ตอนที่ 1140 หยงจิ่ว กรุ๊ป นี่ไม่ใช่ว่ามาหลอกลวงคนหรอกหรือ!

“อะไรนะ? อยากให้หนูไปหา เว่ย เทียนเฉิง และให้หนูถอนตัวออกจาก หยงจิ่ว กรุ๊ป? พ่อคะ นี่คุณพ่อพูดจริง? หากถ้าหนูทําเรื่องทรยศแบบนี้ หนูจะยังมีหน้าไป หยงจิ่ว กรุ๊ป ได้อีกไหม?”

ในวันนี้ อู๋ อีลี่ ได้รับโทรศัพท์จาก ชายชราอู๋ แต่เมื่อพอได้ยินคําขอของ ชายชราอู๋ อู๋ อีลี่ ก็ได้โกรธขึ้นมาในทันที

ชายชราอู๋ ก็ได้พยายามโน้มน้าว อู๋ อีลี่ ว่า : “พ่อรู้ว่าสิ่งนี้.. มันจะทําให้ลูกลำบากใจ แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับตระกูลอู๋ ของเรา เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวแล้ว ลูกก็แค่ยอมเสียสละเพียงเล็กน้อยก็เท่านั้น”

อู๋ อีลี่ ได้พูดอย่างเด็ดขาดไปว่า : “หนูบอกได้แค่ว่า.. มันเป็นไปไม่ได้!”

อู๋ อีลี่ ก็ได้วางสายทันที

เมื่อชายชราอู๋ ได้โทรไปอีกครั้ง อู๋ อีลี่ ก็ได้ปิดเครื่องไปแล้ว…

“ลูกอกตัญญูคนนี้นี่!” ชายชราอู๋ ได้โกรธมาก เขาไม่คิดเลยว่า อู๋ อีลี่ จะใจร้ายได้ถึงขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ไม่สนใจผลประโยชน์ของครอบครัว แถมกลับไม่ยอมถอนตัวออกจาก หยงจิ่ว กรุ๊ป อีก..

แค่นี้.. นี่มันก็ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว ชายชราอู๋ ก็รู้ดีว่าวันนี้ ..ถ้าไม่จ่ายเงินให้กับซัพพลายเออร์ ทุกอย่างก็จะจบลง

เขาได้วางแผนที่จะไปหา อู๋ อีลี่ ด้วยตัวเองในวันนี้ ยังไงก็ต้องเกลี้ยกล่อม อู๋ อีลี่ ให้ได้.. ถ้าหาก อู๋ อีลี่ ไม่ยอม เขาเองก็จะพิจารณาขู่ อู๋ อีลี่ ด้วยการไล่เธอออกจากบ้าน

ในขณะที่ ชายชราอู๋ กําลังเตรียมที่จะออกเดินทาง อู๋ อีลี่ ก็ได้ริเริ่มที่จะกลับบ้าน พร้อมกับพา เว่ย เยว่เอ๋อร์ มาด้วย

และครั้งแรกที่ ชายชราอู๋ ได้ยินชื่อ เว่ย เยว่เอ๋อร์ เขาก็ได้คิดไปว่า เว่ย เยว่เอ๋อร์ เป็นคนมาจากตระกูลเว่ย ในเจียงหนาน

ซึ่งนี่.. มันก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจจริงๆ อู๋ อีลี่ เธอไม่ได้นิ่งนอนใจต่อผลประโยชน์ของครอบครัว เธอต้องไปหา เว่ย เทียนเฉิง และได้ตกลงเจรจาอย่างแข็งขันกับ เว่ย เทียนเฉิง มาแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงได้พาคนของตระกูลเว่ย มาที่นี่

แต่เมื่อ เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้เข้ามา และริเริ่มแนะนําตัวเอง : “สวัสดี เลาอู๋ ฉันชื่อ เว่ย เยว่เอ๋อร์ มาจาก หยงจิ่ว กรุ๊ป ฉันเป็นเลขาฯ ของ ท่านประธานหลิน”

อะไรนะ?

คําพูดนี้.. ได้เหมือนกับมีคนเอาน้ำเย็นอ่างหนึ่งมาราดใส่หัวของ ชายชราอู๋

ห่าอะไร!

เว่ย เยว่เอ๋อร์ คนนี้ .. จริงๆ แล้วเป็นคนมาจาก หยงจิ่ว กรุ๊ป

“หยงจิ่ว กรุ๊ป? แล้วคุณมาทําอะไรที่นี่?” ชายชราอู๋ ก็ได้มีสีหน้าจมลงในทันที

เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้พูดว่า : “ครั้งนี้.. ที่ฉันมาก็เพื่อมาพูดคุยกับ เลาอู๋ เกี่ยวกับเรื่องเงินทุน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ หยงจิ่ว กรุ๊ป ของเรา ..จะช่วยตระกูลอู๋ ให้ผ่านพ้นความยากลําบากนี้ไป…”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ สีหน้าที่เพิ่งจมลงของ ชายชราอู๋ ก็กลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา ทันทีนั้นดวงตาของเขาก็ได้สว่างไสว อะไร.. หยงจิ่ว กรุ๊ป นี่มาช่วยเขางั้นเหรอ?

ก่อนหน้านี้เขา.. ไม่กล้าที่จะคาดหวังกับ หยงจิ่ว กรุ๊ป

นั่นเพราะตระกูลเว่ย ได้ปล้น อู๋ อีลี่ ไปในก่อนหน้านี้ โดยการให้ความช่วยเหลือ และสัญญากับเขาว่าจะให้เงินทุน แต่จู่ๆ หลินฟาน ก็ได้ปล้น อู๋ อีลี่ ไปโดยที่ไม่ได้ผ่านทางเขา หลินฟาน ..ดูเหมือนจะไม่เคยรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่มันน่าทึ่งที่สุดก็คือ ..ในที่สุด หลินฟาน ก็สามารถปล้น อู๋ อีลี่ กลับคืนไปได้สําเร็จ

สิ่งนี้.. ที่ได้ทําให้ ชายชราอู๋ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลําบาก

ดังนั้น ชายชราอู๋ จึงไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อ หยงจิ่ว กรุ๊ป และแม้กระทั่งรู้สึกว่า หยงจิ่ว กรุ๊ป ได้ทําลายความคิด และสิ่งที่เขาทำลงไป เมื่อนั้นเองเขาจึงได้มีทัศนคติที่เป็นปฏิปักษ์ต่อ หยงจิ่ว กรุ๊ป

แต่เขา.. ก็ไม่เคยคิดเลยว่า หยงจิ่ว กรุ๊ป จะตามหาเขา นั่นก็เพราะ หลินฟาน ได้ อู๋ อีลี่ ไปแล้ว ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่จำเป็นต้องมาหาเขาเลยด้วยซ้ำ..

ดังนั้นตอนนี้ เว่ย เยว่เอ๋อร์ ก็ได้มาในนามของ หยงจิ่ว กรุ๊ป และได้ริเริ่มเสนอเรื่องเงินทุน ซึ่งทําให้ ชายชราอู๋ ประหลาดใจมาก

“เลาอู๋ ประธานหลิน มักจะให้ความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทอู๋ มาโดยตลอด และด้วยความเป็นห่วงในครั้งนี้ ฉันจึงได้เป็นตัวแทนของ หยงจิ่ว กรุ๊ป มาในนามของ ท่านประธานหลิน เพื่อมาช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับ ตระกูลอู๋” เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้กล่าว

ชายชราอู๋ ประหลาดใจมาก ที่แท้ หลินฟาน ไม่ได้เพิกเฉยต่อเขางั้นหรือ!

“คุณเว่ย คุณหมายความว่า คุณหลิน ยินดีที่จะจัดหาเงินทุนให้กับตระกูลอู๋ ของเรา?” ชายชราอู๋ ได้พูดถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น

หาก หยงจิ่ว กรุ๊ป ยอมจัดหาเงินทุนให้ ก็จะสามารถแก้ไขความเร่งรีบของ บริษัทอู๋ ได้ ด้วยวิธีนี้ ชายชราอู๋ ก็ไม่จำเป็นต้องไปหา ตระกูลเว่ย แล้ว ทั้ง อู๋ อีลี่ ก็ไม่จําเป็นต้องทรยศต่อ หลินฟาน เรียกได้ว่าเป็นการจบลงอย่างแฮปปี้ ก็ว่าได้..

เว่ย เยว่เอ๋อร์ กล่าวว่า : “จัดหาเงินทุน? หยงจิ่ว กรุ๊ป ของเรา จะไม่จัดหาเงินทุนให้กับ บริษัทอู๋ โดยตรง นี่คือความหมาย และความตั้งใจเดิมของ ประธานหลิน และมันก็เป็นความคิดเห็นของฉันด้วยค่ะ”

อะไรนะ?

ชายชราอู๋ ได้เปลี่ยนสีหน้าในทันที : “ตอนนี้ ตระกูลอู๋ ของเราต้องการเงิน และถ้าไม่จัดหาเงินทุนมาให้เรา แล้วนี่มันจะไปช่วยอะไรได้!”

หยงจิ่ว กรุ๊ป นี่ไม่ใช่ว่ามาหลอกลวงคนหรอกหรือ!

เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้ยิ้ม แล้วพูดไปว่า : “เลาอู๋ อย่าใจร้อน ..แน่นอนว่า หยงจิ่ว กรุ๊ป ของเราสามารถให้เงินก้อนหนึ่งแก่ ตระกูลอู๋ เพื่อให้ ตระกูลอู๋ สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์เฉพาะหน้านี้ไปได้ แต่ความคิดของฉัน กับประธานหลิน ก็คือปัญหาของ ตระกูลอู๋ ไม่ใช่การใช้เงินเพียงก้อนเดียว ก็สามารถแก้ไขได้ และถ้าไม่แก้ปัญหาจากที่ต้นเหตุ วิกฤตในเรื่องเงินทุนครั้งต่อไปก็จะต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง ในทางตรงกันข้าม หากเราได้แก้ไขปัญหาตรงต้นเหตุ เพื่อให้บริษัทตระกูลอู๋ สามารถเดินต่อไปได้บนเส้นทางที่ถูกต้อง ต่อไป ตระกูลอู๋ ก็จะไม่ต้องมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลําบากเช่นนี้อีก และยังสามารถพลิกสถานการณ์ขาดทุนเป็นกำไรได้อีกด้วยค่ะ”

ชายชราอู๋ ได้ตกตะลึง เปลี่ยนการขาดทุนเป็นกําไร?

และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาฝันถึงเหรอ!

“นี่.. ทําได้จริงๆ?” ชายชราอู๋ ได้ถาม

เว่ย เยว่เอ๋อร์ กล่าวว่า : “เรามาด้วยทัศนคติที่จะช่วยแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง เพราะคุณอู๋ จะต้องได้ร่วมมือกับ หยงจิ่ว กรุ๊ป ของเรา ..ในอนาคต ประธานหลิน ได้ให้ความสําคัญกับ คุณอู๋ อย่างมาก ไม่ใช่คิดเอา คุณอู๋ เป็นเบี้ยในการแข่งขันอย่างแน่นอนค่ะ ดังนั้นเราจึงมีความจริงใจเพียงพอ”

หากปัญหาของบริษัทอู๋ ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทาง ตระกูลเว่ย ก็อาจจะใช้สิ่งนี้มาเพื่อสร้างปัญหาต่อไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่องานของ อู๋ อีลี่ ใน หยงจิ่ว กรุ๊ป อย่างแน่นอน ดังนั้น หลินฟาน จึงได้ต้องเข้าช่วยบริษัทอู๋ เพื่อแก้ไขความกังวลในเรื่องนี้

ชายชราอู๋ เมื่อได้เห็น เว่ย เยว่เอ๋อร์ ที่ได้พูดอย่างจริงใจ เขาเองก็เริ่มที่จะสนใจแล้วเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม ความจริงใจของ หยงจิ่ว กรุ๊ป นั้นดูสูงกว่า ตระกูลเว่ย อย่างแท้จริง ตระกูลเว่ย กลับแค่บอกว่าจะให้ความช่วยเหลือทางการเงิน พร้อมตระกูลเว่ย ยังต้องการใช้สิ่งนี้เป็นเงื่อนไข เพียงเพื่อไม่ให้ อู๋ อีลี่ ตอบตกลงความร่วมมือกับ หลินฟาน

แม้ว่าตระกูลเว่ยจะให้เงินก้อนนี้มาแล้ว แต่ถ้าหากตระกูลอู๋ยังต้องการเงินทุนในอนาคต ในเวลานั้น ตระกูลอู๋ ก็จะไม่มีประโยชน์ต่อ ตระกูลเว่ย อีกแล้ว แล้วเช่นนี้ ตระกูลเว่ย จะยังคงให้เงินทุนต่อไปหรือไม่?

เห็นได้ชัดว่ามัน เป็นไปไม่ได้!

“คุณเว่ย เชิญเข้ามาคุยกันอย่างละเอียดที่ด้านในกันดีกว่า” ชายชราอู๋ ได้เปลี่ยนทัศนคติทันที และกล่าวด้วยความเคารพ

“ยินดีคะ” เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้ตอบเห็นด้วยอย่างยินดี จึงได้ติดตาม ชายชราอู๋ เข้าไปในบ้านของตระกูลอู๋

อีกด้านหนึ่ง

เว่ย เจี้ยนเซิง ได้เดินเข้าไปในห้องทํางานของ เว่ย เทียนเฉิง

“เมื่อวานผมได้คุยกับซัพพลายเออร์ของตระกูลอู๋ แล้ว และให้ทางฝั่งนั้นกดดัน อู๋ ชางผิง คาดว่าเมื่อคืนชายชราคนนี้ก็คงจะนอนไม่หลับไปทั้งคืน พอมาในวันนี้ นี่ก็เท่ากับเป็นเส้นตายที่ ตระกูลอู๋ จะต้องจ่ายเงิน แน่นอนว่าถ้า ตระกูลอู๋ ไม่สามารถจ่ายเงินได้ สินค้าของพวกเขาก็จะต้องล่าช้า และนี่ก็เท่ากับเป็นหายนะต่อ ..ตระกูลอู๋” เว่ย เจี้ยนเซิง ได้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เว่ย เทียนเฉิง รู้สึกพอใจมาก เขาได้พูดว่า : “ดีมาก ตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลอู๋ ..เป็นเพียงแค่มดตัวหนึ่งสำหรับเรา แกสามารถไปคุยกับ อู๋ ชางผิง เกี่ยวกับเงื่อนไขได้แล้ว ตราบใดที่เขาสามารถหยุด อู๋ อีลี่ ไม่ให้ไปที่ หยงจิ่ว กรุ๊ป ได้ เราก็จะช่วยเขาจัดหาเงินทุน”

เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวว่า : “ผมเชื่อว่า ชายชราอู๋ ต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อหยุด อู๋ อีลี่ อย่างแน่นอน แต่ก็กลัวว่า อู๋ อีลี่ คนนี้ ..คงจะไม่ยอมจํานนโดยง่าย ยังไงผมก็คิดว่าเธอ อยากที่จะไปอยู่กับ หยงจิ่ว กรุ๊ป มาก แถมในก่อนหน้านี้เธอยังได้ร่วมมือกับ หลินฟาน เพื่อหลอกลวงพวกเรา”

เว่ย เทียนเฉิง ได้ยกยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า : “เธอไม่ยอมจํานน งั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของ อู๋ ชางผิง แม้ว่าในที่สุด อู๋ อีลี่ จะไม่ได้ออกจาก หยงจิ่ว กรุ๊ป แต่เราเองก็ไม่ได้คิดที่จะปล่อยให้ครอบครัวอู๋ของเขา ดีขึ้นอยู่แล้ว ยังไงเราก็ไม่ได้เสียหายอะไร ดังนั้นเราเองก็แค่นั่งดูการแสดงดีๆ ก็พอ”

เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวว่า : “สิ่งที่ คุณพ่อ พูด.. ก็คือ จะให้ อู๋ อีลี่ อยู่ในหยงจิ่ว กรุ๊ป โอ้.. เช่นนี้ งั้นเธอก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกัน!”

เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “อู๋ อีลี่ มีช่วงเวลาที่ยากลําบาก นั่นก็เท่ากับ ไอ้ หลินฟาน ตัวน้อยนั้น มันก็มีช่วงเวลาที่ยากลําบาก แน่นอนว่าฉันต้องการหาเรื่องให้ หลินฟาน ตัวน้อยนี่ ได้ทํา..”

เมื่อนั้น สองพ่อลูกก็ถึงกับพากันหัวเราะออกมา

เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวว่า : “ลุงเฉิน ที่เป็นซัพพลายเออร์ของ ตระกูลอู๋ ได้รีบไปที่ ตระกูลอู๋ แล้ว อีกไม่นาน ชายชราอู๋ คงจะได้มาคุกเข่าขอร้อง คุณพ่อในไม่ช้า ฮ่าๆ ผมเองก็กำลังตั้งตารอจริงๆ”