บทที่ 46 ทดสอบปืน
บทที่ 46 ทดสอบปืน
ในระหว่างการฝึกวงแหวนที่ 3 ไปยังวงแหวนที่ 4 ของปืนลึกลับ ช่วงนี้ฟลินน์และไอวี่ไม่ได้รับภารกิจและมีเวลาพักผ่อนอีก 2 วัน
แม้ว่าเขาต้องการที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมด้านศาสตร์ลึกลับต่างๆ แต่เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาที่เขาหยุดพัก ชายหนุ่มจึงไม่รีบร้อนและเตรียมพร้อมสำหรับการพักผ่อนในสองวันนี้
ในตอนเช้า เขาซื้อขนมจาก Happy House และมาถึงที่พักของพี่สาว
“คุณน้า” เมื่อเห็นฟลินน์มาถึง ไคช่าองค์หญิงตัวน้อยผมสีบลอนด์ดวงตาสีฟ้าน่ารักไม่ต่างจากตุ๊กตา วันนี้เด็กหญิงสวมแจ็คเก็ตหนังสีขาว เธอตะโกนร้องเรียกเรียกฟลินน์เสียงดังด้วยความตื่นเต้น
“อืม เก่งมาก” ฟลินน์เอื้อมมือไปลูบหัวไคช่าตัวน้อย
“ดูสิว่าลุงเอาอะไรมาให้หนูบ้าง” ไคช่าน้อยหยิบถุงกระดาษที่ใส่ขนมนั้นออกมา แล้วมองเข้าไปข้างในด้วยดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งเป็นประกายอย่างมีความหวัง
เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็เต็มไปด้วยความสุข
“ว้าว เป็นเค้กสตรอเบอร์รี่และมัฟฟินครีมจาก Happy House”
“วันนี้เธอหยุดเหรอ” โรว์ลิงพี่สาวของฟลินน์เดินเข้ามาถาม วันนี้เธอรวบผมหลวมและสวมชุดอยู่บ้าน
“อืม วันนี้และพรุ่งนี้หยุด” ฟลินน์พยักหน้า
“งานปัจจุบันตอนนี้ของเธอไม่ใช่แค่เงินเดือนสูงเท่านั้น แต่ยังมีวันหยุดสองวันต่อสัปดาห์ เธอต้องตั้งใจนะ อย่าทำให้ผิดพลาดจนตกงาน” โรว์ลิงเตือน
“ไม่ต้องกังวล ผมไม่ตกงานหรอก” ฟลินน์ยิ้ม
ด้วยความสามารถที่เขาแสดงออกมา เว้นแต่ว่าเขาจะทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง มันจะเป็นไปไม่ได้ที่สำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรจะไล่เขาออก
ตอนนี้ในฐานะ ‘ข้าราชการ’ ดูเหมือนว่าจะถือ ‘ขันข้าวเหล็ก’
นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่ดีในการเลื่อนขั้นและขึ้นเงินเดือน การที่เงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยปอนด์ทองคำก็เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด
ฟลินน์ไม่คิดจะบอกเรื่องนี้แก่พี่สาวของเขา ถ้าหากโรว์ลิงรู้ เธออาจจะตกใจและสงสัยเรื่องตำแหน่งของเขาที่หอประมูลเกรทวีด
ท้ายที่สุดแม้ว่าจะเป็นหัวหน้างานฝ่ายประเมินก็ไม่ควรมีเงินเดือนสูงเช่นนี้
“ไม่คิดมากได้อย่างไร ไม่นานมานี้เธอก็เห็นว่าเพื่อนที่ของพี่เขยเธอทำงานผิดพลาดจนถูกไล่ออก” เมื่อเห็นว่าฟลินน์ไม่สนใจคำตักเตือนของเธอ โรว์ลิงจึงกล่าวย้ำอีกครั้งด้วยท่าทางจริงจัง
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” ฟลินน์รีบแสดงท่าทางตั้งใจฟังคำสอนอย่างกระตือรือร้น
ฟลินน์รู้ดีว่าหากเขาไม่แสดงท่าทีกระตือรือร้นตั้งใจฟัง พี่สาวของเขาคงไม่หยุดโจมตีด้วยคำพูด และเหตุการณ์นี้เขาก็เคยประสบมาแล้ว
“ฮึ! ต้องให้บอกหลายรอบ” เมื่อเห็นว่าฟลินน์เข้าใจแล้ว โรว์ลิงก็หยุด
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านพี่สาวของเขาแล้ว ฟลินน์ขึ้นรถมาจากไปแต่แทนที่จะกลับบ้าน ชายหนุ่มกลับเปลี่ยนทิศทางออกไปนอกเมืองทันที
เขานั่งรถม้ามาถึงชานเมือง ขับผ่านถนนเปลี่ยวร้างเต็มไปด้วยดินแดง ฟลินน์ขอให้คนขับรถมาเคน ดาร์บี้หยุดรถ
เมื่อปืนลึกลับมาถึงวงแหวนที่สาม เขาคิดจะหาโอกาสออกไปนอกเมืองเพื่อทดสอบพลังกระสุนเจาะเกราะมานานแล้ว
เมื่อยืนยันแล้วว่าไม่มีคนนอกอยู่บริเวณนี้ ฟลินน์ก็เดินไปยังเขตรกร้างที่เต็มไปด้วยก้อนหิน
“แค่นั้นแหละ!” ชายหนุ่มกวาดตายอย่างรวดเร็วและพบก้อนหินแบนหนาประมาณหนึ่งเมตร
“ปืนลึกลับ!”
