ตอนที่แล้วตอนที่ 874 : ข้ออ้างจบลงแล้ว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 876 : เจียงเฉิน ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกครั้ง!

ตอนที่ 875 : ทำท่าจะคว่ำ!


ตอนที่ 875 : ทำท่าจะคว่ำ!

เจียงเฉินขี้เกียจเกินไปที่จะพูดเรื่องไร้สาระ ดังนั้นเขาจึงหาหมายเลขโทรศัพท์ของจางเทียนหัวและโทรหาทันที

ห่างออกไปในบริษัทเฟยตู๋ในเมืองหลวง จางเทียนหัวกำลังพูดในที่ประชุมระดับสูงของบริษัท

แม้ว่าพนักงานระดับล่างส่วนใหญ่ของบริษัทจะอยู่ในช่วงพักร้อน แต่บริษัทก็ยังต้องดำเนินงานต่อไปและแน่นอนว่าคนอย่างจางเทียนหัวย่อมต้องอยู่ทำงาน

ในขณะที่เขากำลังพูดโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูแล้วก็พบว่าเป็นสายมาจากเจียงเฉิน!

เจียงเฉินคือใคร? ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆของบริษัทอาจจะไม่รู้ แต่ว่าจางเทียนหัวรู้ว่าเจียงเฉินนั้นเป็นใครมีอำนาจและเงินมากมายขนาดไหน

ในสายตาของเจียงเฉินเขามันก็เป็นเพียงแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น

สำหรับจางเทียนหัวแล้วเขาจะต้องหาทางกอดต้นขาของเจียงเฉินไว้ให้แน่น ไม่อย่างนั้นเขาก็อาจจะตกงานได้ทุกเมื่อ

ในตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าเขากำลังประชุมหรือทำอะไรอยู่ก็ตาม จางเทียนหัวรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและรับสายอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดอย่างรอบน้อมว่า “สวัสดีครับคุณเจียง? ไม่ทราบว่าต้องการให้ผมช่วยเรื่องอะไรครับถึงได้โทรมาหาผม?”

เจียงเฉินถือโทรศัพท์มือถือด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งและพูดว่า “ก็ไม่ได้มีอะไร ฉันแค่อยากถามว่าตอนนี้บริษัทเป็นอย่างไรบ้าง?”

จางเทียนหัวตอบกลับด้วยความเคารพทันทีว่า “บริษัทของเรากำลังไปได้ด้วยดีครับ รายได้ของปีนี้จะต้องทะลุเป้าอย่างแน่นอนและผมก็กำลังวางแผนที่จะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อที่ปีหน้าจะได้เพิ่มกดกำไรเป็น 2 เท่าให้ได้!”

“อืม ดีมาก!”

เจียงเฉินพูดออกมาอย่างสงบนิ่ง

จ้าวจือเฟยที่อยู่ด้านข้างและคอยมองอยู่ตลอดก็คิดว่าเจียงเฉินนั้นเพียงแค่เสแสร้ง

ดังนั้นจ้าวจือเฟยจึงตัดสินใจที่จะเปิดโปงเจียงเฉินและไม่เปิดโอกาสให้เจียงเฉินแย่งความโดดเด่นไปจากเขาอย่างเด็ดขาด!

จ้าวจือเฟยยิ้มและพูดออกมาว่า “เจียงเฉินอย่ามาเสแสร้งเกินไปหน่อยเลย เจ้านายของฉันจะมาโทรศัพท์กับนายไปทำไมกัน? ยอมรับออกมาเสมอว่านายก็แค่เสแสร้งและทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่การแสดง!”

จ้าวจือเฟยเชื่อมั่นในตัวเองอย่างมาก!

เขารู้สึกว่าการที่ได้จัดการกับเจียงเฉินมันเป็นเรื่องที่ทำให้เขามีความสุข!

