ตอนที่ 269 คู่หมั้น
ตอนที่ 269 คู่หมั้น
ระยะทางระหว่างดาวโลกไปยังกลุ่มดาวนครหลวงค่อนข้างไกล แต่โชคดีที่เซี่ยเฟยคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอยู่ในอวกาศแล้ว นอกจากนี้เขายังมีเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องทำ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกเหงาในระหว่างการเดินทาง
หลังจากออกเดินทางในอวกาศเป็นเวลากว่า 10 วัน โบเดนก็ติดต่อมาทางระบบสื่อสาร ชายหนุ่มจึงรีบรับสายโดยหวังจะได้ทราบข่าวเกี่ยวกับงานแข่งของกองทัพที่โบเดนเพิ่งไปเข้าร่วมมา
“ผลออกมาหรือยังครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ผลออกมาแล้วแต่ได้ลำดับไม่ค่อยดีมากนัก ฉันได้ลำดับที่ 178 ซึ่งถือว่าเป็นอันดับกลาง ๆ ในบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด” โบเดนกล่าวออกมาอย่างผิดหวัง
“ผลลัพธ์มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกครับ อย่าลืมว่าพวกเราใช้แค่ยานรุ่นล็อกเกอร์ ซึ่งถือว่าเป็นยานระดับล่างของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดเท่านั้น ขณะที่ผู้เข้าแข่งขันบางคนใช้ยานไฮบริดหรือยานรุ่นของกองทัพ ดังนั้นผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ก็ค่อนข้างจะน่าพอใจมากแล้ว”
“นอกจากนี้ยานของพวกเรายังได้อันดับ 3 ในด้านการป้องกันทั้ง ๆ ที่พวกเราใช้เงินทุนไปไม่ถึง 20 ล้านสตาร์คอยน์ ขณะที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นใช้เงินในการประกอบยานเป็นจำนวนหลาร้อยล้านสตาร์คอยน์” ชาร์ลีที่เข้าร่วมประชุมสายพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ชาร์ลีพูดถูกแล้ว ผลการแข่งขันของพี่ถือว่าอยู่เหนือเกินกว่าความคาดหมายของพวกเรา ว่าแต่ในการแข่งขันเครื่องขยายพลังชาร์จมีประสิทธิภาพเป็นยังไงบ้างครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ประสิทธิภาพของเครื่องขยายพลังชาร์จค่อนข้างดี ในระหว่างการแข่งขันฉันถูกปิดล้อมโดยยานรบของศัตรู 3 ลำ และฉันสามารถป้องกันได้เป็นเวลานานกว่า 15 นาที นี่ถ้าหากไม่ใช่เพราะศัตรูมีระบบดูดพลังงาน ฉันคิดว่าอย่างน้อยฉันก็น่าจะทนได้มากกว่านี้อีกสัก 5 นาที” โบเดนกล่าว
ทันใดนั้นเองชาร์ลีก็หันไปรับสายจากระบบสื่อสารอีกเครื่อง ซึ่งท่าทางในระหว่างที่เขากำลังพูดคุยอยู่นั้นก็กำลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ข่าวดีมาแล้ว! ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ติดต่อมาว่าประสิทธิภาพของเครื่องขยายพลังชาร์จน่าสนใจมาก หลาย ๆ บริษัทในพันธมิตรจึงต้องการให้พวกเราส่งตัวอย่างไปให้พวกเขาทำการทดสอบ ซึ่งถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดมันก็น่าจะมีคำสั่งซื้อตามมาในเร็ว ๆ นี้” ชาร์ลีกล่าวหลังจากที่เขาวางสายไป
“ดีแล้ว แต่นายอย่าลืมว่าพวกเราขายแค่ผลิตภัณฑ์แต่ไม่ได้ต้องการจะถ่ายทอดเทคโนโลยี ก่อนรับคำสั่งซื้อคำนวณกำลังการผลิตให้ดี ๆ อย่าให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียว” เซี่ยเฟยกล่าว
“ได้ครับ” ชาร์ลีตอบรับอย่างหนักแน่น
—
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เดินทางมาจนถึงกลุ่มดาวนครหลวงเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งในครั้งแรกเขาค่อนข้างที่จะรีบร้อนเลยไม่ได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงพันธมิตรแห่งนี้เลย
