ตอนที่แล้วบทที่ 204 – ความปรารถนาสุดท้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 206 – กองทัพของพันธมิตรปีศาจและอสูรกาย

บทที่ 205 – เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง


สิ่งที่เขาบอกออกมานั่นทำให้ผมวางใจมาก “เป็นเรื่องดีที่พวกเขาปลอดภัยแล้ว ตงรื่อ! มันมีเงินจำนวนหนึ่งอยู่ในบัตรใบนี้ นายพาคนจำนวนหนึ่งเข้าไปในเมืองโพหลีหม่าเพื่อหาซื้อเสบียงอาหาร กับของใช้ที่จำเป็นกลับมา ใช้คนจากหมู่บ้านเทพเจ้าก็ได้ แต่นายจะต้องเดินทางให้เร็วหน่อย” ตงรื่อเข้ามารับบัตรม่วงจากมือของผมไป ก่อนที่จะกล่าวให้ความมั่นใจ “วางใจฉันได้เลย น่าจะใช้เวลาไม่เกินสองวันแน่นอน”

ส่วนผู้อาวุโสใหญ่ก็จัดการคนของเขาทันทีเหมือนกัน “เจี้ยนซาน เจ้าไปเลือกคนของหมู่บ้านเรามา หาคนที่ยังมีพลังสมบูรณ์อยู่หน่อยนะ เดินทางเข้าเมืองไปกันท่านผู้นี้ทันที”

เจี้ยนซานโผล่ออกมาจากกลุ่มคนอย่างรวดเร็วเหมือนกัน เข้ามาตบบ่าของตงรื่อ “พี่ชายท่านนี้ พวกเราไปรวมคนกันเถอะ”

พอพวกเขาออกไปเตรียมตัวแล้ว ผมตะโกนบอกกับคนที่เหลือทันที “เอาล่ะ ทุกคน! เริ่มลงมือกันได้เลย! พี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บควรพักรักษาตัวก่อน ยังไม่ต้องลงมือช่วยทำอะไร ขั้นแรกเริ่มจัดการที่พักอาศัยกันก่อน ขอรบกวนเหล่าผู้อาวุโสช่วยแบ่งกลุ่ม และให้คำแนะนำพวกเขาด้วยนะ ส่วนพี่ใหญ่จ้านหู่ ผมรบกวนพี่ช่วยคุ้มกันผมระหว่างที่ฟื้นฟูพลังเวทย์ก่อนครับ”

เพราะคนส่วนใหญ่ของพวกเราเป็นยอดฝีมือที่ร่างกายแข็งแรงกันมาก พวกเราใช้เวลาแค่สามวันเท่านั้นก็สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างพื้นฐานได้เสร็จทั้งหมดแล้ว เราเลือกที่จะโค่นต้นไม้สร้างเป็นพื้นที่ว่างสำหรับสร้างบ้านขึ้นมา และใช้ไม้จากต้นที่พวกเราโค่นลงไปเป็นวัสดุในการสร้างบ้านนั้นเลย เนื่องจากพวกเราทำงานกันอย่างเร่งรีบ ดังนั้นจึงเลือกที่จะสร้างเป็นบ้านหลังใหญ่ที่อาศัยอยู่ได้กันประมาณ 10 คนแทนที่จะสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ หลายหลัง เหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านเทพเจ้าดูจะเชี่ยวชาญเกี่ยวกับงานไม้ไม่น้อย นอกจากสร้างที่อยู่อาศัยแล้ว พวกเขายังใช้ไม้ที่เหลือสร้างเป็นรั้วล้อมรอบทั่วทั้งบริเวณเอาไว้ด้วย ตงรื่อกับเจี้ยนซานใช้เวลาสามวันในการเดินทางไปกลับจากตัวเมืองรวมทั้งหมดสองรอบ กว่าจะหาซื้อเสบียงและของใช้ที่จำเป็นได้ครบถ้วน

ในเวลาเย็นที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าลงไป ผมรวมตัวเหล่าผู้อาวุโส พี่ใหญ่จ้านหู่ และคนอื่น ๆ เพื่อพูดคุยอีกครั้ง

