ตอนที่ 549-550
ตอนที่ 549
ช่างบีบคั้นหัวใจอะไรแบบนี้
“สามปีแรกในเมืองหลวง แม่ทำงานหนักมาก... หนูทนเห็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เลยวิ่งหาทุนบางส่วน แล้วค่อย ๆ เอามาสร้างร้าน จนได้เปิดร้านเบเกอรี่เป็นร้านแรกค่ะ”
มู่หานจางและหลินอวี้อิงอ้าปากค้าง ก่อนพยักหน้า พวกเขาประหลาดใจมากจนพูดอะไรไม่ออก
จู่ ๆ หลินอวี้อิงก็นึกขึ้นได้ เธอจึงถามถึงเรื่องหนึ่งว่า
“ใช่สิ ได้ข่าวว่าซือซือไปถ่ายหนังด้วยนี่นา ว่ากันว่าเป็นค่ายหนังยักษ์ใหญ่ของผู้กำกับชื่อดัง”
ถังซือซือพยักหน้าอย่างเขินอาย
“ใช่ค่ะ เพื่อหาเงินมาขยายร้าน หนูเลยไปออดิชัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะผ่านเข้ารอบค่ะ”
มู่หานจางและหลินอวี้อิงอ้าค้างอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ
ขยายร้าน ถ่ายหนัง ซื้อบ้านหลังใหญ่... ทั้งหมดนี้ฟังดูเหมือนเป็นความฝันเลย...
ชีวิตที่ยากลำบากกลับพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ว่า... ฉันไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ นี่คือสิ่งที่ซือซือทำด้วยตัวคนเดียวเหรอเนี่ย...
คงไม่ต้องพูดถึงอดีตของเธอเลย ตอนนั้น... ไม่มีใครคิดด้วยซ้ำว่า พอถังซือซือโตมาจะเก่งและประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้
ไม่นาน มู่หานจางหันไปหามู่ซูเสียนแล้วพูดว่า
“ซูเสียน ซือซือเก่งกว่าลูกอีกนะเนี่ย”
จากสิ่งที่ถังซือซือพูดในตอนต้น มู่ซูเสียนเกือบได้เป็นนางฟ้าในใจเขา แต่เมื่อฟังคำอธิบาย มาถึงจุดนี้ ลูกสาวตกจากแท่นบูชาอีกครั้งในทันที เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดติดตลกใส่เธอ
มู่ซูเสียนยิ้มอย่างเขินอายแล้วตอบว่า
“พ่อพูดถูกเลยค่ะ ซือซือเขา... เป็นอะไรที่เกินจินตนาการของฉันไปมาก”
“หลานสาวเองก็อยู่เหนือจินตนาการเราเหมือนกัน...” หลินอวี้อิงยิ้มกว้างแล้วพูดเสริมขึ้นมา
จากความทรงจำเกี่ยวกับถังซือซือในอดีตจนถึงปัจจุบัน หลินอวี้อิงและมู่หานจางรู้สึกอย่างชัดเจนเลยว่าหลานสาวคนนี้แตกต่างไปจากเดิมจริง ๆ
หลายคนตกอยู่ในความเงียบ
เนื่องจากเรื่องนี้ทำให้พวกเขาตกตะลึงมาก จนทำให้ทุกคนแสดงสีหน้าและพูดอะไรไม่ออก
แต่ถังซือซือก็มีข่าวชวนตื่นเต้นมากกว่าเรื่องเมื่อกี้รอบอกพวกเขาอยู่
เธอมองไปที่การแสดงออกของผู้อาวุโสทั้งสอง ก่อนรอเวลาอีกสักครู่ รอจนกว่าพวกเขาจะผ่อนคลายลงแล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญอีกเรื่อง
แต่ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น...
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครโทรมา ก็ต้องเป็น เซียวเฉินเยวียนอย่างแน่นอน
ถังซือซือรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนชำเลืองมองผู้อาวุโสทั้งสอง ที่มองมาทางเธอพร้อมกัน ไม่นานเธอพูดอย่างเขินอายขึ้นว่า
“เดี๋ยวหนู... ขอตัวไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงนะคะ”
พูดจบ ถังซือซือก็วิ่งออกไปตรงระเบียงทันที
เมื่อมองถังซือซือจากด้านหลัง ที่วิ่งไปตรงระเบียงเพื่อรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแปลก ๆ หลินอวี้อิงหันไปถามมู่ซูเสียนด้วยความสงสัย
“ใครเหรอ?”
มู่หานจางถามเสริมขึ้นว่า “เป็นผู้ชายใช่ไหม?”
มู่ซูเสียนเริ่มประหม่าอีกครั้ง อันที่จริงเธอต้องการให้ ถังซือซือเป็นคนบอกเอง แต่ไม่คิดว่าสามีของถังซือซือจะโทรมาได้จังหวะพอดี..
เธอครุ่นคิดด้วยความตื่นเต้น... จะพูดดีไหมนะ?
มู่ซูเสียนผงกหัวโดยไม่รู้ตัวขณะมองไปที่การจ้องมองอย่างดุเดือดโดยผู้อาวุโสทั้งสอง
ไม่นานทั้งสองก็ลุกขึ้นแล้วเดินย่องไปใกล้ประตูตรงระเบียงทันที
อา?
มู่ซูเสียนมองผู้อาวุโสทั้งสองด้วยท่าทางประหลาดใจ ที่กำลังยืนพิงประตูระเบียง และแอบฟังเสียงถังซือซือคุยโทรศัพท์ อย่างใจจดใจจ่อ
“สามี…”
ถังซือซือเรียกคนที่ปลายสายเบา ๆ
สามี?
ข้างหลังประตูระเบียง มู่หานจางและหลินอวี้อิงมองหน้ากันด้วยความตกใจ
ความสัมพันธ์มาไกลขนาดนี้แล้วเหรอ?
ทำไมถึงไม่พามาที่นี่ด้วยล่ะ?
เป็นลูกเต้าเหล่าใครเนี่ย?
ไปเจอกันได้ยังไง? มีบุคลิกแบบไหน? ภูมิหลังครอบครัวดีรึเปล่า? แล้วหน้าที่การงานล่ะ?
มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจพวกเขา
ให้ตายสิ ช่างบีบคั้นหัวใจอะไรแบบนี้
“ฉันอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยายแล้ว คุณล่ะ ที่ต่างประเทศงานยุ่งไหม?”
งานเหรอ? ปีใหม่ทั้งทียังทำงานอยู่เนี่ยนะ...
ต่างประเทศ? ไม่ได้ทำงานอยู่ในประเทศด้วย...
ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะมาจากครอบครัวไม่ธรรมดา...
ตอนที่ 550
คุยต่อก็ได้
มู่หานจางและหลินอวี้อิงเงี่ยหูฟังพร้อมกับซุบซิบ พร้อมแสดงสีหน้าประหม่า
“การเดินทางราบรื่นดีไหม? แล้วกิจการของสาขาใหม่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง?”
สาขาใหม่?
ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมผู้นำของบริษัทสินะ...
แถมเป็นบริษัทข้ามชาติด้วย ไม่แปลกที่ทีมงานนี้ต้องไปทำงานในต่างประเทศตอนนี้...
หลานสาวตาถึงนะที่เลือกคบคนมีฐานะการงานดี
แต่อยากรู้จังว่าหน้าตาเป็นยังไง?
ผู้อาวุโสทั้งสองยังคงเงี่ยหูฟังต่อไป เพราะกลัวพลาดประโยคสำคัญ
มู่ซูเสียนที่เห็นทุกอย่างในตอนนี้ “...”
ทำยังไงดี พอถูกทิ้งให้นั่งอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น รู้สึกแปลกนิดหน่อยแฮะ
หรือฉันไปแอบฟังด้วยดีไหม?
ไม่ๆๆ ฉันไม่พาตัวเองไปลูกสาวถูกป้อนอาหารหมาหรอก
แต่จะนั่งรอต่อไปดีเหรอ?
บรรยากาศนี้น่าอึดอัดชะมัด...
ฉันรู้สึกสับสนไปหมดแล้ว
ขณะเดียวกันถังซือซือพูดต่อไปว่า
“ดูแลตัวเองด้วยนะ…”
ดูแลงั้นเหรอ? หลานสาวเอาใจใส่เก่งเหมือนกันนะเนี่ย คาดไม่ถึงเลย
บทสนทนาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถังซือซือพูดด้วยน้ำเสียง ขี้เล่น
“ฉันกังวลนิดหน่อย… สามีของฉันหล่อจะตาย คุณคงไม่ไปจีบผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม? ว่ากันว่าสาว ๆ ที่นั่นสวยมากเลยนี่นา”
ความหมายของประโยคนี้... แปลว่าผู้ชายคนนี้ต้องหล่อมากเลยเหรอ?
คงไม่ได้เป็นคนแบบนั้นหรอกนะ?
แต่ก็อันตรายอยู่ดี!
ทันใดนั้นเสียงนาฬิกาปลุกในใจของผู้อาวุโสทั้งสองก็ดังขึ้น พวกเขานึกถึงถังปู้ฝานขึ้นมาทันที
ฉันจะปล่อยให้หลานสาวเดินตามรอยแม่ไม่ได้!
ทั้งสองต่างมองหน้ากัน พวกเขาเข้าใจถึงความกังวลในดวงตาของอีกฝ่ายได้ดี เนื่องจากพวกเขาคิดเหมือนกัน!
ในขณะที่พวกเขาคิดว่าจะคุยเรื่องนี้กับถังซือซือยังไง ถังซือซือก็พูดต่อว่า
“แต่ไม่เป็นไร ฉันไม่กังวลมากหรอก ยังไงก็ไม่มีใครสู้ฉันได้ ฮิฮิ”
การแสดงออกบนใบหน้าของถังซือซือเต็มไปด้วยความ ‘มีเสน่ห์’
มู่หานจางและหลินอวี้อิงพยักหน้าให้กัน ก่อนส่ายหน้าเบา ๆ
ใช่แล้ว แบบนี้ต้องโดนหลอกอยู่แน่ ๆ ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนชั่วจริง ๆ ปล่อยไว้จะไม่ได้การ!
เซียวเฉินเยวียนที่กำลังฟังคำพูดของถังซือซือ เขาไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าได้เลย ก่อนตอบกลับเธอไปว่า
“ยกเว้นคุณ ผู้หญิงคนอื่นก็เหมือนกันหมด”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา อาหารหมาก็กระจายไปรอบตัวทันที
กู่ชวนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ “...”
พับผ่า เกือบฝ่าไฟแดงแล้วไง!
เฟยอวี่บนที่นั่งผู้โดยสาร “...”
อืม... อาหารหมาเต็มปากนี่มันอะไรกัน... ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำให้แต่ละคนเสียอาการขนาดนี้!
ตั้งแต่รู้จักคุณผู้ชายมาจนถึงตอนนี้ ทักษะการบอกรักของเขาพัฒนาขึ้นมากเลยนะเนี่ย...
อีกด้าน ถังซือซือยิ้มจนแก้มปริแทบจะระเบิดออกมา เธอหันหลังกลับโดยไม่ตั้งใจ แต่แล้ว...
หืม?
ตากับยายย่องมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
แถมยังตั้งท่าฟังจริงจังด้วย!
แต่จะว่าไป... ไม่สิ นี่แอบฟังฉันคุยโทรศัพท์อย่างโจ๋งครึ่มแบบนี้เลยเหรอ!
ถังซือซือตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
เมื่อพวกเขาพบว่าถูกจับได้ มู่หานจางและหลินอวี้อิงก็ยิ้มอย่างลำบากใจ ไม่นานพวกเขาก็แสร้งทำเป็น ‘ไอ’ และพูดเปลี่ยนเรื่อง
หลินอวี้อิง “ซือซือหลานรัก ยายแค่มาดูว่าผ้าที่ตากไว้แห้งรึยังน่ะ ไม่ได้มาแอบฟังอะไรเลย”
มู่หานจาง “อืม ตาเองก็แค่ออกมาสูดอากาศนิดหน่อย พอดีห้องมันอับน่ะ”
ถังซือซือพยักหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
เมื่อมองไปที่การแสดงออกของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ยินทุกอย่างแน่นอน!
เจริญล่ะ เมื่อกี้ฉันพูดอะไรน่าอายออกไปมั่งเนี่ย?
ถังซือซือพยายามนึกถึงสิ่งที่พูดออกไป แต่ยิ่งเธอจำได้ เธอก็ยิ่งอยากจะควักหัวใจออกไปให้แร้งกิน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย...
เซียวเฉินเยวียนที่ปลายสายเห็นว่าถังซือซือเงียบไปกะทันหัน เขาจึงพูดขึ้นว่า
“หือ?”
เสียงทุ้มของเขาทำให้ถังซือซือรู้สึกเสียวซ่าไปทั้งท้ายทอยเมื่อได้ยิน แต่สถานการณ์ตรงหน้าเธอค่อนข้างกระอักกระอ่วน สุดท้ายถังซือซือต้องบอกลาเขาอย่างไม่เต็มใจ
“ที่รัก ฉันวางสายก่อนนะ แล้วจะโทรหาคุณอีกเมื่อฉันว่าง”
พูดจบ ถังซือซือก็วางสายไป
ผ่านไปไม่ถึงนาที มู่หานจางก็พูดขึ้นว่า
“คุยต่อก็ได้ ไม่ต้องสนใจตากับยายหรอก”
ถังซือซือ “...”