ตอนที่ 272 แบล็คแบท
ตอนที่ 272 แบล็คแบท
ในพริบตาการแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทำให้จำนวนผู้คนบนดาวดวงนี้เพิ่มขึ้นสูงมากกว่าเดิม แต่อย่าลืมว่าการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มต้นเป็นเพียงแค่การแข่งขันรอบคัดเลือกเท่านั้น เซี่ยเฟยจึงไม่อยากจะจินตนาการว่าในการแข่งขันที่แท้จริงจะมีผู้ชมเข้าร่วมมากมายขนาดไหน
การแข่งขันรอบคัดเลือกจัดขึ้นในศูนย์การประเมินหลาย ๆ แห่งที่กระจายกันอยู่รอบ ๆ พื้นที่ ซึ่งจุดประสงค์ของรอบคัดเลือกนี้คือการทดสอบความรู้ทางทฤษฎี โดยส่วนใหญ่ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับชุดเครื่องจักรที่เสียหาย และจำเป็นจะต้องซ่อมแซมหรือประกอบเครื่องจักรขึ้นมาใหม่ด้วยอะไหล่ที่จำกัด
ปัจจุบันเซี่ยเฟยได้ไปอยู่ในศูนย์การประเมินเรียบร้อยแล้ว โดยศูนย์การประเมินเดียวกันกับเขานี้มีผู้เข้าแข่งขันรวมตัวกันอยู่มากกว่า 20,000 คน ซึ่งบททดสอบที่ชายหนุ่มได้รับมาก็คือชุดคำถามเกี่ยวกับการดัดแปลงคลื่นสัญญาณไฟฟ้าระหว่างการวาร์ปของยานทริสตันให้เหมาะสม
ในระหว่างที่ยานอวกาศทำการวาร์ปเครื่องยนต์จะทำการปล่อยคลื่นไฟฟ้าออกมา ทำให้สภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบเกิดความปั่นป่วน ซึ่งถ้าหากว่าศัตรูมีระบบตรวจจับขั้นสูงพวกเขาก็จะสามารถค้นหาร่องรอยของการเปิดใช้งานเครื่องยนต์วาร์ปได้
ประเด็นสำคัญของคำถามที่เซี่ยเฟยได้รับมานี้คือ การพยายามทำยังไงก็ได้ให้คลื่นไฟฟ้าที่ปล่อยออกมารบกวนสภาพแวดล้อมให้ได้น้อยที่สุด และคะแนนที่เขาจะได้รับก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินของกรรมการ
เซี่ยเฟยใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะใช้นิ้วจิ้มไปบนหน้าจอแสงอย่างใจเย็น
สิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการวาร์ปมีอยู่ทั้งสิ้น 2 ส่วนคือ พลังงานความร้อนที่ถูกปลดปล่อยออกมาและพื้นที่มิติที่ถูกบิดเบือน
โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่จะใช้วิธีการลดพลังของเครื่องยนต์เพื่อให้คลื่นไฟฟ้าที่ปล่อยออกมามีปริมาณลดน้อยลง ทำให้พลังงานความร้อนที่ถูกปล่อยออกมาลดลงจากเดิมเช่นเดียวกัน แต่มันก็ส่งผลกระทบทำให้ระยะการวาร์ปหดสั้นลงมากกว่าเดิม
แต่เซี่ยเฟยไม่คิดที่จะแก้ปัญหาโดยวิธีการพื้นฐานแบบนั้น แต่เขาเลือกที่จะกระจายหัวฉีดพลังงานออกไปอย่างสม่ำเสมอในพื้นที่โดยรอบ
วิธีการที่เขาคิดขึ้นมานี้คล้ายกับความสัมพันธ์ระหว่างจุดกดทับกับพื้นผิว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเราวางลูกเหล็กน้ำหนัก 100 กิโลกรัมเอาไว้บนโต๊ะ มันก็จะมีพื้นที่เพียงแค่จุดเดียวที่ต้องแรงรับแรงกดของลูกเหล็กทั้ง 100 กิโลกรัมเอาไว้