เขาถอดถุงมือที่มือซ้ายออก เผยให้เห็นรอยสักที่หลังมือซ้ายและเรียกปืนลึกลับออกมา
“กระสุนพลังเจาะเกราะ”
ประการแรกกระสุนพลังลึกลับถูกสร้างขึ้นและเปลี่ยนไปเป็นกระสุนพลังลึกลับที่ผ่านการสลักอักขระอาคมเจาะเกราะลงบนผิว
ในเวลาไม่ถึงสองวินาที กระสุนเจาะเกราะก็ปรากฏขึ้น
แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นด้วยตา แต่ฟลินน์ก็สามารถสัมผัสได้จากความสัมพันธ์ของเขาและปืนลึกลับ
ปืนลึกลับที่มีพลังลึกลับเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งหมดและลวดลายสีม่วงคืออักขระอาคมเจาะเกราะของปืนลึกลับ
ปังงง!
ฟลินน์ยิงกระสุนเจาะเกราะหนึ่งนัดพ่นออกจากปากกระบอกปืนทันที
เมื่อกระสุนเจาะเกราะถูกยิงออกไปปรากฏแสงสีม่วงสว่างวาบที่ปลายปืน ทันใดนั้นลูกกระสุนก็กระทบกับก้อนหินแตกเป็นเสี่ยงๆ
“แรงมาก! ขนาดหินหนาหนึ่งเมตรยังแตกเป็นเสี่ยงๆ!” ฟลินน์อุทานอย่างเหลือเชื่อเมื่อเขาเห็นก้อนหินถูกบดละเอียดจากแรงกระแทกของกระสุน
เมื่อผลลัพธ์เป็นเช่นนี้ ชายหนุ่มพยักหน้าด้วยความพอใจเ
แม้ว่าหินจะไม่แข็งเท่าเหล็กแต่ก็มีความหนาประมาณหนึ่งเมตร แม้แต่ในชีวิตที่แล้วก็มีเพียงปืนไม่กี่ชนิดที่สามารถเจาะทะลุได้
พลังของมันไม่ทำให้เขาผิดหวัง อย่างที่คาดไว้สำหรับกระสุนที่มีคุณสมบัติเจาะเกราะสามารถเจาะหินหนาหนึ่งเมตรได้สบาย
“ความแรงของมันอาจเทียบได้กับปืนไรเฟิลที่ทรงพลังที่สุดของชาติก่อน!” ฟลินน์อดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้
ในชีวิตที่แล้วปืนสไนเปอร์ไรเฟิลที่เขาชอบมากที่สุดคือปืนสไนเปอร์ที่เรียกว่า ปืนบาร์เรตต์
เพื่อสัมผัสพลังที่แข็งแกร่งของสไนเปอร์ไรเฟิลนี้ เขาไม่ลังเลเลยเติมเกมและนั่นเป็นเกมเดียวที่เขาเติมเงิน
จากการตัดสินของเขา ปืนลึกลับที่มี ‘กระสุนเจาะเกราะ’ น่าจะเทียบได้กับอานุภาพของปืนบาร์เรตต์
ปัง ปัง ปัง!
ฟลินน์ยังคงสลักอักขระอาคมเจาะเกราะลงบนผิวของกระสุนพลังลึกลับครั้งแล้วครั้งเล่าและยิงออกไปทีละนัด
ทันใดนั้นรูโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นบนผิวของหินก้อนใหญ่เหมือนแผ่นหิน
“พลังแบบนี้เหรอ!”
ไม่ไกลนักเคน ดาร์บี้ คนขับรถม้าเฝ้าดูฟลินน์ทดสอบปืนด้วยความสนใจ ยากนักที่ผู้วิเศษจะทดสอบศาสตร์ลึกลับ
แต่เมื่อเขาเห็นว่าฟลินน์เจาะผ่านหินหนาหนึ่งเมตร รูม่านตาของเขาก็หดลงอย่างช่วยไม่ได้
ในฐานะทหารผ่านศึก เขารู้จักพลังของอาวุธปืนเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เขาจึงชัดเจนมากเกี่ยวกับพลังที่สื่อถึง
นี่เป็นพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถฉีกเนื้อหนังออกจากกันได้ง่ายๆ หากมันกระทบร่างของคนคนหนึ่ง คนคนนั้นอาจจะขาดเป็นสองท่อนทันที
‘หลังจากเข้าร่วมสำนักงานความมั่นคงฯ เพียงสองเดือน เขาก็มีความแข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว เขาสมควรเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงสุดของพวกเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา!” เคน ดาร์บี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรเพื่อรอคำสั่ง ดังนั้นเขาจึงได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูดถึงฟลินน์เป็นธรรมดา และรู้ว่าฟลินน์ได้รับการขนานนามว่าเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์สูงสุดในสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรเมืองคอนสตันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ตามความเห็นของเขา พรสวรรค์ของฟลินน์นั้นคู่ควรอย่างยิ่ง แม้จะเหนือกว่าด้วยซ้ำ
...
ในห้องประชุมของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรกำลังประชุมกันอยู่
ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมคือรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคง เดฟ แคมป์เบลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 นาย รวมทั้งจูมาน่า สเตรย์
“ท่านรัฐมนตรี เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีแก๊งรับสมัครคนงานเหมืองแร่ที่ให้ค่าตอบแทนสูงในเขตตะวันตก แก๊งนี้จ้างคนหลายสิบคนและคนเหล่านั้นล้วนหายตัวไปในเขตเมืองคอนสตัน ฉันคิดว่าแก๊งนี้คือตัวปัญหา และเราควรสืบเรื่องของแก๊งนี้” จูมาน่าพูดกับเดฟ แคมป์เบลซึ่งนั่งเป็นประธาน
เดฟ แคมป์เบล คือชายหนุ่มรูปงาม เขาสวมถุงมือสีดำดูโดดเด่น
ชายหนุ่มชำเลืองมองไปยังนายอำเภอและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 7 นายที่เหลือยกเว้นแต่จูมาน่า แล้วถาม
“พวกคุณคิดอย่างไร”
“ผมไม่คิดว่ามันจำเป็น นี่มันไม่ต่างอะไรกับการทำเหมือนแร่ที่ต้องเปิดรับสมัครคนขุดแร่ อย่าเสียเวลาและกำลังตำรวจไปกับมันเลย” ชายคนหนึ่งในพูดขึ้นชายคนนี้มีตอหนวดสั้นรอบปากอายุราวสามสิบปี
เขาคือหัวหน้าตำรวจเฮนริก เชลลิง ‘นายตำรวจอาวุโส’ ที่มีประสบการณ์ทำงานมากว่าสิบปี
“ผมเห็นด้วย ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงกับเรื่องนี้”
ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดกล่าวเห็นด้วยอีกคน ชายคนนี้คือหัวหน้าตำรวจแครอน เคน แม้ว่าเขาจะวางมือจากการเป็นตำรวจมานานแล้วแต่ก็มีความสามารถในการไขคดีมากมาย
เป็นเพราะความสามารถของเขาทำให้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายอำเภอตั้งแต่อายุยังน้อย
“อย่างไรก็ตามเวลาของการรับสมัครคนงานขุดแร่ก็มักจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ และเห็นได้ชัดว่าไม่สมเหตุสมผลที่จะเริ่มรับสมัครคนงานขุดแร่ตอนนี้ ตอนนี้ยังเป็นฤดูหนาวอยู่” จูมาน่าอธิบายเหตุผลที่เธอสงสัย
“เวลาในการรับสมัครค่อนข้างเร็ว แต่เราไม่สามารถสงสัยว่าจะมีปัญหาเพราะเหตุนี้ ผมเดาว่าต้องเรื่องขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรงของเส้นทางเหมืองใหม่ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มเปิดรับสมัครคนงานเหมืองในเวลานี้” ชายร่างท้วมผิวคล้ำพูดขึ้น
เขาคือสิบเอกสก็อตต์ คุกส์ นายตำรวจอาวุโสชำนาญด้านการต่อสู้และเขายังเป็นอาจารย์สอนการต่อสู้ในสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรด้วย
หัวหน้าตำรวจพูดขึ้นทีละคนโดยไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาทั้งหมดคัดค้านข้อเสนอของจูมาน่า และไม่เห็นด้วยกับการเสียกำลังตำรวจไปเพื่อสืบสวนแก๊งนี้ที่คัดเลือกคนงานเหมือง
“เนื่องจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยอยู่ในเสียงส่วนใหญ่ จูมาน่าพวกเราจะไม่คุยเรื่องนี้ต่อ” บนตำแหน่งประธานเดฟ แคมป์เบล กล่าวปิดท้ายและสำทับไปอีกครั้ง
“ฉันเข้าใจ” จูมาน่าต่อไปอย่างไม่เห็นด้วยในส่วนลึกของเธอยังรู้สึกว่าแก๊งนี้คือตัวปัญหา แต่เมื่อได้รับคำสั่งจากรัฐมนตรีเธอก็ต้องปฏิบัติตาม