ตอนที่ 282 รอฉัน
ตอนที่ 282 รอฉัน
การปรากฏตัวของหญิงสาวตรงหน้าทำให้เซี่ยเฟยแทบไม่อยากที่จะเชื่อสายตา และถึงแม้ว่าสายตาของเขาจะต้องมองย้อนแสงสปอร์ตไลท์ แต่เขาก็สามารถแยกเธอออกจากฝูงชนได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันหญิงสาวคนนี้สวมฮู้ดปิดหน้าปิดตาไว้ แต่เขาก็ยังคงสามารถจดจำเธอได้อยู่ภายในใจและเขาก็ไม่เคยลืมชื่อเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เซียวรั่วหยู!
ใช่แล้ว นี่คือเซียวรั่วหยูเด็กสาวผู้หายตัวไปในระหว่างการประเมินระดับวิกฤตของสมาพันธ์จัสทิส!!
เซี่ยเฟยเคยเฝ้าคิดถึงเธอทั้งวันทั้งคืนและโทษตัวเองอยู่ซ้ำ ๆ ที่เขาไม่สามารถปกป้องเธอเอาไว้ได้ นอกจากนี้เซียวรั่วหยูยังหายตัวไปตลอดช่วง 2 ปีและไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ปกติแล้วเซี่ยเฟยเป็นคนที่ใจเย็นมาก แม้แต่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดเขาก็ยังสามารถรักษาความสงบของตัวเองเอาไว้ได้ แต่ในเวลานี้เขากลับรู้สึกร้อน ๆ ขึ้นมาในดวงตาพร้อมกับมีของเหลวใส ๆ เอ่อล้นออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ร่างกายของเซี่ยเฟยตกอยู่ในอาการแข็งทื่อพร้อมกับเสียงของผู้ชมนับหมื่นที่ค่อย ๆ หายไป ซึ่งชายหนุ่มก็รู้สึกราวกับว่าเวลาถูกหยุดเอาไว้เหลือเพียงแค่เขากับเธอที่กำลังจ้องมองซึ่งกันและกัน
หลังจากกลับมาตั้งสติได้อีกครั้งเซี่ยเฟยก็ส่งรอยยิ้มให้หญิงสาวในระยะไกล แต่อย่างไรก็ตามเซียวรั่วหยูกับพยายามดึงฮู้ดลงมาปิดใบหน้าของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับก้มหน้ามองลงไปที่พื้นโดยไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มตรง ๆ
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนว่าทำไมหญิงสาวถึงจะต้องหลบหน้าเขาด้วย และถ้าหากว่ารอบ ๆ สังเวียนไม่ได้ถูกล้อมเอาไว้ด้วยกำแพงเลเซอร์ เขาก็คงจะรีบพุ่งตัวเข้าไปกอดสาวน้อยคนนี้ด้วยความคิดถึง
ข้าง ๆ ของเซียวรั่วหยูมีร่างของหญิงสาวอีกหลายคนที่สวมฮู้ดสีดำอยู่เช่นกัน ซึ่งเซี่ยเฟยก็ได้ใช้เวลาหลังจากนั้นในการจดจำรายละเอียดของทุกคนเอาไว้
“อะแฮ่ม!” บุชเชอร์พยายามส่งเสียงกระแอมเป็นการเตือนว่าในตอนนี้พวกเขากำลังจะต้องเข้าไปในสังเวียนที่เต็มไปด้วยการสังหาร
เซี่ยเฟยพยายามตั้งสติอีกครั้งพร้อมกับพยักหน้าเป็นการขอบคุณ
ภาพเหตุการณ์นี้คล้ายกับพล็อตเรื่องในละครที่เขาจะได้เห็นเซียวรั่วหยูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต และถึงแม้ว่าหญิงสาวจะอยู่ห่างไกลแต่เซี่ยเฟยก็ยังรู้สึกพอใจกับการพบเจอในครั้งนี้ เพราะอย่างน้อยเขาก็สามารถยืนยันได้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกโล่งใจมากขึ้นกว่าเดิม
