บทที่ 1010 (131) ว่ายน้ำติดอาวุธ (ตอนฟรี)
บทที่ 1010 (131) ว่ายน้ำติดอาวุธ (ตอนฟรี)
ก่อนรุ่งสาง ยังคงเป็นช่วงเวลาที่มืดมิด โดยเฉพาะเมื่ออยู่ท่ามกลางน้ำในทะเล
ในขณะนี้ มีร่างมากกว่าสิบร่างเคลื่อนที่เข้าหาชายฝั่งไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ทำให้เกิดคลื่นใดๆ และเมื่อได้ขึ้นสู่ชายฝั่งแล้ว เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาของพวกเขาก็ได้เสียงคลื่นยักษ์ที่กำลังซัดสาดช่วยกลบเสียงไว้
เกาะแห่งนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก แต่เป็นสถานที่ที่เซียงหยงซานและคนอื่นๆกำลังหลบซ่อนอยู่ภายใต้การปิดล้อมของศัตรู
หลังจากเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดด้วยเรือดำน้ำมาตลอดคืน จี้เฟิงและพรรคพวกของเขาอีกสิบห้าคนก็มาถึงที่เกาะในตอนรุ่งสางโดยที่ไม่มีใครค้นพบพวกเขา
ในเวลานี้ จี้เฟิงและคนอื่นๆมีสภาพที่เปียกโชก เสื้อผ้าและร่างกายของพวกเขามีน้ำหยดออกมาตลอดเวลา เนื่องจากเรือดำน้ำสามารถส่งเขาได้แค่ตรงน้ำตื้นเท่านั้น พวกเขาจึงต้องว่ายน้ำพร้อมกับแบกอาวุธท่ามกลางลมทะเลที่โหยหวนฝ่าคลื่นที่ซัดสาดเป็นระลอกเพื่อมุ่งเข้าสู่เกาะ
จี้เฟิงรู้สึกเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา เพราะระหว่างการเดินทาง เรือดำน้ำตรวจพบว่ามีเรือหลายลำอยู่ในลำน้ำใกล้เคียง และเห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นเรือติดอาวุธของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย จุดประสงค์ของการมาที่นี่นั้นชัดเจนในตัวเอง
เซียงหยงซานและคนอื่นๆกำลังตกอยู่ในอันตราย!
จี้เฟิงและคนอื่น ๆ รีบวิ่งข้ามส่วนหนึ่งของชายหาดและมาถึงต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด พวกเขายังคงไม่ส่งเสียง แต่มองไปรอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ ในเวลาเดียวกัน ทหารคนหนึ่งถอดเข็มขัดที่คาดเอวออก ผูกไว้กับเท้าของเขาโดยตรง แล้วรีบปีนขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็วโดยใช้แรงเสียดทาน
ในไม่ช้า ก็มีกิ่งไม้เล็กๆตกลงมาจากต้นไม้ จี้เฟิงและคนอื่นๆ เข้าใจทันทีว่านี่เป็นการส่งสัญญาณเพื่อบอกว่าบริเวณใกล้เคียงนั้นปลอดภัยในขณะนี้
พวกเขานั่งยองๆเกาะกลุ่มกัน และได้มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน บางคนมีหน้าที่คอยตรวจตราบริเวณใกล้เคียงและเฝ้าระวัง บางคนรับผิดชอบดูแลและตรวจสอบอุปกรณ์เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น
“ทุกคนฟัง จากตรงนี้ เรามีโอกาสเจอศัตรูได้ทุกเมื่อ แต่จำไว้ว่าอย่าใช้ปืนและมีดหากไม่จำเป็น แต่ให้ใช้วิธีหักคอคู่ต่อสู้โดยตรง ถ้าเป็นไปได้ ให้จับเป็นเพื่อนำตัวมาสอบสวน ทุกกระบวนการจะต้องทำอย่างเงียบเชียบที่สุด... เราห้ามถูกเจอตัวจนกว่าจะพบเป้าหมาย เข้าใจไหม?!” กู่เฉาถามด้วยเสียงต่ำ
การยิงปืนจะทำให้ศัตรูรู้ตัวและในขณะที่การใช้มีดจะทิ้งรอยเลือดไว้บนพื้นซึ่งทำให้ศัตรูค้นพบได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นการหักคอโดยตรงจึงเป็นวิธีการลอบสังหารที่เงียบเชียบและเหมาะสมที่สุด
ทุกคนแสดงออกพร้อมกันทันทีโดยการขยับมือ ซึ่งเป็นภาษามือที่หมายถึงการตกลงและรับทราบ
แม้แต่ในความมืด ภาษามือนั้นยังมีประโยชน์มาก เพราะใครก็ตามที่คุ้นเคยกับภาษามือจะสามารถแยกแยะท่าทางที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อสารได้อย่างแม่นยำแม้ในที่ที่มีแสงริบหรี่
“หัวหน้าน้อย มีอะไรจะเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าครับ?” กู่เฉาถาม
จี้เฟิงกล่าวว่า “หลังจากฆ่าศัตรูแล้ว ให้ใช้กิ่งไม้และใบไม้เพื่อทำการซ่อนศพ จะได้ยืดเวลาการค้นพบของอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้นเราอาจจะถูกค้นพบเร็วเกินไป นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว”
กู่เฉาพยักหน้าและโบกมือ “ลงมือ!”