แต่ถ้าหากว่าเขาได้ทำการกระจายลูกเหล็กจำนวน 10 กิโลกรัมเอาไว้ 10 จุดบนโต๊ะ มันก็จะทำให้พื้นของโต๊ะถูกกระจายแรงกดออกเป็น 10 จุดไม่ได้กระจุกอยู่ที่จุดเดียว
การทำแบบนี้จะทำให้คลื่นสัญญาณที่ปล่อยออกมากระจายกำลังกันออกไป ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ข้าศึกสามารถตรวจจับสัญญาณระหว่างการวาร์ปได้ และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องลดกำลังของเครื่องยนต์ในระหว่างการวาร์ปไปในเวลาเดียวกัน
เซี่ยเฟยเคาะนิ้วเบา ๆ บนหน้าจอเพื่อยืนยันคำตอบ แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเขาก็ได้พบกับหลี่โม่ที่กำลังเดินออกไปจากศูนย์ประเมินแห่งนี้
การเคลื่อนไหวของหลี่โม่ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาอย่างมากมาย และท้ายที่สุดการประเมินเพิ่งเริ่มต้นไปได้ไม่ถึง 5 นาที แต่หลี่โม่กลับส่งคำตอบเรียบร้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นชายชุดขาวคนนี้ยังใช้เวลาในการส่งคำตอบน้อยกว่าเซี่ยเฟย แสดงให้เห็นว่าเขามีพื้นฐานทางด้านเครื่องกลอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดา
เซี่ยเฟยเม้มริมฝีปากพร้อมกับตรวจสอบคำตอบทุกอย่างด้วยความรอบคอบอีกครั้ง ซึ่งหลังจากที่เขายืนยันว่าไม่มีข้อผิดพลาด เขาก็ลุกยืนขึ้นเดินตามหลี่โม่ออกไปด้านนอก
ในเวลาเดียวกันหลี่โม่ก็เดินผ่านเครื่องตรวจจับบริเวณทางเข้า ซึ่งมันเป็นเครื่องตรวจสอบว่าผู้เข้าแข่งขันนำสิ่งทุจริตเข้ามาในระหว่างการประเมินหรือไม่ นอกจากนี้มันยังทำหน้าที่เป็นเครื่องยืนยันตัวตนของผู้เข้าแข่งขัน เพื่อทำการประเมินคะแนนของผู้เข้าแข่งขันคนนั้นทันทีที่เขาเดินออกจากประตู
เครื่องตรวจจับสแกนร่างกายของหลี่โม่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะมีเสียงสัญญาณการยืนยันดังขึ้นมา
ติ้ง!
“ผู้เข้าแข่งขัน: หลี่โม่”
“เลขประจำตัว: 3566912”
“หัวข้อการประเมิน: ระบบอาวุธ”
“คะแนนที่ได้รับคือ 20 คะแนน”
“ระดับความยากที่ได้รับคือ 6.375”
“ได้รับคะแนนทั้งสิ้น 127.5 คะแนน”
คะแนนเต็มของคำถามแต่ละข้อในการประเมินครั้งนี้คือ 20 คะแนนคูณด้วยระดับความยากของคำถามที่ได้รับ รวมกันเป็นคะแนนของผู้เข้าแข่งขันคนนั้น และเนื่องมาจากว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันครั้งใหญ่ของพันธมิตร ระดับความยากของคำถามจึงอยู่ที่ระดับ 5 ถึงระดับ 7
ทันทีที่ระบบประกาศคะแนนมันก็เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที เพราะชายหนุ่มชุดขาวคนนี้ได้คะแนนสูงถึง 127.5 คะแนนโดยใช้เวลาตอบคำถามเพียงแค่ 5 นาที!!
ขณะที่หลี่โม่เตรียมตัวจะเดินจากไปเขาก็ได้เห็นเซี่ยเฟยเดินตามหลังมา เขาจึงเปลี่ยนใจยืนรออยู่ข้าง ๆ ก่อนเพื่อรอคอยคะแนนประเมินของเซี่ยเฟยอย่างใจเย็น
ติ้ง!
