ตอนที่แล้วบทที่ 15
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17

บทที่ 16


บทที่ 16

“มิน่าเล่า……”สวี่ล่ายทำหน้ามุ่ย ส่ายหัวเบาๆ

“ถูกต้อง อย่างที่เจ้าคิด สุดท้ายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตระกูล ท่านบรรพชนสัญญาว่าจะส่งมอบอาวุธวิเศษ ‘ผ่าสวรรค์’ ยุบตระกูลสวี่ และปลิดชีพตัวเองเพื่อไม่ให้มีผ่าสวรรค์อีกชิ้นที่สอง” พอสวี่เหยาเหวินพูดถึงเรื่องนี้ก็ถอนหายใจเบาๆ

“ช่างน่าชังนัก!” สวี่ล่ายกัดฟันอย่างแรง เกิดความโกรธแค้นในใจ

ดังคำกล่าวที่ว่า “ผู้ไม่มีสิ่งใดนั้นปราศจากบาป แต่ผู้ครอบครองสมบัติกลับมีความผิด” ชัดเจนว่าอีกฝ่ายหมายจะครอบครองอาวุธระดับสวรรค์เลื่อนลอยแต่เพียงผู้เดียว จึงลงมือกลั่นแกล้งผู้อื่นตามอำเภอใจ

แต่ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งได้รับการเคารพอย่างถึงที่สุด ตระกูลที่อ่อนแอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากประสบชะตากรรมที่น่าสังเวช

“ท่านพ่อ แต่มันเป็นไปได้หรือที่บรรพชนผู้ยิ่งใหญ่จะเต็มใจสละอาวุธระดับสวรรค์ลี้ลับให้หลุดมือไป?” สวี่ล่ายพลันนึกถึงดาบกระหายเลือดในมือของตัวเองอย่างกะทันหัน

“เฮะ เฮ่ แน่นอนว่าไม่มีทางยอมปล่อยไปง่ายๆ” มุมปากของสวี่เหยาเหวินโค้งเล็กน้อย “ข้าคิดว่าในตอนนั้นบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่นั้นฉลาดและเฉลียวฉลาดกว่าใคร หลังจากขบคิดเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน ในที่สุดเขาก็นึกวิธีแก้ปัญหาดีๆได้”

“โอ้ วิธีใดกัน?” ตอนนี้สวี่ล่ายก็สนใจมากเช่นกัน

ภายใต้เงื่อนไขที่ยากลำบากเช่นนี้ อะไรคือวิธีแก้ปัญหาเพื่อรักษาอาวุธระดับสวรรค์ลี้ลับไว้ในมือของเขา? คำถามนี้ทำให้สวี่ล่ายสนใจอย่างมาก

ด้วยภูมิปัญญาอันล้ำเลิศของบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่และทักษะการหลอมที่ยอดเยี่ยม เขาจึงตัดสินใจที่จะแยกอาวุธระดับสวรรค์ลี้ลับ ‘ผ่าสวรรค์’ นี้ออกเป็นเจ็ดส่วน

“อะไรนะ แยก...... แยกเป็นเจ็ดส่วน?” สวี่ล่ายตกใจ ขณะเดียวกันลอบร้องในใจ ‘เวรเถอะ! นี่มันจะเก่งเกินไปแล้ว”

“ถูกต้อง หนึ่งในนั้นยังคงเรียกว่า ผ่าสวรรค์ อย่างไรก็ตาม พลังของมันลดหลั่นลงเหลือเพียงครึ่งขั้นสู่อาวุธระดับสวรรค์ลี้ลับเท่านั้น หกส่วนที่เหลือคือ: ตัดสายฟ้า , ดาราเยือกแข็ง , เชือดเงา , จันทรานภา , ไร้สิ้นสุด และดาบกระหายเลือดในมือของเจ้า พวกมันได้ถูกมอบให้แก่ 6 ตระกูลสาขา และดาบกระหายเลือดนี้เป็นบรรพชนของพวกเราที่นำมันมา”

“ตามบันทึกที่เขียนด้วยลายมือที่ตระกูลสวี่ทิ้งไว้ อาวุธทั้ง 6 ชิ้นมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร จำเป็นต้องเข้าใจถึงความลึกซึ้งของอาวุธเหล่านี้เท่านั้น จึงจะมีคุณสมบัติใช้งานมัน และเมื่ออาวุธทั้ง 7 มารวมกันอีกครั้ง ก็จะสามารถหลอมรวมกันเป็นอาวุธระดับสวรรค์ลี้ลับที่แท้จริงได้”

“ดาบทั้งเจ็ด ยามรวมเป็นหนึ่งจักสามารถผ่าสวรรค์และปฐพี!!”