แต่ในครั้งนี้สถานการณ์แตกต่างออกไป เพราะไม่เพียงแต่เขาจะสามารถชื่นชมสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างสบาย ๆ แต่ยังมีสาวสวยอยู่เคียงข้างคอยให้บริการเขาตลอดเวลาอีกด้วย
แอวริลเดินควงแขนเซี่ยเฟยไปยังสถานที่ต่าง ๆ อย่างเชื่อฟัง ซึ่งคู่ของเขานั้นก็ดูคล้าย ๆ กับคู่หนุ่มสาวบนท้องถนนเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เพียงแต่หน้าตาของแอวริลได้ดึงดูดสายตาอิจฉาริษยามายังเซี่ยเฟยอย่างมากมาย
ในความเป็นจริงแอวริลพยายามแต่งตัวให้ดูธรรมดาที่สุดแล้ว โดยสวมเพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ในลุคสบาย ๆ เพียงแต่เธอไม่สามารถเก็บซ่อนกลิ่นอายความสง่างามของเธอได้ มันจึงมีสายตาของหนุ่ม ๆ จ้องมองมาที่เธอเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
ในที่สุดทั้งสองก็เดินมาจนถึงจตุรัสที่มีน้ำพุถูกยิงขึ้นไปในอากาศ พร้อมกับเสียงเพลงบรรเลงช่วยให้สภาพแวดล้อมบริเวณนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกอันผ่อนคลาย ซึ่งรอบ ๆ จัตุรัสมีม้านั่งวางอยู่เต็มไปหมดแล้วมันก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่คู่รักมักจะมาเดทกัน
“พวกเราไปนั่งตรงนั้นกันเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว” แอวริลกล่าวพร้อมกับชี้ไปยังม้านั่งที่ยังว่างอยู่
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่จะแวะซื้อไอติมโคนมาให้กับหญิงสาว
“อร่อย!”
เซี่ยเฟยยิ้มโดยไม่พูดอะไร เพราะเขารู้ดีว่าแอวริลไม่ค่อยคุ้นเคยกับอาหารนอกคฤหาสน์ ดังนั้นอาหารธรรมดาจึงเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเธอ และเขาก็แอบคิดในใจว่าหญิงสาวจะชอบผัดหมี่เหมือนกับเขาหรือเปล่า
“เดือนหน้าเป็นวันเกิดคุณปู่ของเธอใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“ใช่ งานเลี้ยงวันเกิดคุณปู่มีหลังจากการแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์ประมาณ 1 สัปดาห์ นายมั่นใจว่าจะเอาชนะการแข่งขันในครั้งนี้ไหม?” แอวริลกล่าวพร้อมกับก้มศีรษะลง
เซี่ยเฟยรู้สึกว่าแอวริลไม่ค่อยอยากจะพูดถึงงานวันเกิดคุณปู่ของเธอมากนัก ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเพราะงานสังคมไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเธอ
“จักรวาลนี้ไม่มีอะไรที่แน่นอน แต่ฉันจะพยายามทำผลลัพธ์ออกมาให้ดีที่สุด” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เพราะท้ายที่สุดมันก็มีตัวแปรต่าง ๆ ที่เขาไม่รู้จักอยู่เสมอ ดังนั้นสิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำจึงมีเพียงแค่การตั้งเป้าหมายและพยายามอย่างดีที่สุด
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะคอยเชียร์นายเอง” แอวริลกล่าว
“ถ้าไปในที่ที่มีคนมาก ๆ อย่าลืมล่ะว่าเธอต้องพาบอดี้การ์ดของเธอไปด้วย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันไม่ชอบพวกเสาไม้พวกนั้นเลย พวกเขาทำตัวเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่ต่างไปจากเสาไม้ ฉันขอไปแบบสบาย ๆ เหมือนวันนี้ไม่ได้เหรอ?” แอวริลกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เมื่อเธอมากับฉัน ฉันต้องคอยปกป้องเธออยู่แล้ว พวกบอดี้การ์ดจึงไม่จำเป็นจะต้องเดินทางมาพร้อมกับเราด้วย แต่ถ้าหากฉันไม่อยู่เธอช่วยทำให้ฉันรู้สึกสบายใจหน่อยได้ไหม” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำพูดของเซี่ยเฟยเพียงแค่ไม่กี่คำกลับทำให้ใบหน้าของแอวริลเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอจึงเอนกายพิงชายหนุ่มเบา ๆ ก่อนที่จะพึมพำตอบกลับไปว่า