“ผู้เข้าแข่งขัน: เซี่ยเฟย”
“เลขประจำตัว: 1022516”
“หัวข้อการประเมิน: เครื่องยนต์วาร์ป”
“คะแนนที่ได้รับคือ 20 คะแนน”
“ระดับความยากที่ได้รับคือ 6.375”
“คะแนนพิเศษ 10 คะแนนจากการคิดคำตอบที่สมบูรณ์”
“ได้รับคะแนนทั้งสิ้น 137.5 คะแนน”
137.5!!
ผู้เข้าแข่งขันหลายคนที่ยังอยู่ในการประเมินอดที่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดคะแนนของเซี่ยเฟยก็มากกว่าคะแนนของหลี่โม่เสียอีก และเสียงอุทานของผู้เข้าแข่งขันพวกนี้ก็ทำให้พวกเขาถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
เหตุผลที่พวกเขาตกใจมากไม่ใช่เพราะคะแนนที่เซี่ยเฟยได้เกินกว่าหลี่โม่มา 10 คะแนน แต่มันเป็นเพราะเซี่ยเฟยสามารถตอบคำถามได้อย่างสมบูรณ์แบบต่างหาก!!
คำถามแต่ละคำถามไม่ได้มีคำตอบเพียงแค่คำตอบเดียว แต่เซี่ยเฟยสามารถค้นหาคำตอบที่สมบูรณ์มากที่สุดในเวลาเพียงแค่ 5 นาที ซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากจนเกินไป!!!
หลังจากเดินออกมาจากประตูเซี่ยเฟยก็จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบด้วยความสงบ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้รู้สึกสนใจคะแนนที่เขาได้รับเลย เพราะท้ายที่สุดเขาก็แค่พยายามแก้ปัญหาตามสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาเท่านั้นเอง
“ใช้ได้นี่ ตอนแรกฉันคิดว่ามันจะเป็นการแข่งขันที่น่าเบื่อ ไม่นึกเลยว่าฉันจะได้เจอกับคนที่สามารถตอบคำถามได้อย่างสมบูรณ์แบบ” หลี่โม่กล่าวกับเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้ม
ติ้ง!
แต่ทันใดนั้นเองสิ่งที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะมันมีคะแนนพิเศษปรากฏขึ้นมาอีก 10 คะแนน
147.5 แต้ม!
บนหน้าจอมีข้อความเพิ่มเติมขึ้นมาว่า เซี่ยเฟยได้รับคะแนนพิเศษจากคณะกรรมการเพิ่มอีก 10 คะแนน!!
การได้รับข้อความนี้สามารถกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าคำตอบของเขาคือคำตอบที่กรรมการให้รับการยอมรับ และมันก็มีแนวโน้มสูงมากที่หลังจากการแข่งขันในครั้งนี้ เขาจะมีโอกาสได้รับคำเชิญจากบริษัทชั้นนำในพันธมิตร!!!
การแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์มักจะมีแมวมองจากบริษัทต่าง ๆ มารับชมการแข่งขันอยู่เป็นประจำ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันที่สามารถทำผลงานออกมาได้อย่างโดดเด่นก็มักที่จะได้รับข้อเสนอการว่าจ้างจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
เพียงแต่มันไม่มีใครคาดคิดว่าเพียงแค่การประเมินในรอบคัดเลือกจะได้มีคะแนนพิเศษจากกรรมการปรากฏขึ้น เพราะท้ายที่สุดคณะกรรมการต่างก็เป็นช่างกลที่มีฝีมือดีที่สุดในพันธมิตร มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการว่าการได้รับคะแนนพิเศษจากกรรมการเหล่านี้เป็นเรื่องยากลำบากมากแค่ไหน
หลี่โม่อ้าปากค้างขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อได้เห็นคะแนนพิเศษจากคณะกรรมการ
“ทำได้ดีนี่! ขอแสดงความยินดีด้วย” หลี่โม่ฝืนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นไปตามมารยาท
“ขอบคุณ ว่าแต่คะแนนพิเศษพวกนี้มันคืออะไร?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสงสัย
“นี่คุณไม่รู้จักคะแนนพิเศษของกรรมการงั้นเหรอ?”
“อือ ฉันไม่รู้”
—
หลี่โม่อธิบายความสำคัญของคณะกรรมการให้เซี่ยเฟยสั้น ๆ โดยบอกว่ากรรมการแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความโดดเด่นในสาขาวิชาชีพของตนเอง โดยกรรมการบางคนมีความถนัดในเรื่องระบบอาวุธ ขณะที่กรรมการบางคนมีความถนัดในเรื่องเครื่องยนต์วาร์ป และพวกเขาเหล่านี้ก็ได้มารวมตัวกันเพื่อเป็นคณะกรรมการในการแข่งขันอันยิ่งใหญ่นี้
ความไม่รู้ของเซี่ยเฟยทำให้หลี่โม่อารมณ์เสียมาก เพราะมันเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์เป็นครั้งแรก และเซี่ยเฟยยังไม่ได้ศึกษากฎกติกาของการแข่งขันอย่างละเอียด หลี่โม่จึงรู้สึกอับอายที่เขาได้พ่ายแพ้ให้กับคนที่แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการแข่งขันเลย
ระหว่างบทสนทนาเซี่ยเฟยคอยสังเกตหลี่โม่ทุกการเคลื่อนไหว ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้มีบทบาทอย่างไรในระหว่างความสัมพันธ์ของเขากับแอวริล แต่เขาก็เป็นคนที่มีนิสัยระมัดระวังตัวอยู่เสมอ และไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธโอกาสที่จะได้สังเกตปฏิกิริยาของคู่แข่ง
จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกันออกจากศูนย์ประเมิน ซึ่งในระหว่างทางหลี่โม่ก็โบกมือเรียกชายฉกรรจ์ชุดขาวให้เดินเข้ามาหาเขา
“ไปหาข้อมูลของเซี่ยเฟยมาเพิ่มเดี๋ยวนี้”
“ได้ครับนายน้อย” ชายฉกรรจ์ชุดขาวพยักหน้ารับก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปท่ามกลางฝูงชน
—
เซี่ยเฟยทำการติดต่อไปยังพอตเตอร์ซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานในโรงงานที่อยู่บนโลก
ทั้งสองทักทายกันด้วยประโยคสั้น ๆ ก่อนที่พอตเตอร์จะถามเซี่ยเฟยเกี่ยวกับเรื่องการแข่งขัน ซึ่งชายชราก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจมากนักที่เขาได้รู้ว่าเซี่ยเฟยได้รับคะแนนพิเศษจากคณะกรรมการ
“อย่าพึ่งดีใจไป ถึงแม้คำตอบของนายจะค่อนข้างดีแต่คะแนนพิเศษจากกรรมการก็มีได้มากถึง 50 คะแนน แสดงว่าถึงแม้คำตอบของนายจะได้รับการยอมรับแต่มันก็ยังขาดวิธีที่จะเอาไปใช้ได้จริง สมมติว่าวิธีการของนายทั้งสามารถแก้ปัญหาได้จริงและยังใช้ต้นทุนในการแก้ปัญหาที่ต่ำมาก ในตอนนั้นนายจะต้องได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”
“การที่คณะกรรมการให้คะแนนพิเศษนาย 10 คะแนนเป็นเหมือนกับการบอกนัย ๆ ว่าพวกเขาอยากจะให้กำลังใจให้นายออกแบบผลงานให้ดียิ่งขึ้น หลังการแข่งขันจบลงแล้วนายจะรู้ว่ามันจะมีผู้เข้าแข่งขันอีกหลายคนที่ได้รับคะแนนพิเศษลักษณะนี้ ดังนั้นอย่าคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น”
“นอกจากนี้คะแนนในรอบคัดเลือก 2 รอบแรกยังไม่ถูกนำไปคิดคำนวณรวมกับคะแนนการแข่งขันจริง ๆ พวกผู้เข้าแข่งขันที่แท้จริงจะยังไม่เปิดเผยความสามารถของพวกเขาออกมา ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการดึงดูดให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ มองเห็นพวกเขาว่าเป็นศัตรู”
