ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 325 เร้าร้อนกับเยือกเย็น
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 325 เร้าร้อนกับเยือกเย็น
แปลโดย iPAT
ผู้ทำพิธีบัวดำยิ้มให้หลี่ฉิงซานราวกับเขากำลังพูดว่า “ดังที่ข้ากล่าว!” เขาทำตัวราวกับตนเองไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
หลี่ฉิงซานมองไปทางอันฉงจื่อ นางส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อค่ายกลอ่อนกำลังลงหรือไม่
ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้ สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์อยู่ห่างจากที่นี่มากกว่าห้าร้อยกิโลเมตร แม้นางจะส่งสัญญาณ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมาถึงเร็วเช่นนี้ มีคำอธิบายเพียงหนึ่งเดียว นี่เป็นแผนการ!
แม้ผู้ทำพิธีบัวดำจะได้รับการสนับสนุนจากค่ายกล แต่เขาก็ไม่มีโอกาสชนะผู้นำสำนักทั้งหมด ประตูแห่งความตายเปิดรอเขาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามคำถามอื่นปรากฏขึ้นในใจของหลี่ฉิงซาน หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดพวกเขาไม่โจมตีเร็วกว่านี้แต่ปล่อยให้ผู้คนล้มตายและให้หลี่ฉิงซานกับอันฉงจื่อเสี่ยงชีวิต
หวังฝูซื่อกล่าว “เจ้าสร้างแท่นบูชาที่นี่ ข้าจะดูว่าครั้งนี้เจ้าจะหลบหนีได้อย่างไร”
“ชีวิตและความตายถูกกำหนดโดยโชคชะตา ข้ามิอาจหลบหนีจากอดีต แต่เพราะยังไม่ถึงเวลา ข้าจึงยังมีชีวิตอยู่ ข้ารู้สึกเสียใจมาตลอด แต่วันนี้ผู้บัญชาการจะต้องพอใจอย่างแน่นอน”
ปรากฏว่าแท่นบูชาดอกบัวสีดำเป็นสิ่งที่ผูกติดกับชีวิตของผู้สร้าง ขณะที่เขาสามารถสร้างค่ายกลด้วยแท่นบูชานี้
หลังจากสร้างแท่นบูชา เขาจะไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้โดยง่าย ดังนั้นเขาจึงอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ผู้ฝึกตนก่อกำเนิดทุกคนมีทักษะการหลบหนี ตราบเท่าที่เขาไม่ได้ถูกขังไว้ในค่ายกล เขาสามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดายแม้เขาจะถูกปิดล้อมโดยผู้ฝึกตนก่อกำเนิดทั้งหมดนี้
ด้วยการสังเวชชีวิตผู้คนนับหมื่น ในที่สุดพวกเขาก็สามารถกักขังผู้ทำพิธีไว้ที่นี่ได้สำเร็จ
หลิวจางฉินกล่าว “น่าสงสารหลายหมื่นชีวิตเหล่านั้น”
“นะโม อมิตาพุทธ!” นักบวชรวมจิตสวดมนต์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ
“ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ท่านผู้ว่ามณฑล ท่านต้องดูแลผู้คนนับล้านของมณฑลชิงเหอ ท่านจำเป็นต้องเสียสละบางสิ่ง” ผู้ทำพิธีบัวดำกล่าว “ไม่จำเป็นต้องโศกเศร้า ท่านนักบวช บาปทั้งหมดของพวกเขาถูกชำระล้างแล้ว มีเพียงคนที่มีชีวิตเช่นพวกเราที่ยังแปดเปื้อนไปด้วยบาปและไม่อาจหลุดพ้น”
ผู้ทำพิธีบัวดำไม่ได้เปิดเผยความหน้าซื่อใจคดของพวกเขาแต่กลับปลอบโยนพวกเขา เขาเต็มไปด้วยความเข้าใจและอดทน
“คนชั่วช้า หุบปาก!” เสียงคำรามดังออกมาจากปากของนักบวชรวมจิต เขากล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “หากเจ้าไม่ลงนรก แล้วผู้ใดจะลง? แม้ข้าจะแปดเปื้อนไปด้วยบาป ข้าก็ยังจะฆ่าและกวาดล้างพวกเจ้าทั้งหมด!”
ผู้ทำพิธีบัวดำกล่าว “ท่านนักบวช ท่านผิดแล้ว สำนักพิทักษ์กฎหมายบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้คนซึ่งเป็นเหตุผลที่ผู้บัญชาการหวังต้องการฆ่าข้า นิกายขงจื่อปกครองผู้คนและต้องชั่งใจกับการแลกเปลี่ยนที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเป็นสาเหตุที่ผู้คนทั้งเมืองถูกสังเวยโดยไม่มีทางเลือก อย่างไรก็ตามพระพุทธเจ้าทรงมีเมตตา แม้พระโพธิสัตว์บางองค์จะกำจัดปีศาจ แต่ท่านจะปล่อยให้ความโกรธครอบงำความเมตากรุณาของท่านไม่ได้”
หลี่ฉิงซานสามารถมองเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แรกเริ่มเหล่าผู้นำพยายามโจมตีด้วยวาจา แต่ผู้ทำพิธีบัวดำยังสงบนิ่งราวกับผิวน้ำ
นักพรตเต๋าขี้โมโหกล่าวอย่างหมดความอดทน “จะพ่นเรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้เพื่อสิ่งใด? มาร่วมมือกันฆ่าคนเลวผู้นี้!”
อันเอิ้นฉุนกล่าวกับหลี่ฉิงซาน “ทำได้ดีมาก พานางออกไปจากที่นี่”
นั่นดูเหมือนสัญญาณเริ่มการต่อสู้ ผู้นำทุกคนปลดปล่อยแสงและเริ่มใช้สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณของพวกเขา
หลี่ฉิงซานมองผู้ทำพิธีบัวดำอย่างลึกซึ้งอีกครั้งก่อนจะดึงอันฉงจื่อออกไปกับเขา ผู้ทำพิธีบัวดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เราจะไม่พบกันอีก”
หลี่ฉิงซานไม่ได้รู้สึกดีเลย ผู้ทำพิธีบัวดำสงบเกินไป และจากสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ ดูเหมือนเขาจะคาดการณ์เรื่องทั้งหมดนี้ไว้แล้ว แม้แต่ชีวิตและความตายของเขาก็ดูไม่สำคัญสำหรับเขา โดยไม่ต้องกล่าวถึงความโกรธหรือเจตนาสังหาร เขาไม่เคยพูดหรือแสดงพฤติกรรมที่รุนแรงซึ่งทำให้หลี่ฉิงซานรู้สึกหวาดกลัวอยู่ภายใน
เมื่อมาถึงขอบปราการแสง เขาสามารถออกไปโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง
เมื่อไร้แรงกดดันที่คุกคามชีวิต อันฉงจื่อก็ไม่สามารถฝืนตัวเองได้อีกต่อไป นางกระอักเลือดคำโตและหมดสติทันที
หลี่ฉิงซานไม่กล้ารั้งรออยู่ เขาเรียกก้อนเมฆและพานางไปยังสถานที่ปลอดภัยซึ่งอยู่ห่างไกลพอสมควร จากนั้นเขาก็ยัดเม็ดยาเข้าปากนางและใช้ทักษะรักษาอาการบาดเจ็บให้นาง
หลังจากไม่นานอันฉงจื่อก็ตื่นขึ้นอย่างช้าๆ หลี่ฉิงซานเลิกกังวลเกี่ยวกับนาง แต่เขายังขมวดคิ้ว
การต่อสู้ไม่ได้ปะทุขึ้นทันทีเช่นที่เขาคาดคิด ดูเหมือนผู้ทำพิธีบัวดำจะกล่าวบางสิ่งและทำให้เหล่าผู้นำตกตะลึง
แต่มันเกิดสิ่งใดขึ้น?
…..