สวี่เหยาเหวินกล่าวอย่างตื่นเต้น กำปั้นทั้งสองกำแน่น ร่างกายสั่นเทา

“ดูเหมือนว่า ท่านบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่ทำเช่นนี้ เพราะหวังว่าสักวันหนึ่ง ตระกูลสวี่จะสามารถลุกขึ้นมาผงาด รวบรวมดาบเล่อค่าทั้งเจ็ด และช่วยให้อาวุธวิเศษ ‘ผ่าสวรรค์’ ได้ตื่นมาเห็นแสงสว่างอีกครั้ง”

“ถูกต้อง นี่คือความปรารถนาอันยาวนานเป็นเวลาหลายพันปีของตระกูลสวี่”  สวี่เหยาเหวินกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “เดิมที ความปรารถนานี้ค่อยๆ สลายไปในรุ่นของพ่อ แต่วันนี้ เมื่อข้าเห็นเจ้าเปิดใช้งานดาบกระหายเลือด ความปรารถนาอันแรงกล้าก็ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง”

“อา......ห๊ะ? ท่านว่าอะไรนะ?”  ตอนแรกสวี่ล่ายไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายปุ๊บ ก็ฉุกคิดได้ถึงบางเรื่อง

“ฮี่ ฮี่ ข้าหมายถึง เรื่องรวบรวมดาบทั้งเจ็ดเล่มนี้ ภารกิจสร้างอาวุธระดับสวรรค์ลี้ลับขึ้นอีกครั้ง จากนี้ไปขอมอบให้เจ้า”สวี่เหยาเหวินตบไหล่สวี่ล่าย พูดอย่างหนักแน่น

“ท่านพ่อ ท่านไม่ได้กำลังล้อเล่นกับลูกใช่ไหม ท่านมอบหมายภารกิจให้แบบนี้ เกรงว่าข้าจะมีปัญหา ....” แก้มของสวี่ล่ายอดไม่ได้ที่จะกระตุกสองสามครั้ง หน้าผากเต็มไปด้วยเส้นสีดำ

“ไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน เพราะนี่คือความปรารถนาอันยาวนานนับพันปีของตระกูลสวี่”

สวี่เหยาเหวินเพิ่งพูดจบ เสียงเตือนของระบบดังขึ้นในใจสวี่ล่าย

[ติ๊ง!]

[ภารกิจหลัก: ความปรารถนาอันยาวนานนับพันปีของตระกูลสวี่]

[รางวัลความสำเร็จ : อาวุธวิเศษระดับสวรรค์ลี้ลับหนึ่งชิ้น , ค่าปราณสังหาร 500 แต้ม และแต้มสะสม 100,000 แต้ม]

“บ้าเอ๊ย! ว่าแล้วไงว่ามันต้องมีปัญหา” สวี่ล่ายสะดุ้ง

“ล่ายเอ๋อ ตระกูลสวี่อดทนอดกลั้น กล้ำกลืนความโกรธและมีชีวิตอยู่ในโลกเป็นเวลาหลายพันปี เพื่อวันหนึ่งจะได้กลับไปยังรัฐฉินอีกครั้ง พลิกโฉมกลับมารุ่งโรจน์เช่นในอดีต ....” สวี่เหยาเหวินยิ่งกล่าวยิ่งตื่นเต้น

อย่างไรก็ตาม จู่ๆ เขาก็รู้สึกหดหู่ใจอีกครั้ง “อนิจจา... แต่แม้ผ่านมาเนิ่นนานก็ไม่มีใครทำสำเร็จเสียที ...”

ความปรารถนาอันยาวนานของตระกูลสวี่ แม้ดูเรียบง่าย แต่การลงมือกลับยากกว่านั้นเป็นพันเท่า!

อย่าเพิ่งพูดถึงตอนท้าย อย่างการเอา ‘ผ่าสวรรค์’ กลับมา เพราะนั่นเท่ากับว่าพวกเขาต้อองสู้กับหนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในรัฐฉิน แต่ยังต้องรวบรวมดาบเล่อค่าอีก 5 เล่ม มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

“ท่านพ่อ อันที่จริงแล้ว ... อันที่จริงแม้ลูกจะยังไม่มั่นใจ แต่เมื่อมีโอกาส ลูกย่อมยินดีเติมเต็มความปรารถนาอันยาวนานของตระกูลสวี่” ระหว่างมองบิดาที่กำลังเหม่อลอย สวี่ล่ายก็ปลอบใจอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล

“เฮ้อ ! ช่างเถอะ ตระกูลสวี่ ได้ผลิตผู้มีความสามารถจำนวนมากมาเป็นเวลาหลายพันปี แต่ไม่มีเลยซักคนเดียวที่ทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ ตอนนี้บิดาหวังแค่ให้เจ้าปลอดภัย มีสุขภาพแข็งแรงก็พอใจมากแล้ว” สวี่เหยาเหวินถอนหายใจยาว ตบไหล่สวี่ล่ายด้วยความโล่งใจ

“ท่านพ่อ...” สวี่ล่ายเปล่งเสียงจากก้นบึ้งของหัวใจ ในที่สุดเขาก็ได้สัมผัสถึงความสุขที่เรียกว่าบ้านซึ่งไม่เคยสัมผัสในชาติที่แล้ว

“เอาล่ะๆ เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว วันนี้เรียกให้เจ้ามา เพราะข้ามีเรื่องสำคัญอีกอย่างจะบอกเจ้า” สวี่เหยาเหวิน เปลี่ยนหัวข้อ หันศีรษะไปมองกระถางธูปทองคำบนแท่นบูชา

“สมบัติลับชิ้นต่อไป เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ตระกูลสาขาของตระกูลสวี่ เก็บรักษาไว้”

“เอ๋? ท่านพ่อ กระถางธูปนี้เป็นสมบัติประเภทใดกัน?” สวี่ล่ายผงะ เกิดความตื่นเต้นเล็กน้อยในใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะระบบได้แจ้งแล้ว ว่าเขาจะได้รับสมบัติของตระกูลสวี่ แน่นอนว่าสมบัติชิ้นนั้นน่าจะเป็นกระถางธูปที่อยู่ตรงหน้าเขา

“ภายในกระถางธูปนี้ มันผนึกสมบัติก้นหีบของตระกูลสวี่เราเอาไว้” สวี่เหยาเหวินพูดจบ ก็เอื้อมมือไปหยิบกระถางธูป จากนั้นถ่ายทอดปราณบริสุทธิ์และบิดมัน

วิ้งงง!

กระถางธูปเปิดออก ส่องแสงสดใสขึ้นทันใด อุณหภูมิรอบตัวทวีคูณขึ้นอย่างรุนแรง

“อ๊าาาา!” สวี่ล่ายแตกตื่นตกใจ เร่งปราณบริสุทธิ์ของร่างกายเพื่อต้านทานอุณหภูมิสูง

“ท่านพ่อ สิ่งนี้คืออะไร?”

จากนั้น สวี่ล่ายก็มองอย่างถี่ถ้วน เห็นเพียงเปลวไฟสีดำจุดๆเล็กๆ อยู่ในกระถางธูป ความกว้างของมันไม่หนากว่าเส้นผมสักเท่าไร เส้นเรียวบางของเปลวไฟพริ้วไหวไปมาราวกับว่าสามารถดับได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตาม แม้มันเป็นจุดเล็กๆ แต่กลับสามารถทำให้อุณหภูมิโดยรอบพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน!

