บทที่ 9
บทที่ 9
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ชกคนอย่าชกหน้า อย่าเปิดโปงข้อเสียของใครเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น’
ตระกูลสวี่ฝึกฝนวิชาเพลงกระบี่ทระนงสังหารของตระกูลเย่มาจริงๆ แม้นี่จะไม่ใช่ความลับที่เปิดเผยไม่ได้ แต่เมื่อถูกลากขึ้นมาที่แจ้ง ก็เท่ากับเป็นการตบหน้าตระกูลสวี่ในที่สาธารณะ!
“หลี่เฟิง นี่เจ้าหาที่ตาย!?” ในที่สุด สวี่หูก็อดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป โคจรปราณบริสุทธิ์ในร่าง ถ่ายเทลงกระบี่ เปลี่ยนมันเป็นแสงทอประกายเย็นยะเยือก แทงไปยังหลี่เฟิง
“กระบี่ทระนงสังหาร ย่า~!”
“นี่เจ้ากล้า? เพลงกระบี่ --กระบี่หยกทองคำ!”
เคร้ง!
กระบี่ยาวทิ่มแทง ปัดป้องกระบี่ของสวี่หู เมื่อสองกระบี่ชนกันก็เกิดประกายไฟปะทุเป็นบุปผาบาน
“หลี่อวี้ถิง นี่เจ้า ..” ก่อนกระบี่ทระนงสังหารจะเข้าถึงตัวหลี่เฟิง สวี่หูคาดไม่ถึงว่าหลี่อวี้ถิงจะแทรกเข้ามาหยุดมันจากด้านข้าง
“ฮี่ ฮี่ สวี่หู เจ้าลืมบทเรียนครั้งก่อนไปแล้วหรือ?” มุมปากของหลี่อวี้ถิงเผยรอยยิ้มขี้เล่น
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ใช่แล้ว! สวี่หู เจ้าจำไม่ได้หรือว่าคราวก่อนเจ้าแย่งสตรีสกุลซูกับพี่ใหญ่อวี้ถิงจนถูกทุบตีได้รับบาดเจ็บสาหัส?”
“เหอ เหอ ขยะที่พ่ายแพ้ยังมีหน้ามาอาละวาดอีกหรือ?”
สมาชิกตระกูลหลี่อีกคนเอ่ยขึ้น ฉีกหน้าสวี่หูต่อหน้าสาธารณชน
มุมปากหลี่อวี้ถิงคลี่ยิ้มชั่วร้าย “ฮี่ ฮี่ .... สวี่หู ข้าต้องขอบคุณเจ้า ที่ทำให้ช่วงนั้นข้าได้เพลิดเพลินไปกับเรือนร่างอ่อนนุ่มและบอบบางของสตรีสกุลซูอย่างเต็มอิ่ม”
“เจ้า ...” สวี่หูโกรธมากจนดวงตาลุกโชนเป็นไฟ ร่างสั่นเทิ้ม
“แต่ไม่ต้องห่วง ข้าหลี่อวี้ถิงมิใช่คนใจจืดใจดำ ตราบใดที่เจ้าคุกเข่าอ้อนวอนข้า ไม่แน่วันไหนที่คนรับใช้ข้าเล่นกับนางจนเบื่อแล้ว บางทีอาจส่งคืนแก่เจ้า ...”
“เจ้า ... นี่เจ้าพูดอะไรออกมา ..!”
“อ้อ ลืมบอกไป ข้าหลี่อวี้หลิงเป็นคนรู้จักแบ่งปันผู้อื่นเสมอ ข้าได้มอบสตรีสกุลซูให้ไปปรนเปรอคนรับใช้ข้าตั้งนานแล้ว ตอนนี้นางมีความสุขมาก ทุกคืนจะมีอย่างน้อยสี่ถึงห้าคนมาร่วมใช้เวลาดีๆกับนาง ...”
ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา ไม่ต้องกล่าวถึงสวี่หู แม้แต่สวี่ล่ายซึ่งนั่งอยู่ห่างไกลก็ยังได้ยิน และเริ่มเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองในใจ
คำต้องห้ามของผู้ชาย นั่นคือการที่ผู้อื่นสร้างความอับอายแก่สตรีที่ตนรัก เป็นเกล็ดย้อนที่ไม่อาจแตะต้องได้
“หลี่อวี้ถิง วันนี้ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!” จริงดังคาด ในที่สุดสวี่หูสติแตก กระบี่ยาวทิ่งแทงเป็นสายคล้ายดาวตกไล่เกี้ยวจันทรา
“กระบี่ทระนงสังหาร ท่อนที่5!”
“เหอะ เหอะ วันนี้! ข้าหลี่อวี้ถิงขอทดสอบว่าเจ้า! สวี่หูจะพัฒนาไปมากเพียงใดในช่วงหลายปีมานี้! จงเบิ่งตาดู เพลงกระบี่หยกทองคำของข้า!”
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
ปราณกระบี่บินว่อน ทั้งสองแลกกระบี่กันกลางร้านอาหาร
“ไม่ได้การแล้ว!”
“นี่มันการต่อสู้จริงจัง!”
“พวกเรารีบถอยกันเถิด ...”
แขกทุกคนบนชั้นสองต่างหวาดกลัว วิ่งหนีลงมาชั้นล่างด้วยความตกใจ
ตูม ตูม ตูมมม!
จะโต๊ะ เก้าอี้ หรือม้านั่งนับไม่ถ้วนถูกปราณกระบี่ฟันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จานชามตกกระจายเกลื่อนพื้น
ในด้านพลังรบ สวี่หูคือนักสู้ในขอบเขตรวบรวมปราณขั้น 7
ขณะที่หลี่อวี้ถิงได้มาถึงขั้น 9 แล้ว อีกก้าวเดียวก็สามารถตัดผ่านคอขวดเข้าสู่ขอบเขตรวมวิญญาณ
ในแง่ของวิชายุทธ เพลงกระบี่ที่ทั้งสองฝ่ายใช้ล้วนอยู่ในระดับอำพันขั้นกลาง แต่เพลงกระบี่ทระนงสังหารของสวี่หูนั้นขาดหายไป ไม่ครบส่วนในสองสามกระบวนท่าสุดท้าย ขณะที่เพลงกระบี่หยกทองคำของหลี่อวี้ถิงนั้นครบจบสมบูรณ์
“พอประมือกัน สวี่หูไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย” สวี่ล่ายขมวดคิ้วแน่น วิเคราะห์จากระยะไกล
“เหอะ เหอะ สวี่หู เจ้าไม่ได้พัฒนาอะไรขึ้นเลยในช่วงหลายปีนี้ ดูท่าข้าหลี่อวี้ถิงจะคาดหวังในตัวเจ้ามากไป อย่างไรก็ตาม นั่นไม่สำคัญ เพราะเจ้าทำให้ข้านึกถึงสาวน้อยสกุลซูผู้นั้นอีกครั้ง ไว้กลับไปข้าจะมอบค่ำคืนดีๆให้นาง!”
หลี่อวี้ถิงทางหนึ่งฟาดฟัน ทางหนึ่งยั่วยุให้สวี่หูโกรธด้วยคำพูด
“หลี่อวี้ถิง!!! เจ้ารังแกผู้อื่นมากไปแล้ว! เพลงกระบี่ทระนงสังหารท่อนที่ 3!”
สวี่เปาและสวี่เปียวชักกระบี่ของพวกเขาออกมาเช่นกัน เข้าร่วมการต่อสู้
“อ้าว อ้าว ตระกูลสวี่ของพวกเจ้าคิดใช้คนหมู่มากรังแกผู้อื่นงั้นหรือ? พี่น้องทั้งหลาย พวกเราก็ไปกันเถอะ!”หลี่เฟิงออกคำสั่ง ลูกหลานตระกูลหลี่ต่างชักอาวุธออกมา
“อย่าขยับ! ข้าหลี่อวี้ถิงต้องการดูว่าสามพี่น้องตระกูลสวี่จะมีความสามารถสักแค่ไหน!” มุมปากของหลี่อวี้ถิงโค้งงอเล็กน้อย ตะโกนหยุดสมาชิกตระกูลหลี่ที่ต้องการเข้าร่วมการต่อสู้
“รับทราบ! พี่ใหญ่อวี้ถิงทรงพลังมาก รับมือได้อยู่แล้ว!”
