บทที่ 15
วันนี้ลงบทที่ 15 16 17 (สองวันที่ผ่านมาผมติดธุระไม่ได้ลง ขออภัยคร้าบ)
บทที่ 15
คำพูดของสวี่หูกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเหล่ารุ่นเยาว์ในตระกูลสวี่ ทุกคนเร่งเร้าปราณบริสุทธิ์ในกายอย่างเต็มที่ เปิดการโจมตีอย่างดุเดือดใส่สวี่ล่ายด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
“สวี่หูเจ้าตัวบัดซบ! เห็นๆกันอยู่ว่าเดิมข้าสามารถผ่านด่านนี้ไปได้อย่างง่ายดาย แต่พอเจ้าพูด ไอ้พวกนี้ก็เหมือนโดนโด๊ปเลือดไก่ พร้อมสู้ตายกับข้า!”
สวี่ล่ายสาปแช่งในใจเขา ลึกๆข้างในเกิดความคิดที่จะจับสวี่หูไปเชือดทิ้งซะ
สมาชิกตระกูลสวี่แห่กันมาข้างหน้า แต่ละคนใช้ออกด้วยวิชายุทธที่แก่กล้าที่สุดของตน
“สงครามโลหิตแปดทิศ!”
“ถล่มยอดไท่ซาน!”
“ฝ่ามือร้อยปะทะ!”
บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม! ....
สวี่ล่ายถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เขาเพิ่งปัดป้องการโจมตีด้านซ้าย อีกคนหนึ่งก็พุ่งมาทางขวา และเพียงฟันด้านขวา ก็ถูกทุบลงมาอีกทางจากเหนือศีรษะ
และสิ่งที่น่ารำคาญกว่านั้นคือ สวี่เหยาหวู่ ลุงสองของสวี่ล่าย เขายืนชมละครอยู่ข้างสนามรบอย่างสนุกสนาน
ไม่เพียงแค่นั้น ด้านสวี่เหยาหวู่ยังคอยกำกับ ออกคำสั่งในเวลาเดียวกัน
“สวี่หวู่ วันนี้เจ้าไม่ได้กินข้าวมารึไง? ถล่มยอดไท่ซานนี้สุดกำลังเจ้าแล้วหรือ? แล้วก็เจ้าอีกคน ข้าสอนเจ้ากี่ครั้งแล้ว ยามใช้สงครามโลหิตแปดทิศ เจ้าต้องแสดงความมุ่งมั่นว่าพร้อมยอมแลกชีวิตไปกับมัน ...”
“พร้อมยอมแลกชีวิต? พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไงกัน!?” สวี่ล่ายแทบอาเจียนเป็นเลือด
“นี่ไม่น่าใช่การทดสอบแล้ว แต่มันเป็นโอกาสทองที่จะได้ฆ่าข้ามากกว่า ฮ๊าาา ...” สวี่ล่ายโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งสู้ยิ่งอัดอั้น
“ดูเหมือนกว่าจะหมดเวลาการทดสอบ ข้าคงขาดใจตายไปก่อน ต้องเอาจริงแล้ว!”
คิดได้แบบนี้ กระบวนท่าการเคลื่อนไหวของสวี่ล่ายก็เปลี่ยนไป เริ่มโคจรปราณบริสุทธิ์ในร่างกาย
“ย่า~!”
คลื่นอัดอากาศระเบิดออก บังคับให้เหล่าสมาชิกรุ่นเยาว์ทั้งสามสิบกว่าคนที่กระโจนเข้ามาต้องถอยกลับ
“หือ? ขอบเขตรวมวิญญาณ?” ดวงตาของสวี่เหยาหวู่สว่างไสว ลึกๆข้างในลอบแตกตื่นตกใจ
“เซียะเทียน! ช่วยข้าด้วย!”
“กรร——!”
พร้อมเสียงคำราม
เสือดาวรัตติกาลสีดำกระโจนออกมาจากสร้อยข้อมือสัตว์วิญญาณของสวี่ล่าย
ทันทีที่เสือดาวรัตติกาลลอยออกมา ร่างของมันก็ขยายใหญ่ยาวกว่า 3 หมี่ทันที คู่ดวงตาสีดำเปล่งประกายสีแดง เขี้ยวสีขาวราวหิมะยื่นออกมาจากริมฝีปากมันกรงเล็บขนาดใหญ่ทอประกายเย็นยะเยือก
กรร~! กรร~!
เซียะเทียน ส่งเสียงขู่
รุ่นเยาว์กว่าสามสิบคนฝีเท้าแข็งทื่อไม่กล้าไปต่อ
“ฮ่า ๆ ไม่เลวเลยจริงๆ! ย้อนกลับไปตอนสวี่หูบอกข้าว่าเจ้าเลี้ยงเสือดาวรัตติกาล ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าจะแก่กล้าขึ้นแล้วจริงๆ! เอาล่ะ รุ่นเยาว์ทุกคนฟังคำสั่ง จัดขบวนค่ายกล!”
“ขอรับ!”
“ขอรับ!!”
“ขอรับ!!!”
“ไอ้เวรเอ๊ย! นี่ยังมีขบวนค่ายกลอีกหรือ!” สวี่ล่ายได้ฟัง ปอดเขาแทบระเบิด รุ่นเยาว์ชนชั้นยอดของตระกูลสวี่ นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ละคนไม่ได้อ่อนแอ ยิ่งตอนนี้เพิ่มตัวช่วยอย่างจัดขบวนค่ายกลเข้ามา พลังรบจึงเพิ่มเป็นสองเท่าทันที
“เซียะเทียน! ใช่ลูกเล่นหนึ่งขาวหรือดำ หนึ่งรุกหนึ่งถอย!” สวี่ล่ายเล่นภาษาลับกับเซียะเทียน
“กรร——!” เซียะเทียนรับคำสั่ง คำรามเบาๆเป็นคำตอบ
ทันใดนั้นทั้งตัวมันก็กลายเป็นประกายแสงสีดำ ทั้งตนทั้งร่างหายวับไป
สวี่ล่ายถือดาบด้วยมือทั้งสองข้าง ปราณบริสุทธิ์ในร่างกายถูกฉีดเข้าไปในดาบกระหายเลือดอย่างเต็มที่
ดาบกระหายเลือดคล้ายเข้าใจว่าเจ้านายต้องการใช้ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด มันส่งเสียงหึ่ง ๆ อย่างตื่นเต้น
“สะบั้นกระหายเลือด! ย่า~!” สวี่ล่ายตะโกน ดาบกระหายเลือดกวาดไปร้อยแปดสิบองศา
เหวี่ยงเส้นแสงอาชาโลหิตกระจายรอบตัว
“อ๊ะ! พี่น้องทั้งหลาย เปลี่ยนขบวนค่ายกลเป็นตั้งรับ!” สวี่หูเป็นคนแรกที่ตะโกน และเขาตัดสินใจได้ถูกต้อง
“ฮ่า~!”
“ฮ่า~!!”
“ฮ่า~!!!”
รุ่นเยาว์ตระกูลสวี่มากกว่า 30 คน วางมือข้างหนึ่งบนไหล่ของแต่ละคน ถ่ายโอนปราณบริสุทธิ์ในร่างกายของพวกเขาไปยังสมาชิกแถวหน้า
เหล่าสมาชิกที่อยู่แถวหน้าก็ถ่ายทอดปราณบริสุทธิ์อันทรงพลัง สร้างกำแพงค่ายกลขนาดใหญ่
หึ่ง หึ่ง~!
กำแพงขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ปิดกั้นอาชาโลหิตของสวี่ล่าย
บรึ้ม!——!
สะบั้นกระหายเลือดเฉือนกำแพงป้องกัน สร้างคลื่นอัดอากาศอันน่าตกใจ
แคร่ก~! แคร่ก~! แคร่ก~!
ครืนนนน .....
รอยแตกเริ่มปรากฏบนกำแพง จากนั้นก็ลุกลามไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่แตกเป็นเสี่ยงๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยการโจมตีครั้งเดียว กลับแทบพังกำแพงค่ายกลที่วางโดยคนกว่าสามสิบคน นี่ทำให้สวี่เหยาหวู่ซึ่งยืนดูอยู่ห่างๆ ผงกหัวซ้ำๆ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ตอนนี้แหละ! ลงมือเลย!” สวี่ล่ายตะโกน จากนั้นยกดาบขึ้นทันทีและพุ่งเข้าไปในขบวน
ขณะนี้ เหล่าสาวกยังไม่ฟื้นตัว แต่ประกายแสงสีดำวูบวาบกลับปรากฏขึ้นเบื้องหลังพวกเขา
กรร——!
ภายใต้เสียงคำราม เซียะเทียนยกกรงเล็บขนาดใหญ่ขึ้นและตะปบทุกคนที่มันเห็น หางใหญ่สะบัดเมื่อเจอคนคิดอ้อมหลัง
เพี๊ยะ!