“ในปีนั้น ท่านบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่ได้รับเศษเสี้ยวเพลิงฟ้าดินนี้มาโดยบังเอิญ” สวี่เหยาเหวินยิ้มเล็กน้อย

“เพลิงฟ้าดิน?” เมื่อได้ยิน ดวงตาของสวี่ล่ายเบิกกว้าง

เพลิงฟ้าดิน!  แน่นอน สวี่ล่ายเคยได้ยินชื่อของมันมาก่อน เพราะในบันทึกสร้างค่ายกลสวรรค์แตกตื่น มันระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเพลิงฟ้าดินคือสิ่งที่ทั้งลึกลับและทรงพลัง

เพลิงฟ้าดินส่วนใหญ่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากสวรรค์และปฐพี ไม่ก็เกิดจากสัตว์ปีศาจแต่ละก้อนมีลักษณะและความสามารถที่แตกต่างกัน กระนั้นทั้งหมดมีการใช้งานที่เหมือนกัน นั่นคือการเพิ่มอัตราความสำเร็จในการหลอมกลั่น!

ผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธ ผู้เชี่ยวชาญการกลั่นโอสถ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิถีค่ายกล และผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลส่วนใหญ่มักทำทุกหนทางเพื่อค้นหาเพลิงฟ้าดินเหล่านี้ จุดประสงค์เพื่อใช้พลังของเพลิงฟ้าดินเหล่านี้ เพิ่มประสิทธิภาพในการหลอมอาวุธหรือกลั่นโอสถ

“ล่ายเอ๋อ บรรพชนผู้ยิ่งใหญ่เป็นปรมาจารย์การหลอมอาวุธชั้นยอด เมื่อครั้งเยาว์วัย เขาออกท่องไปตามที่ต่างๆ ค้นหาเพลิงฟ้าดินหลากหลายประเภทมาใช้งาน และ ‘เพลิงต้านมังกร’ ลูกนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้ว่าเพลิงฟ้าดินนี้จะยังอ่อนอยู่มาก แต่ความสามารถพิเศษของมันได้รับการยกย่องอย่างสูงจากท่านบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่”

“ตอนนี้งานประลองใกล้เข้ามาแล้ว ไพ่ตายก้นหีบของตระกูลสวี่เหลือไม่มาก มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะช่วยยกระดับฐานบำเพ็ญเพียรของเจ้าในระยะสั้นๆ แต่เพลิงต้านมังกรนี้สามารถช่วยเจ้าได้ หลังหลอมรวมกับมันแล้ว เจ้าจะสามารถใช้มันได้ตลอดชีวิต”

สวี่เหยาเหวินกล่าวจบก็เอามือปิดกระถางธูป และยกมันวางใส่มือสวี่ล่าย

ขณะที่สวี่เหยาเหวินปิดกระถางธูป อุณหภูมิโดยรอบลดลงอย่างช้าๆ ไม่นานหลังจากนั้นก็กลับสู่สภาวะปกติ

“นี่... นี่มันวิเศษมาก” สวี่ล่ายเอื้อมมือไปหยิบกระถางธูปทองคำและมองดูอย่างระมัดระวัง ข้างในใจอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นไปสักพัก

“ล่ายเอ๋อ การประลองครั้งนี้เจ้าต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ตระกูลสวี่ ทั้งหมดจะสนับสนุนเจ้า”

“ขอรับ ท่านพ่อ!” ความมั่นใจของสวี่ล่ายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า พยักหน้าตอบรับ

หลังจากนั้น สวี่เหยาเหวินอธิบายให้สวี่ล่ายฟังถึงประเด็นสำคัญของการหลอมรวมเข้ากับเพลิงฟ้าดิน ต่อมาพ่อลูกก็เดินออกจากศาลบรรพชน

ทันทีที่เดินออกจากศาลบรรพชน เห็นเพียงรุ่นเยาว์ตระกูลสวี่มากกว่า 30 คนยืนอยู่อย่างเรียบร้อยนอกประตู

“คารวะ นายน้อย!”

“ยินดีรับใช้ นายน้อย!”

“ยินดีรับใช้ นายน้อย!”

