(ฟรี) ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 120 อยู่ในนิกายปลอดภัยที่สุด
เหล่าผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดที่อยู่ก่อนหน้ากังวลอย่างยิ่งที่เห็นเหล่ายอดฝีมือที่เพิ่งมาใหม่ แต่ความกังวลก็จางหายไป เมื่อเห็นว่าอาณาจักรนภาครามไม่ได้ส่งกำลังพลมาเพิ่มแต่อย่างใด
สถานการณ์ในพรมแดนค่อย ๆ สงบลง เหล่าผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดจะปรากฏขึ้นเมื่ออีกฝ่ายรุกล้ำพื้นที่ของตนเท่านั้น
ดังนั้นกองทัพของอาณาจักรนภาสวรรค์จึงมุ่งความสนใจไปที่เหล่ากบฏ พวกเขาต้องการที่จะล้างโคตรของกบฏเหล่านั้น
ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีกบฏแฝงตัวอยู่
ครอบครัวของกบฏธรรมดาล้วนถูกจับไปสอบสวน แต่เหล่ากบฏที่มีภูมิหลังนั้นได้นำครอบครัวของตนไปยังอาณาจักรนภาคราม
เหล่ากบฏที่ไร้ซึ่งภูมิหลังต่างก็กดดันอย่างมาก พวกเขาส่วนใหญ่เลือกที่จะแปรพักตร์ โดยหวังว่าจะให้ครอบครัวของตนอยู่รอดปลอดภัย
โดยรวมแล้วเหล่ากบฏเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลต่ออาณาจักรนภาสวรรค์มากนัก
เหล่าทหารต่างก็ฟื้นคืนกำลังใจ เมื่อได้เห็นเหล่ากบฏแปรพักตร์กลับมายังฝั่งของตน
…
“เจ้าต้องการเข้าร่วมการประลองปรุงโอสถที่นักปรุงโอสถขั้นเชี่ยวชาญใช้ค้นหาศิษย์หรือ?” ขณะที่เซวียนห่าวกำลังรอให้ฉู่หยางฟื้น ชิงอี้ก็ใช้โอกาสนี้เอ่ยถึงการประลองปรุงโอสถที่จะจัดขึ้นในอีกครึ่งปี
ในฐานะอาจารย์ของชิงอี้ เซวียนห่าวจึงมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจให้นางเข้าร่วมหรือไม่
เมื่อเซวียนห่าวได้ฟังที่นางอธิบาย เขาก็รู้สึกไม่สบายใจแปลก ๆ เขารู้สึกราวกับจะถูกช่วงชิงศิษย์ไป...
เซวียนห่าวรู้ดีว่า หากนักปรุงโอสถขั้นเชี่ยวชาญสนใจศิษย์ของเขาเข้าจริง เขาก็ไม่สามารถขัดขืนจักรวรรดินภาได้
ด้วยเหตุนี้ เซวียนห่าวจึงระมัดระวังนักปรุงโอสถขั้นเชี่ยวชาญผู้นี้เป็นอย่างมาก
“ข้าขอเข้าร่วมได้หรือไม่? ข้าได้ยินมาว่าจะมีรางวัลมอบให้ผู้ที่เขาร่วม อีกทั้ง นี่ยังเป็นโอกาสดีที่ข้าจะได้พัฒนา ผู้อาวุโสในโถงปรุงโอสถรับปากจะสั่งสอนศาสตร์ปรุงโอสถให้แก่ข้าในช่วงการประลองอีกด้วย” เมื่อชิงอี้เห็นสีหน้าลำบากใจของเซวียนห่าว นางก็กล่าวความในใจออกมาจนหมด
“เจ้าไปเถิด...” เมื่อเซวียนห่าวเห็นสีหน้าคาดหวังของชิงอี้ เขาจึงตอบอนุญาตให้นางเข้าร่วม เพราะถึงอย่างไร เขาก็คาดว่านางคงไม่โดดเด่นไปกว่าอัจฉริยะนักปรุงโอสถผู้อื่น...
เซวียนห่าวกระวนการวายอย่างยิ่ง เขาจึงต้องการที่จะแอบไปในโถงปรุงโอสถเพื่อเฝ้าดูชิงอี้
ด้วยวิธีนี้ เขาจึงจะสามารถระงับความกังวลต่อนักปรุงโอสถขั้นเชี่ยวชาญผู้นั้นได้
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์! ข้าจะไปแจ้งโถงปรุงโอสถในทันที!” ชิงอี้กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข โดยไม่รู้ถึงความกังวลที่อาจารย์มีต่อนาง ก่อนที่นางจะรีบไปยังโถงปรุงโอสถ
เมื่อเซวียนห่าวมองไปยังร่างของชิงอี้ที่ค่อย ๆ จางหายไป เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
‘หรือว่าข้าจะคิดผิดที่ปล่อยให้นางเข้าร่วมการประลอง…’
“เจ้ายังไม่ฟื้นอีกหรือ?” เซวียนห่าวมองไปยังฉู่หยางที่สลบเหมือด ก่อนที่เขาจะเดินลงจากยอดเขาที่ตั้งตำหนักของตน
ที่ที่เขาไปในคราวนี้ก็คือตำหนักจ้าวนิกาย เขาต้องไปรายงานเรื่องต่าง ๆ ของนิกายนวาระทมิฬให้แก่จ้าวนิกาย
เพราะการที่พวกเขาได้กลายเป็นนิกายมาร ทำให้นิกายกระบี่ล่องนภาไม่สามารถจัดการกับผู้ที่เป็นเบี้ยล่างของตนได้
ในสถานการณ์เช่นนี้ ราชวงศ์อาจจะใช้นิกายนวาระทมิฬเป็นเครื่องมือในการกำจัดนิกายกระบี่ล่องนภาก็เป็นได้
‘อดีตผู้อาวุโสของนิกายนวาระทมิฬจะเป็นอยู่อย่างไรกัน? เขาเป็นผู้ฝึกตนมารและไม่ว่าเขาจะไปที่ใด ผู้ฝึกตนมารก็ถูกตามล่าในทุกหนทุกแห่ง...’
โซ่วหลิงที่เป็นอดีตผู้อาวุโสของนิกายนวาระทมิฬไม่สามารถที่จะรับประกันความปลอดภัยของตนได้ เขาอาจต้องหลบหนีหรือหลบซ่อนตลอดชีวิต
ท้ายที่สุดแล้ว เซวียนห่าวคิดว่าโซ่วหลิงที่ผ่าฟันอุปสรรคมาอย่างยาวนาน จะต้องพบกับความสำเร็จเป็นแน่
แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงคิดว่าการบ่มเพาะในนิกายของตนนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่างน้อยมันก็ปลอดภัยกว่าออกไปโลกกว้าง
และในอนาคตเขาก็อยากให้ศิษย์ของเขาทำเช่นเดียวกัน!