ผัวะ!
“โอ๊ย! เจ็บจัง!”
“อ๊าาาา——!รีบช่วยกันป้องกันเร็วเข้า!”
“ไอ้โหย๋!เท้าข้า!”
“ต้านไม่ไหวแล้ว...”
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ขบวนค่ายกลของเหล่ารุ่นเยาว์ตระกูลสวี่ พังทลายลงในทันที
สวี่ล่าย เซียะเทียนร่วมมือกันอย่างรู้ใจ แทงซ้ายเสียบขวาในเวลาที่เหมาะสม บีบคั้นชนชั้นยอดของตระกูลสวี่จนพ่ายแพ้
“หยุดมือ! หมดเวลาทดสอบแล้ว!”
ในช่วงเวลาที่สำคัญ เงามนุษย์ร่างหนึ่งกระพริบไหวเข้ามากลางสนามรบ พร้อมตะโกนสุดเสียง บอกให้ทั้งสองฝ่ายหยุดพร้อมกัน
“ฟู่ว ... ฟู่ว ...ท่านพ่อ?” สวี่ล่ายเงยหน้าขึ้น และบังเอิญเจอสวี่เหยาเหวินพอดี อีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาด้วยใบหน้าที่โล่งใจ
“ทำได้ดีมาก! สมกับเป็นผู้สืบทอดตระกูลสวี่ของข้า ล่ายเอ๋อ ตามข้ามา” สวี่เหยาเหวิน ยิ้มและพยักหน้า หลังจากเชื้อเชิญ เขาก็หันกลับแล้วเดินไปที่ห้องโถงบรรพชนที่อยู่ห่างออกไป
“ขอรับ ท่านพ่อ” สวี่ล่ายพยักหน้าให้พี่น้องที่อยู่รอบๆ จากนั้นเก็บเซียะเทียนและวิ่งตามเพื่อให้ทัน
แต่เมื่อวิ่งผ่านสวี่เหยาหวู่ ทันใดนั้นเขาก็จำบางสิ่งได้ “ลุงสอง เวลาทดสอบเดิมคือหนึ่งเค่อ แต่ข้ารู้สึกว่าเหมือนมันจะนานกว่านั้นนะขอรับ”
“เหอ เหอ ได้เห็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ข้าเลยลืมเวลาไปชั่วขณะ อย่าได้ตำหนิเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...” สวี่เหยาหวู่เมื่อเห็นว่าสวี่ล่ายค้นพบแล้ว ใบหน้าชราแดงก่ำในทันใด
สวี่ล่ายกลอกตา อยากบ่นสักคำ อย่างไรก็ตาม เวลานี้ เสียงเตือนของระบบดังขึ้นในใจเขา
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณทำภารกิจเสริมสำเร็จ : ทดสอบผู้สืบทอดตระกูลสวี่]
[ได้รับรางวัล: สมบัติลับของตระกูลสวี่ , หน่วยอารักขาส่วนตัว 32 คน , ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลสวี่ , 20 ค่าปราณสังหาร และได้รับแต้มสะสม500 แต้ม]
“หืม? ก็ไม่เลวนะ” สวี่ล่าย พยักหน้า ทางหนึ่งเดินตามให้ทันพ่อ ทางหนึ่งตรวจสอบข้อมูลสถานะของเขา
โฮสต์: สวี่ล่าย
ฐานบำเพ็ญเพียร:ขอบเขตรวมวิญญาณ ขั้น 1
สมญานาม:ผู้ชำนาญการต่อสู้
ทักษะฝึก:เคล็ดตะวันนภาขั้น 7 , ประสานหนึ่งไร้ขอบเขต ขั้น 2
วิชายุทธ:ฝ่ามือร้อยปะทะ ท่อนที่ 9 , กระบี่ทระนงสังหาร ท่อนที่ 7 , ฟ้ามายาเมฆาสามานย์ ท่อนที่ 3
วิชาปลิดชีพ:สะบั้นกระหายเลือดขั้นต้น
วิชาเทพประจำตระกูล:ราชานรกประทับร่าง
อาชีพรอง: ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล
ค่าปราณสังหาร:42/1000
ค่าใจปีศาจ:45/1000
แต้มสะสม:500
อุปกรณ์:สิ่งประดิษฐ์ประจำตระกูล ดาบกระหายเลือด
ระดับอุปกรณ์: อาวุธระดับสมบัติขั้นกลาง (สามารถอัพเกรดได้)
หลังจากเห็นข้อมูลสถานะปัจจุบันของตัวเองแล้ว สวี่ล่ายก็สั่งปิดม้วนเหล็กดำ
“เฮะ เฮ่ อย่างน้อยค่าปราณสังหารก็เกือบจะไล่ทันค่าใจปีศาจ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ... ก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะสะสมได้จนเต็ม เฮ้อ ...”