รุ่นเยาว์ทั้ง 32 คนคุกเข่ามาข้างหน้าข้างหนึ่ง และคำนับพร้อมกัน

“ฮี่ ฮี่ ล่ายเอ๋อ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชนชั้นยอดรุ่นเยาว์ทั้ง 32 คนของตระกูลสวี่จะเป็นหน่วยอารักขาของเจ้า พวกเขาจะคอยอยู่เคียงข้างเจ้าในอนาคตดูแลความปลอดภัยของเจ้า” เมื่อสวี่เหยาหวู่เห็นสวี่ล่ายเดินออกมา เขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มบาง

“ขอบคุณท่านลุงสอง” สวี่ล่ายยิ้มเล็กน้อย มองเหล่าสมาชิกรุ่นเยาว์กว่า 30 คนเบื้องหน้า ในใจแอบลอบร้อง ‘เด็ดสะระตี่!’ จากนั้นก็เริ่มคิดว่า ‘ในเมื่อพวกเขาคือหน่วยอารักขาส่วนตัวของข้า เช่นนั้นข้าคงต้องตั้งใจสอนพวกเขาซักหน่อย’

สวี่ล่ายลองคิดดู ว่าเขาควรสอนทักษะฝึกประสานหนึ่งไร้ขอบเขต และฟ้ามายาเมฆาสามานย์ให้อีกฝ่ายหรือไม่ เพราะยังไงซะพวกเขาก็เป็นเหมือนคนคุ้มกันของตัวเอง

หากพลังรบอ่อนแอเกินไป นั่นคงไม้มีประโยชน์ ไม่ต่างจากการผายลม

“พี่น้องทั้งหลาย โปรดลุกขึ้น!” สวี่ล่ายแสร้งเคร่งขรึมทำเป็นตะโกน

“ขอรับ นายน้อย!”

“ขอรับ นายน้อย!!”

“ขอรับ นายน้อย!!!”

ทั้ง 32 คนยืนขึ้นพร้อมกัน จ้องมองสวี่ล่ายด้วยสายตายำเกรง

การต่อสู้ที่พวกเขาเพิ่งประสบ มันได้ฝังลึกเข้าไปในจิตใจแล้ว ปัดเป่าความจำที่ครั้งหนึ่งเคยเห็นว่านายน้อยคือขยะสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง และถูกแทนที่ใหม่ด้วยนายน้อยผู้แข็งแกร่งเบื้องหน้า

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าสวี่ล่ายจะค่อยๆฟื้นฟูชื่อเสียงของตระกูลสวี่ นำทุกท่านไปสู่รุ่งอรุณใหม่ และพวกเจ้าคือพยานที่จะได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง!”

คำพูดที่เร่าร้อน สัมผัสหัวใจของเหล่ารุ่นเยาว์ตระกูลสวี่ในทันที

“นายน้อยผู้แก่กล้า!”

“นายน้อยผู้แก่กล้า!”

“นายน้อยผู้แก่กล้า——!”

“เคี๊ยก เคี๊ยก ท่าทางของล่ายเอ๋อในวันนี้ มันยิ่งใหญ่กว่าเมื่อครั้งของเจ้ามาก!” สวี่เหยาหวู่แซวสวี่เหยาเหวิน กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ต่างกันขนาดนั้นเชียวหรือ?” สวี่เหยาเหวินมุมปากกระตุก แต่จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา

“สวี่หู สวี่เปา สวี่เปียว!” สวี่ล่ายกวาดสายตามองสามพี่น้องสวี่

“บริวารอยู่ที่นี่!”

“บริวารอยู่ที่นี่!”

“บริวารอยู่ที่นี่!”

สวี่หู สวี่เปา สวี่เปียว ไม่กล้าชักช้า รีบลุกขึ้นและก้าวไปข้างหน้าเพื่อตอบรับ

“ในอีกสามวัน พวกเจ้าทั้งสามมาที่บ้านข้า ข้ามีภารกิจสำคัญให้ทำ”

“ขอรับ!”

“ขอรับ!”

“ขอรับ!”

“อืม สลายตัวได้!”

“โอ้——!”

“โอ้——!”

“โอ้——!”

ในชั่วพริบตาที่เอ่ยคำสลายตัว เหล่ารุ่นเยาว์กลับไม่แยกย้าย แต่กระโจนเข้าหาสวี่ล่ายพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ทั้งหมดช่วยกันยกแขนยกขา อุ้มเขาขึ้น แล้วโยนสูงขึ้นไปในอากาศ เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของสวี่ล่ายในการผ่านการทดสอบ

“นี่! พวกเจ้า...... คิดขัดขืนคำสั่งงั้นหรือ? เฮ้ย เฮ้ย ...... วางข้าลง! วางข้าลงได้แล้ว!”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด