ตอนที่ 280 สังเวียนเลือด
ตอนที่ 280 สังเวียนเลือด
“ฉันอยากรู้เรื่องหนึ่ง... หลี่โม่ยอมจ่ายให้แกมากแค่ไหน?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับเดินเข้าไปหาฮุกอย่างช้า ๆ
ในสถานการณ์ที่ยากลำบากผู้คนส่วนใหญ่อาจจะเลือกที่จะยอมแพ้ แต่เซี่ยเฟยคือคนที่แตกต่างออกไป เพราะตราบใดก็ตามที่มันยังเหลือโอกาสเพียงแค่ริบหรี่ เขาก็จะไม่เลือกที่จะยอมแพ้โดยเด็ดขาด
“คนที่ติดต่อฉันมามีส่วนเกี่ยวข้องกับหลี่โม่จริง ๆ อย่างน้อยนายก็เป็นคนฉลาดนะที่รู้ว่าตัวเองไปทำให้ใครรู้สึกขุ่นเคือง” ฮุกกล่าวด้วยรอยยิ้ม
วึ่ง!
ทันใดนั้นมันก็ได้มีลำแสงเลเซอร์นับร้อยพุ่งออกมาล้อมรอบตัวเซี่ยเฟยเอาไว้ ซึ่งชายหนุ่มก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถที่จะหนีรอดจากเลเซอร์พวกนี้ไปได้ เขาจึงเก็บความคิดที่จะหลบหนีเอาไว้ก่อน
“เอาล่ะข่าวดีสำหรับนายคือฉันชอบเห็นคนต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง หลังจากนี้ฉันจะให้โอกาสนายได้เข้าต่อสู้ในสังเวียน ซึ่งถ้าหากนายชนะมันก็จะช่วยต่อชีวิตของนายไปได้อีกนิด” ฮุกกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยเงียบเสียงไปและเมื่อพิจารณาจากสิ่งต่าง ๆ ที่เขาได้เจอมาแล้ว มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าฮุกได้เตรียมการจับกุมเขาเอาไว้เป็นอย่างดี เขาจึงจำเป็นจะต้องทำตามสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการไปก่อน
จู่ ๆ พื้นหินอ่อนสีขาวที่สวยงามก็แยกออกเผยให้เห็นห้องลับที่ซ่อนอยู่ทางด้านล่าง และเมื่อเซี่ยเฟยไม่มีทางเลือกเขาจึงต้องเดินลงไปยังทางลับที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง
“พวกเราควรจะทำยังไงดี?” อันธถามขึ้นมาอย่างร้อนรน
“ฉันตกลงมาในหลุมพรางที่พวกเขาเตรียมการเอาไว้มาเป็นอย่างดี แต่ฉันไม่เชื่อว่าทุกอย่างจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ตราบใดก็ตามที่เราหาช่องโหว่พบเราก็จะสามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“ขอความช่วยเหลือไปที่สำนักเงาสังหารไหม? ถึงยังไงนายก็เป็นตัวแทนของสำนัก ถ้าหากว่านายเป็นอะไรไปมันก็จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของสำนักเหมือนกัน” อันธกล่าว
“ฉันขอความช่วยเหลือไปแล้ว”
“เมื่อไหร่? ทำไมฉันถึงไม่เห็น?”
“ตอนที่ฉันเดินเก็บใบมีดบนผนังไง”
อันธพยักหน้ารับ เพราะท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็สามารถจะเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วมาก มันจึงทำให้เขาสามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือโดยไม่ทันได้มีใครสังเกตเห็น
“ถึงแม้กำลังเสริมจากสำนักจะเป็นกำลังเสริมที่ดีแต่ก็อย่าพึ่งไว้วางใจ ท้ายที่สุดมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะเดินทางมาที่นี่ เพราะแม้แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าดาวดวงนี้ตั้งอยู่ตรงไหน ว่าแต่นายส่งข้อความไปว่าอะไร?” อันธถาม
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป อันธจึงมองไปทางชายหนุ่มคนนี้ด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่จะเดินตามเขาไปท่ามกลางความเงียบ
ทางเดินนี้ยาวมากซึ่งระหว่างทางเซี่ยเฟยก็พยายามทำลายกำแพงที่อยู่ข้าง ๆ แต่โชคไม่ดีที่กำแพงถูกสร้างมาอย่างแข็งแรงมากเกินไป
เส้นทางด้านหน้าค่อย ๆ สว่างขึ้นพร้อมกับเสียงของความวุ่นวายที่ดังขึ้นตามมา เซี่ยเฟยเดินไปตามเส้นทางด้วยความอยากรู้ ก่อนที่เขาจะได้เห็นเวทีต่อสู้วงกลมขนาดใหญ่ที่พื้นทำด้วยโลหะแข็งแรงเป็นพิเศษ และทั่วทั้งสนามก็ถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยตาข่ายเลเซอร์เป็นรูปทรงกลม
ด้านในสนามนักรบสองคนกำลังพยายามต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ขณะที่เหล่าผู้ชมก็กำลังร้องตะโกนส่งเสียงเชียร์อย่างบ้าคลั่ง
ผู้ชมหลายคนถือกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ภายในมือ ซึ่งชายหนุ่มคาดการณ์ว่ามันน่าจะเป็นโพยสำหรับการเดิมพัน มันจึงทำให้พวกเขาส่งเสียงร้องตะโกนเชียร์ออกมาอย่างสุดใจแบบนี้
สนามต่อสู้แห่งนี้ทำให้เซี่ยเฟยนึกถึงโคลอสเซียมในอารยธรรมโบราณ เพียงแต่ว่าสนามต่อสู้ถูกออกแบบขึ้นมาอย่างล้ำหน้ามากยิ่งกว่า แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังคงเป็นสนามต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตเหมือนกัน
เซี่ยเฟยยืนดูการต่อสู้ระหว่างนักสู้ทั้งสองคนใกล้ ๆ รั้วเลเซอร์ ซึ่งทางด้านขวาของเขามีชายฉกรรจ์ผิวเข้มผู้มีรอยแผลเป็นทั่วทั้งตัวกำลังกินผลไม้ภายในมือ พร้อมกับรับชมการต่อสู้อยู่เช่นกัน
“คนอ้วนจะเป็นฝ่ายชนะ” ชายฉกรรจ์คนนั้นพูดขึ้นมาลอย ๆ โดยไม่ได้หันหน้ามามองทางเซี่ยเฟยด้วยซ้ำ
“มันก็ไม่เสมอไปหรอก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายฉกรรจ์หันศีรษะมองมาทางเซี่ยเฟยอย่างสงสัย ก่อนที่เขาจะหันไปจ้องมองการต่อสู้อันดุเดือดในสนาม
“ในความคิดเห็นของฉันขาซ้ายของคนผอมได้รับบาดเจ็บแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาลดลงอย่างมาก ไม่ว่าใครจะมองดูก็รู้ว่าตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ”
“ถึงเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นฝ่ายแพ้ ลองดูดี ๆ ว่าในแววตาของคนผอมยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่คนอ้วนกำลังต่อสู้ไปงั้น ๆ เอง เมื่อทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้ด้วยทัศนคติที่แตกต่างกัน บทสรุปของการต่อสู้ครั้งนี้ก็ยังไม่ใช่เรื่องที่แน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าว
“ที่แววตาของคนผอมเป็นแบบนั้นนั่นก็เพราะว่าเขาเพิ่งถูกส่งเข้ามาในสังเวียนเลือดเมื่อ 2-3 วันก่อน ถ้าหากเขามีชีวิตรอดอยู่ที่นี่ไปสักพัก อีกหน่อยแววตาของเขาก็จะเปลี่ยนไปเหมือนคนอื่น ๆ” ชายฉกรรจ์กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย้ยหยัน
“ถ้าเป็นอย่างนั้นแม้ว่าใครจะตายแต่มันก็ถือว่าเขาได้รับชัยชนะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ทำไม?”
“คนที่อยู่อย่างไม่มีความหวังก็ไม่ต่างไปจากศพที่เดินได้ อย่างน้อยคนผอมคนนั้นก็พยายามดิ้นรนด้วยกำลังใจเฮือกสุดท้ายของตัวเอง และถึงแม้ว่าสถานการณ์ของเขาจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย แต่อย่างน้อยเขาก็ได้พยายามจนถึงที่สุดแล้ว”
“นายถึงบอกว่าไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง คนผอมก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะสินะ” ชายฉกรรจ์กล่าว
“ฉันชื่อ ‘บุชเชอร์’ แล้วนายล่ะชื่ออะไร?” ชายฉกรรจ์กล่าวพร้อมกับยื่นมือออกมาจากกรงเลเซอร์เพื่อจับมือกับเซี่ยเฟย
“เซี่ยเฟย”
ทั้งสองจับมือทักทายกันท่ามกลางสถานการณ์อันแปลกประหลาด ก่อนที่พวกเขาจะหันไปรับชมการต่อสู้ต่อ
ในที่สุดชายร่างผอมก็ถูกชายอ้วนแทงอาวุธเข้าใส่บริเวณหน้าอก และมันก็ทำให้ชายร่างผอมทรุดตัวลงไปนอนกับพื้นเพื่อรอคอยความตายที่กำลังจะมาถึง
ชายอ้วนยกแขนทั้งสองของเขาขึ้นพร้อมกับส่งเสียงร้องคำราม โดยหันหน้าไปหาเหล่าบรรดาผู้ชมที่กำลังส่งเสียงเชียร์
ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!
ในที่สุดชายร่างผอมก็ถูกชายอ้วนตัดศีรษะอย่างรุนแรง จนทำให้เลือดพุ่งกระฉูดขึ้นไปในอากาศเรียกเสียงเชียร์ของผู้ชมในสนามจนดังกระหึ่ม
“เขาไม่คิดบ้างหรือไงว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นคนที่ถูกตัดหัวเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาขณะนั่งขัดสมาธิสูบบุหรี่อย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“ทุกคนที่อยู่ที่นี่เข้าใจดีว่าถ้าหากยอมทำตามคำสั่งพวกเราก็จะอิ่มท้อง นายเพิ่งมาถึงที่นี่นายก็อาจจะยังไม่รู้ แต่ถ้าหากนายโดนงดอาหารสัก 2-3 วันนายก็จะรู้เองว่า แม้แต่ขนมปังแผ่นเดียวก็อร่อยกว่าอาหารที่เคยกินมาทั้งชีวิต และเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ เรื่องศักดิ์ศรีมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องที่ไร้สาระ” บุชเชอร์พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“อีกเดี๋ยวพวกเราจะต้องต่อสู้กันสินะ” เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาเบา ๆ
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะคอยดูแลของ ๆ นายเอาไว้ให้เป็นอย่างดี” บุชเชอร์กล่าวพร้อมกับมองไปยังเซเลสเชียลมูนและแหวนมิติบนนิ้วของเซี่ยเฟย
“ขอบคุณ…ตอนแรกที่ผมได้ยินชื่อคุณผมคิดว่าคุณจะเป็นคนที่โหดร้ายซะอีก ไม่คิดเลยว่าคุณจะยังสามารถรักษาสติในสถานที่แบบนี้เอาไว้ได้ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ที่ฉันมีชีวิตรอดมาได้จนถึงวันนี้ก็เพราะว่าฉันสามารถรักษาสติของตัวเองเอาไว้ได้ แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลาบ้าฉันก็จะบ้าจนถึงขีดสุด แต่ตอนนี้เป็นเวลาพักฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องทำตัวบ้าคลั่งในสถานการณ์ปกติ” บุชเชอร์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
หลังจากกล่าวจบชายฉกรรจ์ก็เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าอย่างโหยหาอิสรภาพที่เขาถูกพรากมาเป็นเวลานานแล้ว