“ฉันรู้ว่านายพยายามอย่างดีที่สุดที่จะปกป้องฉัน ไม่ต้องห่วงฉันจะพยายามทำให้นายรู้สึกสบายใจ”
—
3 วันต่อมา ณ ดาวบาลัน บริเวณรอบนอกของกลุ่มดาวนครหลวง
ดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ห่างจากกลุ่มดาวนครหลวงไม่ถึง 1 ปีแสง และมันก็เป็นสถานที่จัดการแข่งขันต่าง ๆ ภายในพันธมิตร ซึ่งการแข่งขันในรายการโกลเดนฟิงเกอร์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ผู้จัดการแข่งขันถือว่าวางแผนเรื่องนี้ได้ดีมาก เพราะการแข่งขันขนาดใหญ่ของพันธมิตรย่อมสามารถดึงดูดผู้ชมจำนวนมหาศาลได้อย่างแน่นอน การจัดการกับผู้ชมทั้งหมดจึงไม่ใช่เรื่องง่ายพวกเขาจึงจัดงานขึ้นบนดาวเคราะห์ที่มีผู้อาศัยถาวรอยู่ไม่มากนัก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการแข่งขันเกิดขึ้นดาวเคราะห์ดวงนี้ก็จะกลายเป็นดาวเคราะห์ที่มีชีวิตชีวาในทันที
หลังจากเซี่ยเฟยก้าวเท้าลงจากยานขนส่งเขาก็ได้พบกับผู้เข้าแข่งขันมากหน้าหลายตา และเนื่องจากว่ามีผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก มันจึงจำเป็นจะต้องมีการแข่งขันรอบคัดเลือกเสียก่อนเพื่อจะทำการคัดตัวผู้เข้าแข่งขันที่เข้ารอบไปยังรอบต่อไป
เซี่ยเฟยเดินตามคำแนะนำของสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ไปยังศูนย์จัดการแข่งขัน แต่หลังจากที่เขาได้เดินมาไม่กี่นาทีเขาก็ได้พบกับคนสองคนที่เขาคุ้นเคย
“เยว่เกอ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะเธอเดินมาพร้อมกับไป๋เย่และชายหนุ่มชุดขาวอีกหนึ่งคนที่ดูดีกว่าไป๋เย่มาก
ระหว่างทางเยว่เกอยกมือขึ้นมากอดหน้าอกพร้อมกับจงใจหันศีรษะมองออกไปยังด้านข้างราวกับว่าเธอไม่ต้องการอยู่ร่วมกับคนพวกนี้
ทันใดนั้นหญิงสาวก็ได้พบกับเซี่ยเฟยที่กำลังยืนโบกมือให้กับเธอ สีหน้าของเธอจึงเปลี่ยนจากบึ้งตึงเป็นรอยยิ้มด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งออกมาเพื่อมาหาเพื่อนชายของเธอ
“เซี่ยเฟยทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” เยว่เกอตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ฉันก็มาเข้าร่วมการแข่งขันน่ะสิ ฉันได้ยินมาจากลุงอันเดร์ว่าเธอกลับไปที่ค่ายหลังจากที่ฉันออกมาแล้ว ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ?” เซี่ยเฟยกล่าว
“โลกของนายไม่ค่อยดึงดูดฉันสักเท่าไหร่ฉันเลยกลับไปที่ค่ายฝึก แต่ฉันก็ถูกลากมาที่นี่ด้วยเหมือนกันจากคนพวกนั้นแหล่ะ” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับมองไปยังกลุ่มคนด้านหลังด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เมื่อได้เห็นว่าเซี่ยเฟยกำลังมองมาด้วยความสงสัย ไป๋เย่ก็แสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกมา ขณะที่ชายหนุ่มชุดขาวข้าง ๆ ก็พยักหน้าทักทายเซี่ยเฟยเล็กน้อย เซี่ยเฟยจึงพยักหน้าทักทายเขากลับไปเช่นกัน
“นายเข้าร่วมการแข่งขันด้วยเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินนายพูดเรื่องนี้เลย” เยว่เกอถาม
“ฉันต้องรายงานทุกอย่างให้เธอรู้เลยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามกลับ
ทั้งสองสนิทสนมกันเป็นอย่างดีพวกเขาจึงมักพูดจาหยอกล้อกันเป็นประจำ แต่ชายชราชุดสีน้ำเงินที่อยู่ด้านหลังไป๋เย่นั้นดูเหมือนจะไม่ชอบที่เซี่ยเฟยพูดคุยกับเยว่เกอ
“เยว่เกอมานี่ ทำไมเธอถึงทิ้งคุณชายไป๋ไปแบบนั้น?”
