ตอนที่ 275 โจทย์ที่ซับซ้อน
ตอนที่ 275 โจทย์ที่ซับซ้อน
นิทานของเซี่ยเฟยไม่เพียงแต่จะสามารถดึงดูดแอวริล, คอนสแตนตินและอันธได้เท่านั้น แม้แต่ผางชิงที่มีท่าทางอันจริงจังก็ยังให้ความสนใจกับนิทานเรื่องนี้
ท้ายที่สุดมนุษย์ส่วนใหญ่ก็ชอบตอนจบแบบมีความสุข ดังนั้นการจบแบบหักมุมจึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะยอมรับได้
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มเล่าต่อไปว่า
“หญิงสาวรีบวิ่งลงไปที่ชั้นล่างเพื่อเปิดจดหมายที่ชายคนนั้นทิ้งไว้ออกมาดู ก่อนที่เธอจะได้เห็นข้อความที่ชายหนุ่มได้ทิ้งเอาไว้”
“‘ผมได้แสดงความรักต่อคุณอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ผมต้องขอปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองไว้’”
“ผู้หญิงคนนี้ซื่อบื้อจริง ๆ ทำไมเธอต้องปล่อยให้เขารอที่ชั้นล่างตั้ง 100 วัน ในเมื่อผู้ชายจากไปแล้วมันก็เหมือนกับเธอได้สูญเสียคนที่รักไปด้วยเหมือนกันน่ะสิ” แอวริลกล่าวพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
ในเวลาเดียวกันคอนสแตนตินก็ตัวสั่นราวกับโดนไฟฟ้าดูด เขาจึงใช้นิ้วดันแว่นตาและกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางอันจริงจังว่า
“ฉันเข้าใจแล้ว คุณกำลังจะบอกว่าไม่ว่าผู้ชายจะชอบผู้หญิงมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ควรที่จะต้องละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง”
“ผู้หญิงจะรักผู้ชายที่ไม่รักตัวเองได้สักแค่ไหนกันล่ะ” เซี่ยเฟยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ฉันจะจดจำเรื่องนี้เอาไว้ แต่อย่าคิดว่าในช่วงบ่ายฉันจะออมมือให้ล่ะ” คอนสแตนตินกล่าวขึ้นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะหลังจากที่เขาแอบจดจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจ
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างเฉยเมยพร้อม ๆ กับคอนสแตนตินที่หันหลังเดินออกไป
“ฉันไม่ยอมให้นายทิ้งฉันไปหรอกนะ!” แอวริลกล่าวพร้อมกับจับมือเซี่ยเฟยเอาไว้แน่น
“เธอก็ไม่ได้ปล่อยให้ฉันรอตั้ง 100 วันนี่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
—
การแข่งขันในช่วงบ่ายเป็นการซ่อมและดัดแปลงโดรนซึ่งเป็นเรื่องที่เซี่ยเฟยถนัด
เมื่อผู้เข้าแข่งขันเดินเข้าสู่สนามมันก็มีกล้องขนาดใหญ่ตามบันทึกการเคลื่อนไหวของพวกเขาเอาไว้ เพื่อให้ผู้ชมสามารถติดตามการแข่งขันของทุกคนได้ตามที่พวกเขาต้องการ
เซี่ยเฟยได้พบว่าโจทย์การแข่งขันของเขาได้รอบนี้คือการซ่อมโดรนต่อสู้เบาจากชิ้นส่วนและเครื่องมือที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยผู้เข้าแข่งขันที่สามารถซ่อมโดรนได้เร็วที่สุดจะเป็นผู้ชนะ และถ้าหากใครสามารถซ่อมโดรนได้อย่างสมบูรณ์แบบ หรือสามารถปรับปรุงโดรนให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น พวกเขาก็จะได้รับคะแนนพิเศษนอกเหนือจากคะแนนตามปกติ
บนพื้นมีเส้นสีแดงถูกขีดเอาไว้เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันไม่สามารถเข้าใกล้โดรนก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้นได้
เซี่ยเฟยนั่งรอบนเก้าอี้ที่ทางทีมงานได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ ขณะที่ใช้เนตรมนตราสังเกตไปยังกล่องใส่โดรนที่อยู่บนโต๊ะอย่างระมัดระวัง
จากการตรวจสอบด้วยสายตาเขาได้พบว่าโดรนลำนี้ได้รับความเสียหายอย่างน้อย 4 ตำแหน่ง โดยหนึ่งในตำแหน่งสำคัญที่เขาเห็นได้ชัดคือมันไม่มีเครื่องสื่อสารบนระบบควบคุมของตัวโดรน
โดรนต่อสู้จำเป็นจะต้องมีการเชื่อมสัญญาณกับยานรบเพื่อให้มันสามารถเคลื่อนไหวได้ตามคำสั่ง การที่โดรนลำนี้ไม่มีเครื่องสื่อสารติดตั้งเอาไว้ มันก็ไม่เพียงแต่จะทำให้โดรนถูกทำลายอย่างง่ายดายเท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบกับการควบคุมสถานการณ์โดยรวมอีกด้วย
ปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกของโดรนได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน ทำให้พวกมันไม่สามารถหมุนรอบครบ 360 องศาได้ โดยปัญหานี้ก็จะทำให้โดรนสามารถจู่โจมได้เพียงแค่ไม่กี่มุม ซึ่งมันก็จะลดประสิทธิภาพในการจู่โจมไปมากพอสมควร
เพียงแค่มองจากภายนอกก็มีปัญหาให้เขาต้องจัดการอย่างมากมาย ซึ่งถ้าหากว่าเขาแกะเกราะนอกของโดรนออก มันก็คงจะมีปัญหาด้านในอีกหลายแห่ง
“ดูเหมือนว่าการแข่งขันในรอบบ่ายจะไม่ใช่การแข่งขันง่าย ๆ สินะ”
เซี่ยเฟยพยายามคิดคำนวณการซ่อมโดรนตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ และในฐานะที่เขาเป็นผู้มีพลังพิเศษสายความเร็ว มันจึงทำให้เขาสามารถลงมือได้รวดเร็วกว่าคนทั่วไปมาก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาได้ทำการคำนวณ มันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลามากกว่า 17 นาทีในการซ่อมแซมความเสียหายภายนอก และเมื่อพิจารณาจากความเสียหายภายในที่เขายังมองไม่เห็น มันก็ทำให้เขาประเมินว่าการแข่งขันในครั้งนี้เขาควรจะต้องใช้เวลาซ่อมโดรนไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง
ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมการแข่งขันซ่อมโดรนขนาดเล็กถึงต้องซับซ้อนขนาดนี้
ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยได้หันศีรษะมองไปยังโดรนบนโต๊ะของผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก่อนที่เขาจะได้พบว่าโดรนเหล่านั้นก็ได้รับความเสียหายไม่ต่างไปจากโดรนของเขาเอง
ผู้เข้าแข่งขันบางคนที่สายตาดีก็กำลังถอนหายใจออกมาเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขาทั้งหมดต่างก็รู้สึกตกตะลึงกับความยากในการแข่งขันของรอบนี้
คอนสแตนตินที่อยู่ห่างออกไปพยักหน้าให้กับเซี่ยเฟย พร้อมกับชูกำปั้นของเขาขึ้นมาเป็นท่าทางว่าเขาจะต้องได้รับชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้อย่างแน่นอน
แอวริลตะโกนเชียร์เซี่ยเฟยจากอัฒจันทร์จนหน้าแดงก่ำ โดยเธอไม่สนใจสายตานับไม่ถ้วนที่กำลังจับจ้องมองมาที่เธอเลย เพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นเรื่องปกติที่สาวสวยอย่างเธอจะดึงดูดสายตาของผู้คน และการกระทำที่ไม่ปกติของเธอก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เช่นกัน
เซี่ยเฟยโบกมือให้หญิงสาวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะกลับไปนั่งคิดวิธีแก้ปัญหาอย่างรอบคอบ ซึ่งในระหว่างที่เขาใช้สมาธิเสียงรอบ ๆ ตัวของเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป ราวกับว่าในสนามแข่งนี้เหลือตัวของเขาอยู่เพียงแค่คนเดียว
“หนูชอบตอนที่เซี่ยเฟยจริงจังที่สุดเลย พี่ชิงคิดว่าตอนที่เขาจริงจังเขาดูดีมากกว่าปกติไหมคะ?” แอวริลหันไปถามผางชิงอย่างตื่นเต้น
พ่อบ้านหนุ่มพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่สายตาของเขายังคงตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ในที่สุดมันก็มีเสียงนับถอยหลังก่อนที่เส้นสีแดงบนพื้นจะหายไป เป็นสัญญาณว่าการแข่งขันในรอบบ่ายได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ และเซี่ยเฟยก็ได้พบว่าโดรนตรงหน้าคือโดรนต่อสู้ขนาด 5 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในโดรนต่อสู้ที่มีขนาดเล็กที่สุด
ถึงแม้โดรนรุ่นนี้จะมีขนาดเล็กกะทัดรัดแต่มันก็มีความคล่องตัวที่ไม่ธรรมดา และมีอำนาจการโจมตีที่น่ากลัวจนทำให้มันเป็นโดรนต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าโดรนต่อสู้ขนาดใหญ่หลาย ๆ รุ่น
เซี่ยเฟยเริ่มทำการแยกชิ้นส่วนโดรนออกเป็นส่วน ๆ ก่อนที่เขาจะได้พบว่าความเสียหายของโดรนลำนี้มากกว่าที่เขาได้ประเมินเอาไว้ จนเกือบจะเรียกได้ว่ามันไม่มีชิ้นส่วนไหนที่ไม่ได้รับความเสียหายเลยด้วยซ้ำ
หลังจากแยกโดรนออกเป็นส่วน ๆ ชายหนุ่มก็จุดบุหรี่พร้อมกับใช้ความคิดโดยยังไม่รีบร้อนที่จะทำการซ่อมแซมชิ้นส่วนโดรนตรงหน้า
ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถซ่อมแซมโดรนที่เสียหายตรงหน้านี้ได้ เพียงแต่อะไหล่ที่ทางการแข่งขันได้จัดเตรียมเอาไว้ให้มีไม่เพียงพอ มันจึงไม่มีทางที่เขาจะซ่อมโดรนลำนี้ให้กลับมาอย่างสมบูรณ์ได้เลย
ผู้เข้าแข่งขันรอบข้างพยายามซ่อมแซมโดรนของตัวเองโดยเร็วที่สุด ในขณะที่มีเหงื่อผุดออกมาทั่วทั้งใบหน้า ซึ่งทั้งสนามแข่งขันแห่งนี้ก็มีคนอยู่เพียงแค่ 2 คนที่ไม่ยอมเคลื่อนไหว โดยหนึ่งในนั้นคือเซี่ยเฟยและอีกคนคือคอนสแตนติน
ขณะเดียวกันหลี่โม่ผู้ซึ่งคิดจะแข่งขันกับเซี่ยเฟยอย่างจริงจังก็กำลังพยายามซ่อมแซมโดรนตรงหน้าเช่นเดียวกัน แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับเต็มไปด้วยความลังเล
เหตุการณ์นี้ทำให้แอวริลที่ยืนชมอยู่บนอัฒจันทร์รู้สึกกระวนกระวาย เพราะผู้เข้าแข่งขันบางคนได้ทำการประกอบโดรนไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว แต่เซี่ยเฟยยังไม่ยอมทำการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมเซี่ยเฟยถึงยืนนิ่งแบบนั้นล่ะ? หรือว่าเขาไม่สามารถซ่อมโดรนรุ่นนี้ได้” แอวริลลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับกำมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันอย่างประหม่า
“พี่ชิงทำไมเซี่ยเฟยถึงยังยืนนิ่งแบบนั้นล่ะ?” แอวริลหันไปพูดกับผางชิงที่น่าจะเข้าใจสถานการณ์มากกว่าเธอ
“คุณหนูต้องเชื่อใจเขานะครับ เท่าที่ผมรู้เซี่ยเฟยมีทักษะช่างกลในระดับที่สูงมาก ตอนนี้เขาจะต้องเห็นปัญหาบางอย่างและยังไม่สามารถหาวิธีแก้ไขได้ ช่างกลที่ยอดเยี่ยมจะไม่ลงมือทำอะไรอย่างวู่วาม แต่พวกเขาจะวางแผนการทุกขั้นตอนภายในใจ บางทีเขาอาจจะกำลังคิดแผนการอยู่ภายในหัวและจะเริ่มทำการเคลื่อนไหวหลังจากที่เขาได้วางแผนทุกอย่างจนเสร็จ” ผางชิงกล่าว
การหยุดนิ่งของเซี่ยเฟยไม่เพียงแต่จะทำให้แอวริลรู้สึกสับสน เพราะผู้ชมเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนก็กำลังรู้สึกสับสนเช่นเดียวกัน
การแข่งขันในก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยกับหลี่โม่คือผู้เข้าแข่งขันที่สามารถทำผลงานได้โดดเด่นที่สุด ขณะที่คอนสแตนตินซึ่งเป็นผู้ชนะในการแข่งขันรอบที่แล้วก็เป็นหนึ่งในคนที่น่าจับตามองเช่นเดียวกัน แต่ในตอนนี้เซี่ยเฟยกับคอนสแตนตินกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง ขณะที่หลี่โม่ก็ทำการประกอบโดรนด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ
เซี่ยเฟยรู้ดีว่าผู้จัดงานย่อมรู้อยู่แล้วว่าอะไหล่ในกล่องที่พวกเขาให้มาไม่เพียงพอที่จะซ่อมโดรนตรงหน้า ดังนั้นนี่จะต้องเป็นบททดสอบที่ผู้จัดแอบทดสอบผู้เข้าแข่งขันอย่างแน่นอน
การแข่งขันเรื่องความเร็วที่พวกเขาได้ประกาศเอาไว้เป็นเพียงแค่กลลวง เพราะมันไม่มีใครสามารถแก้ปัญหาที่ซ่อนอยู่นี้ด้วยความเร็วได้อยู่แล้ว
“หรือว่า…” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองพร้อมกับหยิบชิ้นส่วนโดรนขึ้นมาเล่นภายในมือ
—
ณ ดาวโลก
พอตเตอร์กำลังเปิดดูการแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์ และในฐานะที่เขาเคยเป็นแชมป์รายการนี้ถึงสามสมัย มันจึงทำให้เขามีความเข้าใจโจทย์ในการแข่งขันอย่างลึกซึ้ง
ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาถึงแม้ว่าเขาจะยุ่งกับงานมากแค่ไหน แต่เขาก็จะหาเวลาเข้ามารับชมการแข่งขันอยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้นในปีนี้เซี่ยเฟยยังเข้าร่วมการแข่งขันด้วย พอตเตอร์จึงยิ่งให้ความสนใจการแข่งขันมากขึ้นกว่าเดิม
โบเดนก็กำลังรับชมการแข่งขันอย่างตื่นเต้นเช่นเดียวกัน ซึ่งตั้งแต่ที่เขาได้กลับมาเจอพอตเตอร์อีกครั้งเขาก็ตัวติดกับอาจารย์คนนี้ไม่ยอมเว้นห่างเลย ในความเป็นจริงเขาใช้เวลาร่วมกับพอตเตอร์มากกว่าใช้เวลาร่วมกับภรรยาของเขาด้วยซ้ำ
“หือ? ทำไมเซี่ยเฟยยืนนิ่งแบบนั้นล่ะ?” โบเดนอุทานออกมาด้วยความสงสัย
เหตุการณ์นี้ทำให้พอตเตอร์สับสนเช่นเดียวกัน เขาจึงทำการปรับมุมมองภาพหน้าจอไปยังโดรนที่ได้รับความเสียหายและกล่องอะไหล่ที่อยู่บนโต๊ะ
การรับชมมุมมองสามมิติแบบนี้จำเป็นจะต้องใช้เงินซื้อบริการเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องมาจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างเซี่ยเฟยกับแอวริล มันจึงทำให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในบริษัทสามารถใช้ทุกฟังก์ชั่นของสตาร์เน็ตเวิร์กได้ฟรี ๆ
พอตเตอร์จ้องไปที่หน้าจออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน
“ดูเหมือนไอ้แก่พวกนั้นจะเล่นอะไรแผลง ๆ อีกแล้วสินะ เรามารอดูกันดีกว่าว่าเซี่ยเฟยจะเปลี่ยนมุมมองของเขาได้หรือเปล่า และตราบใดก็ตามที่เขาไม่ดื้อรั้นมากเกินไป เขาย่อมมองเห็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของการแข่งขันในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน”
“ไอ้แก่? การแข่งขันรอบนี้เป็นการแข่งขันเรื่องความเร็วไม่ใช่เหรอครับ?” โบเดนอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัยหลังจากที่ได้เห็นอาจารย์ของเขาพูดอะไรบางอย่างแปลก ๆ ขึ้นมา
“ในสมาคมเป็นที่รวมตัวกันของช่างกลแก่ ๆ ที่ต่างก็ล้วนแล้วแต่เก่งกาจในสาขาของตัวเอง พอดีว่าไอ้แก่บางคนชอบเล่นตลกเพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันรู้สึกปวดหัว ส่วนจุดประสงค์ที่แท้จริงของการแข่งขันรอบนี้คืออะไรนายก็รอดูเองเถอะ”
“เซี่ยเฟยคงจะเห็นแล้วว่าจุดประสงค์ในการแข่งขันครั้งนี้มันแปลก ๆ เขาจึงยืนนิ่งไม่ยอมเคลื่อนไหว และถึงแม้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ จะเริ่มเคลื่อนไหวไปก่อนแล้ว แต่คนพวกนี้ก็ไม่มีทางได้คะแนนดี ๆ เพราะพวกเขารู้แต่เรื่องการซ่อม แต่ลืมเรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับการตัดสินปัญหาที่ช่างกลควรจะมีไป” พอตเตอร์กล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หน้าจอ
ใบหน้าของโบเดนเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องมาจากความอับอาย เพราะถึงแม้ว่าพอตเตอร์จะพูดถึงช่างกลที่อยู่ในการแข่งขัน แต่มันก็ไม่ต่างไปจากการตำหนิเขาที่นั่งอยู่ตรงนี้เลย
“อาจารย์ คอนสแตนตินก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเหมือนกัน ส่วนหลี่โม่ก็เคลื่อนไหวอย่างลังเลตลอดเวลา พวกเขาคงจะเห็นอะไรแปลก ๆ ในการแข่งขันรอบนี้เหมือนกันใช่ไหมครับ?” โบเดนถาม
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดพวกเขาน่าจะเป็นคู่แข่งที่แท้จริงของเซี่ยเฟย ถ้าไม่นับว่ามันอาจจะมีม้ามืดโผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน แชมป์ในการแข่งขันรอบนี้ก็คงจะเป็น 1 ใน 3 คนนี้แหละ” พอตเตอร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
—
เมื่อเวลาผ่านไปเซี่ยเฟยก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว ขณะที่คอนสแตนตินทดลองประกอบชิ้นส่วนหลาย ๆ ชิ้นเข้าด้วยกัน แต่เขาก็แยกชิ้นส่วนออกมาเป็นชิ้น ๆ อีกครั้ง ขณะที่หลี่โม่ได้ประกอบชิ้นส่วนเล็ก ๆ ก่อนที่เขาจะหยุดทำการเคลื่อนไหว
“ทำไมนายถึงยังไม่ลงมือสักที คนข้าง ๆ ใกล้จะประกอบโดรนเสร็จแล้วนะ” อันธพูดขึ้นมาอย่างกังวล
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ยกมือขึ้นมาเพื่อเป็นสัญญาณไม่ให้วิญญาณตนนี้พูดอะไรที่รบกวนกับความคิดของเขา
อันธปิดปากอย่างไม่สามารถจะทำอะไรได้ และยิ่งเขาได้เห็นผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนใจมากขึ้นไปเท่านั้น
ทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็ใช้กำปั้นข้างขวาทุบลงไปยังฝ่ามือข้างซ้าย ก่อนจะพูดกับตัวเองขึ้นมาเสียงดังว่า
“เอาแบบนี้แหละ!”
เมื่อชายหนุ่มตัดสินใจได้แล้วเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป พร้อมกับเริ่มประกอบชิ้นส่วนหลาย ๆ ชิ้นบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เซี่ยเฟยเริ่มเคลื่อนไหวคอนสแตนตินก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน และถึงแม้ว่ามือของเขาจะไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหมือนเซี่ยเฟย แต่ความเร็วในการทำงานของเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเซี่ยเฟยมากนัก
การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยและคอนสแตนตินทำให้หลี่โม่รู้สึกกังวล แต่เขาก็ยังไม่สามารถคิดวิธีแก้ปัญหาในเรื่องที่งานแข่งเตรียมอะไหล่มาไม่พอที่จะซ่อมโดรนได้
เหล่าผู้ชมเริ่มรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้เห็นว่าเซี่ยเฟยกับคอนสแตนตินไม่ได้ซ่อมโดรนขึ้นมาตามรูปแบบเดิม แต่พวกเขากลับเหมือนพยายามประกอบโดรนในรูปแบบใหม่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? การแข่งขันในครั้งนี้เป็นการแข่งขันซ่อมโดรนไม่ใช่เหรอ?”
“ทำไมพวกเขาเหมือนกำลังสร้างโดรนลำใหม่ขึ้นมาเลย”
“ดูนั่นสิ! เซี่ยเฟยทิ้งปืนใหญ่กระบอกหนึ่งไปแล้ว เขาคิดที่จะใช้ปืนใหญ่แค่กระบอกเดียวอย่างนั้นเหรอ?”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมคอนสแตนตินทิ้งระบบหัวจ่ายพลังงานออกไป แบบนี้มันก็ไม่ใช่โดรนความเร็วสูงแล้ว!”
“น่าผิดหวังจริง ๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าผู้เข้าแข่งขันที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดในก่อนหน้านี้จะทำอะไรก็ไม่รู้ แบบนี้พวกเขาน่าจะได้ 0 คะแนนในการแข่งขันรอบนี้แน่ ๆ”
ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงเครื่องตัดโลหะดังขึ้นมากลางสนามแข่งขัน ก่อนที่ผู้ชมจะได้เห็นเซี่ยเฟยกำลังตัดเกราะของโดรนออกจากกัน พร้อมกับใช้เครื่องยิงเลเซอร์เจาะรูแผ่นเกราะจนกลายเป็นรูพรุน
ในอีกด้านหนึ่งคอนสแตนตินก็กำลังยกค้อนขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับทุบลงมาใส่ท่อแรงดัน
จู่ ๆ มันก็ได้มีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นในสนามแข่งขันและเหล่าผู้ชมก็กำลังมองดูอย่างสับสนว่าคนบ้าทั้งสองคนนี้กำลังพยายามจะทำอะไร
ขณะเดียวกันเมื่อแอวริลได้เห็นคนอื่นวิจารณ์เซี่ยเฟยด้วยข้อความที่ไม่ดี เธอก็ยกมือขึ้นมาขยำผมตัวเองจนหัวยุ่งไปหมด แต่เนื่องมาจากว่าเธอเชื่อมั่นในตัวเซี่ยเฟยจนสุดหัวใจ เธอจึงทำได้เพียงแค่ยืนขึ้นมาและตะโกนเชียร์เสียงดัง
การเคลื่อนไหวของหญิงสาวทำให้สีหน้าของหลี่โม่เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด เพราะการที่แอวริลพยายามปกป้องเซี่ยเฟยมันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในหัวใจ และการที่เขายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการแข่งขันในครั้งนี้ได้ มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจมากยิ่งขึ้น
—
ณ ห้องรับรองพิเศษของผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสมาคมช่างกล
ภายในห้องได้มีผู้อาวุโส 8 คนนั่งเรียงกันบนโซฟา โดยในมือของพวกเขามีคอมพิวเตอร์อัจฉริยะที่กำลังฉายภาพการแข่งขันที่กำลังเกิดขึ้น
“โอ้ย! อาหารทะเลพวกนั้นเล่นงานฉันแล้ว” ชายชราอ้วนเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งกุมท้องของเขาเอาไว้
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้พบว่าชายชราคนอื่น ๆ กำลังสนใจแต่หน้าจอ เขาจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจว่า
“พวกคุณกำลังดูอะไรอยู่น่ะ มีคนแก้ปัญหาได้แล้วงั้นเหรอ?”
“ผู้อาวุโสลู่ รอบนี้มีผู้เข้าแข่งขัน 2 คนเดาแนวทางของพวกเราได้แล้ว” ชายชราผมดำเงยหน้าขึ้นมากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายชราอ้วนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะรีบหยิบคอมพิวเตอร์ขึ้นมารับชมการแข่งขัน
“ถึงพวกเขาจะเดาแนวทางได้ แต่การทำตามเป้าหมายให้สำเร็จมันก็จำเป็นจะต้องอาศัยประสบการณ์ พวกเรามารอดูกันจนจบดีกว่า”
หลังจากชายชราอ้วนได้กลับไปนั่งที่เขาก็หยิบถุงมันฝรั่งทอดบนโต๊ะขึ้นมากินอย่างตะกละตะกลาม
“หัวหน้าแบบนี้พวกเราจะให้คะแนนพวกเขายังไง?”
“สมมติว่ามีคนทำสำเร็จเราจะให้พวกเขาได้คะแนนเต็มแล้วค่อยให้คะแนนพิเศษตามสถานการณ์ ส่วนคนอื่น ๆ จะได้ 0 คะแนน” ชายชราผิวดำซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางกล่าวตอบ
0 คะแนน!
มันไม่ใช่ความผิดของผู้เข้าแข่งขันที่ไม่สามารถตีโจทย์ของชายชราเหล่านี้ได้ ซึ่งมันก็ต้องโทษชายชราเหล่านี้ที่ตั้งโจทย์การแข่งขันอย่างซับซ้อนมากเกินไป
“ใช่แล้ว ถ้าพวกนั้นทำไม่ได้มันก็สมควรแล้วที่พวกเขาจะได้ 0 คะแนน” ชายชราที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ต่างก็ล้วนแล้วแต่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“นั่นสินะ ถ้าพวกเขามีปัญญาแค่นี้มันก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะได้ 0 คะแนน” ชายชราอ้วนพูดขึ้นมาอย่างเห็นด้วยเช่นเดียวกันขณะหยิบมันฝรั่งทอดเข้าไปในปากชิ้นใหญ่
***************