“สู้ๆพี่ใหญ่!”
“ทุบตีเจ้าโง่สามคนของตระกูลสวี่ให้พิการไปเลย!”
สมาชิกตระกูลหลี่ที่ยืนอยู่รอบนอกโห่ร้องปรบมือ
ด้านสามพี่น้องตระกูลสวี่ แม้จะร่วมมือกันต่อกรกับหลี่อวี้ถิง แต่ทางสวี่เปาและสวี่เปียวมีพลังรบค่อนข้างน้อย ดังนั้นหลังจากเคลื่อนไหวไปไม่กี่กระบวนท่า พวกเขาก็เริ่มหลั่งเหงื่อ และเปลี่ยนเป็นตั้งรับมากกว่าโจมตี
“ดูท่าเพลงกระบี่ของพวกเจ้าจะถูกใช้จนหมดแล้ว วันนี้! ข้าจะให้พวกเจ้าได้สัมผัสกับสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ของเพลงกระบี่ตระกูลหลี่เรา!”
สิ้นเสียงหลี่อวี้ถิง ปราณบริสุทธิ์ในกายเขาโหมกระหน่ำ กระบี่ยาววาดลวดลายในอากาศดั่งบุปผาบาน พริบตาเดียวปราณกระบี่ท่วมท้นไปทั่วบริเวณ
“สัจธรรม : มหาสมุทรหยกทองคำ! ย่า~!”
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บบบ!
ในอากาศท่วมท้นไปด้วยปราณกระบี่คล้ายตาข่ายใหญ่ ครอบคลุมสามพี่น้องตระกูลสวี่ไว้ข้างในนั้น
“พี่น้องทั้งหลาย พวกเราร่วมมือกัน!”
“ร่วมมือกัน!”
“สู้เพื่อชัยชนะ!”
อย่างไรก็ตาม ทั้งๆที่ควรจะถอยกลับ แต่สามพี่น้องกลับก้าวมาข้างหน้า แต่ละคนใช้ออกด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่ถนัดที่สุดเข้าต่อต้านอย่างเต็มกำลัง
อย่างไรก็ตาม
อ๊าาาา——!
ทันทีที่กระบี่ทั้งสามเล่มสัมผัสกับมหาสมุทรปราณกระบี่ จุดที่โดนพลันแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ สามพี่น้องตระกูลสวี่ถูกกระแทกอย่างแรง ล้มลงกับพื้น
ไม่เพียงแค่นั้น มหาสมุทรปราณกระบี่ยังคงหุบแคบลงอย่างต่อเนื่อง หากเป็นแบบนี้ต่อไป มีแนวโน้มสูงที่สามพี่น้องตระกูลสวี่จะถูกสังหาร
“แบบนี้ท่าไม่ดีแล้ว!” สวี่ล่ายตกใจมาก เมื่อเห็นว่าสามพี่น้องตระกูลสวี่กำลังจะถูกฆ่า ในที่สุดก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก!
เขาชักดาบกระหายเลือดออกมา โคจรปราณบริสุทธิ์ทั่วร่างถ่ายเทเข้าไป จากนั้นเคลื่อนกายเป็นกระแสแสง
“เมฆาเปิดหมอก!”
บรึ้ม——!
การฟันครั้งนี้ ส่งผลให้มหาสมุทรปราณกระบี่ที่ลอยในอากาศหายวับไปทันที
“ห๊ะ? เจ้าเป็นใครกัน?” หลี่อวี้ถิงตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
“ก็คนที่จะตบหน้าเจ้าไง!” ฝีเท้าสวี่ล่ายยังคงมุ่งต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง ฝ่ามือฟาดตบฉาดใหญ่
เพี๊ยะ~!
ประทับลงที่แก้มของหลี่อวี้ถิงพอดิบพอดี
อ๊าาาา——!
หลี่อวี้ถิงกรีดร้อง ชักฝีเท้าถอยอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม บนแก้มเขายังคงทิ้งอาการเจ็บปวดแสบร้อนไว้อย่างชัดเจน
“เด็กน้อย! เจ้ากล้าดียังไง ....”
พรึบ พรึบ พรึบ!
กระบี่ยาวหกถึงเจ็ดเล่มล้อมรอบสวี่ล่ายด้วยความเร็วสูง
“ฮึ่ม!”
“ดั่งคำกล่าวชกคนไม่ชกหน้า เดิมข้าตั้งใจจะไว้หน้าเจ้าบ้าง แต่ฝีปากเจ้าเหมาะสมที่จะถูกเฆี่ยนตีมากกว่า!” สวี่ล่ายยิ้มอย่างเย็นชา ชี้ไปทางหลี่อวี้ถิงอย่างไม่เกรงใจ
“เจ้า ... นี่เจ้ากล้าตบหน้าข้า?” หลี่อวี้ถิงแตะแก้มซ้ายตน แสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองเพิ่งถูกขอทานทำร้าย
“ดูเหมือนเจ้าจะยังมีสติดีอยู่ จัดไป! วันนี้! หากข้าไม่ทุบตีเจ้าจนลืมหน้าบิดามารดา ข้าไม่ขอเป็นคน!” สวี่ล่ายถลึงมอง ไอสังหารที่มองไม่เห็นปกคลุมทั่วร่างกาย
“ไอ้ ... ไอ้ขอทาน! นี่เจ้าเป็นใครกัน?” หลี่เฟิงตกตะลึงกับไอสังหารของสวี่ล่าย แม้ปากเอ่ยด่าทอ แต่ร่างกายกลับสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุม
“พูดมา! เจ้าเป็นใคร?”
“เหตุใดถึงเข้ามายุ่งย่ามเรื่องระหว่างตระกูลสวี่และตระกูลหลี่ของเรา!”
อีกด้านหนึ่ง สามพี่น้องตระกูลสวี่ช่วยกันพยุงตัวลุกอย่างช้าๆ สังเกตผู้มีพระคุณที่มอมแมมผู้นี้
“ขอบคุณผู้กล้าที่ช่วยชีวิต เรียนถามท่านผู้กล้ามีชื่อว่าอะ ....” สวี่หูรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อแสดงความขอบคุณ เพียงแต่เขายังไม่ทันเอ่ยจบ ก็พบกับใบหน้าที่คุ้นเคยจนไม่รู้ว่าจะคุ้นเคยยังไง
“นาย ... นายน้อย!?”
“นายน้อย ท่านยังไม่ตาย?”
“นายน้อย ท่าน ... ท่านกลับมาแล้ว!”
หลังจากทั้งสามอึ้งไปพักหนึ่ง ก็รีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว
“คารวะนายน้อย!”
“ไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ” สวี่ล่ายยิ้ม หันกลับมาพยุงทั้งสาม
สมาชิกตระกูลสวี่ทั้งสามไม่เคยคาดหวังมาก่อน ว่าคนที่ช่วยชีวิตพวกตนที่นี่จะเป็นสวี่ล่าย นายน้อยตระกูลสวี่ของพวกเขา
ด้านสวี่ล่าย ขณะนี้หัวใจเขาปลาบปลื้ม ลอบพูดในใจ “ถึงพรสวรรค์ของนายน้อยตระกูลสวี่จะไม่ดีนัก แต่อย่างน้อยทั้งสามคนข้างหน้าก็ยังเคารพนับถือเขา ฉะนั้นความทรงจำในหัวไม่น่าผิดพลาด”
เวลานี้ สวี่ล่ายเหม่อลอยในห้วงความคิดเป็นเวลานาน พอรู้สึกตัวเลยสลัดมันไป
“ที่แท้เจ้าก็คือนายน้อยขยะของตระกูลสวี่ --สวี่ล่าย?” เมื่อหลี่อวี้ถิงเห็นการกระทำของสมาชิกตระกูลสวี่ทั้งสาม ก็ตกใจทันที
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า~ ก็นึกว่าใคร เป็นขยะตระกูลสวี่นี่เอง” หลี่เฟิงสามารถระบุตัวสวี่ล่ายได้อย่างรวดเร็ว ถึงตอนนี้เขาโล่งใจขึ้นมาทันที
“ไม่ได้เจอกันหลายเดือน นายน้อยอย่างเจ้ากลายเป็นขอทานไปซะแล้ว ดูท่าในที่สุดตระกูลสวี่คงทนไม่ไหว เลยขับไล่นายน้อยไร้ประโยชน์เช่นเจ้าออกไป!
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ......”
เมื่อรุ่นเยาว์ตระกูลหลี่คนอื่นๆเห็นว่านั่นคือสวี่ล่าย แต่ละคนก็แสดงสีหน้ายิ้มเยาะอย่างเปิดเผย
“พวกเจ้ากล้า ...” สวี่หูโกรธมากเมื่อได้ยินแบบนี้ เพียงแต่เขายังไม่ทันระเบิดลง สวี่ล่ายก็เคลื่อนไหวแล้ว
“ฝ่ามือร้อยปะทะ!”
“อ๊ะ! เจ้า ... นี่เจ้ากล้า ...!”
บรึ้ม!
อ๊ากกกกก——!
หลี่เฟิงถูกสวี่ล่ายตบกระเด็น ทั้งคนทั้งร่างตัวลอยหลุดจากระเบียงชั้น 2
[ติ๊ง!]
[ค่าปราณสังหารเพิ่มขึ้น 1 แต้ม]
“เชี่ยแล้วไง! แบบนี้แสดงว่ามันตายรึเปล่าเนี่ย?” สวี่ล่ายตกใจ ไม่นึกว่าการโจมตีคนก็สามารถเพิ่มค่าปราณสังหารได้เช่นกัน
“สวี่ล่าย! นี่เจ้ากล้า!!” หลี่อวี้ถิงโกรธมากเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาลุกพรวดขึ้นพร้อมชี้กระบี่ในมือ
“ไป! ช่วยกันฆ่าเขา!”
“พวกเราลุย!”
รุ่นเยาว์ตระกูลหลี่ทิ่มแทง ตรงเข้าสังหารสวี่ล่าย
“เป็นพวกเจ้าเองนะที่หาเรื่องใส่ตัว!” สวี่ล่ายก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอเช่นกัน ถ่ายเทปราณบริสุทธิ์ลงดาบกระหายเลือดในมือ
“เมฆาเปิดหมอก!”
บรึ้ม!
อ๊าาาา——!
เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชดังระงม สมาชิกตระกูลหลี่หลายคนที่อ่อนแอถูกปราณดาบถล่มทับเข้าเต็มๆ
“ข้าจะฆ่าเจ้า! มหาสมทุรหยกทองคำ!” ดวงตาของหลี่อวี้ถิงแดงก่ำ ปราณกระบี่เตรียมพุ่งทะยานสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม
กรร~!
เสียงคำรามขู่ พร้อมเงาดำปรากฏขึ้นเหนือหัวหลี่อวี้ถิงในพริบตา มันอ้าปากกว้าง เตรียมกัดคำใหญ่โดยไม่แจ้งเตือนใดๆ
“อ๊า! นั่นมันตัวบ้าอะไร!?” หลี่อวี้ถิงตกใจมาก แต่เขาก็มีสติดีพอที่จะยกกระบี่ขึ้นต่อต้าน
ยังไงก็ตาม สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ เมื่อฟันเข้าใส่เงาดำ ตรงจุดที่ปะทะกลับเกิดสะเก็ดไฟเบ่งบานดั่งบุปผา
เคร้ง!
เงาดำไม่สนใจกระบี่ หลังจากปัดเบี่ยงทิศทาง มันก็กัดเข้าที่ไหล่ของหลี่อวี้ถิง
อ๊ากกกก——!”
เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชดังขึ้น เลือดสากกระเซ็นไปทั่ว
แต่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนั้นเอง
“ทุกคนหยุด!”
บรึ้ม!
คลื่นความผันผวนของปราณบริสุทธิ์อันทรงพลังโถมลงมาจากท้องฟ้า
“แข็งแกร่งมาก!” สวี่ล่ายแอบอุทาน รีบเรียกเซียะเทียนกลับ
หวืออออ!
เงาดำสะท้อนวาบเป็นเส้นแสง เซียะเทียนปล่อยปากจากหลี่อวี้ถิง ถอยกลับมาด้านข้างของสวี่ล่าย
“เสือ ... เสือดาวรัตติกาล?”
ณ ขณะนี้ ทุกคนในเหตุการณ์สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าที่ยืนอยู่ข้างๆสวี่ล่ายคือสัตว์ปีศาจที่มีความยาวกว่า 2 หมี่ --สัตว์วิญญาณระดับสูงขั้น 1 เสือดาวรัตติกาล!
คลื่นความผันผวนของปราณบริสุทธิ์กระจายหายไป
จากชั้นล่าง ชายหญิงเจ็ดถึงแปดคนรีบเดินขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในบรรดาทั้งหมด มีชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมแพรสีฟ้าอ่อนลายจันทร์สีคราม สะพายกระบี่ไว้ข้างหลัง คู่นัยน์ตาสะท้อนประกายสังหาร
สวี่ล่ายสังเกตเห็น ว่าชายผู้นี้มีอักษร ‘เทียนเยว่’ ปักอยู่ตรงอกซ้าย
“เทียนเยว่? อาจเป็นคนของนิกายเทียนเยว่กระมัง”
ณ เวลานี้ สตรีทรงเสน่ห์นางหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังชายผู้มีสายตาเย็นชา เมื่อสตรีนางนั้นเห็นฉากอันวุ่นวายบนชั้นสอง เธอก็ขมวดคิ้วทันที
“ร้านเราแค่ทำการค้าเล็กๆ ทุกท่านกลับมาต่อสู้กันที่นี่ ไม่ใช่แค่ทำให้แขกของข้าตกใจกลัว แต่ยังทำลายข้าวของด้วย ไม่ทราบว่าจะมีคำอธิบายเรื่องนี้ยังไง?”
เสียงของเธอไพเราะเหมือนกระดิ่งเงิน ยามได้ฟัง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกระตุ้นสร้างความไม่พอใจแก่ผู้คน
“เดิมข้าไม่ตั้งใจจะลงมือที่นี่ แต่คนตระกูลสวี่ของข้าถูกหมาบ้ากัด เลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงมือ ขออภัยที่ทำให้คุณหนูขุ่นเคือง”
สวี่ล่ายยิ้มเล็กน้อย ก้าวไปข้างหน้าเพื่ออธิบาย อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง คาดไม่ถึงว่าสองตาของเขากับคุณหนูจะประสานกันพอดี
‘ซู๊ด ..! สวยจัง!’
เมื่อสวี่ล่ายเงยหน้ามองว่าใครมา เขาก็ต้องสูดลมหายใจลึก
“เห~ หรือว่าท่านคือนายน้อยของตระกูลสวี่ --สวี่ล่ายที่ไปฝึกฝนในป่าหมอกเมื่อหลายเดือนก่อน?”
คุณหนูผู้สง่างามและมีเสน่ห์ผู้นี้ สำรวจมองสวี่ล่ายเบื้องหน้าขึ้นๆลงๆด้วยความสนใจ
“เป็นข้าเอง” สวี่ล่ายยิ้มบาง ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำ ‘สวี่ล่าย’
ทันใดนั้นสาวกนิกายเทียนเยว่ก็หน้าเปลี่ยนสี มุมปากเผยรอยยิ้มดูแคลนหยามเหยียด
“สวี่ล่าย? ประจวบเหมาะยิ่ง! ขอต้องการทดสอบฝีมือเจ้าอยู่พอดี!”
“เพลงกระบี่ จันทร์กระจ่าง—ลอยกลางนภา!”