หญิงสาวมองไปยังชายชราชุดสีน้ำเงินด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะหันมาบอกกับเซี่ยเฟยว่า
“เขาคือพ่อฉันเอง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาบังคับฉันก็คงจะไม่มาที่นี่หรอก”
“อ้าว! ถ้าอย่างนั้นพ่อเธอก็กำลังเรียกอยู่น่ะสิ ทำไมเธอถึงไม่รีบกลับไปล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“เดี๋ยวฉันโทรหานะ” เยว่เกอกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้าโดยยังไม่พูดอะไรก่อนที่เขาจะหันไปโค้งคำนับให้กับพ่อของสหายและเดินเข้าไปในศูนย์จัดการแข่งขัน
การยืนยันตัวตนผู้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างจะยุ่งยากสักเล็กน้อย ซึ่งเซี่ยเฟยก็ต้องใช้เวลามากพอสมควรก่อนที่เขาจะได้รับบัตรประจำตัวผู้เข้าแข่งขันมา
เดิมทีเขาต้องการจะลงทะเบียนเพียงแค่การแข่งขันการปรับแต่งยานและการแข่งขันซ่อมแซมเครื่องยนต์กลไก ซึ่งในบรรดาการแข่งขันทั้งหมดการแข่งขันปรับแต่งยานถือว่าเป็นการแข่งขันที่สำคัญที่สุด และมันก็เป็นการแข่งขันที่ยากที่สุดด้วยเช่นกัน
แต่เซี่ยเฟยเลือกที่จะลงทะเบียนการแข่งขันค้นหาวัตถุด้วย โดยการแข่งขันชนิดนี้จะเป็นการแข่งออกค้นหาวัตถุที่ถูกซ่อนไว้ในจักรวาล ซึ่งมันเป็นการแข่งขันระหว่างทักษะการขับยานและเป็นการแข่งวัดระบบเรดาร์ในยานอวกาศ
แม้ว่าในปัจจุบันเขายังไม่สามารถพัฒนาระบบซุปเปอร์เรดาร์ได้ แต่เขาก็อยากลองแข่งขันรายการนี้ดู เพราะท้ายที่สุดการแข่งขันค้นหาวัตถุก็ให้คะแนนที่สูงมากและมันก็คุ้มค่าที่เขาจะลองลงแข่ง
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้พบกับห้องพักที่ทางงานแข่งได้จัดเอาไว้ให้กับเขา แต่หลังจากที่เขาได้สำรวจห้องพักแล้วเขาก็เตรียมตัวที่จะออกไป เพราะท้ายที่สุดที่นี่ก็ไม่เหมาะสมสำหรับการติดต่อกับแอวริลแล้วเขาก็ยังจำเป็นที่จะต้องไปหาทูรามด้วย
“เยว่เกอโทรมาบอกให้นายรออยู่นี่ก่อนไม่ใช่เหรอ?” อันธกล่าวเตือน
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็จำสิ่งที่เยว่เกอบอกเอาไว้ในก่อนหน้านี้ได้ เขาจึงเปิดไมโครคอมพิวเตอร์ขึ้นมาทำการศึกษากระดิ่งนรกระหว่างรอหญิงสาวมาหา
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในที่สุดท้องฟ้าด้านนอกก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ก่อนที่มันจะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
เซี่ยเฟยปิดคอมพิวเตอร์และเปิดประตูพร้อมกับเห็นเยว่เกอที่อยู่ในชุดรัดรูปกำลังยืนลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่นอกประตู
“รีบปิดประตูเร็ว ๆ เข้า! เดี๋ยวคนอื่นเห็น” หญิงสาวรีบบอกหลังจากที่เธอมุดเข้ามาภายในห้อง จากนั้นเธอก็ทิ้งตัวลงไปบนเตียงพร้อมกับส่งเสียงหอบออกมาอย่างหนัก
“ทำไมเธอถึงต้องทำตัวลึกลับขนาดนั้นด้วย? พวกเราไม่ได้เป็นชู้กันสักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ทำไม! นายอยากจะทำอะไรกับฉันงั้นเหรอ?” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ใครจะไปกล้า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับโบกมือไปมา
จากนั้นชายหนุ่มก็จุดบุหรี่พร้อมกับนั่งลงตรงข้ามกับหญิงสาว และมองไปยังเยว่เกอด้วยความสงสัย
“ฉันแอบออกมาข้างนอกหลังจากอ้างว่าปวดท้อง ฉันเลยไม่อยากให้ใครรู้” เยว่เกอกล่าว
“เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถาม
“มันเห็นชัดขนาดนั้นเลยเหรอ” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างแนบปิดแก้มของเธอเอาไว้
“มันก็ไม่ได้ชัดขนาดนั้นหรอก แต่อาจจะเป็นเพราะพวกเราค่อนข้างสนิทกันฉันเลยพอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเธอได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายน่าจะรู้จักกับไป๋เย่อยู่แล้วใช่ไหม?” เยว่เกอถามพร้อมกับหยิบแตงกวาขึ้นมากัด
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรกลับไป
“อันที่จริงฉันเป็นคู่หมั้นของไป๋เย่” เยว่เกอพูดขึ้นมาเบา ๆ
“ก็ว่า ทำไมเขาถึงทำตัวเหมือนหึงเธอตลอด ที่แท้พวกเธอก็เป็นคู่หมั้นกันนี่เอง ความจริงไป๋เย่ก็ดูดีนะทำไมเธอถึงต้องพยายามหลบหนีมาแบบนี้” เซี่ยเฟยกล่าว
“แล้วทำไมนายไม่ไปแต่งงานกับมันแทนฉันล่ะ!” เยว่เกอตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธพร้อมกับใช้แตงกวาชี้ไปยังใบหน้าของเขา
เซี่ยเฟยไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องโกรธมากขนาดนี้ เขาจึงพยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันแค่อยากจะบอกว่าถ้าเธอไม่ชอบเขาเธอก็ควรจะต้องกลับไปจัดการเรื่องนี้ดี ๆ ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างคาราคาซังอยู่แบบนี้”
“ฉันก็อยากจะจบเรื่องนี้เหมือนกันนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะ…” เยว่เกอพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ แต่จู่ ๆ มันก็มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอ
“ไป๋เย่เป็นคนของตระกูลไป๋ซึ่งเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลในภูมิภาคดาวดาโร อย่างไรก็ตามอิทธิพลของตระกูลเขาไม่สามารถกดดันตระกูลของฉันได้ แต่เรื่องมันแตกต่างกันออกไปเพราะตระกูลพี่ตระกูลน้องของตระกูลไป๋ต่างหาก”
“ผู้ชายชุดขาวที่นายเห็นในวันนี้เป็นคนจากตระกูลหลี่ที่เป็นตระกูลพี่ตระกูลน้องกับตระกูลไป๋ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังเป็น 1 ใน 6 ตระกูลหลักของพันธมิตร ฉันเลยไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ตรง ๆ ได้”
“แล้วตระกูลหลี่มาเกี่ยวอะไรกับการแต่งงานของเธอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“นายจะเข้าใจอะไรยากนักหนาเนี่ย! ตระกูลหลี่เป็นตระกูลที่ควบคุมระบบธนาคาร ส่วนหลี่โม่กับไป๋เย่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน” เยว่เกอกล่าวอธิบาย
“ถึงยังงั้นฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ถ้าเธอไม่อยากแต่งงานก็ควรจะจบเรื่องนี้ง่าย ๆ ไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยเฟยไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของชนชั้นสูงในจักรวาลได้
“ในสมองของนายมีแต่ขี้เลื่อยหรือยังไงห๊ะ! ในตระกูลของฉันมีผู้คนอยู่นับหมื่นคนไม่ใช่คนไม่มีครอบครัวแบบนาย ตราบใดก็ตามที่คนจากตระกูลหลี่ไม่พอใจ พวกเขาก็สามารถทำให้ธุรกิจในตระกูลของเราล้มละลายได้ภายใต้คำพูดเพียงแค่ไม่กี่คำ” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับตบเตียงลงไปอย่างแรง
เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก เพราะท้ายที่สุดเขาก็อยู่ตัวคนเดียวจึงไม่มีเรื่องครอบครัวให้ต้องกังวล แต่สำหรับผู้คนที่มาจากตระกูลขนาดใหญ่ก็จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องธุรกิจของตระกูลมากเป็นพิเศษ
หลังจากนั้นไม่นานเยว่เกอก็ตระหนักได้ว่าเธอพูดจาไม่ดีมากเกินไป เธอจึงหันไปพูดกับเซี่ยเฟยด้วยความสำนึกผิด
“ฉันขอโทษด้วย ฉันไม่ควรพูดถึงครอบครัวของนายเลย”
“ไม่เป็นไร ฉันเนี่ยแหละที่ควรจะต้องขอโทษที่คิดว่าเรื่องนี้มันน่าจะเป็นเพียงแค่เรื่องง่าย ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับโบกมือไปมา
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป?” เซี่ยเฟยถาม
“ฉันยังจะทำอะไรได้อีก เต็มที่ฉันก็แค่พยายามเลื่อนเวลาออกไปให้ได้มากที่สุด” เยว่เกอกล่าว
“ฉันพอจะมีความคิดดี ๆ อยู่บ้าง แต่มันน่าจะเป็นความคิดที่ชั่วร้ายไปสักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายมีความคิดอะไร? รีบพูดมาเร็วเข้า!” เยว่เกอกล่าวด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
“เธอก็แค่จะต้องหาผู้หญิงสักคนไปจับไป๋เย่ไว้ จากนั้นเธอก็หาหลักฐานว่าพวกเขาทั้งสองคนอยู่กินด้วยกัน แบบนี้เธอก็จะสามารถหาเหตุผลว่าไป๋เย่มีครอบครัวแล้วและสามารถปฏิเสธการแต่งงานระหว่างพวกเธอได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“แบบนั้นมันไม่มีประโยชน์หรอก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไป๋เย่ผ่านผู้หญิงมาแล้วหลายคน แต่ในสายตาตระกูลของพวกเราเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แล้วมันก็ไม่สามารถนำมาอ้างเป็นเหตุผลสำหรับการยกเลิกการแต่งงานได้” เยว่เกอกล่าวอย่างไม่พอใจ
เซี่ยเฟยเงียบเสียงไปพร้อมกับคิดถึงฉากที่ไป๋เย่ถูกล้อมรอบด้วยสาว ๆ ในระหว่างที่เขาอยู่ในค่ายฝึก
อันที่จริงเซี่ยเฟยมีความคิดที่จะฆ่าไป๋เย่ทิ้งเหมือนกัน แต่การทำแบบนั้นมันก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา โดยเฉพาะเยว่เกอที่อาจจะต้องเดือดร้อนเพราะเธอคงจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับ 1
“ฉันจำได้ว่านายมีแฟนอยู่ในกลุ่มดาวนครหลวงใช่ไหม? ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะ?” จู่ ๆ เยว่เกอก็ถามขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“เธอชื่อแอวริล แต่พวกเรายังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันสักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ทำไมมันถึงบังเอิญแบบนี้! หลี่โม่ก็มีคู่หมั้นชื่อแอวริลเหมือนกัน แต่เธอคงจะไม่มีทางเป็นแอวริลคนเดียวกับแฟนของนายหรอก เพราะตระกูลของแอวริลคนนั้นทำธุรกิจขนาดใหญ่ทำให้ตัวตนของเธอแตกต่างจากนายมาก” เยว่เกอกล่าวด้วยความประหลาดใจเมื่อได้เห็นคนทั้งสองมีชื่อที่เหมือนกัน
***************
เอาแล้ว! ระเบิดลูกใหม่และศัตรูคนใหม่!!