“เข้าใจแล้วครับ การประเมินรอบหน้าผมจะพยายามเก็บซ่อนความสามารถของตัวเองเอาไว้ ความจริงแล้วผมก็ยังคิดว่าคำตอบของตัวเองมีข้อบกพร่องอยู่อีกมาก และมันยังเหลือช่องว่างให้ต้องปรับปรุงอีกเยอะเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ดีแล้ว เอาล่ะการแข่งขันรอบคัดเลือกก็เป็นเหมือนการอุ่นเครื่องนั่นแหละ จากที่ฉันดูคะแนนในรอบแรกของนายสูงมากพอแล้ว ดังนั้นการประเมินครั้งที่ 2 นายสามารถยอมแพ้ไปได้เลย ไม่ว่ายังไงคะแนนของนายก็มากพอที่จะทำให้นายเข้าร่วมการแข่งขันที่แท้จริงได้แล้ว” พอตเตอร์กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะตราบใดก็ตามที่เขาสามารถผ่านรอบคัดเลือกไปได้ มันก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องทำคะแนนให้โดดเด่นนำหน้ากว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ
“ลุงคิดว่ามันจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะสามารถผลิตระบบเรดาร์ที่ผมพึ่งให้ลุงไปได้ครับ?” เซี่ยเฟยถาม
ระบบเรดาร์ที่เขาพูดถึงคือระบบเรดาร์ที่เขากับแฮร์ริสใช้เวลาร่วมกัน 3 วัน 3 คืนในการช่วยปรับปรุงพิมพ์เขียวให้ออกมาสมบูรณ์มากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามพิมพ์เขียวที่พวกเขาคิดค้นขึ้นมาก็อยู่ห่างจากการนำไปผลิตในเชิงอุตสาหกรรม เพราะมันเป็นพิมพ์เขียวที่มีความซับซ้อนสูงมาก
“ระบบเรดาร์ที่นายออกแบบซับซ้อนมากเกินไป มันจำเป็นจะต้องใช้เวลานานในกระบวนการผลิต เครื่องจักรพวกนี้ทำงานมาตั้งแต่เมื่อวานแต่วันนี้มันยังไม่สามารถผลิตระบบเรดาร์ของนายออกมาได้เลย แต่เรื่องนี้นายไม่จำเป็นจะต้องกังวล ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้มันสามารถผลิตขึ้นมาได้สำเร็จ” พอตเตอร์กล่าวพร้อมกับชี้ไปยังเครื่องจักรที่อยู่ข้าง ๆ
“ผมขอฝากเรื่องนี้เอาไว้กับลุงด้วยนะครับ ถึงแม้ว่าในคราวนี้พวกเราจะยังไม่สามารถผลิตระบบเรดาร์มิวออนทะลวงนรกไททันในเชิงอุตสาหกรรมได้ แต่อย่างน้อยพวกเราก็จำเป็นจะต้องเตรียมพร้อมเอาไว้เพื่อหาทางพัฒนาพวกมันขึ้นในอนาคต” เซี่ยเฟยกล่าว
“จริง ๆ ชื่อระบบเรดาร์มิวออนทะลวงนรกไททันมันก็ตรงตัวดีนะ แต่ฉันคิดว่านายควรจะตั้งชื่อให้กับระบบเรดาร์อันนี้ใหม่” พอตเตอร์กล่าวพร้อมกับดื่มน้ำเพื่อดับกระหาย
เนื่องมาจากเซี่ยเฟยได้ออกแบบระบบเรดาร์ชนิดใหม่ โดยใช้คลื่นสัญญาณมิวออนที่ขยายกำลังโดยเทคโนโลยีระบบซุปเปอร์เรดาร์ของยานไททัน และใช้เทคโนโลยีการนำทิศทางของกระดิ่งนรก เขาจึงได้ทำการตั้งชื่อมันขึ้นมาว่า ‘ระบบเรดาร์มิวออนทะลวงนรกไททัน’
ความจริงแล้วการตั้งชื่อตรง ๆ แบบนี้ก็ไม่ได้มีอะไรผิด แต่ถึงอย่างไรระบบเรดาร์ก็ยังถือว่าเป็นสินค้า ซึ่งถ้าหากว่าชื่อของสินค้าไม่โดนใจมันย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ซื้อ
“ลุงลองช่วยผมคิดชื่อให้กับมันหน่อยสิครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ระบบเรดาร์ถือกำเนิดขึ้นมาจากคลื่นเสียงของค้างคาว และถึงแม้ว่าตอนนี้ระบบเรดาร์จะพัฒนาไปไกล แต่พวกเราก็ไม่สามารถที่จะลืมต้นกำเนิดของระบบเรดาร์ได้ เอาแบบนี้ไหมพวกเรามาตั้งชื่อมันว่า ‘ระบบเรดาร์แบล็คแบท’ ซึ่งชื่อนี้ไม่เพียงแต่จะมีความหมายที่ดีเท่านั้น แต่มันยังให้ความรู้สึกที่ลึกลับแก่ผู้ซื้อด้วย” พอตเตอร์กล่าว
“ได้ครับ หลังจากนี้มันจะชื่อระบบเรดาร์แบล็คแบท” เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“เอาล่ะแยกย้ายกันได้แล้ว ฉันยังมีงานที่ต้องกลับไปจัดการ อย่าลืมหาเครื่องจักรรุ่นใหม่กลับมาให้ด้วย การผลิตเรดาร์แบล็คแบทจำเป็นจะต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงมาก และนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันต้องผลิตเครื่องจักรที่ซับซ้อนขนาดนี้” พอตเตอร์กล่าวพร้อมกับโบกมือให้เซี่ยเฟย
หลังจากตัดระบบการเชื่อมต่อเซี่ยเฟยก็ค้นหาเครื่องจักรที่เหมาะสมสำหรับการผลิตเรดาร์แบล็คแบทเพื่อส่งไปให้พอตเตอร์ที่ดาวโลก แต่เนื่องจากระยะห่างระหว่างดาวโลกกับกลุ่มดาวนครหลวงต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 เดือน ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องหาเครื่องจักรที่คล้ายกันเพื่อทำการผลิตระบบเรดาร์แบล็คแบทมาใช้ในการทดสอบ
ใครจะไปคิดว่าการพยายามหาเครื่องจักรในการผลิตระบบเรดาร์แบล็คแบทในกลุ่มดาวนครหลวงจะเป็นเรื่องยากขนาดนี้ เพราะชายหนุ่มได้ค้นพบในภายหลังว่ามันเป็นเครื่องจักรประเภทที่กลุ่มดาวนครหลวงเลิกใช้ไปนานแล้ว
ระบบค้นหาทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้พบกับโรงงานที่ใกล้ล้มละลายที่อยู่ห่างจากกลุ่มดาวนครหลวงไปประมาณ 1,700 ปีแสง
รายละเอียดในสตาร์เน็ตเวิร์กระบุว่าเขาสามารถเช่าเครื่องจักรได้ในราคาที่เหมาะสม และเขายังสามารถทำการดัดแปลงเครื่องจักรได้ตามใจชอบอีกด้วย เพราะท้ายที่สุดเครื่องจักรเหล่านี้ก็พร้อมที่จะถูกขายออกไปเป็นเศษเหล็ก ผู้ให้เช่าจึงไม่ได้เสียดายมากนักหากเครื่องจักรจะได้รับการดัดแปลง
เมื่อแอวริลรู้ว่าเซี่ยเฟยกำลังจะออกเดินทางเธอก็ไปออดอ้อนพ่อกับปู่ของเธอเพื่อให้เธอเดินทางไปกับเขาด้วย และเนื่องมาจากว่าจุดหมายปลายทางของชายหนุ่มในครั้งนี้เป็นเพียงแค่พื้นที่ใกล้ ๆ พวกเขาจึงยอมให้แอวริลเดินทางออกมาพร้อมกับเขา
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็นำแวมไพร์ออกเดินทาง แล้วเขาก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีว่ามีคนจากตระกูลเจี่ยนแอบตามเขามาด้วย อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ยอมปรากฏตัวเนื่องมาจากพวกเขากลัวว่าหญิงสาวจะโวยวาย
เมื่อเซี่ยเฟยได้เดินทางมาถึงโรงงานเป้าหมาย เขาก็ได้พบว่าเครื่องจักรส่วนใหญ่ยังเป็นของใหม่อยู่เลย ซึ่งหลังจากการสอบถามชายหนุ่มก็ได้พบว่าสาเหตุที่โรงงานแห่งนี้ใกล้จะปิดตัวลงไป มันก็ไม่ใช่เพราะระบบการจัดการที่ไม่ดี แต่เป็นเพราะเจ้าของโรงงานมีเมียน้อยที่มีอายุน้อยกว่าตัวเองถึง 50 ปี เขาจึงถูกเมียหลวงฟ้องหย่าและต้องสูญเสียเงินออกไปเป็นจำนวนมากมายมหาศาล
ยิ่งไปกว่านั้นในระหว่างที่เขาถูกดำเนินคดี เมียน้อยของเขายังแอบคบชู้กับเลขาของเขาเอง ซึ่งทั้งสองคนนี้ก็ได้ยักยอกเงินทุนของโรงงานไปทั้งหมดก่อนที่จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ถึงแม้ว่าโรงงานแห่งนี้จะค่อนข้างทรุดโทรม แต่เครื่องจักรในโรงงานยังทำงานได้เป็นอย่างดี เซี่ยเฟยจึงมีความคิดว่าถ้าหากเขาได้เปลี่ยนโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานของบริษัทควอนตัม มันก็คงจะช่วยประหยัดเงินทุนไปได้มากอย่างแน่นอน
จากนั้นเซี่ยเฟยก็เข้าไปทำการเจรจากับเจ้าของโรงงาน และเนื่องมาจากว่าเจ้าของโรงงานคนนี้ถูกบีบมาจากธนาคารแล้ว ชายหนุ่มจึงสามารถซื้อเครื่องจักรได้มากกว่า 10,000 ชุดในราคาสูงกว่าการขายพวกมันเป็นเศษเหล็กเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันเป็นราคาเพียงแค่ 1 ใน 10 ถ้าหากว่าเขาจะต้องซื้อเครื่องจักรทั้งหมดในราคาของสินค้าใหม่
หลังจากติดต่อซื้อเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยก็ติดต่อไปหาซาร่าเพื่อให้เธอส่งยานอวกาศมาขนเครื่องจักรพวกนี้ไป และเนื่องจากเครื่องจักรมีขนาดที่ใหญ่มากจึงทำให้การขนส่งเครื่องจักรพวกนี้ไปยังโลกน่าจะต้องใช้เวลานานกว่า 4 เดือน
อย่างไรก็ตามบริษัทควอนตัมก็กำลังสร้างโรงงานใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ และเครื่องจักรเหล่านี้ก็คงจะมีประโยชน์ไม่ช้าก็เร็ว
การค้นพบในครั้งนี้ทำให้เซี่ยเฟยได้รู้ว่ารอบ ๆ กลุ่มดาวนครหลวงมีโอกาสให้เขาได้เก็บเกี่ยวอย่างมากมาย เขาจึงพูดคุยกับชาร์ลีเพื่อส่งซันนี่ไปหาซื้อเครื่องจักรราคาถูกจากโรงงานที่ใกล้เจ๊งที่กระจายตัวกันอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มดาวนครหลวง
ระหว่างการประชุมเซี่ยเฟยต้องคอยพูดคุยอยู่ตลอดเวลา แอวริลจึงคอยชงชามาเสิร์ฟชายหนุ่มอย่างกระตือรือร้น
ฉากนี้ทำให้เกิดภาพแปลก ๆ ขึ้นมาในโรงงาน โดยกลุ่มบอดี้การ์ดและสาวใช้ได้ยุ่งอยู่กับการบริการแอวริล แต่แอวริลได้ยุ่งอยู่กับการบริการเซี่ยเฟย มันจึงเกิดเป็นภาพอย่างที่เห็นซึ่งไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี
เมื่อมีแอวริลคอยบริการอยู่ข้าง ๆ มันก็ทำให้เซี่ยเฟยมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นนี้กำลังถูกรวบรวมข้อมูลโดยคนของหลี่โม่
***************
นึกว่าจะมากันแค่ 2 คน แต่นี่มันยกมาทั้งขบวนเลยว่างั้นไหม 5555