“ครั้งหนึ่งฉันก็เคยเดินออกมาจากทางเดินนั้น แต่มันก็ไม่มีใครสามารถรอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้ นายไม่ใช่คนแรกที่เขาหลอกล่อมา แต่หลังจากที่ฉันอยู่ที่นี่มาหลายปีนายก็เป็นคนเพียงแค่ไม่กี่คนที่สามารถรักษาสติของตัวเองเอาไว้ได้ แล้วนี่ก็คงจะเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงนั่งคุยกับนายอยู่แบบนี้” บุชเชอร์กล่าว
“แสดงว่าผมไม่ใช่คนแรกที่ถูกคุณข่มขู่สินะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ฉันไม่สนหรอกว่านายจะคิดยังไง ฉันรู้อยู่เพียงแค่เรื่องเดียวว่าคืนนี้ฉันกับนายจะมีคนรอดชีวิตกลับมาเพียงแค่หนึ่งคน ฉันสัญญาว่าฉันจะพยายามจบชีวิตของนายให้เร็วที่สุด อย่างน้อยช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตนายก็จะได้ไม่ต้องทรมาน” บุชเชอร์กล่าว
หลังจากนั้นบุชเชอร์ก็ลุกยืนขึ้นเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนของตัวเอง ซึ่งดูดีกว่าเตียงของคนอื่น ๆ อยู่เล็กน้อย
“ผมไม่นึกเลยว่าในสถานการณ์แบบนี้คุณยังจะนอนหลับได้อีก ไหน ๆ ผมก็จะตายด้วยน้ำมือของคุณแล้ว คุณช่วยเล่าเรื่องฮุกให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถึงแม้ดาวจะแตกแต่ถ้าฉันอยากจะหลับฉันก็จะหลับ อีกอย่างที่นี่มีระบบตรวจสอบถึงแม้ฉันจะเล่าเรื่องอะไรออกไป แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้นายรอดชีวิตไปอยู่ดี นอกจากนี้ฉันยังต้องมีชีวิตรอดเพื่ออยู่ต่อไป” บุชเชอร์กล่าวพร้อมกับพลิกตัวหันหลังให้เซี่ยเฟย
“ผมขอซื้อเวลานอนคุณด้วยเหล้าพวกนี้ได้ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แบบนี้ค่อยน่าคุยด้วยหน่อย” บุชเชอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
—
หลังจากนั่งดื่มสุราด้วยกันเซี่ยเฟยก็ได้รู้ว่าชายผู้ได้รับชื่อบุชเชอร์คนนี้เคยเป็นศัลยแพทย์มาก่อน และสิ่งที่ไร้สาระมากกว่านั้นนั่นก็คือคนสองคนที่กำลังจะต้องเข้าไปต่อสู้เพื่อเอาชีวิตกันและกันกลับนั่งพูดคุยกันเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง
เซี่ยเฟยเพิ่งจะถูกนำมาขัง ดังนั้นแหวนมิติของเขาจึงยังคงอยู่กับตัว นอกจากนี้ด้านในแหวนยังมีสุราอาหารอยู่อย่างมากมาย เขาจึงแบ่งปันอาหารเหล่านี้ให้กับบุชเชอร์อย่างไม่เสียดาย
บุชเชอร์กินอาหารทุกอย่างเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม และถึงแม้ว่าอาหารส่วนใหญ่จะถูกเผาไหม้เนื่องจากต้องเอาอาหารผ่านเข้ามาทางกรงเลเซอร์ แต่อาหารพวกนี้ก็ยังดีกว่าอาหารที่เขาได้รับเป็นประจำในทุก ๆ วันอยู่ดี
“อ้า! ฉันไม่ได้ดื่มเหล้ามาตั้งหลายปีแล้ว นายยังมีอีกไหม ฉันขอเพิ่มอีกได้เปล่า?” บุชเชอร์กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
—
ขณะเดียวกันฮุกก็กำลังนั่งจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวระหว่างที่เซี่ยเฟยนั่งกินอาหารกับบุชเชอร์เช่นกัน
“นายท่านดูเหมือนบุชเชอร์กับเซี่ยเฟยค่อนข้างจะเข้ากันได้ดี พวกเราควรแยกพวกเขาออกจากกันไหม? ไม่อย่างงั้นมันอาจจะส่งผลกระทบกับการต่อสู้ในค่ำคืนนี้” ลูกน้องฮุกกล่าว