“จางกง! มีเรื่องอะไรสำคัญอย่างนั้นหรือ?” จ้านหู่มีสีหน้าไม่สบายใจนัก เขาไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก

ผมตอบเขาอย่างจริงจัง “พี่ใหญ่ พี่ยังจำที่เว่ยป๋อหลี่ตุ้นบอกเอาไว้ได้หรือไม่? ตอนนี้ราชามารกำลังแทรกซึมเข้าไปบงการเผ่าปีศาจอยู่ พวกเราต้องไม่รออยู่เฉย ๆ ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ดังนั้นผมตัดสินใจที่จะเดินทางไปที่เผ่าปีศาจ!”

ซิวซือขมวดคิ้ว ก่อนจะกล่าวออกมา “ตอนนี้เผ่าปีศาจ และเผ่าอสูรกายกำลังทำสงครามกับมนุษย์จากทั้งสามอาณาจักรอยู่นี่นา ถ้านายมุ่งหน้าไปที่นั่นตอนนี้ มันจะไม่เป็นการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงหรอกหรือ?”

ผมถอนใจ “ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องเดินทางไปที่นั่น ไม่ว่ามันจะเสี่ยงแค่ไหน! มีบางอย่างที่ฉันยังไม่ได้บอกพวกนาย ตอนนี้ผู้หญิงที่ฉันรักอยู่ที่นั่น”

พี่ใหญ่จ้านหู่ถึงกับอึ้งจนแทบจะพูดไม่ออก “ยอดเยี่ยมมากเจ้าน้องชาย หาน้องสะใภ้ให้ข้าได้แล้ว แต่ทำไมไม่เห็นบอกพี่ใหญ่คนนี้ก่อนเลยล่ะ?”

ผมยิ้มให้เขาอย่างขอโทษก่อนจะอธิบาย “ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการบอกพี่ แต่มันเป็นเพราะผู้หญิงที่ผมรักเป็นผู้หญิงเผ่าปีศาจ ผมเองก็เพิ่งรู้ไม่นานนี้ ทั้งยังไม่มีเวลาที่จะบอกพี่ แล้วก็กลัวว่าพี่จะรับเรื่องนี้ไม่ได้ด้วย”

คราวนี้ทุกคนตะลึงกันหมด ยกเว้นห้าผู้อาวุโสจากหมู่บ้านเทพเจ้าที่รู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว “จางกง! ทำไมนายไปตกหลุมรักกับผู้หญิงจากเผ่าปีศาจได้ล่ะ? นายไปติดต่อกันตั้งแต่ตอนไหน?”

ผมส่ายหน้าอย่างหดหู่ “นี่มันเป็นเรื่องของความรู้สึก ฉันเองก็ควบคุมไม่ได้ และไม่เพียงแต่ฉันหลงรักผู้หญิงจากเผ่าปีศาจธรรมดาแค่นั้นนะ แต่เป็นเจ้าหญิงของเผ่าปีศาจเลยล่ะ แถมตอนนี้ฉันถูกอาณาจักรอ้ายเซี่ยประกาศจับก็เพราะเธออีกด้วย พี่น้องของนายกลายเป็นอาชญากรที่ถูกหมายหัวแล้ว”

ตอนนี้เหลือเพียงซิวซือที่ยังสงบอยู่ได้ เขากล่าวออกมาเรียบ ๆ “จางกง นายคงจะต้องเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พวกเราฟังอย่างละเอียดแล้วล่ะ”

ผมพยักหน้า ก่อนจะเริ่มต้นอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พวกเขาฟัง เรื่องนี้มันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่ผมกลับมาจากป่าแห่งเทพนั่นเอง

.................

หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดแล้ว มันก็มีแต่ความเงียบ

เป็นผมที่ทำลายความเงียบนี้ขึ้นมาก่อน “ดังนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนตัว หรือส่วนรวม ฉันก็ต้องเดินทางไปที่เผ่าปีศาจแน่นอน!”

จ้านหู่เอื้อมมือมาตบไหล่ผม “เจ้าน้องชาย พี่ใหญ่คนนี้สนับสนุนเจ้าเต็มที่ ข้าจะเดินทางไปกับเจ้าด้วยก็แล้วกัน”

“การป้องกันการแทรกซึมของเผ่ามารเข้าไปในเผ่าปีศาจถือเป็นเรื่องสำคัญมาก” ซิวซือกล่าวออกมา “พวกเราต้องจัดการกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน จางกง! นายคิดว่าจะพาคนเข้าไปที่ทวีปตะวันตกกับนายทั้งหมดกี่คน?”

เห็นพวกเขาให้การสนับสนุนผมเต็มที่ นี่ทำให้ผมรู้สึกซึ้งใจมาก ก่อนจะตอบออกไป “เว่ยป๋อหลี่ตุ้นมอบผลึกกระจกตาสีม่วงให้ฉันไว้ 12 คู่ พวกเราสามารถใช้มันเพื่อปลอมตัวแทรกซึมเข้าไปในเผ่าปีศาจได้ ดังนั้น ตอนนี้ยังเหลือที่ว่างอีก 11 คนที่จะเดินทางร่วมกับฉันได้ ถ้าพวกเรามีคนเดินทางมากเกินไปไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีนัก การเดินทางไปเผ่าปีศาจครั้งนี้มีอันตรายไม่น้อย บอกความจริงให้ทุกคนรู้กันไว้ก่อนเลยว่า ตอนแรกฉันตั้งใจจะเดินทางคนเดียวเสียด้วยซ้ำ”

“ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้เจ้าไปคนเดียว” พี่ใหญ่จ้านหู่กล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าจะต้องไปกับเจ้าด้วย”

ผมหันมากล่าวกับเขา “พี่ใหญ่ ผมเข้าใจในเจตนาดีของพี่ แต่ที่แห่งนี้ยังต้องการให้พี่กับเหล่าผู้อาวุโสคอยดูแลจัดการ....”

แม้ว่าใบหน้าของจ้านหู่จะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เขาไม่ยอมให้ผมกล่าวจนจบ “ไม่ต้องพูดแล้ว! ไม่ว่าเจ้าจะยกเหตุผลอะไรมาก็ไม่เป็นผลหรอก ข้าจะเดินทางไปที่นั่นกับเจ้าด้วย เรื่องแบบนี้จะขาดข้าไปได้อย่างไร? แล้วอีกอย่าง ข้าก็อยากไปดูดินแดนของเผ่าปีศาจสักครั้งมาตลอด เรื่องการจัดการกับที่นี่ ให้เป็นหน้าที่ของซิวซือก็ได้แล้ว เขาฉลาด และจัดการเรื่องพวกนี้ได้ดีกว่าข้าเสียอีก”

ดูเหมือนซิวซือจะไม่พอใจนัก “พี่ใหญ่ก็คิดแต่จะโยนเรื่องยุ่งยากให้กับผมเท่านั้นแหละ ผมไม่เอาด้วยหรอก! ผมจะไปด้วย”

ตงรื่อหัวเราะออกมาลั่น ก่อนจะพยายามสรุป “พอได้แล้ว! ไม่ต้องเถียงกันหรอก เอาอย่างที่พี่ใหญ่จ้านหู่เสนอก็ไม่เลวนักนะ ให้พี่ซิวซือคอยอยู่จัดการเรื่องราวที่นี่ดีที่สุดแล้ว ด้วยความรู้และสติปัญญาอันเหนือล้ำของพี่ มันไม่มีทางอยู่แล้วที่พี่จะปฏิเสธหน้าที่นี้ได้”

“ตงรื่อ! เจ้าเด็กนี่..” ซิวซือถึงกับพูดไม่ออก

ตงรื่อยังไม่หยุดหัวเราะคิกคัก “และแน่นอน ผมจะร่วมเดินทางกับพี่ใหญ่จ้านหู่ด้วย ผมก็อยากเห็นดินแดนของเผ่าปีศาจเหมือนกัน”

ซิงโอวกับเกาเต๋อก็ต่างเสนอตัวที่จะร่วมเดินทางด้วยเช่นกัน

ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเกรงกลัวอันตรายกันเลย ต่างคนก็ต่างเสนอตัวที่จะร่วมเดินทางไปด้วย เรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกดีใจกับท่าทีของพวกเขามาก “ทุกคน! หยุดสักครู่ พวกเราที่นี่มีกันอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ดังนั้น! พี่ซิวซือ ผมคงต้องขอมอบที่นี่เอาไว้ให้พี่ช่วยดูแล ส่วนพี่ใหญ่จ้านหู่ ผมคงไม่กล้าทำให้พี่โกรธหรอก พี่สามารถร่วมเดินทางไปกับผมได้ เช่นเดียวกันกับตงรื่อ ส่วนซิงโอวกับเกาเต๋อ พวกนายยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บ มันจะดีกว่าที่จะคอยอยู่ช่วยเหลือพี่ซิวซืออยู่ที่นี่แทน”

ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่จากหมู่บ้านเทพเจ้าเอ่ยถามออกมา “แล้วจะให้ตาเฒ่าอย่างพวกเราช่วยอะไรได้บ้าง?”

ผมกล่าวกับพวกเขาด้วยความเคารพ “พวกท่านผู้อาวุโสเป็นกลุ่มคนที่ล้ำค่า และมีความสำคัญที่สุดของที่นี่แล้ว การมียอดฝีมืออย่างพวกท่านอยู่ที่นี่ คอยฝึกฝนพี่น้องคนอื่น ๆ ข้าแน่ใจว่าความก้าวหน้าของฝีมือพวกเขาจะต้องรวดเร็วเป็นอย่างมากแน่นอน”

เขาถึงกับหัวเราะออกมา “ไม่ต้องมายกหางพวกเรามากนักหรอก! ไม่ว่าจะอย่างไร ตาเฒ่ากระดูกผุอย่างพวกเราก็ยอมติดตามเจ้าออกมาแล้ว เจ้าว่าอย่างไร พวกเราก็ต้องทำตามอยู่แล้ว”

ผมได้แต่กระแอมออกมาแก้เขิน ก่อนจะหันไปทางซิวซือ “พี่ซิวซือ พี่ได้ยินที่แผนการแล้วนะ ถึงเวลาที่จะจัด.....” ผมยิ้มให้เขาอย่างอึดอัดเล็กน้อย

แต่ซิวซือเห็นด้วยอย่างไม่มีเงื่อนไขเลย “นายวางใจได้ ฉันให้ความเคารพผู้อาวุโสเป็นอย่างมากอยู่แล้ว” แน่นอน ว่าหลังจากที่ผมเดินทางไปแล้ว ทุกคนที่เป็นกองกำลังอยู่ที่นี่เริ่มได้รับการฝึกฝนจากเหล่าผู้อาวุโสเป็นอย่างดี นั่นทำให้ซิวซือให้ความเคารพพวกเขามากขึ้นกว่าเดิมอีก และสุดท้ายแล้ว ซิวซือได้เรียนรู้สุดยอดกระบวนท่าจากพวกเขาไม่น้อย แต่นี่เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ทางด้านผู้อาวุโสสามจากเผ่าเอลฟ์ธรรมชาติกล่าวขึ้นมาบ้าง “แล้วอีก 9 คนที่เหลือ ท่านจะเลือกผู้ใดร่วมเดินทางไปด้วยบ้าง?”

ผมนั่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่สักพัก ก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้าได้รบกวนเผ่าเอลฟ์ธรรมชาติของท่านมาไม่น้อยแล้ว พวกท่านเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมของพวกเราจริง ๆ ถ้าท่านไม่ติดขัดอะไร ข้าอยากจะขอให้พวกท่านอยู่ที่นี่ต่อไปก่อน เผ่าเอลฟ์ธรรมชาตินั้นมีปีกอยู่ทุกคน ดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะปลอมตัวเข้าไปในเผ่าปีศาจเลย ข้าคิดที่จะนำนักรบจากหมู่บ้านเทพเจ้าร่วมเดินทางไปกับข้าแทน เลือกเฉพาะที่อยู่ในระดับอัศวินศักดิ์สิทธิ์แล้วเท่านั้น พวกเขาเป็นฝึกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้มาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น น่าจะถูกสงสัยน้อยที่สุดตอนปลอมตัวแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด