ตอนที่แล้วบทที่ 16
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18

บทที่ 17


บทที่ 17

หลังจากกลับมาที่บ้าน สวี่ล่ายก็เริ่มเก็บตัว เขาตั้งใจที่จะหลอมรวมเพลิงต้านมังกรลูกเล็กๆนี้อย่างเต็มที่

อย่าดูถูกว่ามันเป็นแค่ลูกไฟดวงเล็กเท่าเส้นผม เพราะสิ่งนี้ร้อนพอที่จะละลายเหล็กได้ อีกทั้งหากได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม มันจะกลายเป็นนักฆ่าที่ยอดเยี่ยมเมื่อต่อสู้กับศัตรู

ในความเป็นจริง สวี่ล่ายหวังมานานแล้วว่าจะได้รับเพลิงฟ้าดิน แต่ไม่ได้คาดหวังว่ทางตระกูลได้จัดเตรียมไว้ให้เขาแล้ว นี่ทําให้สวี่ล่ายปลื้มใจเล็กน้อย

ไม่เพียงเท่านั้น ในโลกใบนี้ยังมีทักษะฝึกในการเพิ่มพลังเพลิงฟ้าดินเช่นกัน หากฝึกมัน จะช่วยให้กระบวนการหลอมราบรื่นมากขึ้น

เมื่อแสงเพลิงฟ้าดินเริ่มสลัวลง สวี่ล่ายก็รู้สึกได้ว่าเกือบจะพร้อมแล้ว เขาประกบฝ่ามือเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการป้อนปราณบริสุทธิ์

“ผนึก!”

สวี่ล่ายตะโกน สองมือสร้างตราผนึกบนหน้าอกอย่างรวดเร็ว กระแสปราณบริสุทธิ์ก่อตัวเป็นรูปดาวหกเหลี่ยมรอบๆ เพลิงต้านมังกร

“หึ่ง หึ่ง~!”

ผนึกเกิดแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย และสร้างปราณบริสุทธิ์เข้าห่อหุ้มเพลิงต้านมังกร ในระยะเวลาอันสั้นเพียงหนึ่งเค่อ เพลิงต้านมังกรก็ถูกห่อหุ้มอย่างแน่นหนาเหมือนรังไหม จากนั้นสวี่ล่ายอ้าปากกลืนเพลิงต้านมังกรโดยเร็ว

และเมื่อเพลิงต้านมังกรเพิ่งเข้าไปในทะเลของตันเถียน คลื่นความผันผวนบางอย่างก็ปะทุออกมา

“อ๊ะ ไม่ได้การ!” สวี่ล่าย หน้าซีดด้วยความตกใจ ระดมปราณบริสุทธิ์ทั้งหมดภายในตันเถียนอย่างเร่งรีบเพื่อผนึกมันอย่างเต็มกำลัง

ตามบันทึกในการทักษะฝึก หากเพลิงฟ้าดินหลุดออกจากผนึกก่อนที่จะหลอมรวมได้สำเร็จ นั่นจะเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงสำหรับผู้ฝึกตน สำหรับกรณีที่ไม่รุนแรง เส้นลมปราณถูกเผาไหม้นิดเดียว ฐานบำเพ็ญเพียรก็จะลดลงอย่างมาก กรณีที่ร้ายแรง คือคนผู้นั้นถูกเพลิงฟ้าดินเผาผลาญร่างกายจนถึงแก่ความตาย

สวี่ล่ายประสานผนึกรูปแบบต่างๆด้วยสองมืออย่างรวดเร็ว ระดมปราณบริสุทธิ์ในตัวตั้งใจที่จะปิดผนึกอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

“หือ? นี่คือ......?”

เห็นเพียงเพลิงต้านมังกรในร่างกายของสวี่ล่าย เพิกเฉยต่อผนึกอย่างไม่คาดคิด และลอยออกมาจากรังไหมปราณบริสุทธิ์ด้วยตัวมันเอง อีกทั้งมันยังดูมีความสุขมาก ว่ายตามเข็มนาฬิกาในทะเลตันเถียน

“สถานการณ์นี้มันอะไรกัน?” สวี่ล่ายรู้สึกสับสนอย่างยิ่ง

นี่หมายความว่าการหลอมรวมประสบความสำเร็จใช่ไหม? อย่างไรก็ตาม เพลิงต้านมังกรนี้กลับยังไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งเลย หรือมันกำลังว่ายอวดโอ้ไปรอบๆเพื่อที่จะบอกว่าการหลอมรวมล้มเหลวใช่ไหม? แต่ทำไมไม่รู้สึกถึงอาการแสบร้อนที่สมควรได้รับในร่างกายเลยเล่า?

เวลานี้ สวี่ล่ายขบคิดจนหัวแทบแตกแต่ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน หลังจากใช้เวลานานพอสมควร ในที่สุดเพลิงต้านมังกรก็สงบลง มันล่องลอยอย่างเงียบ ๆ ในทะเลตันเถียน

ณ เวลานี้ สวี่ล่ายเริ่มพยายามระดมพลังปราณบริสุทธิ์ของร่างกายเพื่อสั่งการเพลิงต้านมังกร

“จงแสดงตัวออกมา!” สวี่ล่ายพลิกฝ่ามือ ลำแสงปราณบริสุทธิ์โหมกระหน่ำ เกิดเสียง ‘ฟู่ว’ พร้อมลูกไฟสีดำดวงเล็กโผล่ออกมาจากฝ่ามือเขา

“หือ?” สวี่ล่ายมีความสุขมาก ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นไปอย่างราบรื่นเช่นนี้

“จงกลับคืน!” สวี่ล่ายกำหมัดแน่น  เพลิงต้านมังกรในฝ่ามือของเขาหายไปทันทีกลับมาอยู่ในทะเลตันเถียนอีกครั้ง

“สําเร็จแล้วหรือ? วะ ฮ่า ๆ~” สวี่ล่ายกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้น นึกไม่ถึงว่ากระบวนการการหลอมรวมจะเป็นไปอย่างราบรื่นมาก

[ติ๊ง!]

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณประสบความสำเร็จในการหลอมรวมเพลิงฟ้าดินระดับตัวอ่อน --เพลิงต้านมังกร]

[ติ๊ง!]

[ฟังก์ชั่นอัพเกรดเพลิงฟ้าดินเปิดทำงานแล้ว]

“เหอะ เหอะ ระบบนี่ดีจัง ตราบใดที่มีระบบช่วยจัดการทุกอย่าง ข้าก็แทบไม่ต้องเปลืองสมองเลย” สวี่ล่ายส่ายหัวเยาะเย้ยตัวเอง รู้สึกชอบโลกใบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

“ยังไงก็เถอะ เหมือนว่าจะมีการเปิดฟังก์ชั่นอัพเกรด?” สวี่ล่ายรีบเกิดม้วนเหล็กดำในตันเถียนเพื่อตรวจสอบว่ามันคืออะไร

และได้คำตอบว่ายิ่งระดับของเพลิงฟ้าดินสูงเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น สวี่ล่ายตั้งตารอการเติบโตของเจ้าลูกไฟน้อยนี้อย่างกระตือรือร้น

ชื่อเพลิงฟ้าดิน: เพลิงต้านมังกร

ระดับ: รูปแบบตัวอ่อน --หนึ่งดาว (ระดับสมบัติขั้นสูง)

คุณสมบัติ: ธาตุมืด

ความสามารถ:กลืนกิน

หลังจากที่ได้อ่านคำแนะนำ สวี่ล่ายตาสว่างขึ้นทันที ดูท่าว่าสิ่งนี้จะมีศักยภาพมากกว่าดาบกระหายเลือดเสียอีก นอกเหนือจากความประหลาดใจของสวี่ล่าย ยังคงมีความตื่นเต้นเล็กน้อยในใจเขา

“ดีล่ะ! มาทดสอบพลังของแกกัน ..”

อย่างไรก็ตาม สวี่ล่ายแค่ต้องการลองใช้พลังของเพลิงต้านมังกร ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตูอย่างแรง

ป้าง! ป้าง! ป้าง!

“นายน้อย เกิดเรื่องแล้ว มีคนมาส่งจดหมายท้าประลองให้ท่าน”

“อะไรนะ? จดหมายท้าประลอง?” สวี่ล่ายกลอกตาคิด ก่อนรีบวิ่งออกจากห้อง และพบสวี่เปารออยู่นอกประตูด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“สวี่เปา เกิดอะไรขึ้น?”

“อืม แล้วอีกฝ่ายเป็นมายังไงกันแน่? สวี่ล่ายพยักหน้า ตามหลังสวี่เปา

“นายน้อย เฮะ เฮ่ ... ผู้ที่มาคราวนี้มีเสน่ห์มากเลยล่ะจะบอกให้!”  คิ้วของสวี่เปาเลิกขึ้นใบหน้าคล้ายยิ้มและดูลามกเล็กน้อย มองสวี่ล่ายจนเขารู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

ทันทีที่เข้าสู่ห้องโถงต้อนรับ เห็นเพียงพวกสวี่หูชักดาบออกมา กำลังล้อมรอบสตรีนางหนึ่งที่มีรูปลักษณ์ทรงเสน่ห์

“สวี่ล่าย! ไสหัวออกมาพบข้า!”

“สถานการณ์เป็นอย่างไร?” สวี่ล่ายเห็นสถานการณ์ตรงหน้าเขา ก็เกิดความสับสนเล็กน้อย

“นายน้อย ในที่สุดท่านก็มา” สวี่หูเป็นคนแรกที่รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของสวี่ล่าย เพื่อรายงานสถานการณ์

“หือ? เจ้าน่ะหรือขยะไร้ค่าสวี่ล่าย?”

“เอ่อ ... ถูกต้องเป็นข้าเอง” สวี่ล่ายขมวดคิ้ว สำรวจมองสตรีทรงเสน่ห์เบื้องหน้าขึ้นๆลง

เห็นเพียงสตรีที่มีใบหน้ารูปเมล็ดแตงโม สันจมูกสูง ริมฝีปากเล็ก ดวงตาดั่งจิ้งจอกที่มีเสน่ห์คู่หนึ่งเป็นประกาย นอกจากนี้ยังมีไฝดำอยู่ใต้หางตาด้านซ้าย บนตัวสวมชุดกี่เพ้ายาวถึงเท้า แต่กระโปรงทางซ้ายของกี่เพ้าแหวกเปิดขึ้นมาเกือบถึงเอว เผยขายาวที่ขาวดั่งข้าวสาลีโผล่ออกมาข้างนอก ดึงดูดทุกสายตา อีกทั้งยังมีกลิ่นน้ำหอมเข้มข้นโชยออกมาจากร่างกาย ต่อให้ยืนอยู่หน้าประตูก็ยังได้กลิ่นมัน

“ข่าวลือภายนอก เอาแต่พูดกันว่าไอ้ขยะเช่นเจ้าเอาชนะหลี่อวี้ถิงได้ เป็นเรื่องจริงหรือ?”ทันทีที่ผู้หญิงคนนี้เห็นสวี่ล่าย ก็สาวเท้าเข้ามาประชิดทันทีด้วยความโกรธ

“เอ่อ......ไม่ทราบว่าแม่นางผู้นี้คือ......?” สวี่ล่ายเพิ่งเปิดปากถาม สวี่เปาที่อยู่ข้างๆก็รีบเข้ามากระซิบข้างหู

“นายน้อย แม่นางผู้นี้คือองค์หญิงกลิ่นหอมแห่งราชวงศ์ต้าหยาน --หลิวเฟยเยี่ยน นางคือคู่หมั้นของหลี่อวี้ถิง”

“องค์หญิงกลิ่นหอม? เออ กลิ่นนางก็แรงพอตัวจริงๆนั่นแหละ” สวี่ล่ายบีบจมูกหนึ่งที ทันใดนั้นก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “เจ้าพูดว่าอะไรนะ? คู่หมั้นของหลี่อวี้ถิงงั้นหรือ?”

“ใช่”

สวี่ล่ายมองสวี่หูและคนอื่นๆ เห็นเพียงทุกคนพยักหน้าซ้ำๆ ก็ค่อยเข้าใจว่าเรื่องนี้ชักจะยุ่งยากเสียแล้ว

“องค์หญิงกลิ่นหอม ข้าว่า...... เชิญท่านสงบใจแล้วดื่มชาก่อนเถิด?” สวี่ล่ายทำหน้ามุ่ย ผายมือแสดงท่าทางว่าตนบริสุทธิ์

“อย่าพูดไร้สาระกับข้า ข้ากำลังถามเจ้า มีข่าวลือว่าเจ้าเอาชนะหลี่อวี้ถิงคู่หมั้นของข้าได้ มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่?” ดวงตาของหลิวเฟยเยี่ยมเบิกกว้างขึ้น ถามด้วยเสียงอันดัง

“นี่......ตอนนั้นหอจูเซียน ข้ากับหลี่อวี้ถิงเพียงประมือกันกระบวนท่าเดียว แม้ว่าเขาจะเสียเปรียบในตอนนั้นจริงๆ แต่พวกเราก็ยังไม่ได้ถึงขั้นตัดสินแพ้ชนะ ..”

ไม่รอให้สวี่ล่ายพูดจบ หลิวเฟยเยี่ยนเลิกคิ้วขึ้นและขัดจังหวะคำพูดเขา “ฮึ่ม ข้ารู้อยู่แล้ว ขยะเช่นเจ้าจะเอาชนะหลี่อวี้ถิงได้อย่างไร”

“เฮ้ยๆ คำก็ขยะ สองคำก็ขยะ นายน้อยของเราน่ะ......”

สวี่เปียวทนไม่ไหวแล้วจริงๆ แค่อยากจะแย้งสักคำ อย่างไรก็ตามเพิ่งผ่านไปครึ่งประโยค ทันใดนั้นก็มีแสงสีแดงวาบขึ้น หลิวเฟยเยี่ยนปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างกะทันหัน

“เร็วจัง!” สวี่ล่ายแตกตื่นตกใจ

“ฮึ่ม!  แค่บริวารเล็กจ้อย กล้าดียังไงมาขึ้นเสียงต่อหน้าเราองค์หญิง ยื่นหน้ามาให้เราตบปากเสีย!”หลิวเฟยเยี่ยนตวาด เห็นเพียงฝ่ามือเล็กๆสีขาวดั่งข้าวสาลีเหวี่ยงออกมา

“อ๊าาา!” สวี่เปียวตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ

เมื่อเห็นว่าสวี่เปียวกำลังจะประสบความทุกข์ทรมาน ทันใดนั้นเงามนุษย์ร่างหนึ่งก็โผล่ไปข้างๆเขา

“หยุด!”

เพี๊ยะ!

พริบตานั้นมือหนึ่งกำเข้าที่ข้อมือของหลิวเฟยเยี่ยน

“เจ้า...กล้าดียังไง! เจ้ากล้า ... แตะตัวเราองค์หญิง! ช่างไร้ยางอาย!”หลิวเฟยเยี่ยนแก้มแดงด้วยความอาย เท้าข้างหนึ่งเหวี่ยงเตะ กวาดเป็นแนวเฉียงเข้าตรงหว่างขาของสวี่ล่าย

“หือ? ย่า~!” สวี่ล่ายไขว้สองมือแล้วหย่อนลงข้างเพื่อป้องกันลูกเตะ

ป้าง!

“ฟู่ว ฉิวเฉียด!” สวี่ล่ายลอบโล่งอก

มือก็แล้ว เท้าก็แล้วแต่หลิวเฟยเยี่ยนก็ยังทำร้ายคนไม่สําเร็จ นางเกิดความรำคาญ เขินอาย และโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกัน สองหมัดกำแน่น โคจรปราณบริสุทธิ์ และฟาดออกไปสามฝ่ามือติดต่อกัน

“สามสิบหกกระบวนท่ารูปแบบกระเรียน! ย่า~!!”

“ฝ่ามือร้อยปะทะ!”

ป้าง ป้าง ป้างงง!

สวี่ล่ายสามารถป้องกันสามกระบวนท่า แต่ก็ถูกบังคับให้ถอยออกมา

ถึงตอนนี้ เหล่าหน่วยอารักขาเห็นท่าไม่ดี ตั้งท่าเข้ามาช่วยเขา

“ไม่ต้อง!” สวี่ล่ายยกมือห้าม ชักฝีเท้าตั้งหลัก สองคิ้วขมวดเข้าหากัน พูดช้าๆว่า “ข้าขอเตือนองค์หญิงกลิ่นหอม ท่านไม่ควรมาที่นี่เพียงเพราะต้องการล้างแค้นให้หลี่อวี้ถิง ท่านสมควรคำนึงถึงใบหน้าของราชวงศ์ต้าหยานบ้าง!”

“ถุย! ขยะตัวน้อยเช่นเจ้าอย่าริอาจมาสั่งสอนข้า ขอบอกเจ้าไว้ วันนี้เราองค์หญิงมาในนามของหลี่อวี้ถิงก็จริง แต่มาเพื่อมอบจดหมายท้าประลองอย่างเป็นทางการแก่เจ้า เที่ยงวันพรุ่งนี้ ที่ศาลาสิบลี้ทางตะวันตกของเมืองหรันเถียน เจ้าต้องมาดวลชี้เป็นชี้ตายกับเขา!”

หลิวเฟยเยี่ยนขบฟันสีเงิน ตะโกนเสียงดัง

“อ๋า? ดวลชี้เป็นชี้ตาย?” สวี่ล่ายอ้าปากกว้าง เกิดอาการสับสนนิดหน่อย

“ฮึ! อะไร? หรือขยะเช่นเจ้ากลัวหรือ?”หลิวเฟยเยี่ยนตะคอกเย็นชา มุมปากโค้งงอเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มขี้เล่น

“เรื่องกล้วน่ะข้าไม่กลัว แต่การประลองหาคู่ของตระกูลเย่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เราคุณชายไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น” สีหน้าท่าทีของสวี่ล่ายกลายเป็นเย็นชา ไม่มีความตั้งใจเข้าไปพัวพัน

“ฟังให้ดี! พรุ่งนี้ข้าจะเชิญกทุกนิกายและตระกูลใหญ่ทั้งหมด ตลอดจนมือดีรุ่นเยาว์ของราชวงศ์ที่น่าจับตามอง หากเจ้าไม่กล้า พวกเราจะรวมเสียงกัน ตัดสิทธิ์ตระกูลสวี่ของเจ้าไม่ให้เข้าร่วมการประลองหาคู่!”

หลิวเฟยเยี่ยนยิ้มเย็นชา

“เจ้าว่ากระไร?” สวี่ล่ายได้ฟังก็ตกใจ

“ฮึ เราองค์หญิงพูดชัดเจนพอแล้ว นี่คือจดหมายท้าประลอง รับไปเสีย” สิ้นเสียง หลิวเฟยเยี่ยมสะบัดมือ พร้อมของบางอย่างที่สะท้อนแสงสีทองลอยลงมา

หมับ!

สวี่ล่าย เอื้อมมือข้างหนึ่งออกไปและคว้ามันไว้อย่างมั่นคง

“หืม?” หลิวเฟยเยี่ยนอึ้งไปพักหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจดหมายท้าประลองที่โยนออกไปด้วยปราณบริสุทธิ์จำนวนมาก อีกฝ่ายจะรับมันได้อย่างง่ายดาย

“ฮึ รับได้แล้วอย่างไร? อ้อใช่ หากเจ้าพ่ายแพ้คู่หมั้นข้าในการดวลครั้งนี้ เจ้าก็จะถูกตัดสิทธิ์จากการเข้าร่วมงานประลองหาคู่ครองเช่นกัน”

“นี่เจ้า...”

“โชคดี! ลาล่ะ~!” หลิวเฟยเยี่ยนระเบิดเสียงหัวเราะ จากไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาของทุกคน

“สตรีนางนี้ ...... ช่างน่าชังนัก!”

“นายน้อย ท่านจะทำอย่างไร?”

แต่ในตอนนั้นเอง สวี่ล่ายยังไม่ทันเอ่ยปากตอบ

[ติ๊ง!]

[ภารกิจเสริม : การดวลชี้เป็นชี้ตาย]

“อีกแล้วหรอเนี่ย!”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด