บทที่ 207 – เตรียมความช่วยเหลือเอาไว้ก่อน
ผมเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน “นั่นคือสิ่งที่ผมก็คิดว่ามันแปลกเช่นกัน ยกเว้นเสียแต่ว่า....” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของผมเริ่มซีดลงทันที
จ้านหูก็อุทานออกมาทันทีเหมือนกัน “พวกเขาถูกเผ่ามารควบคุมเอาไว้หมดแล้วอย่างนั้นหรือ!?”
ตงรื่อที่นั่งอยู่ติดกับเขา รีบเอามือมาปิดปากของเขาเอาไว้ “พี่ใหญ่! อย่างน้อยพี่ก็ไม่ควรให้คนอื่นรู้เรื่องพวกนี้นะ!”
แต่ผมไม่มีอารมณ์มากังวลเรื่องความลับอะไรจะรั่วไหลตอนนี้แล้ว ด้วยสายตาที่แน่วแน่ ผมกล่าวกับทุกคน “พวกเราต้องเร่งเดินทางไปที่เผ่าปีศาจกันทันที ถ้าราชาปีศาจถูกควบคุมเอาไว้จริง ๆ โลกใบนี้ก็ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงแล้ว ราชามาร...ราชามาร แกนี่มันช่างวางแผนได้ดีจริง ๆ เมื่อเผ่ามนุษย์ทำสงครามกับเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรกาย ต้องเผชิญกับความสูญเสียมหาศาลแน่นอน แล้วจะเป็นเวลาที่แกจะฟื้นคืนกลับมาสู่โลกนี้อีกครั้งใช่มั้ย? อย่าคิดว่าจะได้รุกรานโลกนี้ได้ง่าย ๆ เลย ข้าไม่ยอมให้เป็นไปตามแผนของแกแน่ พวกเรารีบไปกันเถอะ” ส่วนในใจของผมเฝ้าแต่บอกกับตัวเอง มู่จือ! รออีกไม่นานแล้ว ผมกำลังจะไปหาแล้ว!
หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง พวกเราก็มาปรากฏตัวอยู่ในเขตของเทือกเขาเทียนตัวแล้ว
ถ้าเรามองขึ้นไปข้างบนจากบริเวณตีนเขาที่ยืนอยู่ในตอนนี้ เทือกเขานี้ช่างสูงและตั้งตระหง่านเหลือเกิน ยอดเขาทั้งหมดสูงทะลุเมฆขึ้นไปบนฟากฟ้า หมู่เมฆปกคลุมเทือกเขาอยู่ตั้งแต่จุดกึ่งกลางความสูงของมันเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นยอดเขาได้ เทือกเขาที่สูงใหญ่ขนาดนี้ ไม่น่าประหลาดใจเลยที่มันจะเป็นกำแพงทางธรรมชาติอย่างดีให้กับปราการเต๋อหลุน เป็นกำแพงที่ไม่มีวันทำลายได้จริง ๆ
เจี้ยนซานเป็นคนแรกที่รู้สึกตัว ท่าทางของเขาเปลี่ยนเป็นเตรียมพร้อม ในขณะที่กล่าวออกมา “มีกลุ่มคนจำนวนมาก พร้อมม้าศึกมุ่งหน้ามาทางนี้ รีบซ่อนตัวก่อนเร็วเข้า” ผมเอียงหูฟังอย่างตั้งใจ เป็นอย่างที่เขาพูดจริง ๆ เสียงฝีเท้าม้าดังเข้ามาจากระยะไกล พวกเราทั้ง 12 คนรีบหลบเข้าไปในป่าทึบทันที
ในเวลาที่สั้นมาก กองทหารขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นในระยะสายตาของพวกเรา อา! ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นกองพันมังกรดินของอาณาจักรซิวต้า ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นกองพันที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของซานหยุนอีก ผมยังไม่ทันจะได้ตอบสนองอะไร พี่ใหญ่จ้านหู่พุ่งออกจากจุดที่เขาซ่อนตัวอยู่ ออกไปตะโกนเรียกดักขึ้นเสียก่อนแล้ว “พี่รอง!”
เขาปรากฏตัวออกไปได้ไม่นาน ก็ถูกมังกรดินขนาดมหึมา 10 ตัวล้อมเอาไว้ทันที พี่ใหญ่จ้านหู่ออกจะไม่ระวังตัวเกินไปแล้ว ที่นี่อยู่ในสภาวะสงครามนะ ตงรื่อทำท่าจะพุ่งตามเขาออกไป แต่ผมห้ามเขาและคนอื่น ๆ เอาไว้ก่อน ส่งสัญญาณกับพวกเขาให้รอดูอย่างเตรียมพร้อมเอาไว้ พี่ใหญ่จ้านหู่ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “พี่รอง นี่ข้าเอง! จ้านหู่ไง!”
ซานหยุนขับมังกรดินของเขาตรงเข้ามาทันที เมื่อเขามองเห็นจ้านหู่ได้อย่างชัดเจน เขาก็ตะโกนตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น “น้องสาม ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จ้านหู่จะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองมาที่นี่เพื่อทำอะไร เขาเริ่มอึกอัก “ข้ามาทำภารกิจบางอย่างที่นี่น่ะ ทำไมพี่รองถึงได้มาลาดตระเวนอยู่แถวนี้ได้?”
ซานหยุนกระโดดลงมาจากมังกรดินของตัวเอง ก่อนจะดึงแขนของจ้านหู่เอาไว้ “พวกเราหลบเข้าไปคุยกันด้านข้างดีกว่า” แล้วเขาก็หันกลับไปสั่งการกับผู้ใต้บังคับบัญชาทันที “สั่งการลงไป ให้ทั้งหมดพักอยู่ที่นี่ก่อน”
แล้วเขาก็ดึงจ้านหู่ออกห่างจากกองกำลังของตัวเอง ก่อนจะสำรวจตัวของน้องชายอย่างตั้งใจ “น้องสาม ทำไมเจ้าถึงได้หนีออกจากบ้านอีกแล้ว? ทิ้งเอาไว้แค่จดหมายฉบับเดียวเท่านั้น ท่านพ่อโกรธมากรู้หรือไม่?”
จ้านหู่ได้แต่ยิ้มแหย ๆ “พี่รอง ท่านก็รู้ว่าข้าชินกับการใช้ชีวิตแบบอิสระไปแล้ว แล้วท่านพ่อยังต้องการให้ข้ากลับเข้าร่วมกับกองทัพอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ข้าทนกับกฎระเบียบไม่ได้หรอก แล้วท่านก็น่าจะรู้นิสัยของท่านพ่อดี ท่านพ่อเป็นคนหัวแข็งมาก ไม่ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นเลย จะให้ข้าทำอย่างไรได้ นอกจากรีบหนีออกมาก่อน”
ซานหยุนถามต่อ “แล้วเจ้ามาที่นี่ด้วยวัตถุประสงค์อันใด? จะมาช่วยกองกำลังของอาณาจักรอย่างนั้นหรือ?”
จ้านหู่ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ “พวกเรากำลังจะมุ่งหน้าไปเผ่าปีศาจเพื่อทำภารกิจบางอย่าง แต่มันจะส่งผลกระทบใหญ่ต่อสถานการณ์โดยรวมแน่”
ได้ฟังว่าน้องชายของตัวเองจะเดินทางไปเผ่าปีศาจ ซานหยุนถึงกับผงะด้วยความตกใจ “จะไปยังเผ่าปีศาจอย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกแล้วใช่มั้ย? เจ้าบอกว่าพวกเรา ที่เหลืออยู่ไหนกัน?”
“พี่ใหญ่หยุนซาน ข้าอยู่ที่นี่แล้ว” ตอนที่ผมพูดออกมานั้น ก็เดินออกมายืนอยู่ข้าง ๆ จ้านหู่ทันที
นั่นทำให้ซานหยุนตกใจมากขึ้นไปอีก มือของเขาเอื้อมลงไปจับที่ด้ามดาบทันที “จางกง! เจ้าถูกอาณาจักรอ้ายเซี่ยประกาศจับอยู่ไม่ใช่หรือ? น้องสาม คงไม่ใช่ว่าเจ้าจะเดินทางไปเผ่าปีศาจกับเขาใช่มั้ย? เจ้าทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือไม่ เขาเข้าร่วมกับฝ่ายปีศาจแล้ว อาณาจักรอ้ายเซี่ยประกาศยกเลิกสถานะ และสิทธิพิเศษต่าง ๆ ทั้งหมดของเขาแล้ว เจ้ารู้หรือไม่?”