ทุกคนรีบเคลื่อนที่เข้าไปในป่าและหายไปในความมืด
เมื่อต้องทำงานเป็นทีม การรู้จุดแข็งจุดอ่อนของคนในทีมเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจี้เฟิงจึงมอบหน้าที่การออกคำสั่งในการปฏิบัติการนี้ให้กับกู่เฉา และเขาจะคอยแสดงความคิดเห็นหรือออกคำสั่งเพิ่มเติมเท่านั้น เพราะเมื่อเทียบกับกู่เฉาแล้ว คนอื่นๆจะให้ความเคารพและสะดวกใจมากกว่าเมื่อต้องต่อสู้ภายใต้การนำของกู่เฉา
ดังนั้นจี้เฟิงจึงใช้เหตุและผลที่จะส่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเป็นสำคัญ สุดท้ายแล้วเป้าหมายของปฏิบัติการนี้คือการช่วยเหลือเซียงหยงซานและคนอื่นๆในกองพลปฏิบัติการพิเศษไม่ใช่การต่อสู้เพื่ออวดอำนาจบารมี
เพราะถ้าหากจี้เฟิงต้องการจริงๆ เขาสามารถคว้ามันมาได้ทุกเมื่อ!
ไม่ว่าจะมองไปทิศทางไหนก็มีแต่ความมืด แต่พวกเขาไม่สามารถเปิดไฟได้ ดังนั้นจี้เฟิงจึงรับหน้าที่ในการนำทางโดยมีกู่เฉาและคนอื่นๆตามมาข้างหลัง
และเพราะจี้เฟิงเป็นกังวลว่าศัตรูอาจวางกับดักไว้ จี้เฟิงจึงใช้เส้นทางรอบนอกของป่าทึบลัดเลาะไปตามชายหาดในขณะเดียวกันก็คอยมองหาศัตรูไปด้วย
ในการช่วยชีวิตคนนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสืบหาสถานการณ์ที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้าม เพราะถ้าเรือดำน้ำมาไม่ทันเวลาหลังจากที่ช่วยชีวิตคนออกมาได้แล้ว พวกเขาทีมเรดแอร์โรว์จะเป็นกองกำลังเดียวที่ตรึงศัตรูไว้เพื่อรอการมาถึงของเรือดำน้ำ
ในตอนนี้ จู่ๆจี้เฟิงก็หยุดกะทันหันเพราะเขาได้ยินเสียงบางอย่าง
แม้จะเป็นเสียงที่แผ่วเบา แต่ด้วยการได้ยินที่ไม่ธรรมดาของจี้เฟิง มันทำให้เขาได้ยินอย่างชัดเจน เบื้องหน้าจะต้องมีคนอยู่อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้จี้เฟิงได้ยินเสียงของคนที่กำลังกระซิบพูดคุยกัน แม้ว่าจะถูกรบกวนด้วยเสียงคลื่นที่อยู่ไม่ไกล แต่จี้เฟิงก็แน่ใจว่าเวลานี้มีคนกำลังพูดคุยกันอยู่
เขาขยับมือเพื่อส่งสัญญาณทันที และทันใดนั้นทหารคนหนึ่งก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้อย่างรวดเร็วและกวาดสายตามอง
ในไม่ช้า ทหารคนนั้นก็กลับลงมาและแสดงสัญญาณมือเป็นชุด
กู่เฉาพยายามใช้เสียงของเขาให้เบาที่สุดและพูดที่ข้างๆหูของจี้เฟิงว่า “หัวหน้าน้อย ไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆข้างหน้านี้เลยครับ!”
จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่พบ?”