เจียงเฉินไม่พูดอะไรมาก เขาส่งโทรศัพท์ไปให้กับจ้าวจือเฟยและพูดว่า “นายไม่อยากจะเชื่อก็แล้วแต่ แต่นายจะลองคุยกับเจ้านายของตัวเองก็ได้นะ”

จ้าวจื้อเฟยรับโทรศัพท์และพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า "เฮ้ นายเป็นใคร กล้าดียังไงถึงมาแสดงเป็นคุณจาง ฉันจะบอกนายให้นะว่าการสวมรอยแบบนี้มันผิดกฎหมาย!"

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ จางเทียนหัวงุนงงอยู่พักหนึ่ง

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจ้าวจือเฟยเป็นใคร แต่สิ่งที่สำคัญคืออีกฝ่ายกล้าดียังไงถึงมาพูดเสียงดังใส่เขาแบบนั้น

แต่อย่างไรก็ตาม จางเทียนหัวก็ได้ยินการสนทนาระหว่างจ้าวจือเฟยและเจียงเฉินจากโทรศัพท์มือถือของเขาแล้ว

และจากการฟังจางเทียนหัวก็รู้ได้ว่าจ้าวจือเฟยนั้นกำลังแสดงท่าทีก้าวร้าวต่อหน้าเจียงเฉินที่เป็นหัวหน้าของเขา

จางเทียนหัวที่กำลังกังวลว่าเขาจะไม่สามารถหาโอกาสแสดงความสามารถตัวเองต่อหน้าเจียงเฉินได้ ก็รู้ได้ทันทีว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว

ถ้าเขาได้รับความสนใจจากเจียงเฉินชีวิตของเขาจางเทียนหัวต่อจากนี้ไปก็จะดีมาก

ดังนั้น จางเทียนหัวจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ฉันคือ จางเทียนหัวผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเฟยตู๋แล้วนายเป็นใคร"

เมื่อจ้าวจื่อเฟยได้ยินเสียงเขาก็รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย

ในตอนที่บริษัทจะจัดการประชุมทั่วไปจางเทียนหัวเคยมาเข้าร่วมประชุมด้วยตัวเองและเขาก็ได้พบกับจางเทียนหัวและได้ยินจางเทียนหัวพูด

แล้วเสียงในโทรศัพท์นั้นก็คล้ายกับจางเทียนหัวมาก

แต่อย่างไรก็ตามจ้าวจือเฟยก็เป็นเพียงพนักงานตัวเล็กๆของบริษัทเฟยตู๋และเขาก็ไม่ได้มีหมายเลขโทรศัพท์ของจางเทียนหัว

ดังนั้นเขาที่ไม่มีแม้แต่หมายเลขโทรศัพท์ของจางเทียนหัวก็ไม่ต้องพูดถึงเจียงเฉินเลย

ดังนั้นจ้าวจือเฟยจึงรู้สึกว่า จางเทียนหัวที่ปลายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เป็นเพียงตัวปลอมที่มีเสียงที่คล้ายกันเท่านั้น!

เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเองก็ยังจ้างผู้หญิงสวยๆมาแกล้งเป็นแฟนของเขา ดังนั้นแล้วทำไมเจียงเฉินจะจ้างคนอื่นมาแกล้งเป็นประธานบริษัทไม่ได้บ้าง?

ดังนั้นจ้าวจือเฟยจึงตอบกลับไปด้วยความหยิ่งผยองว่า “หึ ฉันให้โอกาสนายยอมรับแล้วนะ! อย่ามาเสแสร้งต่อหน้าฉันจะดีกว่า! สำหรับประธานจางฉันรู้จักเขาเป็นอย่างดี ไอ้สารเลวแกรีบยอมรับออกมาได้แล้วว่าเจียงเฉินมันจ้างแกมาด้วยเงิน! คิดจะแกล้งทำเป็นประธานจางเทียนหัวของบริษัทเฟยตู๋งั้นเหรอฝันไปเถอะ!”

เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น จ้าวจือเฟยก็เลิกคิ้วขึ้น

จ้าวหงหมิงพ่อของเขาก็เชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ

เขารู้สึกว่าลูกชายของเขาจะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

หลังจากนั้นเขาก็จะได้ดูเจียงเฉินเสียหน้าแล้ววิ่งไปรอบๆหมู่บ้าน!

เมื่อคิดได้แบบนั้นแล้วจ้าวหมิหงก็รู้สึกมีความสุขมาก

ก่อนหน้านี้เจียงเฉินทำให้เขาต้องเสียหน้ามันก็ทำให้เขารู้สึกเกลียดชังจะแย่อยู่แล้ว ดังนั้นมันจะเป็นการดีที่สุดหากเขาสามารถสั่งสอนบทเรียนให้กับเจียงเฉินได้

ลูกชายของฉันนี่มันสุดยอดมากจริงๆ!

ฮ่าๆๆๆ!

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จ้าวหมิงหงก็รู้สึกภาคภูมิใจ!

จางเทียนหัวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์ก็โกรธมาก เขาพูดออกมา “ไม่ว่าฉันจะแอบอ้างหรือไม่ก็ตาม มันไม่ได้สำคัญเลย! นายต่างหากที่ชื่ออะไร?!”

ต่อหน้าญาติจำนวนมากจ้าวจือเฟยไม่ต้องการที่จะแสดงความขี้ขลาดออกมา

เขาไม่ได้คิดอะไรและตอบออกมาอย่างเย่อหยิ่งว่า “ฉันคือจ้าวจือเฟยพนักงานของบริษัทเฟยตู๋ ดังนั้นแกไอ้สารเลวเลิกเสแสร้งเป็นประธานของฉันได้แล้ว! คุณจางกับฉันเราสนิทกัน ดังนั้นนายรีบยอมรับออกมาได้แล้ว ถ้าหากว่านายยอมรับออกมาตอนนี้ฉันอาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไปก็ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องร้องนายที่มาสวมรอยเป็นประธานของฉัน!”

ในเวลานี้เพื่อที่จะทำให้เจียงเฉินอับอาย เขาจึงงัดไม้เด็ดออกมาและขู่จางเทียนหัว

จางเทียนหัวที่ปลายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็วางสายโดยไม่พูดอะไรสักคำ

โทรศัพท์ถูกตัดการเชื่อมต่อ

จ้าวจือเฟยถือโทรศัพท์มือถือและเหวี่ยงไปมาต่อหน้าเจียงเฉินก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจียงเฉิน ดูเหมือนว่าเพื่อนของนายคนนี้จะไม่มีดีเอาเลยนะ ฉันเพียงแค่พูดไม่กี่คำก็วางสายด้วยความตกใจไปซะแล้ว คราวหน้าถ้าจะหาใครมาแอบอ้างก็หาคนที่กล้าๆหน่อยนะรู้ไหม”

เมื่อพูดแบบนั้นแล้ว จ้าวจือเฟยก็โยนโทรศัพท์มือถือของเจียงเฉินคืนด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง

แต่เจียงเฉินกลับไม่สนใจมัน

เพราะเขารู้ว่าจ้าวจือเฟยกำลังจะเจอกับปัญหาในไม่ช้านี้

ในอนาคตอันใก้ล จางเทียนหัวกำลังจะมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง ดังนั้นเจียงเฉินจึงต้องการที่จะรู้ว่าเขาจะจัดการยังไงกับสถานการณ์แบบนี้

ในเวลานี้เองจ้าวจือเฟยมองไปที่เจียงเฉินและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เจียงเฉิน! นายแพ้แล้ว! ไปวิ่งรอบหมู่บ้านได้แล้วไป!”

เจียงเฉินลูบจมูกของเขาแล้วยิ้มก่อนจะพูดว่า “ฉันแพ้งั้นหรอ? ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ”

จ้าวจือเฟยพูดออกมา “นายยังไม่แพ้? คนที่มาเสแสร้งว่าเป็นประธานจางก็ยอมแพ้ไปแล้ว แต่นายยังไม่ยอมแพ้อีกเนี่ยนะ? ปากแข็งดีจริงๆ!”

