ตอนที่ 279 ผงแห่งความสุข
ตอนที่ 279 ผงแห่งความสุข
สถานที่อันแปลกประหลาดนี้เป็นเหมือนกับป้อมปราการในยุคกลาง ที่ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยบ้านเรือนเตี้ย ๆ กระโจมที่ทรุดโทรมและถนนที่ยังคงเป็นถนนดิน
ผู้คนภายในเมืองต่างก็มีใบหน้าที่ซีดเซียว, ดวงตาอันหมองคล้ำและสวมเสื้อผ้าอันมอมแมม นอกจากนี้พวกเขาทุกคนต่างก็มีกลิ่นเหม็นฉุน ซึ่งเซี่ยเฟยก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอาบน้ำครั้งล่าสุดเมื่อปีไหน
ชายหัวโล้นนำชายอีกสองคนไปยังปราสาทหินในระยะไกล ซึ่งชายหนุ่มก็แอบตามพวกเขาไปอย่างเงียบ ๆ อย่างไรก็ตามเนื่องจากชุดต่อสู้ที่เขาสวมใส่อยู่ดูสะดุดตามาก เขาจึงแอบเข้าไปในเต็นท์สีเทาที่อยู่ข้างถนน
ด้านในเต็นท์มีเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นรถของเล่นที่พัง ๆ อยู่บนพื้น ซึ่งรูปร่างของเด็กคนนี้ก็ดูเหมือนกับประชาชนคนอื่น ๆ ที่มีรูปร่างผอมแห้งและเล็บมือที่เต็มไปด้วยดินสกปรก
เมื่อเห็นเซี่ยเฟยเดินเข้ามาเด็กคนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งเขาก็ยังคงมองมายังผู้มาใหม่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโง่เขลา ราวกับว่าเขาไม่สนใจว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงบุกเข้ามาในบ้านของตัวเอง
“รีบไปกันเถอะ เด็กคนนี้ก็กินผงแห่งความสุขเหมือนกับคนอื่น ๆ นั่นแหละ” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ผงแห่งความสุข?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ผงแห่งความสุขเป็นยาเสพติดที่ทำให้มนุษย์เกิดอาการประสาทหลอน และทำให้ผู้เสพรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกับพวกเขามีความสุขอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าหากว่าพวกเขาเสพผงแห่งความสุขติดต่อกันเป็นเวลานาน พวกเขาก็จะสูญเสียสติสัมปชัญญะจนกลายเป็นเหมือนกับซอมบี้เดินได้” อันธอธิบาย
เซี่ยเฟยไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปพร้อมกับหยิบเสื้อคลุมเพียงตัวเดียวภายในเต็นท์มาคลุมร่างของตัวเองเอาไว้ และก่อนจากไปเขาก็ได้หยิบขนมและช็อกโกแลตเอามาวางไว้ข้าง ๆ เด็กคนนั้น
ทันใดนั้นดวงตาของเด็กน้อยก็กลับมามีชีวิตชีวาและเขาก็มองไปยังขนมบนพื้นด้วยความสนใจ
“เปล่าประโยชน์น่า ขนมพวกนี้ไม่ตกถึงท้องเด็กหรอก ทันทีที่พ่อแม่ของเด็กกลับมาพวกเขาก็จะเอาขนมพวกนี้ไปแลกกับผงแห่งความสุข” อันธกล่าว
“งั้นเหรอ” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะท้ายที่สุดเด็กวัยนี้ก็ยังไม่รู้ความแล้วมันก็ไม่มีทางที่เด็กจะเสพยาเข้าไปด้วยตัวเอง
“พ่อแม่เอายาเสพติดให้ลูกกินเนี่ยนะ! นี่มันเมืองของพวกติดยาชัด ๆ” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง
เมื่อเขาเดินออกมาจากเต็นท์เขาก็ใช้วิชาพรางจิตเคลื่อนไหวไปท่ามกลางฝูงชน และเนื่องมาจากว่าเขาได้สวมเสื้อคลุมที่เต็มไปด้วยรูพรุน เขาจึงสามารถเดินท่ามกลางฝูงชนได้โดยไม่ดึงดูดความสนใจ
ขณะเดินไปตามท้องถนนเซี่ยเฟยก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เพราะคนกว่า 90% ที่เขาได้พบเจอต่างก็มีอาการของคนที่เสพสารเสพติดเข้าไปเป็นเวลานาน คล้ายกับว่าผงแห่งความสุขจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคนท้องถิ่นที่นี่เป็นเวลานานแล้ว
ชายหัวโล้นกับชายอีกสองคนยังคงพูดคุยกันในระหว่างเดินทาง ซึ่งเสียงคุยของพวกเขาก็ดังมากจนทำให้แม้ว่าเขาจะอุดหูอยู่แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน
สถานการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสงสัยขึ้นมาในใจ เขาจึงเว้นระยะห่างและเคลื่อนไหวกลมกลืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
บริเวณนอกเมืองมีคูน้ำกว้างประมาณ 50 เมตรล้อมรอบเมืองชั้นในเอาไว้ และมีทหารยามมากกว่า 10 คนที่คอยตรวจตราอยู่ตรงบริเวณประตูเมือง
