละอายใจ “การที่จะได้เจอปีศาจอสูรหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโชคด้วย มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามใจพวกเราคิดนี่”
แล้วโดยไม่ทันได้คาดคิด เจ้าจิ้งจอกน้อยกระโดดออกจากไหล่ของผมวิ่งออกไปข้างหน้าของพวกเรา ก่อนที่จะหมอบลงกับพื้น ร่างกายของเธอมีกลิ่นอายบางอย่างคล้าย ๆ กันกลิ่นฉี่ลอยออกมา ผมได้แต่อึ้งก่อนจะอุทานออกมา “นั่นเธอทำอะไร เข้าห้องน้ำตรงนี้เนี่ยนะ?”
ผมยังไม่ทันจะพูดจบประโยค เสียงพุ่มไม้สั่นไหวก็ได้ยินเข้าหูของพวกเรา จ้านหู่ออกปากเตือนทันที “ทุกคนระวังตัวเอาไว้ น่าจะเป็นปีศาจอสูรกำลังมา”
เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ มันเป็นปีศาจอสูรรูปร่างคล้ายสุนัขที่กระโจนเข้าหาปีศาจจิ้งจอกที่กำลังหมอบอยู่ จิ้งจอกน้อยพลิกตัวหลบ ก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนหลังของสัตว์อสูรตัวนั้น ก่อนที่จะใช้เหล็กไนที่หางของเธอแทงเข้าไปอย่างแรง ทำให้ปีศาจอสูรตัวนั้นล้มคว่ำลงกับพื้นทันที
แล้วกลิ่นฉุนนั่นก็หายไปในทันที ตงรื่อกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ “กลิ่นนั่นล่อพวกปีศาจอสูรให้เข้ามาหาได้อย่างนั้นหรือ?”
ปีศาจจิ้งจอกตัวน้อยใช้กงเล็บน้อย ๆ ของเธอชี้ไปที่ปีศาจอสูรรูปร่างเหมือนสุนัขที่นอนกองอยู่บนพื้น เหมือนกับจะแสดงผลงาน ซูเหอเป็นคนเดินเข้าไปดูก่อน “อา! นี่มันเป็นปีศาจอสูรระดับ D พวกเราสามารถใช้มันเป็นอาหารได้” ส่วนเจ้าจิ้งจอกนั่นวิ่งกลับมาอยู่บนไหล่ของผมแล้ว ใช้หางของเธอปัดป่ายไปทั่ว ส่งเสียงของความดีความชอบออกมา
ผมได้แต่กระแอมออกมา “ถือว่าเจ้ามียังมีประโยชน์อยู่บ้าง ข้าจะจำความดีของเจ้าในครั้งนี้เอาไว้! พี่ใหญ่ ไม่ใช่ว่าพี่ทำอาหารเป็นหรอกหรือ? พวกเรากำลังรอที่จะชิมฝีมือพี่อยู่เลย”
“ไม่มีปัญหา” เสียงเขาตอบกลับมา “ข้าได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ทางด้านซ้ายมือนั่น ไม่น่าจะไกลมากนัก พวกเราไปพักทำอาหารกันที่นั่นเถอะ”
เจี้ยนซานเป็นคนรับผิดชอบลากร่างของเจ้าปีศาจอสูรนั่นเดินตามพวกเราไปตามที่จ้านหู่บอก ไม่นานก็พบกับน้ำพุเล็ก ๆ อยู่บ่อหนึ่ง พี่ใหญ่จ้านหู่รีบอวดออกมาทันที “เป็นอย่างไร ประสบการณ์ในป่าของข้ายังใช้ได้ดีใช่มั้ย?”