ผมได้แต่ฝืนยิ้ม “ดูเหมือนว่าท่านก็เข้าใจผิดไปด้วยแล้ว”
จ้านหู่รีบอธิบาย “พี่รอง ถ้าพี่บอกว่าใครก็ตามในโลกนี้ทรยศต่อมนุษยชาติ ข้าคงเชื่อท่านทันทีโดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ถ้าเป็นเจางกง นั่นไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เรื่องจริงเป็นเช่นนี้.....” เขาสรุปเรื่องราวทั้งหมดให้พี่ชายฟังอย่างคร่าว ๆ
ในที่สุดมือของซานหยุนก็ปล่อยออกจากดาบของเขา ก่อนจะพึมพำออกมาอย่างโล่งใจ “ที่แท้เรื่องราวเป็นอย่างนี้นี่เอง พวกเจ้าจะไปเผ่าปีศาจเพื่อยับยั้งแผนการของราชามาร”
ผมพยักหน้าให้เขา “ถูกต้องแล้ว แต่เรื่องนี้เป็นความลับขั้นสุดยอด ข้าคงต้องขอร้องไม่ให้พี่ใหญ่ซานหยุนบอกเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังอีก”
“ข้ารู้ความหนักเบาของเรื่องราวอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นกังวล” ซานหยุนรับปาก แล้วถามต่อ “แล้วพวกเจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่? ตอนนี้ผู้บัญชาการใหญ่ของกองกำลังซิวต้าที่เดินทางมาครั้งนี้คือท่านพ่อเอง ข้าสามารถช่วยนำพวกเจ้าเข้าไปในป้อมปราการเพื่อจะเคลื่อนย้ายไปฝั่งโน้นได้”
ผมปฏิเสธเขาทันที “ข้าคงไม่ขอความช่วยเหลือจากท่านในเรื่องนี้ เพราะถ้าเราถูกจับได้ จะต้องถูกยัดข้อกล่าวหาว่าเป็นสายลับของฝ่ายตรงข้ามแน่ เรื่องมันจะเลยเถิดไปกันใหญ่ พวกเรามีแผนการของตัวเองอยู่แล้ว แต่ว่า! ข้ามีเรื่องอื่นจะขอร้องพี่ใหญ่ซานหยุนให้ช่วยเหลือ”
“เจ้าบอกมาได้เลย ถ้าอยู่ในอำนาจที่ข้าทำได้ ข้าช่วยได้ทุกอย่าง!” เขารับปากโดยไม่ต้องคิดเลย
ผมรีบอธิบาย “ท่านน่าจะเข้าใจความเสี่ยงในการข้ามไปยังทวีปตะวันตกอยู่แล้ว แต่นั่นยังไม่ทำให้ข้าหนักใจมากเท่าใดนัก สิ่งที่ข้าเป็นกังวลมากกว่าคือการกลับออกมาต่างหาก ตอนนี้ ยังไม่มีปฏิบัติการทางทหารอะไรมากนัก แต่พอถึงตอนนั้นสถานการณ์อาจจะเปลี่ยนจากตอนนี้ไปแล้วไม่น้อย หวังว่าตอนกลับออกมา พี่ใหญ่ซานหยุนจะสามารถให้ความช่วยเหลือพวกเราได้”
ซานหยุนพยักหน้ารับรู้ เขาหยิบกระบอกไม้ไผ่เล็ก ๆ ออกมา “ไม่มีปัญหา กองกำลังหลักของอาณาจักรซิวต้าจะประจำการป้องกันอยู่ทางทิศตะวันออก กระบอกเล็ก ๆ นี้เป็นตัวส่งสัญญาณพิเศษของข้าเอง เจ้ารับเอาไว้ ตอนที่กลับออกมา เพียงแค่จุดสัญญาณนี้ขี้น ข้าจะนำกำลังไปช่วยเจ้าได้ทันที”
ผมรับกระบอกไม้ไผ่นั้นไว้ ก่อนจะยิ้มขอบคุณ “นี่มันยอดเยี่ยมมาก ถ้าได้สิ่งนี้มา ความปลอดภัยในการเดินทางกลับของพวกเราก็สามารถรับประกันได้แล้ว ขอบคุณพี่ใหญ่ซานหยุนมาก”
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าเลย” เขาเอ่ยยิ้ม ๆ “แค่คอยดูแลน้องสามของข้าให้ดีก็พอแล้ว อย่างปล่อยให้เขาทำอะไรไม่ยั้งคิดเกินไปนัก”
ผมได้แต่หัวเราะ “เป็นข้าที่ต้องการให้พี่ใหญ่จ้านหู่ช่วยดูแลมากกว่าล่ะมั้ง! เวลาของพวกเรานั้นมีไม่มาก พวกเราไม่รบกวนท่านต่อแล้ว”
เขาเข้าใจความเร่งรีบนี้ดี “ได้! แต่พวกเจ้าต้องทำให้ดีที่สุดล่ะ ระวังตัวให้มาก ถ้าคิดว่ามันเกินตัว หรือไม่มีทางทำได้สำเร็จแล้ว ให้รีบหนีออกมาทันที อย่าพยายามดื้อดึงเข้าใจหรือไม่ ด้วยความสามารถของพวกเจ้า การหลบหนีออกมาไม่น่าจะใช่เรื่องที่ยากเกินไป”
จ้านหู่กล่าวกับเขา “พี่รอง ฝากบอกท่านพ่อด้วยว่าข้ายังคิดถึงเขาอยู่เสมอ และตอนนี้ข้าสบายดี หลังจากเสร็จเรื่องนี้แล้ว ข้าจะกลับไปหาเขาด้วยตัวเองอีกทีแน่นอน”
แต่ซานหยุนกลับปฏิเสธ “เรื่องนี้คงจะไม่ได้ ไม่เช่นนั้นถ้าเขารู้ว่าข้าเจอเจ้า แต่ไม่สามารถจับตัวเจ้ากลับไปส่งให้เขาได้ ข้าคงโดนเขาลงโทษด้วยกฎของกองทัพแน่ เอาไว้เจ้าปลอดภัยกลับมาไปบอกเขาเองจะดีกว่า” แล้วเขาก็เดินกลับไปพร้อมตะโกนสั่งการ “สั่งการลงไป เริ่มการลาดตระเวนต่อได้แล้ว”
พอผมเห็นจ้านหูยืนมองตามหลังซานหยุนไปไม่วางตา ผมเดินไปตบไหล่ปลอบเขา “หลังจากพวกเรากลับมาแล้ว พี่ได้พบกับพวกเขาอีกแน่”
พี่ใหญ่จ้านหู่พยักหน้ารับรู้ “ไปกันเถอะ”
แล้วพวกเราทั้ง 12 คนก็เดินทางเข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาเทียนดูอย่างระมัดระวัง ตนกระทั่งพบพื้นที่ราบแห่งหนึ่งที่พื้นดินดูมั่นคง และกว้างขวางพอ
ผมสังเกตรอบ ๆ อย่างละเอียด ก่อนจะตัดสินใจ “วางผังเวทย์เคลื่อนย้ายกันที่นี่แหละ”
ด้วยความที่ผมมีคทาเวทย์ซู่เกอลาอยู่กับตัว ทำให้ผมตัดสินใจที่จะเคลื่อนย้ายพวกเราทั้งหมดไปในครั้งเดียวเลย แน่นอนว่ามันยังมีความเสี่ยงสำหรับการเคลื่อนย้ายที่นอกเหนือจากปริมาณพลังเวทย์อีก เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา ผมวางผังเวทย์ป้องกันเพิ่มขึ้นอีก 6 จุด ล้อมรอบเอาไว้ทั่วบริเวณ ป้องกันไม่ให้มีคนหาพวกเราพบได้อย่างง่าย ๆ แม้ว่าจะบินอยู่บนท้องฟ้าก็ตาม และถึงแม้ว่าจะพบพวกเรา ก็ไม่มีทางที่จะทำลายเวทย์ป้องกันเข้ามาได้ง่าย ๆ แน่ เพราะเพื่อความแข็งแกร่งของเวทย์ป้องกัน ผมใช้ผลึกเวทย์มนต์สีน้ำเงินเป็นแหล่งกำเนิดพลังเวทย์ นั่นทำให้มันสามารถคงอยู่ได้อย่างน้อย ๆ ก็เป็นเวลาครึ่งปีทีเดียว