ตอนที่ 46
" อักขระความทนทาน ที่สามารถเพิ่มความทนทานวัตถุได้ถึง 30% ? "
มอเรียสมีคลาสนักลงอักขระ และมีทักษะตรวจสอบผลของอักขระรูน จึงทำให้รู้ว่าอักขระรูนนี้ทรงพลังมากแค่ไหน
โดยปกติ เมื่อลงอักขระรูน ความทนทานลงไป จะเพิ่มความทนทานได้เพียง 5 - 15 % ขึ้นอยู่กับความสามารถในการจรดปลายพู่กันของนักลงอักขระรูน
แต่สิ่งที่เขาพึ่งสร้างขึ้น เพิ่มพลังได้เพิ่มเกือบเท่าตัว ถ้าพูดถึงในแง่ประสิทธิภาพและมูลค่า พวกมันต่างกันอย่างมหาศาล
" เป็นไปได้ยังไงกัน ? "
มอเรียสตะลึงจนสติแทบหลุดลอย พร้อมจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างเหม่อลอย ถ้ามีสิ่งใดที่ทำให้เขาเปลี่ยนท่าทีไปได้มากขนาดนี้
มีเพียงความรู้ด้านอักขระรูนในตำนาน ที่จะทำให้ตัวเขาเองพัฒนาไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วเท่านั้น
ตัวมอเรียสหยุดนิ่งอยู่ในระดับตัวเองมานานแล้ว ทั้งคลาสหลักและคลาสนักลงอักขระรูน หากได้รู้ถึงสูตรยานี้ เขาจะเติบโตและมีเงินจำนวนมากไหลมาเทมา
เพราะคลาสนักเวทย์แบบเขา แถมคลาสสายอาชีพนักลงอักขระรูน เป็นคลาสที่ใช้เงินจำนวนมหาศาล เรียกได้ว่าจะทำสิ่งใดแต่ละที มีแต่ต้องใช้เงิน ซื้อๆๆๆ
ทางด้านอเล็กซ์ เขาก็นำปลอกแขนมาสวมใส่ และอักขระรูนก็ทำงานทำให้ความทนทานซึบซับเข้าสู่ผิวหนังอเล็กซ์เพิ่มความทนทานเล็กน้อยให้ด้วยซ้ำ
แถมการที่มันสร้างจากโลหะระดับสูง มันจึงมีความทนทานที่สูงกว่าเกราะแขนครั้งก่อนมาก
อเล็กซ์วางเงินที่เป็นค่าจ้าง เสร็จแล้วเขาก็เดินออกจากสมาคมไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
มอเรียสได้สติ แต่ตัวเขาก็เห็นอเล็กซ์จากไปแล้ว ตัวเขาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงจะทำการสั่งลูกน้องให้ไปซื้อโลหะแบบเดียวกับอเล็กซ์มา
เสร็จแล้ว เขาก็ทำการลงอักขระรูน แพะ , ภูเขา , ท้องฟ้า , ดิน
แต่เมื่อลงอักขระรูนเสร็จ กับไร้ซึ่งปฏิกิริยาอย่างสิ้นเชิง
" หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับน้ำยาที่เด็กนั่นให้มา "
มอเรียสเริ่มนั่งไม่ติด แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า เจ้าเด็กนั่นเป็นใครอยู่ที่ไหน ? นามบัตรก็ไม่มี
' จริงสิ เราก็ไปดูประวัติติดต่อสิ '
….
' ธุรกิจลงอักขระระดับสูง ก็ถือว่าเป็นเส้นทางทำเงินที่ดี '
ซึ่งอเล็กซ์ก็รู้สูตรอักขระรูนอีกหลายอย่าง และพวกมันมีค่ากับนักลงอักขระมาก
แต่เขาก็ไม่อยากเสนอตัว รอให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาขอร้องดีกว่า ซึ่งเป็นหลักการสร้างความได้เปรียบอย่างหนึ่ง
เพราะนอกจากสูตรอักขระรูนแล้ว ก็ต้องมีสูตรน้ำยาสำหรับลงอักขระรูนด้วย อเล็กซ์ที่ผูกขาดสูตรน้ำยา เขาก็จะมีสิทธิ์ต่อรองที่สูงมากๆ
แม้อีกฝ่ายจะไปตามสืบถึงสมาคมนักปรุงยา อเล็กซ์ก็แก้เกมส์ไว้แล้ว ด้วยการเก็บส่วนผสมสุดท้ายเอาไว้เป็นความลับ
อเล็กซ์เดินทางไปที่ ร้านอาหารของเขา แต่อเล็กซ์เพียงเข้าไปตรวจสอบเท่านั้น
แถมพนักงานส่วนใหญ่ ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอเล็กซ์เป็นเจ้าของที่แท้จริง พวกเขารู้จักเพียงเมสัน ที่เป็นผู้จัดการเท่านั้น
พนักงานส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่เดือดร้อนจากพวกกองกำลังใต้ดิน และถูกเมสันตรวจสอบและวิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว
ทางด้านธุรกิจร้านอาหารปลาดิบและข้าวปั้นของอเล็กซ์ ถือว่ากำลังไปได้สวย
ด้วยปลาคุณภาพสูง แถมการกินที่แปลกใหม่ ทำให้มีลูกค้ามาสนใจและเข้ากินทุกวัน
แถมอเล็กซ์ยังให้วิศวกรมาออกแบบ สร้างเป็นระบบสายพานส่งอาหาร
ความแปลกใหม่ทั้งหมด ทำให้มีลูกค้าเป็นจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาลองและติดใจ
แม้จะมีพวกร้านอาหารอื่นพยายามลอกเลียนแบบ แต่พวกเขาหาปลาระดับสูงมามากมายแบบอเล็กซ์ไม่ได้แน่ๆ เขาจึงค่อนข้างได้เปรียบในธุรกิจนี้
ในตอนนั้นเอง เมสันที่ปลอมตัวเป็นชายวัยกลางคน ก็เดินเข้ามาหาอเล็กซ์ พร้อมรายงานสถานการณ์ร้านให้ฟัง
ซึ่งอเล็กซ์ไม่ได้เล่าเรื่องที่เขาถูกโจมตีเมื่อไม่กี่วันก่อน ให้กับเมสันฟัง
เพราะเขาก็ไม่ได้ต้องการขอความช่วยเหลืออยู่แล้ว นอกจากมันจะเป็นเรื่องใหญ่และจำเป็นจริงๆ
พวกกองกำลังใต้ดินพวกนั้นในสายตาอเล็กซ์ มันเป็นเพียงหินรองเท้า ที่จะให้เขาค่อยๆเติบโตผ่านพวกมันไปก็เท่านั้น
ทางด้านเจ้ากระทิงที่เขาสัญญาเอาไว้ เขาก็ไม่ลืมและจะจัดการพวกมันแน่ เมื่อพลังของเขาถึงขั้นที่มากพอแล้ว
" แล้วคลาส นักวิ่งของเจ้าพัฒนาไปถึงไหนแล้ว "
" กำลังไปได้สวย ข้าฝึกอย่างหนักทุกวัน ในเวลานี้ข้ามีความเร็วสูงขึ้นมากทุกวัน "
เมสันลองโชว์การเคลื่อนไหวไปรอบๆ ซึ่งเกิดเป็นความเร็วที่เหนือพวกคลาสขั้นหนึ่งของคลาสอื่นๆไปมาก
เพราะคลาสนักวิ่ง มอบค่าสถานะเยอะเพียง ความว่องไวที่มากที่สุด
แถมน่าจะยังมีทักษะที่เร่งความเร็วในระยะสั้นๆได้อีก หากฝึกต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ
การเอาตัวรอดจากพวกนักฆ่าขั้นหนึ่งก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องยากเลย
" อืม ไม่เลว ในอนาคตเจ้าจะต้องคอยจัดการหลายอย่าง จริงสิ เดี๋ยวเราจะต้องซื้อพวกโลหะหลายอย่าง เพื่อนำมาลงอักขระรูน เราจะต้องรับสมัครคนที่มาคุ้มกันเรื่องธุรกิจต่างๆในอนาคตด้วย "
อเล็กซ์พูดคุยถึงเรื่องแผนการในอนาคต ซึ่งอเล็กซ์ก็ไม่ได้มีเวลามาคอยจัดการปัญหาเล็กน้อยตลอดเวลา เขาจึงอยากจะใช้เงินฝึกฝนกองกำลังของตัวเองขึ้นมา
และพวกอุปกรณ์ที่ลงอักขระรูนโหดๆ ก็จะสามารถทำให้พวกเขามีประสิทธิภาพมากกว่าโดยทั่วไปได้ ไม่ใช่เพียงแค่พวกกระจอกๆ อเล็กซ์จะสนับสนุนพวกเขาด้วยความรู้ต่างๆและเงินที่มี
หลังจากพูดคุยอีกเล็กน้อย อเล็กซ์จึงปล่อยให้อีกฝ่ายดูแลจัดการร้านอาหารและเรื่องต่างๆ
ทางด้านอเล็กซ์เขาก็เตรียมตัวไปฝึกอย่างหนักต่อ
' ในเวลานี้ เรายังมีจุดอ่อนในเรื่องทางกายภาพ แต่ถ้าเราอัพคลาสนินชูอีกหนึ่งเลเวล เราจะได้รับความสามารถนั้นมา และจะแก้ไขเรื่องประสิทธิภาพพลังทางกายภาพของเราซะที '
ด้วยการต่อสู้เมื่อวันก่อน ทำให้ได้รับค่าประสบการณ์มาเยอะเช่นกัน จนในเวลานี้เขาอยุ่ห่างไม่ไกลจากการอัพเลเวลคลาสแล้ว
…..
ผ่านไป 3 วัน
ในเวลานี้อเล็กซ์กำลังนั่งอยู่นั่งห้องพักตัวเอง โดยที่ฝ่ายตรงข้ามมีชายชราแต่งตัวภูมิฐาน
ชายชราคนนี้ก็คือ มอเรียส หรือนักลงอักขระรูนของสมาคมนักลกอักขระ
อีกฝ่ายมาขอร้องซื้อสูตรน้ำยาอเล็กซ์ด้วยเงิน 1000 เหรียญทอง
แต่อเล็กซ์ไม่ได้มองไปที่เงินจำนวนนั้น เขาเพียงแค่ตกลงกันด้วยพันธสัญญาแบบเท่าเทียม
ซึ่งต่างจากพันธสัญญาว่าจ้าง ที่นายจ้างจะอยู่เหนือกว่าในแง่ของความสัมพันธ์
พันธสัญญาระบุเอาไว้ว่า อเล็กซ์จะทำการขายน้ำยาลงอักขระรูนให้ ส่วนอีกฝ่ายก็ทำแค่ใช้มันเพื่อไปสิ่งใดก็แล้วแต่ และมีอีกข้อคือ อีกฝ่ายจะต้องลงอักขระให้กับอเล็กซ์เป็นจำนวนมาก่อน
ซึ่งในพันธสัญญาก็ระบุเอาไว้ว่า พวกเขาห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครทราบ
มอเรียสไม่มีทางเลือก สูตรอักขระรูนนี้ก็ได้มาจากอีกฝ่าย แถมอเล็กซ์บอกว่าในอนาคตจะบอกสูตรอื่นให้อีก
เขาจึงตกลงในพันธสัญญานี้ เป็นเหมือนการตกลงธุรกิจกัน
ซึ่งพวกเขามีแต่ได้กันทั้งคู่ การต่อรองจึงจบอย่างง่ายดาย
" ขอบคุณเจ้ามาก ด้วยยาตัวนี้ ข้าจะพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว รวมถึงคลาสสายหลักด้วย "
มอเรียสกล่าวอย่างอารมณณ์ดี ในเมื่อพันธสัญญาผูกมัดพวกเขาไว้ด้วยกันแล้ว
ความเชื่อใจก็สามารถมีได้ในระดับหนึ่ง พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
อเล็กซ์ก็ได้รับเงินจากการขายยาลงอักขระรูนนี้ ขวดละ 50 เหรียญทอง
โดยที่หักค่าวัตถุดิบและค่าบริการจากสมาคมนักปรุงยาแล้ว
แม้มันจะเป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่ก็สามารถนำมาสะสมเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง
แถมเมื่ออิทธิพลของชายชราคนตรงหน้าสูงขึ้น เขาในฐานะผู้ครอบครองสูตรยา ก็จะมีส่วนในอิทธิพลนี้ไปด้วย
พวกเขาตกลงพูดคุยกันอีกเล็กน้อย เสร็จแล้วมอเรียสก็ออกไปอย่างตื่นเต้น เตรียมประกาศว่าตนเป็นผู้คิดค้นสูตรลงอักขระรูปแบบใหม่ เพื่อยกระดับตัวเองในสมาคมนักลงอักขระรูน
ซึ่งสิ่งนี้ก็อยู่ในข้อตกลง และอเล็กซ์ก็ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้
' นี้ก็ได้เวลาแล้ว '
อเล็กซ์ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากโรงแรมที่ตนพักอาศัย
ในช่วงวันที่ผ่านมา อเล็กซ์ได้พัฒนาคลาสนินชูมาอีกหนึ่งเลเวลแล้ว
ทำให้ในเวลานี้ เขาเพิ่มความสามารถบางอย่างขึ้นมามาก
ทำให้อเล็กซ์แวะเวียนไปสนามประลองต่อสู้ เพื่อฝึกฝนตัวเองและได้ใช้ความสามารถใหม่ให้ชำนาญขึ้น
อเล็กซ์เดินทางมายังเขตการค้าที่รุ่งเรือง ซึ่งสนามประลองในครั้งนี้ไม่ใช่สนามประลองธรรมดา
ซึ่งมันคือสนามประลองต่อสู้มือเปล่าที่ใหญ่ที่สุดภายในเมือง
มีนักสู้และผู้ใช้ทักษะต่อสู้มือเปล่าหลายชนิด รวมถึงพวกมีสำนักวิชามาประจำการอยู่ที่นี้มากมาย
แถมยังมีอาจารย์ที่คอยมองหาลูกศิษย์ เพื่อสั่งสอนอบรม และเก็บค่าวิชาเป็นธุรกิจประจำถิ่น
อเล็กซ์เดินเข้าไปที่ด้านหลังสนามประลอง และติดต่อผู้จัดการแข่งขันทันที
" โอ้ เจ้ามาแล้ว การต่อสู้ของเจ้ากำลังจะเริ่มพอดี "
ผู้จัดการเห็นอเล็กซ์ เขาก็รีบวิ่งเข้ามาทักทาย
อเล็กซ์เป็นเหมือนดวงดาวเจิดจรัส เขาอายุยังน้อย แต่มีฝีมือที่อยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดา
ก่อนหน้าอเล็กซ์มาขึ้นชกหลายครั้ง แม้เขาจะมีพ่ายแพ้บ้าง แต่ทุกการต่อสู้ล้วนเต็มไปด้วยความดุเดือดเลือดพล่าน ถูกใจคนดูมากๆ
ในเวลานี้อเล็กซ์จึงเป็นเหมือนแขกคนสำคัญของสนามประลองแห่งนี้
เวลาผ่านไป อเล็กซ์ถอดเสื้อผ้าและเกราะแขนออก เพราะบนสนามประลองแห่งนี้ไม่อนุญาติให้สวมใส่อุปกรณ์ขึ้นไป
อเล็กซ์ขึ้นมาบนเวที พร้อมเผชิญหน้ากับคู่ชกในวันนี้
อีกฝ่ายมีรูปร่างผอมบาง ตาโปน จมูกโด่ง หน้าตาดูไร้อารมณ์ แต่ก็แฝงไปด้วยความเฉียบคมที่แผ่ออกมา
' อีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์นักสู้ประมาณกลางๆ แข็งแกร่งกว่าเจ้าหัวโล้นเมื่อตอนนั้นอยู่ขั้นหนึ่ง '
ขึ้นชื่อว่าเป็นสนามประลองมือเปล่าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง แน่นอนว่าจะต้องเต็มไปด้วยปรมาจารย์นักสู้มากมาย
ที่นี้เต็มไปด้วย ยอดฝีมือ พวกอ่อนแอจะไม่สามารถปรากฏตัวบนเวทีนี้ได้ เพราะทุกคนล้วนผ่านการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี
" วู้ๆๆๆ ไอเด็กนั่นมาอีกแล้ว มันจะมาโชว์ความอึดอีกแล้วหรอวะ "
" บัดซบ อยากรู้จริงๆว่ามันจะทนได้ซักแค่ไหน ในแง่ของความเร็วและพลังโจมตี อามันเรียกได้ว่าอยู่ในระดับต้นๆของสนามประลองเลยนะ "
" งั้นพวกเราก็มาเดิมพันตรงข้ามเจ้าเด็กนี้กันเถอะ "
แม้อเล็กซ์จะต่อสู้มาหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยแสดงฝีมือแบบเต็มขั้นออกมา
เขาจะปล่อยให้การต่อสู้สูสีหรือถูกอัดจนน่วม ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่อยากโดดเด่นเกินไป อีกส่วนก็เพื่อพัฒนาด้านความทนทานของตัวเอง ทั้งความสามารถหัวเหล็ก และความสามารถต้านทานอื่นๆ
" การต่อสู้ เริ่มได้ "
เมื่อกรรมการเห็นทั้งสองฝั่งพร้อม เขาก็ประกาศเริ่มการแข่งขัน
อามันก็พุ่งไปด้านหน้า พร้อมส่งลูกเตะเล็งไปที่หัวของอเล็กซ์อย่างรวดเร็ว
แข้งที่บาง แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยความแข็งและแหลมคน หากโดนเข้าไปหนึ่งทีก็บาดเจ็บหนักได้เลย
ทางด้านอเล็กซ์เขาก็ใช้ทักษะ ควบคุมจักระ ส่งพลังไปที่กล้ามเนื้อตั้งแต่ช่วงสะโพกลงไป
เขาพึ่งได้รับความสามารถมาใหม่ หลังจากที่อัพคลาส นินชูมาถึงเลเวล 8
ซึ่งมันถือเป็นความสามารถที่จะมาตอบโจทย์ ความด้อยด้านพลังทางกายภาพของอเล็กซ์พอดี
ความสามารถ : ร่างกายจักระ
คำอธิบาย : สามารถส่งผ่านจักระเข้าสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อเพิ่มพลังทางกายภาพ
ซึ่งความสามารถของมันค่อนข้างต่างจาก คลาส นักพรตหรือผู้ใช้พลังปราณเล็กน้อย
พลังปราณเป็นการรวมตัวกันของ พลังชีวิตและพลังกาย ไม่มีพลังมานาเข้ามาเกี่ยวข้อง
ทำให้มันเหมือนกับ การที่สามารถต่อยการต่อสู้ธรรมดาที่ไม่ใช้ ทักษะ หมัดของเขาก็จะรุนแรงทุกครั้ง
ต่างหากการใช้จักระ มันเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ ที่มีขีดจำกัดความเร็ว
แต่เมื่อใส่ไนโตรเข้าไป มันก็จะเป็นการทำลายขีดจำกัดเดิม แต่มันก็จะมีข้อเสีย คืออาจจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
อเล็กซ์ที่ใช้ทักษะนี้ก็เช่นกัน เขาจึงต้องใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุด
อเล็กซ์ส่งผ่านพลังจักระลงเข้าสู่กล้ามเนื้อช่วงล่าง เสร็จแล้วเขาก็เริ่มใช้ฟุตเวิร์คอย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วพริบตา อเล็กซ์ก็บิดข้อเท้าและสะโพก ขยับตัวมาโผล่อีกมุมหนึ่งของสนามประลองและหลบแข้งที่หนักหน่วงไปได้
อามันเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ลนลาน แต่เริ่มตั้งท่าจู่โจมแบบเต็มรูปแบบ
รูปแบบการโจมตีของอามัน เป็นการใช้เท้า ซึ่งเขามีคลาสต่อจากคลาสปรมาจารย์นักสู้ เป็นคลาสที่เกี่ยวกับการใช้เท้า
ทำให้นอกจากเพิ่มพลังจากความสามารถของคลาส ปรมาจารย์นักสู้ เขาก็มีความสามารถ เกี่ยวกับการใช้เท้ารุนแรงมาก
อามันพุ่งไปด้านหน้าและใช้เท้าฟาดออกไปเป็นชุด
ซึ่งอเล็กซ์ก็สามารถใช้สเต็ปเท้า และท่อนแขนปัดการโจมตีไปได้
อเล็กซ์มีค่าความทนทานราวกับคลาสสายแทงค์ ทำให้แม้ไม่ได้เสริมความสามารถช่วงบน ก็สามารถรับการโจมตีได้
อเล็กซ์เน้นไปที่ใช้ฟุตเวิร์คเพื่อส่งแรงไปที่ด้านบน ทำให้ใช้พลังงานน้อยกว่าปกติ แต่ก็ต้องแลกกับการใช้สมาธิที่มากขึ้น
ภายนอก ดูเหมือนอามันกำลังกดดันอเล็กซ์ แต่ความจริง เขาได้ใช้ทักษะด้วยเท้าออกไปหลายอย่าง
ทั้ง ม้วนตัวเตะ ม้วนตัวถีบ กระโดดถีบ เตะตัดล่าง เท้ากระแทก ม้วนตัวสองครั้งเตะ
แต่อเล็กซ์ก็ใช้ท่อนแขนเข้ามากันไว้ได้ทั้งหมด
เรียกได้ว่าอเล็กซ์ใช้กลยุทธ์ที่ตัวเองถนัดที่สุด นั้นก็คือเต่าในกระดอง
ตราบใดที่เขาสามารถป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมด โอกาสที่เขาจะพ่ายแพ้ก็จะน้อยลง
อามันเริ่มเหนื่อยล้า แต่เขามีความสามารถ ที่สั่งสมมาจากการต่อสู้บนเวทีอย่างยาวนาน
ทำให้เขามีความสามารถ เลือดนักสู้ ทำให้พลังมานาไปกระตุ้นพลังของร่างกายให้กลับมาคงสภาพ แม้จะเหนื่อยล้าก็ตาม
มันคล้ายการกระตุ้น อะดรีนาลีน แต่บนโลกนี้ก็มีทักษะและความสามารถ ที่แตกต่างกันมากมาย บางอย่างก็อาจจะคล้ายกัน แต่ต่างกันวิธีที่ได้รับมา
นั่นทำให้อามันสามารถออกแรงเตะใส่อเล็กซ์ได้รุนแรงขึ้น
แม้เขาจะทำร้ายอเล็กซ์ถึงขั้นสาหัสในทันทีไม่ได้ แต่ก็อยากที่จะโจมตีใส่การ์ดอีกฝ่าย อย่างน้อยมันก็ต้องมีขีดจำกัดบ้าง ที่อีกฝ่านจะบาดเจ็บบ้าง