เงามืดเคลื่อนตัวผ่านป่าไผ่ในฤดูหนาวอย่างเงียบๆ เฉียนหรงจื่อก้าวเท้าไปบนพื้นหิมะเพียงลำพัง
ลานกว้างปรากฏขึ้นต่อหน้านาง มันว่างเปล่าและสงบเช่นเคย
มีเพียงหลิวฉวนเฟิงที่กำลังเขียนนิยายอยู่ที่นั่น นิยายเป็นความภาคภูมิใจเพียงหนึ่งเดียวของเขา ดังนั้นเขาจะปล่อยให้ศิษย์ของตนขโมยความโดดเด่นไปจากเขาไม่ได้
อย่างไรก็ตามเขาเพ่งสมาธิกับการเขียนมากเกินไปจนไม่รู้ถึงการมาของเฉียนหรงจื่อ
เฉียนหรงจื่อยิ้ม เป็นไปตามคาด หลี่ฉิงซานที่ไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าถูกล่อลวงออกไป
วันนั้นหลังจากตอบรับคำเชิญของชิวรุ้ยลิ่ว เฉียนหรงจื่อรายงานเรื่องดังกล่าวต่อหวังฝูซื่อทันที
หวังฝูซื่อบอกให้นางเล่นไปตามน้ำและทำหน้าที่เป็นอินทรีย์รัตติกาลเฉพาะกิจ เขาให้นางสืบข่าวภายในของนิกายบัวขาวและค้นหาฐานทัพของพวกเขา จากนั้นชายชราก็รายงานเรื่องนี้ต่อไปยังผู้บัญชาการเขตรุ้ยอี้
เขาตั้งใจให้ข้อมูลเชิงลึกบางอย่างแก่เฉียนหรงจื่อเพื่อให้นางได้รับความไว้วางใจจากคนระดับสูงของนิกายบัวขาว ความเสี่ยงที่มากขึ้นจะมาพร้อมกับรางวัลที่มากขึ้น ดังนั้นนางจึงได้รับค่าตอบแทนค่อนข้างมากจากทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามเนื่องจากพรสวรรค์ระดับปานกลางของนาง นางจึงไม่สามารถทะลวงขอบเขตได้อย่างง่ายดาย
“ก๊อก ก๊อก!” เฉียนหรงจื่อเคาะเสาไม้ไผ่บนเฉลียงทางเดิน “หลี่ฉิงซานอยู่ที่นี่หรือไม่?”
“เจ้าคือ?” หลิวฉวนเฟิงเงยหน้าขึ้นและรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม ศิษย์รักของเขาไม่ได้ดีไปกว่าเขา! แล้วเหตุใดเขาถึงโชคดีเรื่องผู้หญิงมากนัก!
เฉียนหรงจื่อกล่าวถึงสำนักของนางและกล่าวถ้อยคำที่สุภาพสองสามคำก่อนจะหยิบไหสุราออกมาจากกระเป๋าร้อยสมบัติ “ข้าลืมไป เขายังไม่กลับมาจากภารกิจทดสอบ ดูเหมือนสวรรค์จะไม่ต้องการให้เขาดื่มสิ่งนี้ เช่นนั้นข้าขอมอบมันให้ท่านแทน”
หลิวฉวนเฟิงรู้สึกมีความสุขมาก โชคเรื่องผู้หญิงของเขาเริ่มมาแล้ว เขาแสร้งกระแอม “นั่นดูเหมือนจะไม่เหมาะสม เหตุใดเจ้าไม่รอหลี่ฉิงซานกลับมาที่นี่?” เขาไม่รอให้เฉียนหรงจื่อยืนกรานใดๆ เขากล่าวเสริม “หากเป็นกรณีนี้ ข้าก็คงไม่สามารถปฏิเสธ”
หลังจากไม่นาน หลิวฉวนเฟิงก็นอนกอดไหสุราอยู่บนพื้น
“เหมือนข่าวลือ เขาไร้ประโยชน์” เฉียนหรงจื่อหยิบป้ายเจ้าสำนักออกมาจากเอวของเขาและเดินไปยังจุดศูนย์กลางของเกาะ
สายลับเป็นงานอันตราย พวกเขาจะอยู่ในวงล้อมของศัตรูตลอดเวลา มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่เมื่อพวกเขาถูกค้นพบ โดยเฉพาะสายลับสองหน้าเช่นนาง
อย่างไรก็ตามนางยังปลอดภัยมาตลอด นางไม่ถูกสงสัยโดยนิกายบัวขาว
เพราะนางรายงานทุกอย่างกลับไปยังนิกายบัวขาวในเวลาต่อมา