“นายรู้อะไรไหมว่ายิ่งพวกเขารู้สึกสนิทกันมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้การต่อสู้รู้สึกสนุกมากยิ่งขึ้น นี่ถ้าฉันมีเวลาฉันจะปล่อยให้พวกมันตีสนิทกันไปอีก 2-3 วัน ในเวลานั้นพวกมันก็จะรู้สึกเหมือนกับกำลังจะต้องฆ่าพี่น้องของตัวเอง” ฮุกกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
คำอธิบายนี้ถึงกับทำให้ลูกน้องของฮุกพูดไม่ออก เพราะคนที่ชอบดูพี่น้องฆ่ากันเองจะต้องเป็นคนชั่วชนิดที่ไม่มีทางกลับตัวเป็นคนดีได้
“นายท่านจะจัดการกับอาวุธของเซี่ยเฟยเลยไหมครับ?” ลูกน้องของฮุกถาม
“ไม่จำเป็น ถึงยังไงเขาก็ไม่มีทางฝ่ากำแพงเลเซอร์ไปได้อยู่แล้ว” ฮุกกล่าวอย่างเฉยเมย
—
“เอาล่ะฉันได้รับค่าจ้างมาแล้วอยากจะถามอะไรก็ถามมา แต่อย่าคิดที่จะมาขอความเมตตาจากฉัน” บุชเชอร์กล่าวหลังจากที่ดื่มสุราเข้าไปหลายขวด
“ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก นอกจากนี้มันยังไม่มีใครสรุปได้ซะหน่อยว่าใครจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ผมเพิ่งมาถึงที่นี่ผมเลยรู้สึกสนใจเรื่องของฮุกมาก” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฮุกคือชื่อเล่นของเขาจริง ๆ แล้วชื่อเต็ม ๆ ของเขาคือสกายฮุก ส่วนตัวตนจริง ๆ ของเขาจะเป็นใครอันนั้นฉันไม่รู้ ฉันรู้แค่เพียงว่าเขาเป็นผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่ แล้วยังเป็นผู้ให้บริการเรื่องบันเทิงรายสำคัญภายในพันธมิตร” บุชเชอร์กล่าว
“ผู้ให้บริการเรื่องบันเทิง? พ่อค้ายาเสพติดไปให้บริการเรื่องบันเทิงได้ยังไง?” เซี่ยเฟยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“การต่อสู้ด้านนอกนั่นไม่ใช่ความบันเทิงเหรอ? มันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าการดูคนพยายามเข่นฆ่ากันเองแล้ว อาคารนี้ถูกเรียกว่าสังเวียนเลือดและพวกคนดูที่นายเห็นอยู่นั่นก็เป็นแค่หน้าม้าที่ทำให้บรรยากาศถ่ายทอดสดดูเร้าใจมากขึ้นกว่าเดิม”
“ความเป็นจริงฮุกขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดผ่านทางสตาร์เน็ตเวิร์ก และเนื่องจากสัญญาณถ่ายทอดสดของเขาถูกเข้ารหัสเอาไว้เป็นอย่างดี มันจึงทำให้ไม่มีใครสามารถค้นหาดาวดวงนี้ได้พบ”
“ไม่มีใครพยายามหนีไปจากที่นี่เลยเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“มีสิ แต่นาน ๆ ครั้งจะมีคนทำและฉันก็ไม่เคยได้ยินว่าเคยมีใครหลบหนีออกไปได้เลยสักคนเดียว” บุชเชอร์กล่าว
“ไม่ว่าเลเซอร์พวกนี้จะทรงพลังแค่ไหนแต่พวกมันก็จะต้องถูกยิงออกมาจากเครื่องยิงเลเซอร์ ตราบใดก็ตามที่พวกเราสามารถทำลายเครื่องยิงเลเซอร์ได้สำเร็จ พวกเราก็จะสามารถหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้ นอกจากนี้ฮุกยังจำเป็นจะต้องใช้เครื่องปฏิกรณ์ขนาดใหญ่ และการบำรุงรักษาเครื่องปฏิกรณ์ไซซ์ขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถจัดการได้ง่าย ๆ” เซี่ยเฟยกล่าว
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ เครื่องยิงเลเซอร์ทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ในอาคารเว้นแต่ว่าจะมีใครสามารถทำลายกำแพงโลหะผสมหนา ๆ ของตัวคานได้ ถึงจะสามารถเข้าไปทำลายเครื่องยิงเลเซอร์ที่ซ่อนอยู่ด้านในได้”
“นอกจากนี้เลเซอร์ทั่วทั้งสังเวียนเลือดยังถูกแบ่งออกเป็นหน่วยย่อย ๆ ต่าง ๆ อย่างมากมาย พวกเขาจึงคอยเข้ามาบำรุงรักษาหน่วยย่อยต่าง ๆ ทุก ๆ 2-3 วัน ซึ่งในระหว่างการซ่อมบำรุงนั้นมันก็ยังคงมีเครื่องยิงเลเซอร์หน่วยอื่น ๆ ค่อยทำงานอยู่ตลอดเวลา ฉันไม่รู้หรอกนะว่าบริษัทไหนเป็นผู้ผลิตระบบยิงเลเซอร์นี้ แต่คุณภาพของมันดีมากเกินไปและถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เคยเห็นระบบล่มเลยแม้แต่ครั้งเดียว” บุชเชอร์กล่าวอธิบาย
เซี่ยเฟยเงียบเสียงลงไปชั่วขณะโดยพยายามคิดหาวิธีหลบหนีออกไปจากที่แห่งนี้
“สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือทุกคนที่ถูกจับไม่ได้ร่วมมือกัน และถึงแม้ว่าที่นี่จะมีนักสู้ที่ถูกจับอยู่มากกว่า 1,000 คน แต่มันก็ไม่มีใครสามารถรวมกำลังใจของทุกคนเป็นหนึ่งเดียวได้เลย”
“ทางเดียวที่จะหนีออกไปจากที่นี่คือการให้นักสู้กลุ่มหนึ่งเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อทำลายระบบป้องกัน แล้วฉันถามหน่อยว่ามันจะมีใครยินดีเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่ออิสรภาพของคนอื่นไหม” บุชเชอร์กล่าว
“มากกว่า 1,000? ฮุกไปหานักสู้มากมายขนาดนี้มาจากไหน?” เซี่ยเฟยถาม
“นายเคยไปที่บ้านของฮุกมาแล้วใช่ไหม และนายก็คงจะรู้แล้วว่าเขาได้หลอกล่อนักสู้เข้ามาในบ้าน ก่อนที่จะจับขังพวกเราเอาไว้ใต้กำแพงเลเซอร์”
“คนบางคนถูกหลอกล่อเข้ามาภายในบ้านโดยการจัดงานเลี้ยงและเสนอค่าตอบแทนในระดับที่สูงมาก ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มจับพวกเรามาขังและบังคับให้พวกเราต้องต่อสู้อย่างไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ที่นี่มันก็หมายความว่าพวกเราจะต้องฆ่าใครสักคนทุก ๆ 2-3 วันเพื่อเป็นการต่อชีวิตให้กับตัวเอง”
บุชเชอร์อธิบายขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้งและดวงตาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างพร่ามัว
“คุณกำลังเล่าเรื่องของตัวเองอยู่ใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“ใช่ ถ้าวันนั้นฉันไม่โลภ ฉันก็คงจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสังเวชแบบนี้” บุชเชอร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
เซี่ยเฟยใช้นิ้วเขียนข้อความบนพื้นในระหว่างที่เขาชวนบุชเชอร์คุย และเนื่องมาจากว่าอีกฝ่ายก็เป็นนักสู้ที่มีประสบการณ์ บุชเชอร์จึงสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติบนนิ้วของเซี่ยเฟยได้อย่างรวดเร็ว
‘สิ่งที่ผมกำลังจะเขียนหลังจากนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คุณจะต้องอ่านข้อความทุกบรรทัดอย่างละเอียดถี่ถ้วน’
***************
ปล.เรื่องนี้มี E-Book แล้วน๊า สามารถซื้อสะสมหรืออ่านกันได้ทาง meb และปิ่นโตได้เลยนะคะและขอบคุณที่ติดตามผลงานกันน๊า
ตอนนี้กำลังจัดเต็ม เล่มแรกฟรี เล่มที่ 2 ลด 20% ไปเล้ยยยย
meb https://bit.ly/3NZ3Qca ปิ่นโต https://bit.ly/3M9vXUI