ตอนที่ 519-520
ตอนที่ 519
เสียเงินขนาดนั้นไปเพื่ออะไร
อี้เวยวานและลูกสาวคิดว่าตำรวจหนุ่มคนนี้คงพาพวกเธอไปลงบันทึกประจำวัน ดังนั้นพวกเธอจึงยอมเดินตามเขาไปอย่างเชื่อฟัง
พอมาถึงสำนักงานตำรวจ ทั้งสองก็ตกตะลึง
ไม่ใช่แค่เฉินไห่และผู้ติดตามของเขาเท่านั้น แต่ยังมีพนักงานอีกโหลหนึ่งของ ‘ร้านบะหมี่ถัง’ อยู่ด้วย
หลังจากการสอบสวนเมื่อคืน เฉินไห่ซึ่งอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจถูกตำรวจเค้นความจริงด้วยทุกวิถีทาง
เขาไม่เพียงแต่อธิบายความผิดทั้งหมดที่เขาทำในอดีต แต่เขายังชี้ให้เห็นว่าถังจิ้งชือจ้างวานให้พวกเขาไปพัง ‘ร้านบะหมี่ซือ’ แต่สุดท้ายพวกเขาดันพังผิดร้าน
โดยบทลงโทษของพวกเขานั้นไม่เพียงแค่จ่ายค่าปรับเท่านั้น แต่ยังต้องจำคุกอีกหลายปีด้วย
พนักงานทุกคนของ ‘ร้านบะหมี่ถัง’ ต่างมีสายตาว่างเปล่า เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมร้านถึงถูกพังยับเยินเมื่อมาถึงร้านในตอนเช้า แถมยังถูกตำรวจพามาที่นี่เพื่อมารับรู้ความจริงแบบนี้อีก
เมื่อได้รู้ความจริงของเรื่องทั้งหมดแล้ว พนักงานกลุ่มหนึ่งแทบรอไม่ไหวที่จะพูดถึงอี้เวยวานและถังจิ้งชือว่าเป็นคนยังไง
ขณะที่สองแม่ลูกยังคงหวนนึกถึง ‘เหตุการณ์ครั้งก่อน’ ตอนนี้ก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากขึ้น
พวกเธอนั้นทำตัวไร้เดียงสาตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงแม้จะเคยถูกทำให้อับอายครั้งแล้วครั้งเล่า
ดังนั้นในเวลานี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าอี้เวยวานและลูกสาว ทุกคนจึงไม่ปิดบังความเกลียดชังในสายตาที่มีต่อพวกเธออีกต่อไป
พนักงานหลายคนตั้งปณิธานไว้แล้วว่า หลังออกไปจากที่นี่แล้ว พวกเขาจะทำเรื่องขอลาออกจาก ‘ร้านบะหมี่ถัง’ ให้เร็วที่สุด
ช่างเป็นเจ้านายที่ไร้มนุษยธรรมจริง ๆ ไม่อยากเชื่อเลย ทำไมถึงเป็นคนโฉดชั่วได้ถึงขนาดนี้?
หลังจากสองแม่ลูกมาถึงสำนักงานตำรวจ ถังจิ้งชือก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอพยายามสงบสติอารมณ์ลง
เดี๋ยวก่อน แต่ตำรวจไม่มีหลักฐานสักหน่อยว่าฉันจ้าง เฉินไห่และพรรคพวกมาพังร้านของตัวเอง จุดนี้แหละคือทางรอดของฉัน พอเป็นแบบนี้แล้วตำรวจจะเอาผิดฉันได้ยังไง?
แม้เคยคิดว่าทั้งหมดนี่เป็นแผนซ้อนแผนของถังซือซือ ซึ่งทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานใจมาก ๆ แต่สุดท้ายเธอก็หายสงสัยเรื่อง ‘พังผิดร้าน’ แล้ว
แน่นอนว่าสองแม่ลูกรู้วิธีคุยกับตำรวจดี แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าควรแก้เกมยังไง
หลังจากนั้น เมื่อพวกเธอเข้าไปในห้องสอบสวน ทั้งสองยอมรับว่าพวกเธอได้ติดต่อเฉินไห่ทางโทรศัพท์จริง ๆ แล้วได้ส่งเงินจำนวนหนึ่งให้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามพวกเธออ้างกับตำรวจว่า ตัวเองขอให้ เฉินไห่ไปพังร้านของตัวเองแทนที่จะเป็น ’ร้านบะหมี่ซือ’ เนื่องจากธุรกิจไม่ดี จึงทำแบบนี้เพื่อเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจจากสาธารณชน
ผลสุดท้ายของเรื่องนี้คือ เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพิ่มเติมว่าสองแม่ลูกจงใจจ้างคนไปพังร้านบะหมี่ฝั่งตรงข้าม แต่การกระทำครั้งนี้ก็ก่อความเสียหายกับศูนย์การค้าเหมือนกัน ดังนั้นพวกเธอจึงถูกปรับและถูกคุมขังอยู่ที่นี่สิบวันเป็นการลงโทษ
แน่นอนว่าหลังจากพวกเธอถูกปล่อยตัวเมื่อไหร่ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมร้านนั้นรอพวกเธออยู่หลายล้านหยวน
ส่วนพนักงานของร้านถูกปล่อยตัวอย่างรวดเร็วเพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เมื่อถังปู้ฝานได้รับข่าวนี้ เขาก็รีบไปที่ร้านทันที เมื่อเขาเดินมาถึง ก็เห็นพนักงานทุกคนยืนรออยู่หน้าร้านแล้ว
“หัวหน้า คุณมาได้ทันเวลาพอดี พวกเรากำลังรอคุณอยู่”
เชฟหลินก้าวไปข้างหน้าและพูดกับถังปู้ฝาน
พนักงานกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างหลังมองถังปู้ฝานด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
ถังปู้ฝานเสียใจกับเหตุการณ์นี้มาก จึงยืนนิ่งเงียบไป
“ก็ไม่มีอะไรหรอก คือผม แค่อยากบอกคุณว่าต่อจากนี้ไป ผมขอลาออก”
คำพูดที่นุ่มนวลและแยบยลของเชฟหลินดังขึ้น พนักงานที่อยู่ข้างหลังก็พูดเสริมว่า
“ใช่ พวกเราก็ขอลาออกด้วย”
ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ถังปู้ฝานตกใจมาก ๆ เมื่อได้ยินประโยคเหล่านี้
แม้อยากถามว่าทำไม แต่ เขายังต้องถามอีกเหรอว่าทำไม?
หลังจากเชฟหลินพูดจบ เขาก็เป็นผู้นำในการถอดผ้ากันเปื้อนสีขาวออก แล้วมอบให้ถังปู้ฝาน
ต่อมาพนักงานที่เหลือถอดผ้ากันเปื้อนและถอดป้ายห้อยคอพนักงานออก ก่อนยื่นให้ถังปู้ฝานตามเชฟหลิน
ถังปู้ฝานจ้องมองกองผ้ากันเปื้อนในมือ แล้วรู้สึกโกรธในใจลึก ๆ
บ้าที่สุด! ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับฉัน?
ร้านในเมืองหลวงแห่งแรกที่ทุ่มเทมาแทบตายจะต้องปิดตัวลงจริง ๆ เหรอ? ในเมื่อท้ายที่สุดการบริหารร้านล้มเหลว แล้วฉันเสียเงินขนาดนั้นไปเพื่ออะไร?
ตอนที่ 520
ฉันรักคุณมาก
‘ร้านบะหมี่ถัง’ สาขาแรกในเมืองหลวงปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ ขณะที่ธุรกิจของ 'ร้านบะหมี่ซือ‘ ยังเฟื่องฟูมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทางด้านถังปู้ฝานต้องวิ่งวุ่นจนปวดหัว เพราะต้องดูแลสองแม่ลูกจนไม่มีเวลาไปดูแลธุรกิจอื่น ในช่วงที่สองแม่ลูกถูกคุมขังนานกว่าสิบวัน เขาต้องวิ่งไปวิ่งมาทุกวันเพื่อจัดการกับเรื่องต่าง ๆ และไม่วายต้องหาเวลาไปปลอบใจพวกเธอให้อดทนจนครบสิบวัน พูดได้ว่าตอนนี้เส้นผมของเขาหงอกไปหลายเส้นมาก
หลังจากถูกคุมขังกว่าสิบวัน สองแม่ลูกก็ถูกปล่อยตัวออกมา
ความคึกคะนองเมื่อหลายวันก่อนหายไปจนหมด ทั้งสองได้แต่เดินก้มหน้าก้มตาตามถังปู้ฝานกลับที่พัก ขณะเดียวกันก็พึมพำขึ้นว่า
“ฉันไม่อยากเชื่อเลย! พวกนั้นเลวมากที่ทำกับเราแบบนี้! คุณเองก็ปล่อยให้ฉันกับลูกอยู่ข้างในนานเกินไป!
ดูผิวและหน้าของฉันสิ! เละเทะไปหมด! ไหนจะเส้นผมที่ยุ่งเหมือนเล้าไก่นี่อีก! ทุเรศสิ้นดี! ใครมาเห็นเข้าคงไม่มองฉันเป็นคนจรจัดกันหมดรึไง?“
อี้เวยวานชี้ไปที่เส้นผมและใบหน้าของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“พ่อคะ! ดูหน้าหนูสิ! ไม่เหลือความสวยเหมือนคนอื่นแล้ว! แถมต้องมานอนคุกตั้งแต่อายุยังน้อย ต่อไปนี้หนูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะยัยถังซือซือ! พ่อจะไม่จัดการอะไรเลยเหรอ?!”
สภาพของถังจิ้งชือไม่ต่างจากแม่มากนัก ทั้งใบหน้าและเผ้าผมก็พอ ๆ กัน
ขณะเดียวกันหัวของถังปู้ฝานแทบจะระเบิด หลังจากเอาใจคนนี้เสร็จแล้ว ก็ต้องรีบหันไปเอาใจอีกคน
หลังจากทำให้ทั้งสองเงียบลงได้ ถังปู้ฝานก็รู้สึกสงบและเงียบหูดี ยังไม่ทันได้ถอนหายใจ อี้เวยวานก็พูดขึ้นมาว่า
“คุณปล่อยให้อดีตภรรยาและลูกสาวของหล่อนมารังแกเราแบบนี้ได้ยังไง?”
จบประโยคนี้ สองแม่ลูกหันไปจ้องถังปู้ฝานพร้อมกัน
ถังปู้ฝานขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ตอบกลับ
เขากำลังครุ่นคิดว่า แม้จะรู้สึกคลุมเครือ แต่ก็ไม่เห็นว่าอี้เวยวานและถังจิ้งชือทำอะไรผิดในเรื่องนี้ กลับกันเขาไม่มีความรู้สึกดี ๆ ให้อดีตภรรยาและลูกสาวของเธอเลย เขาจึงลังเลอยู่ว่าควรจะปล่อยเรื่องนี้ไป หรือหาทางสั่งสอนอดีตสองแม่ลูกนั้นให้ได้รับบทเรียน ตอนนี้เขาคิดไม่ตกเลย
“สามีคะ? มองหน้าฉันสิ ไม่รู้เหรอว่าอีกไม่กี่วันจะถึงตรุษจีนแล้ว? ทำไมไม่รีบคิดหาวิธีเอาคืนยัยสองแม่ลูกนั่นซะล่ะ? พวกมันจะกลับมารังแกเราอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้?”
ถังปู้ฝานยังคงขมวดคิ้วและนิ่งเงียบ
ทันใดนั้นอี้เวยวานก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า
“ในฐานะหัวหน้าตระกูลถังแล้ว คุณไม่แคร์ครอบครัวเลยเหรอ? จะปล่อยให้คนหน้าด้านสองคนนั้นดูถูกเราเนี่ยนะ!?
คุณดูสิว่าฉันกับลูกต้องทนกับความอัปยศนี้มาหลายปี เราไว้ใจคุณ ถึงได้ยอมคุณขนาดนี้ เพื่อธุรกิจของครอบครัว คุณไม่ควรรีรอที่จะเสี่ยงนะคะ ฉันกับลูกโดนรังแก คุณไม่คิดจะ เหลียวแลเข้ามาช่วยเลยเหรอ?
ถังปู้ฝาน! คิดให้ดีนะ ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนใจดำแบบนั้น!”
ถังปู้ฝานไม่เคยยินดีอะไรกับมู่ซูเสียนและถังซือซือสักครั้งอยู่แล้ว ยิ่งพ่อแม่ของเขาเองก็ไม่สามารถขัดใจเขาได้ตั้งแต่ตกอยู่ภายใต้คำยั่วยุของอี้เวยวาน ยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอแบบนี้ เขาก็เชื่อฟังโดยไม่ลังเลและคัดค้านอะไร
อี้เวยวานตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ดี ไม่ว่าเธออยากจะทำอะไร เพียงแค่เอ่ยปากขอถังปู้ฝาน เขาก็ยินดีทำให้เธอทุกอย่าง
ไม่นาน อารมณ์ของถังปู้ฝานก็สงบลง หลังจากยั่วยุอารมณ์เขาได้สำเร็จ ความโกรธอดีตสองแม่ลูกผุดขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นแผ่นหลังเขาก็ตั้งตรง บีบแก้วน้ำในมืออย่างรุนแรง ก่อนพูดอย่างแค้นใจว่า
“ที่รัก ผมเข้าใจที่คุณพูด ดูเหมือนพวกเธอจะลืมตัวเกินไปแล้วว่าอะไรไม่ควรทำ อย่ากังวลไปเลย ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
เพื่อจัดการกับถังซือซือ วิธีที่ดีที่สุดของเขาคือต้องเอาชนะให้ได้สักครั้งหนึ่ง ถ้าไม่อย่างนั้นคงต้องพ่ายแพ้ต่อไป
มู่ซูเสียนเหรอ? เธอก็ต้องชดใช้เหมือนกัน
เมื่อได้ยินแบบนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ อี้เวยวานอีกครั้ง เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปจูบ ‘แก้ม’ ของ ถังปู้ฝานแล้วพูดว่า
“ที่รัก ฉันรู้ว่าคุณรักพวกเรามากที่สุด ไม่เสียแรงเลยที่ฉันรักคุณมากขนาดนี้”