ตอนที่ 875 : ทำท่าจะคว่ำ!
ตอนที่ 875 : ทำท่าจะคว่ำ!
เจียงเฉินขี้เกียจเกินไปที่จะพูดเรื่องไร้สาระ ดังนั้นเขาจึงหาหมายเลขโทรศัพท์ของจางเทียนหัวและโทรหาทันที
ห่างออกไปในบริษัทเฟยตู๋ในเมืองหลวง จางเทียนหัวกำลังพูดในที่ประชุมระดับสูงของบริษัท
แม้ว่าพนักงานระดับล่างส่วนใหญ่ของบริษัทจะอยู่ในช่วงพักร้อน แต่บริษัทก็ยังต้องดำเนินงานต่อไปและแน่นอนว่าคนอย่างจางเทียนหัวย่อมต้องอยู่ทำงาน
ในขณะที่เขากำลังพูดโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูแล้วก็พบว่าเป็นสายมาจากเจียงเฉิน!
เจียงเฉินคือใคร? ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆของบริษัทอาจจะไม่รู้ แต่ว่าจางเทียนหัวรู้ว่าเจียงเฉินนั้นเป็นใครมีอำนาจและเงินมากมายขนาดไหน
ในสายตาของเจียงเฉินเขามันก็เป็นเพียงแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น
สำหรับจางเทียนหัวแล้วเขาจะต้องหาทางกอดต้นขาของเจียงเฉินไว้ให้แน่น ไม่อย่างนั้นเขาก็อาจจะตกงานได้ทุกเมื่อ
ในตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าเขากำลังประชุมหรือทำอะไรอยู่ก็ตาม จางเทียนหัวรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและรับสายอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดอย่างรอบน้อมว่า “สวัสดีครับคุณเจียง? ไม่ทราบว่าต้องการให้ผมช่วยเรื่องอะไรครับถึงได้โทรมาหาผม?”
เจียงเฉินถือโทรศัพท์มือถือด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งและพูดว่า “ก็ไม่ได้มีอะไร ฉันแค่อยากถามว่าตอนนี้บริษัทเป็นอย่างไรบ้าง?”
จางเทียนหัวตอบกลับด้วยความเคารพทันทีว่า “บริษัทของเรากำลังไปได้ด้วยดีครับ รายได้ของปีนี้จะต้องทะลุเป้าอย่างแน่นอนและผมก็กำลังวางแผนที่จะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อที่ปีหน้าจะได้เพิ่มกดกำไรเป็น 2 เท่าให้ได้!”
“อืม ดีมาก!”
เจียงเฉินพูดออกมาอย่างสงบนิ่ง
จ้าวจือเฟยที่อยู่ด้านข้างและคอยมองอยู่ตลอดก็คิดว่าเจียงเฉินนั้นเพียงแค่เสแสร้ง
ดังนั้นจ้าวจือเฟยจึงตัดสินใจที่จะเปิดโปงเจียงเฉินและไม่เปิดโอกาสให้เจียงเฉินแย่งความโดดเด่นไปจากเขาอย่างเด็ดขาด!
จ้าวจือเฟยยิ้มและพูดออกมาว่า “เจียงเฉินอย่ามาเสแสร้งเกินไปหน่อยเลย เจ้านายของฉันจะมาโทรศัพท์กับนายไปทำไมกัน? ยอมรับออกมาเสมอว่านายก็แค่เสแสร้งและทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่การแสดง!”
จ้าวจือเฟยเชื่อมั่นในตัวเองอย่างมาก!
เขารู้สึกว่าการที่ได้จัดการกับเจียงเฉินมันเป็นเรื่องที่ทำให้เขามีความสุข!
เจียงเฉินไม่พูดอะไรมาก เขาส่งโทรศัพท์ไปให้กับจ้าวจือเฟยและพูดว่า “นายไม่อยากจะเชื่อก็แล้วแต่ แต่นายจะลองคุยกับเจ้านายของตัวเองก็ได้นะ”
จ้าวจื้อเฟยรับโทรศัพท์และพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า "เฮ้ นายเป็นใคร กล้าดียังไงถึงมาแสดงเป็นคุณจาง ฉันจะบอกนายให้นะว่าการสวมรอยแบบนี้มันผิดกฎหมาย!"
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ จางเทียนหัวงุนงงอยู่พักหนึ่ง
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจ้าวจือเฟยเป็นใคร แต่สิ่งที่สำคัญคืออีกฝ่ายกล้าดียังไงถึงมาพูดเสียงดังใส่เขาแบบนั้น
แต่อย่างไรก็ตาม จางเทียนหัวก็ได้ยินการสนทนาระหว่างจ้าวจือเฟยและเจียงเฉินจากโทรศัพท์มือถือของเขาแล้ว
และจากการฟังจางเทียนหัวก็รู้ได้ว่าจ้าวจือเฟยนั้นกำลังแสดงท่าทีก้าวร้าวต่อหน้าเจียงเฉินที่เป็นหัวหน้าของเขา
จางเทียนหัวที่กำลังกังวลว่าเขาจะไม่สามารถหาโอกาสแสดงความสามารถตัวเองต่อหน้าเจียงเฉินได้ ก็รู้ได้ทันทีว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว
ถ้าเขาได้รับความสนใจจากเจียงเฉินชีวิตของเขาจางเทียนหัวต่อจากนี้ไปก็จะดีมาก
ดังนั้น จางเทียนหัวจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ฉันคือ จางเทียนหัวผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเฟยตู๋แล้วนายเป็นใคร"
เมื่อจ้าวจื่อเฟยได้ยินเสียงเขาก็รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย
ในตอนที่บริษัทจะจัดการประชุมทั่วไปจางเทียนหัวเคยมาเข้าร่วมประชุมด้วยตัวเองและเขาก็ได้พบกับจางเทียนหัวและได้ยินจางเทียนหัวพูด
แล้วเสียงในโทรศัพท์นั้นก็คล้ายกับจางเทียนหัวมาก
แต่อย่างไรก็ตามจ้าวจือเฟยก็เป็นเพียงพนักงานตัวเล็กๆของบริษัทเฟยตู๋และเขาก็ไม่ได้มีหมายเลขโทรศัพท์ของจางเทียนหัว
ดังนั้นเขาที่ไม่มีแม้แต่หมายเลขโทรศัพท์ของจางเทียนหัวก็ไม่ต้องพูดถึงเจียงเฉินเลย
ดังนั้นจ้าวจือเฟยจึงรู้สึกว่า จางเทียนหัวที่ปลายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เป็นเพียงตัวปลอมที่มีเสียงที่คล้ายกันเท่านั้น!
เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเองก็ยังจ้างผู้หญิงสวยๆมาแกล้งเป็นแฟนของเขา ดังนั้นแล้วทำไมเจียงเฉินจะจ้างคนอื่นมาแกล้งเป็นประธานบริษัทไม่ได้บ้าง?
ดังนั้นจ้าวจือเฟยจึงตอบกลับไปด้วยความหยิ่งผยองว่า “หึ ฉันให้โอกาสนายยอมรับแล้วนะ! อย่ามาเสแสร้งต่อหน้าฉันจะดีกว่า! สำหรับประธานจางฉันรู้จักเขาเป็นอย่างดี ไอ้สารเลวแกรีบยอมรับออกมาได้แล้วว่าเจียงเฉินมันจ้างแกมาด้วยเงิน! คิดจะแกล้งทำเป็นประธานจางเทียนหัวของบริษัทเฟยตู๋งั้นเหรอฝันไปเถอะ!”
เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น จ้าวจือเฟยก็เลิกคิ้วขึ้น
จ้าวหงหมิงพ่อของเขาก็เชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
เขารู้สึกว่าลูกชายของเขาจะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นเขาก็จะได้ดูเจียงเฉินเสียหน้าแล้ววิ่งไปรอบๆหมู่บ้าน!
เมื่อคิดได้แบบนั้นแล้วจ้าวหมิหงก็รู้สึกมีความสุขมาก
ก่อนหน้านี้เจียงเฉินทำให้เขาต้องเสียหน้ามันก็ทำให้เขารู้สึกเกลียดชังจะแย่อยู่แล้ว ดังนั้นมันจะเป็นการดีที่สุดหากเขาสามารถสั่งสอนบทเรียนให้กับเจียงเฉินได้
ลูกชายของฉันนี่มันสุดยอดมากจริงๆ!
ฮ่าๆๆๆ!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จ้าวหมิงหงก็รู้สึกภาคภูมิใจ!
จางเทียนหัวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์ก็โกรธมาก เขาพูดออกมา “ไม่ว่าฉันจะแอบอ้างหรือไม่ก็ตาม มันไม่ได้สำคัญเลย! นายต่างหากที่ชื่ออะไร?!”
ต่อหน้าญาติจำนวนมากจ้าวจือเฟยไม่ต้องการที่จะแสดงความขี้ขลาดออกมา
เขาไม่ได้คิดอะไรและตอบออกมาอย่างเย่อหยิ่งว่า “ฉันคือจ้าวจือเฟยพนักงานของบริษัทเฟยตู๋ ดังนั้นแกไอ้สารเลวเลิกเสแสร้งเป็นประธานของฉันได้แล้ว! คุณจางกับฉันเราสนิทกัน ดังนั้นนายรีบยอมรับออกมาได้แล้ว ถ้าหากว่านายยอมรับออกมาตอนนี้ฉันอาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไปก็ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องร้องนายที่มาสวมรอยเป็นประธานของฉัน!”
ในเวลานี้เพื่อที่จะทำให้เจียงเฉินอับอาย เขาจึงงัดไม้เด็ดออกมาและขู่จางเทียนหัว
จางเทียนหัวที่ปลายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็วางสายโดยไม่พูดอะไรสักคำ
โทรศัพท์ถูกตัดการเชื่อมต่อ
จ้าวจือเฟยถือโทรศัพท์มือถือและเหวี่ยงไปมาต่อหน้าเจียงเฉินก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจียงเฉิน ดูเหมือนว่าเพื่อนของนายคนนี้จะไม่มีดีเอาเลยนะ ฉันเพียงแค่พูดไม่กี่คำก็วางสายด้วยความตกใจไปซะแล้ว คราวหน้าถ้าจะหาใครมาแอบอ้างก็หาคนที่กล้าๆหน่อยนะรู้ไหม”
เมื่อพูดแบบนั้นแล้ว จ้าวจือเฟยก็โยนโทรศัพท์มือถือของเจียงเฉินคืนด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง
แต่เจียงเฉินกลับไม่สนใจมัน
เพราะเขารู้ว่าจ้าวจือเฟยกำลังจะเจอกับปัญหาในไม่ช้านี้
ในอนาคตอันใก้ล จางเทียนหัวกำลังจะมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง ดังนั้นเจียงเฉินจึงต้องการที่จะรู้ว่าเขาจะจัดการยังไงกับสถานการณ์แบบนี้
ในเวลานี้เองจ้าวจือเฟยมองไปที่เจียงเฉินและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เจียงเฉิน! นายแพ้แล้ว! ไปวิ่งรอบหมู่บ้านได้แล้วไป!”
เจียงเฉินลูบจมูกของเขาแล้วยิ้มก่อนจะพูดว่า “ฉันแพ้งั้นหรอ? ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ”
จ้าวจือเฟยพูดออกมา “นายยังไม่แพ้? คนที่มาเสแสร้งว่าเป็นประธานจางก็ยอมแพ้ไปแล้ว แต่นายยังไม่ยอมแพ้อีกเนี่ยนะ? ปากแข็งดีจริงๆ!”
จ้าวหมิงหงที่อยู่ด้านข้างก็พูดออกมา “ใช่แล้ว จือเฟยของฉันเปิดโปงแกแล้วแต่แกกลับไม่ยอมรับเนี่ยนะ ไร้ยางอายจริงๆ!”
ตอนนี้พวกเขาสองคนพ่อลูกมีความคิดที่เหมือนกัน พวกเขาต้องการที่จะจัดการกับเจียงเฉินและทำให้เจียงเฉินอับอาย
หากว่าเจียงเฉินไม่ยอมวิ่งรอบหมู่บ้านทั้งหมด 10 รอบ พวกเขาก็จะให้เจียงเฉินคุกเข่าและเรียกพวกเขาว่าเจ้านาย!
แต่ในเวลานี้เองโทรศัพท์มือถือของจ้าวจือเฟยก็ดังขึ้น
จ้าวจือเฟยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอย่างระมัดระวังและพบว่าเป็นหัวหน้าของเขาที่โทรมา
ทันใดนั้นสีหน้าของจ้าวจือเฟยก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเขาแสดงความตื่นตระหนกออกมาเล็กน้อย!
…
เมื่อจ้าวจือเฟยเห็นว่าหัวหน้าของเขาโทรมา เขาก็ส่งสัญญาณให้กับพ่อของเขาจ้าวหมิงหงให้เงียบลง
จ้าวหมิงหงที่เห็นแบบนั้นก็เข้าใจได้ทันทีและพูดกับญาติที่อยู่รอบๆว่า “ทุกคนอย่าพูด ลูกชายของฉันกำลังรับโทรศัพท์จากเจ้านาย!”
ญาติพี่น้องที่อยู่รอบข้างก็พากันเงียบและไม่กล้าพูดออกมา
เจียงเฉินยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนมุมปากของเขา ใครที่ได้เห็นต่างก็ต้องรู้สึกถึงความลึกลับและคาดเดาไม่ได้
ในไม่ช้าจ้าวจือเฟยก็กดปุ่มรับสายบนโทรศัพท์และพูดด้วยน้ำเสียประจบสอพลอว่า “สวัสดีครับ ผู้จัดการอาวุโส โทรมาหาผมต้องการให้ผมช่วยเรื่องอะไรหรอครับ?”
บนโทรศัพท์ชายคนหนึ่งคำรามออกมาด้วยความโกรธ “จ้าวจือเฟย ดูเหมือนว่าแกจะเบื่องานนี้แล้วใช่ไหม!? แกกล้าหาญมากนะที่ไปพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าคุณจางและตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวตนของคุณจาแบบนั้น! หลังจากฉลองปีใหม่แล้วแกก็ไม่ต้องกลับมาทำงานที่นี่อีกต่อไปแล้ว! แกมาเก็บข้าวของแกแล้วออกไปได้เลย! และแกยังต้องคืนเงิน 200,000 หยวนที่แกยืมมาจากบริษัททันทีด้วย!”
เมื่อจ้าวจือเฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้เขาก็ตกตะลึงทันที
เพื่อที่จะได้กลับมาอวดที่บ้านในช่วงปีใหม่ เขาได้ขอกู้เงินจากกองทุนของบริษัทเป็นจำนวนเงิน 200,000 หยวน
แต่คาดไม่ถึงว่า ก่อนที่สิ่งที่เขาหวังไว้จะสำเร็จ เขาก็ได้รับโทรศัพท์มาจากเจ้านายซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงว่าเขาถูกไล่ออกและเขาจะต้องจ่ายเงินคืนทั้งหมด
จ้าวจื่อเฟยตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง
ในเวลานี้เขารีบอธิบายทันทีว่า “หัวหน้า ฟังผมก่อน ฟังผมก่อน! ผมไม่รู้ว่าเขาคือคุณจาง ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง!”
เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วจ้าวจือเฟยไม่สนใจที่จะโอ้อวดอีกต่อไป
เพราะสิ่งสำคัญอันดับแรกของเขาในตอนนี้ก็คือการรักษางานของตัวเองเอาไว้!
ถ้าหากว่าเขาตกงานเรื่องอาหารการกินในอนาคตก็ไม่ต้องพูดถึงเลย!
นอกจากนี้เขายังต้องเป็นหนี้จำนวนมาก เขาจะจ่ายเงินคืนได้อย่างไรกัน?
ดังนั้นเพื่องานของเขาจ้าวจือเฟยจึงขอร้องผู้บริหารระดับสูงโดยไม่สนถึงใบหน้าของตัวเองอีกต่อไป
บรรดาญาติที่อยู่รอบๆเมื่อเห็นว่าจ้าวจือเฟยซึ่งเพิ่งจะตื่นเต้นและได้รับชัยชนะไปเมื่อกี้ ในตอนนี้เขากำลังจะตกงานและยังต้องขอร้องอ้อนวอน....
พวกเขารู้สึกพูดไม่ออกจริงๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าผู้บริหารระดับสูงคนนี้จะไม่สนใจที่จะคุยกับจ้าวจือเฟยอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงวางสายทันที
จ้าวจือเฟยพยายามโทรติดต่อกลับไปแต่สุดท้ายกลับไม่มีการตอบรับเลย
เขาต้องการที่จะอธิบายเรื่องทุกอย่าง
แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ให้โอกาสเขาแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นจ้าวจือเฟยก็เหงื่อออกด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว
จ้าวหมิงหงเห็นว่าตอนนี้ลูกชายของเขากำลังกังวลขนาดไหนเขาก็รีบถามออกมาทันที “จือเฟย นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมคนในโทรศัพท์ถึงบอกว่าถูกไล่ออกแล้ว?”
ก่อนหน้านี้ตอนที่จ้าวจือเฟยรับสายโทรศัพท์เขาได้ทำการเปิดลำโพงเพื่อที่จะโอ้อวดตัวเองให้กับทุกคนที่อยู่ในห้องได้ยิน
แต่ปรากฏว่า....
สิ่งที่คิดเอาไว้ในหัวของเขานั้นกลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
ก่อนที่จ้าวจือเฟยจะได้อธิบาย เฟยเฟยแฟนสาวของเขาก็พูดขึ้นว่า “จ้าวจือเฟย คุณกำลังล้อเล่นอะไรอยู่? คุณถูกไล่ออกแล้วแถมยังต้องคืนเงินที่ยืมมา? แล้วเงินค่าจ้างของฉันล่ะ? เงินที่เราตกลงกันไว้? นายจ้างฉันมาเป็นแฟนวันละ 1,000 หยวน ตอนนี้มันผ่านมา 5 วันแล้วเงิน 5,000 หยวนไม่น้อยเลยนะ!”
การแสดงออกของจ้าวจือเฟยในตอนนี้ดูน่าเกลียดมาก
ในช่วงเวลาที่น่าอับอายนี้เฟยเฟยได้ทำให้เขาต้องอับอายยิ่งกว่าเดิม
จ้าวจือเฟยตะโกนออกมาด้วยความอับอาย “แล้วเธอจะตะโกนออกมาเพื่ออะไร?! นี่มันยังไม่ครบสัญญาเลยด้วยซ้ำแล้วจะให้ฉันจ่ายเงินให้เธอได้ยังไง?!”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ทะเลาะกัน
บรรดาญาติที่อยู่รอบๆต่างก็พูดไม่ออกไม่ได้เห็นฉากนี้
พวกเขามองดูทั้งสองคนทะเลาะกันราวกับกำลังดูละครอยู่
→_→!