จ้าวหมิงหงที่อยู่ด้านข้างก็พูดออกมา “ใช่แล้ว จือเฟยของฉันเปิดโปงแกแล้วแต่แกกลับไม่ยอมรับเนี่ยนะ ไร้ยางอายจริงๆ!”

ตอนนี้พวกเขาสองคนพ่อลูกมีความคิดที่เหมือนกัน พวกเขาต้องการที่จะจัดการกับเจียงเฉินและทำให้เจียงเฉินอับอาย

หากว่าเจียงเฉินไม่ยอมวิ่งรอบหมู่บ้านทั้งหมด 10 รอบ พวกเขาก็จะให้เจียงเฉินคุกเข่าและเรียกพวกเขาว่าเจ้านาย!

แต่ในเวลานี้เองโทรศัพท์มือถือของจ้าวจือเฟยก็ดังขึ้น

จ้าวจือเฟยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอย่างระมัดระวังและพบว่าเป็นหัวหน้าของเขาที่โทรมา

ทันใดนั้นสีหน้าของจ้าวจือเฟยก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเขาแสดงความตื่นตระหนกออกมาเล็กน้อย!

เมื่อจ้าวจือเฟยเห็นว่าหัวหน้าของเขาโทรมา เขาก็ส่งสัญญาณให้กับพ่อของเขาจ้าวหมิงหงให้เงียบลง

จ้าวหมิงหงที่เห็นแบบนั้นก็เข้าใจได้ทันทีและพูดกับญาติที่อยู่รอบๆว่า “ทุกคนอย่าพูด ลูกชายของฉันกำลังรับโทรศัพท์จากเจ้านาย!”

ญาติพี่น้องที่อยู่รอบข้างก็พากันเงียบและไม่กล้าพูดออกมา

เจียงเฉินยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนมุมปากของเขา ใครที่ได้เห็นต่างก็ต้องรู้สึกถึงความลึกลับและคาดเดาไม่ได้

ในไม่ช้าจ้าวจือเฟยก็กดปุ่มรับสายบนโทรศัพท์และพูดด้วยน้ำเสียประจบสอพลอว่า “สวัสดีครับ ผู้จัดการอาวุโส โทรมาหาผมต้องการให้ผมช่วยเรื่องอะไรหรอครับ?”

บนโทรศัพท์ชายคนหนึ่งคำรามออกมาด้วยความโกรธ “จ้าวจือเฟย ดูเหมือนว่าแกจะเบื่องานนี้แล้วใช่ไหม!? แกกล้าหาญมากนะที่ไปพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าคุณจางและตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวตนของคุณจาแบบนั้น! หลังจากฉลองปีใหม่แล้วแกก็ไม่ต้องกลับมาทำงานที่นี่อีกต่อไปแล้ว! แกมาเก็บข้าวของแกแล้วออกไปได้เลย! และแกยังต้องคืนเงิน 200,000 หยวนที่แกยืมมาจากบริษัททันทีด้วย!”

เมื่อจ้าวจือเฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้เขาก็ตกตะลึงทันที

เพื่อที่จะได้กลับมาอวดที่บ้านในช่วงปีใหม่ เขาได้ขอกู้เงินจากกองทุนของบริษัทเป็นจำนวนเงิน 200,000 หยวน

แต่คาดไม่ถึงว่า ก่อนที่สิ่งที่เขาหวังไว้จะสำเร็จ เขาก็ได้รับโทรศัพท์มาจากเจ้านายซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงว่าเขาถูกไล่ออกและเขาจะต้องจ่ายเงินคืนทั้งหมด

จ้าวจื่อเฟยตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง

ในเวลานี้เขารีบอธิบายทันทีว่า “หัวหน้า ฟังผมก่อน ฟังผมก่อน! ผมไม่รู้ว่าเขาคือคุณจาง ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง!”

เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วจ้าวจือเฟยไม่สนใจที่จะโอ้อวดอีกต่อไป

เพราะสิ่งสำคัญอันดับแรกของเขาในตอนนี้ก็คือการรักษางานของตัวเองเอาไว้!

ถ้าหากว่าเขาตกงานเรื่องอาหารการกินในอนาคตก็ไม่ต้องพูดถึงเลย!

นอกจากนี้เขายังต้องเป็นหนี้จำนวนมาก เขาจะจ่ายเงินคืนได้อย่างไรกัน?

ดังนั้นเพื่องานของเขาจ้าวจือเฟยจึงขอร้องผู้บริหารระดับสูงโดยไม่สนถึงใบหน้าของตัวเองอีกต่อไป

บรรดาญาติที่อยู่รอบๆเมื่อเห็นว่าจ้าวจือเฟยซึ่งเพิ่งจะตื่นเต้นและได้รับชัยชนะไปเมื่อกี้ ในตอนนี้เขากำลังจะตกงานและยังต้องขอร้องอ้อนวอน....

พวกเขารู้สึกพูดไม่ออกจริงๆ

แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าผู้บริหารระดับสูงคนนี้จะไม่สนใจที่จะคุยกับจ้าวจือเฟยอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงวางสายทันที

จ้าวจือเฟยพยายามโทรติดต่อกลับไปแต่สุดท้ายกลับไม่มีการตอบรับเลย

เขาต้องการที่จะอธิบายเรื่องทุกอย่าง

แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ให้โอกาสเขาแม้แต่น้อย

ทันใดนั้นจ้าวจือเฟยก็เหงื่อออกด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว

จ้าวหมิงหงเห็นว่าตอนนี้ลูกชายของเขากำลังกังวลขนาดไหนเขาก็รีบถามออกมาทันที “จือเฟย นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมคนในโทรศัพท์ถึงบอกว่าถูกไล่ออกแล้ว?”

ก่อนหน้านี้ตอนที่จ้าวจือเฟยรับสายโทรศัพท์เขาได้ทำการเปิดลำโพงเพื่อที่จะโอ้อวดตัวเองให้กับทุกคนที่อยู่ในห้องได้ยิน

แต่ปรากฏว่า....

สิ่งที่คิดเอาไว้ในหัวของเขานั้นกลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

ก่อนที่จ้าวจือเฟยจะได้อธิบาย เฟยเฟยแฟนสาวของเขาก็พูดขึ้นว่า “จ้าวจือเฟย คุณกำลังล้อเล่นอะไรอยู่? คุณถูกไล่ออกแล้วแถมยังต้องคืนเงินที่ยืมมา? แล้วเงินค่าจ้างของฉันล่ะ? เงินที่เราตกลงกันไว้? นายจ้างฉันมาเป็นแฟนวันละ 1,000 หยวน ตอนนี้มันผ่านมา 5 วันแล้วเงิน 5,000 หยวนไม่น้อยเลยนะ!”

การแสดงออกของจ้าวจือเฟยในตอนนี้ดูน่าเกลียดมาก

ในช่วงเวลาที่น่าอับอายนี้เฟยเฟยได้ทำให้เขาต้องอับอายยิ่งกว่าเดิม

จ้าวจือเฟยตะโกนออกมาด้วยความอับอาย “แล้วเธอจะตะโกนออกมาเพื่ออะไร?! นี่มันยังไม่ครบสัญญาเลยด้วยซ้ำแล้วจะให้ฉันจ่ายเงินให้เธอได้ยังไง?!”

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ทะเลาะกัน

บรรดาญาติที่อยู่รอบๆต่างก็พูดไม่ออกไม่ได้เห็นฉากนี้

พวกเขามองดูทั้งสองคนทะเลาะกันราวกับกำลังดูละครอยู่

→_→!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด