ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 677 บดขยี้ราชวงศ์หวู่เหลี่ยง (ฟรี)
ราชวงศ์หวู่เหลี่ยงมีความเชื่อและบูชาในเทพที่มีนามว่า บรรพชนสวรรค์ไร้สิ้นสุด
และลูกชายของจักรพรรดิของราชวงศ์หวู่เหลี่ยง ต้องการที่จะเอาชนะซู่เสี่ยวไป่จึงออกมาต่อสู้ ด้วยความที่มั่นใจว่าตัวเองนั้นฝึกฝนมาอย่างดีแล้ว และมีพรสวรรค์สูงส่ง แต่ตอนนี้เขากำลังถูกซู่เสี่ยวไป่ตบตีไม่ต่างจากหมูหมา
“ลุกขึ้นมาสิ!”
ซู่เสี่ยวไป่เข้าไปกระชากคอเสื้อและตบเข้าไปที่หน้าขององค์ชายแห่งราชวงศ์หวู่เหลี่ยงอย่างไร้ความปราณี แต่ก็ไม่มีการตอบสนองสิ่งใดกลับมาจากองค์ชายอีกแล้ว
“พวกแกกล้าดีมากที่บุกรุกเข้ามาในดินแดนของข้า แล้วตอนนี้ยังไม่กล้าออกมาสู้กับข้าตัวต่อตัวอีกงั้นหรอหวู่เหลี่ยง! ถ้าเจ้ามีความกล้าสักนิดก็โผล่หน้าออกมา”
เหล่าผู้ฝึกตนของราชวงศ์หวู่เหลี่ยงได้แต่อดกลั้นอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ ทำได้เพียงยืนมองด้วยขาที่สั่นเทา
จ้าวภัยพิบัติขั้น 9 ของราชวงศ์หวู่เหลี่ยงมีสามคน คนหนึ่งกำลังบุกจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ และยังกลับมาไม่ถึง
อีกคนหนึ่งถูกซู่เสี่ยวไป่ฆ่าไปแล้ว
และสุดท้ายคือองค์ชายแห่งราชวงศ์หวู่เหลี่ยง แต่ตอนนี้เขานั้นถูกทุบตีจนสิ้นสติไร้การตอบสนองไปแล้ว
พวกเขากำลังสิ้นหวังอย่างที่สุดและไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่
ในสถานการณ์ปัจจุบันชีวิตของผู้ฝึกตนของราชวงศ์หวู่เหลี่ยงจะอยู่หรือตายก็ขึ้นอยู่กับซู่เสี่ยวไป่แล้ว เพราะตอนนี้ไม่มีใครมาหยุดเขาได้ และซู่เสี่ยวไป่กำลังปล้นทุกสิ่งทุกอย่างไปหน้าตาเฉยโดยที่พวกเขาทำได้เพียงแค่ยืนมองเท่านั้น
องค์ชายที่ได้สติกลับมาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ใคร…ใครก็ได้ช่วยข้าที…”
มันคงไม่มีใครมาช่วยเหลือพวกเขาแล้วในเวลานี้ และคงไม่มีใครกล้าเอาชีวิตมาทิ้งเพื่อพวกเขาด้วย
โชคไม่ดีเลยที่จ้าวภัยพิบัติขั้น 9 คนสุดท้ายที่บุกจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์อยู่นั้นคือคนที่บุกฝ่าม่านป้องกันของจักรวรรดิสุขาวดีเข้ามา และตายอยู่ภายในนั้น
ตอนนี้ราชวงศ์หวู่เหลี่ยงก็ไม่ต่างจากแมลงวัลที่ติดอยู่ในกาวเหนียว ที่ทำได้แต่รอความตายเท่านั้น
พันธมิตรใหญ่ที่เหลือทั้ง ลัทธิสวรรค์ สหประชาไท่คูซวน สหัสจักรวรรดิเก้าฟ้าไร้อนัน จักรวรรดิหวู่ดา ก็ยังเอาตัวเองไม่รอดเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นคงไม่มีใครหน้าไหนเสนอหน้ามาช่วยแน่นอน
และซู่เสี่ยวไป่รู้ที่ตั้งของทั้ง 4 จักรวรรดิที่เหลือทั้งหมด เพียงแต่เขายังไม่ไปเท่านั้น
ก็ในเมื่อเขามีพลังที่มากมายจนสามารถปล้นจักรวรรดิที่ใหญ่กว่ามหาจักรวรรดิผิงเจียงสองสามเท่าได้ แล้วจะให้ทนต่อกลิ่นอันหอมหวนของสมบัติในดินแดนอื่นได้อย่างไร
ระบบเองก็ได้มอบความสามารถที่ทรงพลังให้กับเงาของเขาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าซู่เสี่ยวไป่จะให้เงาออกไปจัดการแทน และไม่เสริมแต่งพลังอะไรให้มัน มันก็ยังส่งข่าวดีกลับมาหาเขาทุกครั้ง เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้แม้แต่เงาจ้าวภัยพิบัติขั้น 5 ก็ไม่มีใครหยุดพวกมันได้
ถ้าซู่เสี่ยวไป่ต้องเฝ้าดูการต่อสู้ของเงา จะทำให้รู้เลยว่าเขาประเมินพลังของเงาต่ำเกินไป
เพราะทั้งคงกระพันและร่วงหล่นที่เป็นความสามารถเสริมที่ได้มานั้น ทำให้เงายักษ์เพิ่มพลังได้มากขึ้น และต่อให้เป็นเงาหลักธรรมดาก็ยังสะสมพลังได้เรื่อยๆ อีกด้วย จนมันสามารถปล่อยพลังของเขตแดนภัยพิบัติขั้น 6 จนไปถึงขั้น 7 ได้
ถ้ายิ่งการต่อสู้ดำเนินไปนานเท่าไร เงาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในทางกลับกันศัตรูจะยิ่งอ่อนแอลงทุกขณะ และไม่สามารถที่จะทนต่อการโจมตีของเงาได้อีกต่อไป
ภายใต้กระแสโถมกลับของซู่เสี่ยวไป่ ไม่มีจักรวรรดิใดสามารถต้านทานการบุกของซู่เสี่ยวไป่ได้เลย ร่างเงาสามารถบุกยึดดินแดนทั้งหมดกลับมาได้อย่างหมดจด
เมื่อเทียบกับราชวงศ์หวู่เหลี่ยงกับลัทธิสวรรค์แล้ว ที่ผ่านมาทั้งสองจักรวรรดิบุกโจมตีอย่างต่อเนื่องและยึดพื้นที่ได้จำนวนมาก แต่ตอนนี้พวกเขากลับสูญเสียทั้งหมด
เมื่อจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 หรือเจ้าลัทธิสวรรค์ถูกทุบตีจนตาย คนที่เหลือก็แทบไม่มีใครที่จะมานั่งตำแหน่งนี้แทนได้อีก ทำให้กองกำลังนี้เริ่มสั่นคลอน และพยายามปกปิดเรื่องการตายของเจ้าลัทธิ พยายามไม่ให้ใครรู้ว่าพวกเขานั้นเป็นกลุ่มแรกที่พ่ายแพ้ต่อซู่เสี่ยวไป่
สุดท้ายแล้วพวกราชวงศ์หวู่เหลี่ยงก็ลุกขึ้นสู้ในจังหวะสุดท้าย จ้าวภัยพิบัติก็ยังคงเป็นจ้าวภัยพิบัติ แม้อ่อนแอกว่าแต่พวกเขาก็สามารถถ่วงเวลาซู่เสี่ยวไป่ได้สักพักใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจจะต้านทานพลังที่ล้นหลามของซู่เสี่ยวไป่ได้
และราคาที่พวกเขาต้องจ่ายคือความตาย และเหลือเพียงดินแดนที่ว่างเปล่า
ซู่เสี่ยวไป่ยืนนิ่งมองอยู่นาน ก่อนที่จะเข้าไปยังดินแดนและเมือง ระเบิดคลังสมบัติทุกแห่งและปล้นสมบัติกลับมา โดยไม่มีใครจะขวางทางเขาได้อีก
ประชาชนแห่งราชวงษ์หวู่เหลี่ยงแตกตื่นไปหมดและหวาดกลัวต่อซู่เสี่ยวไป่ และคิดว่าเขามาที่นี่เพื่อล้างแค้นที่ราชวงษ์ไปบุกโจมตีก่อน แต่แท้จริงแล้วซู่เสี่ยวไป่ทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเงินเท่านั้น
การปล้นราชวงศ์หวู่เหลี่ยงนั้นเขาได้รับผลึกต้นกำเนิด 7 พันล้านก้อนแต่มันก็ยังไม่พอต่อความต้องการอยู่ดี
ซู่เสี่ยวไป่เองต้องรักษาความมั่งคงของจักรวรรดิตัวเองก่อน ก่อนที่จะคิดถึงกระแสความมั่งคั่งที่จะได้ตามมา ตราบใดที่ยังหลีกเลี่ยงจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 ได้อยู่เขาก็ยังพอที่จะเก็บเกี่ยวต่อไปได้เรื่อยๆ
แล้วซู่เสี่ยวไป่เองก็เริ่มหันกลับมาสนใจสิ่งต่างๆ ในจักรวาลทวีปใหญ่มากขึ้น
ด้วยพลังของเขาตอนนี้ เขาสามารถทำให้จักรพรรดินีหลิงทิง ซูหลิงเกอ และคนอื่นๆ ทะลวงสู่เขตแดนภัยพิบัติได้ในทันที แต่สำหรับการซ่อมแซมศิลากาลเวลานั้นคงต้องให้เรียนรู้และปิดรอยแตกนั้นเอาเอง
แม้แต่หลิงทิงเองที่ได้รับมรดกของบรรพชนเทียนซุนมา ก็ยังไม่สามารถที่จะไปอยู่ในเขตแดนเดียวกับเทียนซุนได้ แม้ว่าจะฝึกฝนมาซักระยะแล้วก็ตาม แล้วยิ่งเขตแดนโบราณกับเขตแดนภัยพิบัตินั้น มีความเข้าใจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การก้าวสู่เขตแดนภัยพิบัติได้คือการมีชีวิตเป็นอมตะอย่างแท้จริง
เมื่อหลิงทิงได้สัมผัสกับพลังของเขตแดนภัยพิบัติด้วยตัวเองก็ยังรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“นี่….คือพลังของฉันจริงๆ งั้นหรอ มันมากจนไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำ เหมือนกับนี้เป็นเพียงแค่ภาพมายา”
หลิงทิงนั้นเคยมีความฝันแค่ไปยังเขตแดนโบราณเท่านั้น และการได้เดินบนหนทางเขตแดนบรรพชนเธอเองก็พอใจมากแล้ว
แต่ซู่เสี่ยวไป่นั้นได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นอีกครั้ง นำประสบการณ์ที่เหมือนกับฝันมามอบให้
“เจ้าเป็นคนที่วิเศษจริงๆ….”
หัวใจของหลิงทิงนั้นเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และนางก็ไม่ได้ปกปิดอีกต่อไป ความจริงที่ว่านางได้รับของขวัญวิเศษมากมายจากซู่เสี่ยวไป่อยู่ตลอด หากว่านางไม่คิดถึงสิ่งนี้ก็คงเป็นพวกเนรคุณเต็มขั้น!
หลังจากที่ความทรงจำของนางเริ่มฟื้นคืนกลับมา และฟื้นกลับมามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งความรู้สึกที่มีต่อซู่เสี่ยวไป่ก็เริ่มกลับมาด้วยเช่นเดียวกัน มันได้บ่มเพาะอยูในช่วงที่สุกงอมที่สุด
หลิงทิงมีสายตาที่เหมือนกับลูกสาวของเธอเวลามองซู่เสี่ยวไป่
ตั๋นไท่ไป่เฮ่านั้นเป็นคนที่ซู่เสี่ยวไป่ให้ความรักและเอ็นดูมากเป็นพิเศษ
ในช่วเวลาที่ผ่านมาหลายปี เด็กน้อยคนนี้โตขึ้นมาอย่างมั่นคงและอย่างดี ถึงไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอาคมเขตแดนโบราณ หรือเขตแดนบรรพชนก็ตาม การบ่มเพาะของเธอก็ยังเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนอยู่ในเขตแดนราชาโบราณแล้ว