เมื่อสวี่ล่ายนึกถึงเรื่องค่าปราณสังหารที่ขาดแคลนอีกกว่า 900 แต้ม ก็เกิดอาการปวดศีรษะอ่อนเพลียเล็กน้อย
ไม่นาน สวี่ล่ายก็ตามสวี่เหยาหวู่เข้าไปในห้องโถงบรรพชนตระกูลสวี่
“ล่ายเอ๋อ อยู่ต่อหน้าบรรพชนตระกูลสวี่ เจ้าต้องคุกเข่าลง”
เพิ่งเข้าประตูมา สวี่เหยาเหวินก็แสดงสีหน้าจริงจัง บอกให้สวี่ล่ายคุกเข่าต่อหน้าศาลบรรพชนของตระกูลสวี่
“ขอรับ ท่านพ่อ”สวี่ล่าย ไม่กล้าละเลย รีบก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าลง
สวี่เหยาเหวินจุดธูปไม้จันทร์สามดอกแล้วมอบให้สวี่ล่าย จากนั้นถือธูปไม้จันทร์สามดอกไว้ในมือตัวเอง คุกเข่าทั้งสองลงแล้วพึมพำบางอย่าง
“ท่านบรรพชน! ผู้สืบทอดตระกูลสวี่คนที่ 37 ได้รับเลือกแล้ว! จากการทดสอบ ไม่ว่าจะด้านศิลปะการต่อสู้หรืออุปนิสัยใจคอ สวี่ล่ายล้วนผ่านเกณฑ์ ข้าหวังว่าดวงวิญญาณของบรรพชนตระกูลสวีในสวรรค์จะมองเห็น และอวยพรให้สวี่ล่ายประสบความสําเร็จในการฝึกตน เจริญรุ่งเรืองได้อย่างราบรื่นในอนาคตด้วยเถิด”
สวี่เหยาเหวินกล่าวจบ ก็โขกหัวสามครั้งต่อหน้าแผ่นจารึกบรรพชน สวี่ล่ายเองก็โค้งคำนับและปักธูปหอมเช่นกัน
“ล่ายเอ๋อ เรียกเจ้ามาไหว้บรรพชนในครั้งนี้ นอกเหนือจากการทดสอบผู้สืบทอดแล้ว สิ่งสำคัญคือข้าตั้งใจจะมอบสมบัติลับชิ้นสุดท้ายของตระกูลสวี่ให้เจ้า”
สวี่เหยาเหวินกล่าวจบ ก็ใช้มือเดียวค่อยๆ วางหน้าโต๊ะบูชา
ติ๋ง!
ปราณบริสุทธิ์โหมกระหน่ำออกมา เสมือนก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในน้ำนิ่ง ขยายตัวเป็นชั้นระลอกคลื่นในทันที
“หือ? นี่มันเขตค่ายกล ... ไม่ใช่! มันคือค่ายกลลวงตา!”
สวี่ล่ายตะลึงไปครู่หนึ่ง ระลอกคลื่นด้านหน้าเขากระพริบแสงไสวทันใด มันเจิดจ้าจนเขาต้องหลุบตาลง
หลังจากผ่านไปสองสามอึดใจ แสงสว่างก็จางหายไป สวี่ล่ายค่อยๆลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองปรากฏตัวในห้องลับที่มืดสลัว
ห้องลับไม่ใหญ่ แต่ล้อมรอบด้วยชั้นวางหนังสือไม้จันทร์ บนชั้นมีใบไผ่วางเรียงราย พวกมันสมควรเป็นทักษะฝึกบางอย่าง
ด้านบนของห้องลับประดับด้วยมุกราตรีขนาดต่างๆหลายสิบลูก ช่วยมอบแสงสลัวไม่ให้ห้องนี้มืดเกินไป
จุดที่สว่างที่สุดของห้องลับ มีแท่นบูชาเล็กๆ และกระถางธูปทองคำวางอยู่บนแท่นบูชา
ณ ขณะนี้ สวี่เหยาเหวินยืนอยู่หน้าแท่นบูชา สายตาจับจ้องที่กระถางธูปเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็หันกลับมาและเรียก “ล่ายเอ๋อ”
“ขอรับท่านพ่อ” สวี่ล่ายไม่กล้าที่จะช้า รีบก้าวมาที่แท่นบูชา
“ความเศร้าโศกของตระกูลสวี่เมื่อครั้งกระโน้น เจ้าคงพอรู้อยู่แล้วเจ็ดถึงแปดส่วนใช่หรือไม่?”
“ในปีนั้น เมื่อท่านบรรพชนสละชีวิตและยุบตระกูลหลัก เขาได้กระจายสมบัติบางสิ่งบางอย่างแก่ลูกหลานคนอื่นๆเช่นกัน และหนึ่งในนั้นคือดาบกระหายเลือดในมือเจ้า ...”
พูดถึงเรื่องนี้ สวี่เหยาเหวินมองกลับมาที่สวี่ล่ายอย่างมีความหมาย
“แต่ช่างน่าเสียดาย เป็นเวลาหลายพันปีที่แม้ตระกูลสวี่จะมีคนที่โดดเด่นมากมาย แต่ปราศจากผู้ใดสามารถเข้าใจความลึกลับของดาบกระหายเลือดนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าบุตรชายข้าจะทำมันได้สำเร็จ”
“เอ่อ... ท่านพ่อ นี่ท่านสังเกตเห็นมันแล้วหรือ?” สวี่ล่ายยิ้มอย่างโง่เขลา ไม่ได้คาดหวังว่าฉากที่ตนร่ายสะบั้นกระหายเลือดจะถูกพ่อเห็น
“แน่นอน บางทีนี่อาจเป็นพระประสงค์ของสวรรค์ก็ได้” สวี่เหยาเหวิน หายใจเข้าลึกๆกล่าวต่อว่า “ล่ายเอ๋อ เจ้ารู้ที่มาของดาบกระหายเลือดนี้หรือไม่”
“หือ?” สวี่ล่ายผงะเล็กน้อย เขารีบพูดแทรกขึ้นมาว่า “ท่านพ่อ ไม่ใช่ท่านบอกเองหรือ ว่าดาบกระหายเลือดคือหนึ่งในสมบัติลับของตระกูลสวี่ ที่บรรพชนของเรานำออกมาโดยแลกด้วยชีวิตของพวกเขา”
“ถูกต้อง ดาบกระหายเลือดนี้เป็นสมบัติลับของบรรพชน แต่ก็เป็นแค่ชิ้นส่วนหนึ่งเช่นกัน”
“ชิ้นส่วนหนึ่ง?”
“ถูกต้อง”สวี่เหยาเหวิน จัดเรียงความคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วค่อยๆ พูดว่า “คิดถึงปีนั้น บรรพชนที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลสวี่สามารถสร้างอาวุธวิเศษได้โดยบังเอิญ ชื่อของมันคือ : ผ่าสวรรค์! เป็นอาวุธวิเศษที่สามารถไปถึงระดับสวรรค์ลี้ลับ!”
“ท่านว่าไงนะ!?...... ระดับสวรรค์ลี้ลับ?” เมื่อได้ยินสวี่ล่ายตกตะลึงทันใด
ถึงแม้ว่าสวี่ล่ายจะไม่เข้าใจเรื่องการหลอมอุปกรณ์ แต่ระดับพื้นฐานของพวกอาวุธชุดเกราะ เขายังคงทราบเป็นอย่างดี มันได้แก่ ระดับสามัญ , ระดับสมบัติ , ระดับวิญญาณ , ระดับเซียน , ระดับเทพ , ระดับเหนือสวรรค์ , ระดับสวรรค์ลี้ลับ , ระดับจักรพรรดิ ถัดไปคือระดับจักรพรรดิในตำนาน
ในช่วงเวลานั้น ทวีปชางหวู่เต็มไปด้วยผู้มากความสามารถ มีขุมพลังสมญาเทพนักสู้หลายสิบคน และมีข่าวลือว่ามีสัตว์ประหลาดเฒ่าในสมญานักสู้ผู้ทรงศักดิ์จำศีลเป็นฤาษีไม่ยอมโผล่หน้าออกมา
และการที่ตระกูลสวี่สามารถสร้างอาวุธวิเศษที่ไม่มีใครเทียบนี้ได้ แน่นอนว่าย่อมทำให้เหล่าขุมพลังผู้มีอำนาจเข้าแก่งแย่งชิงมัน