กู่เฉาพยักหน้า
จี้เฟิงชี้ไปที่กู่เฉาและพูดทันที “รอที่นี่ ฉันจะไปดู”
กู่เฉาพยักหน้าและโบกมือ คนอื่นๆเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร พวกเขาเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้และไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างเงียบเชียบมีเพียงเสียงคลื่นและเสียงจากธรรมชาติเท่านั้น ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถและประสบการณ์ในการต่อสู้ของแต่ละคน
จี้เฟิงที่แยกตัวออกมาคนเดียวกำลังเดินทางเข้าไปในป่าทึบที่ลึกมากยิ่งขึ้น เขาเดินตรงไปยังทิศทางที่เขาได้ยินเสียงเมื่อครู่นี้ ทุกการกระทำเป็นไปด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด เขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปหรือทำอะไรที่ก่อให้เกิดเสียง เพราะนั่นจะทำให้ศัตรูไหวตัวทัน
เจอแล้ว!
ในที่สุดจี้เฟิงก็พบที่มาของเสียง
เมื่อไปถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขาก็เห็นทันทีว่าพุ่มไม้ข้างต้นไม้ใหญ่ข้างหน้ามีกิ่งก้านร่วงหล่นลงทับถมกันเป็นเนินสูงและมีใบไม้ปกคลุมอยู่ ใบไม้เขตร้อนเหล่านี้ค่อนข้างใหญ่ เมื่อถูกทับซ้อนกันมันดูเหมือนเป็นมุมหนึ่งของป่ารกชัฏ
แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่จี้เฟิงเห็นคือมีคนอยู่ข้างในนั้น แต่เพราะอยู่ไกลเกินไปจึงทำให้จี้เฟิงมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
อีกฝ่ายดูเหมือนจะนอนคว่ำอยู่ ดังนั้นจี้เฟิงจึงสามารถมองเห็นร่างกายของอีกฝ่ายได้เพียงบางส่วนเท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถมองเห็นภาพรวมทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตามการที่มีคนอยู่ตรงนั้นได้รับการยืนยันแล้ว
เนื่องจากตอนนี้อยู่ในความมืดและเขามีข้อมูลของศัตรูน้อยมาก เขาไม่รู้ว่าศัตรูจะแอบซ่อนอยู่ตรงจุดไหนอีก เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม และตอนนี้เขาได้มาถึงสถานที่ที่ห่างจากพุ่มไม้เพียงไม่กี่เมตร จากนั้นก็หยุดอย่างเงียบๆ ในใจกำลังคิดหาวิธีอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น จี้เฟิงก็ยกมือขึ้นมา และกระแสไฟฟ้าชีวภาพก็พุ่งออกมาอย่างเงียบๆ เพียงพริบตาก็เกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อยในพุ่มไม้ จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ไม่มีแม้แต่เสียง
จี้เฟิงไม่รีบร้อนที่จะดำเนินการ เพราะเขาไม่แน่ใจจริงๆว่ามีคนอยู่ในพุ่มไม้กี่คนกันแน่ และตอนนี้เขาจัดการไปได้กี่คนแล้ว และก่อนที่เขาจะหาข้อพิสูจน์ได้จนมั่นใจ การกระทำที่ผลีผลามอาจทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่สามารถจินตนาการได้
บางทีอีกฝ่ายอาจจะมีมากกว่าหนึ่งคนจริงๆ ถ้าหากเขาผลีผลามโผล่ออกไป จะมีคนยิงปืนเตือน จากนั้นฝ่ายศัตรูทั้งหมดจะรู้ว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้มีแค่เซียงหยงซาน แต่มีการแทรกแซงจากกลุ่มอื่น และกู่เฉากับคนอื่นๆก็ตกอยู่ในอันตรายไปด้วย
สำหรับจี้เฟิงเอง เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะอยู่ยงคงกระพัน!
ดังนั้นเขาจึงต้องลงมือด้วยความระมัดระวังอย่างมาก หลังจากรออยู่สักพัก จี้เฟิงก็พบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆในพุ่มไม้ ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งภายใต้การกำบังจากเสียงคลื่น
ฟึ่บ—!
ร่างกายของจี้เฟิงปราดเปรียวเหมือนกับงูที่ว่ายน้ำ เขาเลี้ยวผ่านช่องว่างของต้นไม้และพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว และวินาทีต่อมา มือของเขาก็อยู่ที่คอของคนๆหนึ่ง เขาสามารถบีบคอของอีกฝ่ายให้หักได้ทุกเมื่อ
เมื่อจี้เฟิงสามารถเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนและแน่ใจว่าเขาไม่ได้มาจากประเทศจีน จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะและยกคนที่อยู่ในพุ่มไม้ออกมา
จริงๆแล้วสำหรับประเทศในแถบเอเชีย บางประเทศก็มีความแตกต่างทางด้านรูปร่างหน้าตาอยู่มาก แม้แต่ประเทศที่อยู่ใกล้กันก็ยังมองออกถึงความแตกต่างได้ไม่ยาก ขนาดชาวญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกหลานของชาวจีนก็ยังแตกต่างจากชาวจีนอย่างมาก
สำหรับคนหน้าตาแปลกๆอย่างอาซาน(อินเดีย) ฉันเกรงว่าแค่รูปร่างหน้าตาก็เพียงพอที่จะบอกได้แล้วว่าพวกเขามาจากประเทศอะไร
ดังนั้น แม้แต่คนที่ไม่เคยพบเจอชาวต่างชาติประเทศนั้นๆมาก่อน หลังจากพบกับชายคนที่จี้เฟิงจับได้ เขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนจีนอย่างแน่นอน
ในเมื่อเขาไม่ได้มาจากประเทศจีน ดังนั้นเขาก็ไม่ใช่คนของกองพลปฏิบัติการพิเศษ!
กล่าวคือในช่วงเวลาสั้นๆ ความคิดทั้งหมดเหล่านี้แวบเข้ามาในหัวของจี้เฟิง จากนั้นเขาก็พาชายชาวอาซานไปหากู่เฉาและคนอื่นๆและโยนเขาลงบนพื้น
“หัวหน้าน้อย!” หลิวซินวิ่งออกมาคนแรกอย่างรวดเร็ว
จี้เฟิงชี้ไปที่อาซานที่นอนอยู่บนพื้นและพูดเสียงเบา “ฉันพบผู้ชายคนนี้ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ นายลองสอบถามข้อมูลจากเขามาให้ได้มากที่สุดดูก็แล้วกัน แต่ถ้าเขาไม่ยอมพูด ปล่อยให้ฉันจัดการเอง ฉันไม่เชื่อเขาจะยอมหุบปากเงียบไปได้ตลอด!”
“ไม่ต้องห่วงครับหัวหน้าน้อย!” หลิวซินตอบรับเสียงเบาและเดินตรงเข้าไปหาชายคนนั้น เขาก้มลงและพูดคุยออกไปสองสามคำ แต่ชายคนนั้นไม่ตอบอะไร เขานอนหลับตาราวกับคนสลบไม่ได้สติ
จี้เฟิงหัวเราะอยู่ในใจ และจับมือของชายคนนั้น จากนั้นก็ใช้กระแสชีวภาพกระตุ้นร่างกายของอีกฝ่าย ทันใดนั้นดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกโพลง ร่างกายของเขากระตุกอย่างรุนแรงและมีเสียงครวญครางจากลำคอของเขาอย่างเจ็บปวด
“ลองถามอีกครั้ง” จี้เฟิงกระซิบ
หลิวซินพยักหน้าและถามอีกครั้งด้วยประโยคเดิม
ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าชีวภาพที่ทำร้ายร่างกายเขาอย่างหนักได้อีกต่อไป กระแสไฟฟ้าชีวภาพไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะทนได้
“หัวหน้าน้อย เขาเป็นเพียงผู้รับผิดชอบสืบสวนของหน่วยราชการลับ มีหน้าที่สืบหาข้อมูลลับ เขาบอกว่าเขาไม่รู้เกี่ยวกับการจัดการของอีกฝ่ายและการปฏิบัติการของทีมอื่น แต่เขาต้องคอยส่งสัญญาณบางอย่างที่มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่แยกแยะออก เป็นการบอกจำนวนคนและตำแหน่งโดยทั่วไปของสายลับคนนั้นๆ...” หลิวซินรายงานเสียงเบา “นอกจากนี้ ยังมีเวลารายงานของพวกเขาและทีมอื่นๆ... ดูเหมือนจะไม่มีข้อมูลอะไรสำคัญมาก”
“สำคัญสิ ถ้าเรารู้สัญญาณการรายงานก็ทำให้จัดการง่ายขึ้น ไปกันเถอะ...” จี้เฟิงโบกมือ
หลิวซินบิดคอของชายคนนั้นและลากศพของเขาเข้าไปซ่อน จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็หายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าตอนนี้จี้เฟิงจะรู้สถานการณ์โดยทั่วไปของศัตรู แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะการเข้ามาจากข้างนอกนั้นง่ายกว่าอยู่แล้ว สุดท้ายแล้วพวกเขาก็แค่ถูกส่งตัวมาโดยเรือดำน้ำและว่ายเข้าฝั่งจากน้ำตื้นๆ
แต่ปัญหาของจริงคือการพาเซียงหยงซานและคนอื่นๆออกมาโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว นี่ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุดและยากที่สุด!
....จบบทที่ 1010~