เซี่ยเฟยหันกลับไปมองเซียวรั่วหยูบนอัฒจันทร์อีกครั้ง ขณะที่หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาเช่นกัน
สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ที่น่าอับอายมาก เพราะเซี่ยเฟยเคยจินตนาการว่าวันหนึ่งเขาอาจจะได้เดินสวนกับสาวน้อยที่เติบโตขึ้นเป็นสาวสวยโดยบังเอิญ แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าพวกเขาได้มาพบเจอกันอีกครั้งในสังเวียนเลือด และผู้ที่อยู่ในสังเวียนครั้งนี้ยังเป็นตัวของเขาเองอีกด้วย
ระยะทางที่ไกลที่สุดในจักรวาลไม่ใช่ระยะห่างที่มีหน่วยเป็นปีแสง แต่มันคือระยะห่างเพียงแค่เอื้อมแต่เขากลับไม่สามารถที่จะจับมือเธอเอาไว้ได้
เซียวรั่วหยูจะต้องจำเขาได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะไม่หลบสายตาของเขาในครั้งแรกที่พวกเขาได้สบตากัน ชายหนุ่มจึงหยิบแผ่นโลหะที่มีตราสัญลักษณ์ของสมาพันธ์จัสทิสออกมาจากแหวนมิติ ก่อนที่จะเอาป้ายนี้มาคล้องเอาไว้ที่คอของเขา
เหล่าบรรดาผู้ชมต่างก็รู้สึกงงงวยว่าเซี่ยเฟยหยิบแผ่นป้ายที่มีตราสัญลักษณ์ของสมาพันธ์จัสทิสขึ้นมาทำไม ซึ่งมันก็มีบางคนคิดไปเองภายในใจว่าชายหนุ่มกำลังโอ้อวดความสำเร็จในอดีตของตัวเอง
ผู้บรรยายของสังเวียนได้ซูมกล้องเข้าไปยังแผ่นป้ายที่เซี่ยเฟยนำมาแขวนเอาไว้ที่คอ ก่อนที่ภาพบนหน้าจอจะขึ้นข้อมูลว่าแผ่นป้ายนี้เป็นแผ่นป้ายสำหรับการประเมินระดับวิกฤตของสมาพันธ์จัสทิสในรอบแรก ก่อนที่เขาจะได้มาต่อสู้กับเฉินตงในการประลองรอบที่ 2
ข้อมูลนี้ทำให้ผู้ชมเข้าใจว่าเซี่ยเฟยกำลังพยายามโอ้อวดความสำเร็จของตัวเอง หรือเขาอาจจะคิดว่าแผ่นป้ายนี้เป็นเครื่องรางที่อาจจะทำให้เขาเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้ในครั้งนี้ไปได้
อย่างไรก็ตามโดยปกติแผ่นป้ายพวกนี้มักจะต้องถูกส่งคืนสมาพันธ์ทันทีที่การประเมินสิ้นสุดลง แต่เซี่ยเฟยกลับได้เก็บแผ่นป้ายแผ่นหนึ่งเอาไว้กับตัวเอง
เมื่อได้เห็นแผ่นป้ายที่เซี่ยเฟยแขวนเอาไว้ที่คอ ร่างบาง ๆ ภายใต้เสื้อคลุมก็ตัวสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง แต่โชคดีที่สายลมในบริเวณนั้นค่อนข้างแรงมันจึงไม่มีใครทันได้สังเกตเห็นอาการผิดปกติของหญิงสาวคนนี้
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็สามารถยืนยันได้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คือเซียวรั่วหยู เพราะแผ่นป้ายสำหรับการประเมินแผ่นนี้เป็นแผ่นป้ายที่เขาตั้งใจเก็บเอาไว้ให้เธอ!
ในการประเมินเซี่ยเฟยได้รับแผ่นป้ายสำหรับผ่านเข้ารอบมา 2 แผ่น ซึ่งแผ่นหนึ่งเป็นแผ่นป้ายที่เขาใช้สำหรับการผ่านเข้ารอบของตัวเอง ส่วนอีกแผ่นเขาได้เก็บเอาไว้ให้กับเซียวรั่วหยูก่อนที่เธอจะหายตัวไปอย่างลึกลับ
ด้วยเหตุนี้เซี่ยเฟยจึงได้ซ่อนแผ่นป้ายแผ่นนี้เอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของแหวนมิติ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะได้พบเจอกันอีกครั้ง และเขาก็จะมอบแผ่นป้ายแผ่นนี้ให้กับเธอด้วยมือของตัวเอง
“พี่ไม่เคยลืมหนูเลยสินะ…” หญิงสาวภายใต้เสื้อคลุมพูดขึ้นมาด้วยเสียงสะอื้น พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
หญิงอ้วนที่อยู่ข้าง ๆ เธอพยายามสอบถามว่าเธอเป็นอะไร แต่เซียวรั่วหยูก็ตอบกลับไปเพียงแค่ลมพัดแรงและมีฝุ่นปลิวมาเข้าดวงตาของเธอ
เหตุการณ์นี้ทำให้ฮุกที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เริ่มรู้สึกแปลกใจ เพราะการกระทำของเซี่ยเฟยดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย เขาจึงออกคำสั่งกับลูกน้องให้เริ่มต้นการต่อสู้ในครั้งนี้สักที
“มาสู้กัน! วันนี้จะมีพวกเราเพียงแค่คนเดียวที่จะรอดชีวิตกลับไป” บุชเชอร์ตะโกนขึ้นมาอย่างจริงจังเมื่อเขาได้เห็นสัญญาณการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น
เหล่าบรรดาผู้ชมที่เคยดูการต่อสู้ของบุชเชอร์มาแล้วต่างก็รู้สึกคุ้นเคยประโยคนี้เป็นอย่างดี และเมื่อไหร่ก็ตามที่บุชเชอร์พูดประโยคนี้ มันก็หมายความว่าเขาจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อสังหารศัตรู
ฆ่ามัน!!
เหล่าบรรดาผู้ชมต่างก็ส่งเสียงร้องตะโกนเรียกชื่อบุชเชอร์อย่างบ้าคลั่ง ซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างก็ล้วนแล้วแต่วางเดิมพันเอาไว้ทางฝั่งของชายคนนี้
ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับสังเวียนเลือด และถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะมีพลังความเร็วในระดับที่สูงมาก แต่มันก็ไม่มีใครเชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของบุชเชอร์ไปได้
นอกจากนี้เซี่ยเฟยยังมีชื่อเสียงมาจากการแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์ คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าเขามีความเชี่ยวชาญทางด้านเครื่องกลมากกว่าการต่อสู้
“เอาล่ะ! พวกเรามาสู้กันเถอะ!!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องตะโกนกลับไป
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบดาบอีวีสเซอเรทออกมาจากแหวนมิติและตั้งท่าเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
“ครั้งนี้ฉันจะต้องชนะ! ไม่ว่ายังไงฉันก็จะต้องพาเสี่ยวหยูกลับบ้านไปพร้อมกับฉันให้ได้!!” เซี่ยเฟยร้องตะโกนภายในใจก่อนที่เขาจะปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“รอฉันด้วย!!!” เซี่ยเฟยร้องคำรามขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้เสียงของเขาดังออกไปไกลหลายกิโลเมตร
ร่างของหญิงสาวบนอัฒจันทร์ตัวสั่นขึ้นมาอย่างไม่สามารถจะควบคุมได้ เพราะเธอรู้ดีว่าประโยคนี้คือประโยคที่เซี่ยเฟยได้ส่งมาถึงตัวเธอเอง
***************
เธอหายไปไหนมาสาวน้อย มาเล่าให้ฟังหน่อยทุกคนอยากรู้!!