เซี่ยเฟยซ่อนตัวอยู่ตรงบริเวณแผงขายผลไม้ข้างถนน ขณะที่คิดว่าเขาจะแอบเข้าไปภายในเมืองได้ยังไง
ด้วยความเร็วในปัจจุบันเขาสามารถแอบเข้าไปในเมืองได้อย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าในบรรดาทหารเหล่านี้จะมีคนที่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้หรือไม่ และมันก็คงจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าถ้าหากว่าเขาได้เข้าไปในเมืองด้วยวิธีปกติ
ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นรถบรรทุกที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว โดยไม่สนใจฝูงชนที่เดินอยู่บนท้องถนนเลย ซึ่งฝูงชนก็รีบหลีกทางในทันทีและไม่มีใครกล้าเข้าไปขวางรถบรรทุกคันนี้เลยแม้แต่คนเดียว
เซี่ยเฟยก้มตัวลงแสร้งทำเป็นผูกเชือกรองเท้า แต่ความจริงแล้วเขากำลังมองหาโอกาสที่จะแอบเข้าไปในรถบรรทุกคันนั้น
บนถนนเต็มไปด้วยดินโคลนและแอ่งน้ำขังที่อยู่บริเวณริมถนน ซึ่งทันทีที่รถบรรทุกได้วิ่งผ่านแอ่งน้ำผู้คนรอบ ๆ ก็รีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาของพวกเขาไว้
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกระโดดเข้าไปในโกดังเก็บของด้านหลังของรถบรรทุก
ระบบการสั่นสะเทือนของรถคันนี้น่าจะได้รับความเสียหาย เพราะด้านในมีการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่เซี่ยเฟยกลับรู้สึกนุ่มสบายมากเนื่องจากภายในโกดังเต็มไปด้วยถุงแป้ง
กลิ่นแป้งพวกนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก เพราะมันเป็นเหมือนกลิ่นหอมที่ยั่วยวนชวนให้เขาสูดดมพวกมันไปอย่างยาวนาน
“นี่มันผงแห่งความสุข! ยาเสพติดเต็มคันรถขนาดนี้น่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 100 ล้านสตาร์คอยน์” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับคิดว่าดาวดวงนี้น่าจะเป็นแหล่งซ่องสุมของพ่อค้ายาเสพติด และชายที่ชื่อว่าฮุกก็น่าจะเป็นพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่
เห็นได้ชัดว่ารถคันนี้เป็นรถที่พิเศษมากกว่าปกติ เพราะมันสามารถแล่นผ่านประตูเมืองเข้าไปได้โดยไม่ถูกตรวจสอบ ซึ่งหลังจากที่รถได้แล่นเข้ามาในเขตเมืองแล้ว เซี่ยเฟยก็แอบออกไปจากโกดังหลังรถอย่างเงียบ ๆ
สภาพความเป็นอยู่ภายในเมืองค่อนข้างจะเจริญรุ่งเรือง ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มยังไม่เห็นคนติดยาในกลุ่มผู้คนเหล่านี้เลย
โดยบริเวณใจกลางเมืองมีอาคารขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายกับสนามกีฬา นอกจากนี้รอบ ๆ อาคารยังถูกปกป้องเอาไว้ด้วยบาเรียเลเซอร์ มันจึงทำให้แม้แต่นกก็ไม่สามารถที่จะบินเข้าไปในอาคารแห่งนี้ได้
ขณะเดียวกันด้านในอาคารก็น่าจะกำลังมีการแข่งขันการต่อสู้อยู่ ซึ่งในระหว่างการแข่งขันมันก็มีเสียงผู้ชมกำลังตะโกนเชียร์ขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยชนชั้นสูงของดาวดวงนี้ มันไม่เหมาะที่เขาจะสวมเสื้อคลุมขาด ๆ ตัวนี้อีกต่อไป เขาจึงแอบเข้าไปในบ้านพักหลังหนึ่งและกลับออกมาพร้อมกับหมวกฟางและเสื้อคลุมสีฟ้า ก่อนที่จะกลมกลืนไปกับฝูงชนอีกครั้ง
ประมาณ 2 นาทีต่อมา ชายหัวโล้นก็เข้ามาภายในเมืองพร้อมกับลูกน้องทั้งสองคน และมีชายหนุ่มสวมแว่นคนหนึ่งคอยเดินนำพวกเขาเข้ามา
พวกชายหัวโล้นเดินตามชายสวมแว่นไปตามท้องถนน ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่มีกำแพงสีแดง และมีทหารยามกับสุนัขทหารคอยเฝ้าอาคารหลังนี้หลายสิบคน
เซี่ยเฟยยังไม่รีบร้อนที่จะแอบตามเข้าไป แต่เขาเลือกที่จะเดินรอบ ๆ บ้านเพื่อเลือกจุดที่เหมาะสมที่สุด ที่มีทหารยามกับสุนัขทหารเดินตรวจตราอยู่เพียงแค่ไม่กี่คน
ชายหนุ่มซ่อนตัวอยู่ภายในตรอก ก่อนที่จะหยิบก้อนหินเล็ก ๆ ขึ้นมาจากพื้นและดีดมันออกไปเบา ๆ
เพี้ยะ!
ก้อนหินได้พุ่งเข้าไปกระแทกใส่สุนัขทหารตัวหนึ่งแล้วทำให้มันวิ่งหนีไปด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันทหารที่จูงสุนัขตัวนี้ก็ไม่สามารถที่จะต้านแรงของสุนัขคู่ใจตัวเองได้ เขาจึงถูกสุนัขลากไปกับพื้นด้วยความรุนแรง
“ช่วยด้วย! หมาฉันมันบ้าไปแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“รีบหยุดหมาตัวนั้นเอาไว้เร็ว ๆ เข้า”
ทหารที่อยู่รอบ ๆ รีบวิ่งเข้าไปช่วยทหารยามที่ถูกสุนัขลากไป ซึ่งเซี่ยเฟยก็ได้ใช้โอกาสจากความวุ่นวายในครั้งนี้กระโดดข้ามกำแพงเข้าไปในตัวอาคาร
สวนด้านในของบ้านหลังนี้ใหญ่โตมาก โดยภายในสวนได้ประดับไปด้วยรูปปั้นและพุ่มไม้อย่างมากมาย
ตามปกติแล้วการพยายามจะแอบซ่อนภายในลานกว้างแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก แต่เซี่ยเฟยได้ใช้วิชาพรางจิตกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะมีคนบังเอิญเดินผ่านมาแต่คนพวกนั้นก็ยากที่จะสังเกตเห็นตัวตนของเขา
ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินไปตามทางเดิน ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงหัวเราะของชายหัวโล้นราวกับว่าเขากำลังพูดคุยกับใครบางคนอยู่อย่างมีความสุข
ประตูทางเข้าอาคารถูกทหารยามเฝ้าเอาไว้อีกหลายคน ดังนั้นการพยายามแอบเข้าไปยังด้านในจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แต่โชคดีที่ใกล้ ๆ อาคารมีต้นไม้ใหญ่ถูกปลูกเอาไว้ ชายหนุ่มจึงปีนขึ้นต้นไม้เพื่อไปแอบเข้าบ้านทางระเบียง
เมื่อเซี่ยเฟยเข้ามาภายในบ้านเขาก็ได้พบว่าด้านในบ้านไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยใด ๆ ถูกติดตั้งเอาไว้เลย คล้ายกับว่าเจ้าของบ้านมีความมั่นใจในทหารยามด้านนอกมาก เขาจึงไม่คิดที่จะมีระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านของตัวเอง
ชายหนุ่มแอบย่องลงไปที่ชั้น 1 ก่อนที่จะได้เห็นชายหัวโล้นกำลังพูดคุยอย่างมีความสุขกับชายชราที่มีจมูกงุ้มคล้ายกับแม่มดแก่ในเทพนิยาย
ขณะเดียวกันใกล้ ๆ ชายหัวโล้นก็มีผู้ติดตามทั้งสองคนกำลังหัวเราะอยู่อย่างสนุกสนาน แต่พวกเขาคอยเว้นระยะห่างจากชายชราอย่างระมัดระวัง
นอกจากพวกเขาแล้วยังมีทหารยามรูปร่างสูงใหญ่กระจายกันอยู่รอบ ๆ หลายสิบคน และมีผู้หญิงหน้าตาน่ารักอีกสามคนคอยเสิร์ฟอาหารและคอยให้บริการตลอดเวลา
แม้จะไม่มีใครมาบอกเขา แต่เซี่ยเฟยก็สามารถคาดเดาได้ว่าชายชราจมูกงุ้มคนนี้คือฮุกที่พวกเขาเคยพูดถึง
การค้นพบในครั้งนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะตอนแรกเขาจินตนาการว่าฮุกจะสวมตะขอโลหะที่มือขวาเหมือนกับกัปตันฮุกในเทพนิยาย แต่ในความจริงกลับกลายเป็นว่าชายชราคนนี้ได้ชื่อว่าฮุกนั่นก็เพราะจมูกที่งุ้มลงมาเหมือนตะขอ
จมูกของฮุกกินพื้นที่ถึง 1 ใน 3 ของใบหน้าจนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถจดจำชายชราคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว
“ครั้งนี้นายทำได้ดี! ฉันจะตอบแทนให้อย่างสาสม อยากได้อะไรเป็นของรางวัลก็พูดมาเลย ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือผู้หญิงฉันก็สามารถหาให้นายได้ในทันที” ฮุกกล่าว
“พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ทำงานให้กับคุณ แต่พวกเราจะร้องขอเงินรางวัลได้ยังไง ตราบใดที่คุณมีความสุขพวกเราก็พอใจมากแล้ว” ชายหัวโล้นกล่าวโดยพยายามเก็บซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้
“ไม่ต้องมาพูดจาประจบประแจงฉันเลย เอาแบบนี้พวกนายสนใจมาทำงานกับฉันไหม? คนคุมงานบนดาววีนอล 7 ยังว่างอยู่พอดี ก่อนหน้านี้คนดูแลเก่าเพิ่งพลาดถูกตำรวจจับไป” ฮุกกล่าวขึ้นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
คำพูดของชายชราคนนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึง เพราะเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจยาเสพติด และดาววีนอล 7 ที่ฮุกได้กล่าวถึงก็ยังเป็นถึงหนึ่งในดาวที่อยู่ในเขตนครหลวง
ชายหัวโล้นพยักหน้าซ้ำ ๆ เพราะมันเป็นที่รู้กันดีในวงการใต้ดินว่าการขายยาเสพติดเป็นธุรกิจที่ได้กำไรที่ดีมาก และตราบใดก็ตามที่พวกเขาทำงานนี้ไป 3-5 ปี พวกเขาก็จะสามารถหาเงินมาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยไปได้ตลอดชีวิต
หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อยพวกชายหัวโล้นก็กลับออกไป ซึ่งบทสนทนาของพวกเขาก็ทำให้เซี่ยเฟยแอบสงสัย เพราะเขาได้ยินคนพวกนี้พูดคุยแต่เรื่องยาเสพติด แต่ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องของแอวริลเลยสักคำ
‘ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?’
หลังจากชายหัวโล้นจากไปแล้ว ฮุกก็ยืนขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมกับกวักมือเรียกชายผิวดำที่อยู่ใกล้ ๆ
“ในสังเวียนวันนี้เป็นคู่ของใคร?” ฮุกถาม
“วันนี้เป็นการแข่งกันระหว่างนักสู้ที่ใช้พืชกับนักสู้ที่ใช้แรงโน้มถ่วงครับ นักสู้ที่ใช้พืชค่อนข้างจะหายากและเขาก็พอจะดึงดูดความสนใจได้มากพอสมควร” ชายผิวดำตอบ
“พลังเกี่ยวกับพืชมันจะไปน่าสนใจอะไร คืนนี้ประกาศออกไปว่าในสังเวียนจะเป็นการต่อสู้ระหว่างบุชเชอร์กับนักสู้สายความเร็วระดับสตาร์ริเวอร์” ฮุกกล่าว
“แต่นายท่านครับพวกเราไม่มีนักสู้ที่ใช้ความเร็วเหลืออยู่แล้วนะครับ นักสู้สายความเร็วคนสุดท้ายถูกบุชเชอร์ทำให้ขาพิการตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อน และเมื่อเช้านี้เขาก็โดนโยนออกไปในหลุมฝังศพที่นอกเมืองแล้วครับ” ชายผิวดำกล่าวอย่างรู้สึกผิด
“ไม่ต้องห่วง ฉันได้เตรียมนักสู้คนใหม่เอาไว้ให้แล้ว ฝากไปบอกบุชเชอร์ด้วยว่าให้เตรียมตัวเอาไว้ให้ดี ๆ คู่ต่อสู้ของเขาในครั้งนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งมาก” ฮุกกล่าวขึ้นมาอย่างไม่แยแส
‘ทำไมมันถึงรู้สึกแปลก ๆ แบบนี้? ประเด็นคือปัญหามันอยู่ตรงไหน?’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองเมื่อรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี
ระหว่างนั้นสายตาของเขาก็สอดส่องมองไปรอบ ๆ เพื่อยืนยันเส้นทางหลบหนี ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นนิสัยประจำตัวของเขาไปแล้ว ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้เข้าไปในสถานที่แปลก ๆ เขาจะเตรียมเส้นทางหลบหนีเอาไว้อย่างน้อย 2 เส้นทางเสมอ
แต่ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังจะจากไป จู่ ๆ มันก็ได้มีกำแพงแสงเลเซอร์ถูกยิงออกมาปิดกั้นเส้นทางหลบหนีทั้งหมดของเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถจะใช้เส้นทางหลบหนีที่วางแผนเอาไว้ได้!
นี่มันกับดัก!
เซี่ยเฟยพุ่งตัวออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี พร้อมกับบังคับเซเลสเชียลมูนให้เข้าทำลายกำแพงคอนกรีต ซึ่งเป็นเส้นทางหลบหนีเส้นทางสุดท้ายที่เขาได้คิดเอาไว้!
ใบมีดทั้ง 18 เล่มถูกปล่อยออกมาลอยในอากาศพร้อมกับหมุนพุ่งเข้าไปชนกำแพงด้วยความรุนแรง ซึ่งแผนการของเซี่ยเฟยคือการเจาะรูทะลุออกไปยังด้านนอก ก่อนที่เขาจะอาศัยความเร็วเพื่อหลบหนีออกไปอย่างสุดกำลัง
ตูม! ตูม! ตูม!
ใบมีดทั้ง 18 เล่มจู่โจมเข้าใส่กำแพงอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหากลับกลายเป็นว่ากำแพงไม่ถูกเจาะจนทะลุ และใบมีดทั้ง 18 เล่มยังติดอยู่กับกำแพงคล้ายกับถูกแม่เหล็กดูดเอาไว้ จนทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถจะใช้พลังจิตขยับเขยื้อนพวกมันได้อีกเลย
เมื่อฝุ่นควันได้จางลงไปเซี่ยเฟยก็ได้พบว่า ด้านในของผนังคอนกรีตเป็นโลหะสีดำหนาที่เซเลสเชียลมูนไม่สามารถจะทะลุผ่านมันเข้าไปได้
เมื่อได้ยินเสียงโกลาหลทหารยามหลายสิบคนก็ล้อมรอบเซี่ยเฟยเอาไว้อย่างแน่นหนา
“บ้านของฉันทั้งหลังถูกสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดี อย่าพยายามทำอะไรที่เหนื่อยเปล่าเลย” ฮุกกล่าวพร้อมกับเดินมาทางเซี่ยเฟย
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เข้าใจแล้วว่าเขาได้ตกหลุมพรางของศัตรูตั้งแต่แรก โดยคนพวกนี้ได้ใช้ชื่อของแอวริลหลอกล่อเขามา ก่อนที่จะนำพาเขาเข้ามาในตาข่ายขนาดใหญ่ที่เขาไม่สามารถหลบหนีออกไปได้
ชายหนุ่มรู้สึกรำคาญในความโง่ของตัวเองเล็กน้อย เขาจึงเลือกที่จะเดินไปยังกำแพงอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็ดึงใบมีดของเซเลสเชียลมูนออกมาทีละเล่ม พร้อมกับติดตั้งมันเข้าไปใหม่บนแท่นดีดที่อยู่บนแขนขวาของเขา
สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง!
ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ยังคงเป็นมนุษย์ มันจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะคิดคำนวณถูกทุกครั้ง เพียงแต่ความผิดพลาดในครั้งนี้ค่อนข้างที่จะเจ็บปวด เพราะนอกจากเขาจะตกหลุมพรางของคนอื่นแล้ว ที่แย่กว่านั้นคือเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“แกคือฮุกสินะ” เซี่ยเฟยหันไปมองทางฮุกอย่างใจเย็น
ฮุกพยักหน้ารับแต่ไม่พูดอะไร
เซี่ยเฟยยื่นมือทั้งสองออกไปด้านหน้าและเดินเข้าไปหาทหารยามอย่างจำยอม โดยในระหว่างนั้นสายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังชายชราอย่างแข็งกร้าว และความเด็ดเดี่ยวของเขาก็ทำให้พวกทหารยามอดที่จะก้าวเท้าถอยหลังออกไปด้วยความกลัวไม่ได้
“ฉันอยากรู้เรื่องหนึ่ง…” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างตรงไปตรงมา
***************
โดนจนได้สิน๊าาา