ตอนที่ 1135 โอ้.. ถ้าฉันไม่ตอบตกลงล่ะ?
หลินฟาน รู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อยจริงๆ เขาเองก็นึกว่ามันเป็นเรื่องอะไร.. แต่กลับกลายเป็นการปะทะกันระหว่างแฟนบอล เรื่องแบบนี้เขาไม่เคยเจอ และด้วยความที่เขาไม่ได้เป็นแฟนบอล แต่ก็พอเคยเห็นข่าวแบบนี้อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม เขาก็พอรู้เรื่องว่าแฟนบอลของทั้งสองทีมทะเลาะกันเรื่องอะไร
น่าปวดหัวจริงๆ ตอนนี้ หลินฟาน ก็เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลหยุนเฉิง แล้ว เรื่องแบบนี้ต่อไป ..เขาเองก็กลัวจะต้องพบเจออยู่ไม่น้อย
“อะไร นี่คุณไม่คิดว่าทีมหยุนเฉิงเป็นขยะ?”
พี่เฉิน หรือคือหนึ่งในชายฉกรรจ์ที่เปลือยท่อนบน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ได้ยินอย่างนี้ คนในร้านก็พากันหัวเราะออกมากันหมด
ดูเหมือนว่าทีมหยุนเฉิงจะได้รับการยอมรับว่าแย่มากจริงๆ
“เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ทีมหยุนเฉิง ใกล้จะตกชั้นซูเปอร์ลีกแล้ว ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แน่นอนว่าทีมหยุนเฉิงจะต้องตกชั้น ถึงตอนนั้นแม้แต่ ซูเปอร์ลีก ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ลงเล่น, หากไม่เรียกว่าขยะ แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?” พี่เฉิน ก็ได้หัวเราะเสียงดังออกมา
หลินฟาน กล่าวว่า : “ฉันไม่ได้มาเพื่อมาอภิปรายกับพวกคุณ ทีมหยุนเฉิงจะเป็นขยะหรือไม่นั้น คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไร แค่รอดูผลงานของทีมหยุนเฉิงก็เท่านั้น”
พี่เฉิน กล่าวว่า : “ผลงาน? ผลงานของทีมหยุนเฉิง ทุกคนเองก็ได้เห็นแล้ว ใช่ไหม ยังจำเป็นต้องไปดูอีกไหม?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “พี่ใหญ่คนนี้ คุณต้องมองปัญหาจากมุมมองของการพัฒนา หากหยุดมองอยู่แต่กับอดีตเช่นนี้ไม่ได้ ต้องมองไปที่อนาคต อย่างไรก็ตาม อีกไม่กี่วัน ทีมหยุนเฉิงก็จะลงสนามแล้ว โอ้.. จริงแล้ว มันยังเอามาเทียบกับทีมเย่เฉิงได้ แล้วมาดูกันว่าทีมไหนจะเป็นขยะกว่ากัน ถึงตอนนั้นเดี๋ยวก็ได้รู้แล้ว ไม่จําเป็นต้องมาทะเลาะกันที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ต่อให้พวกคุณทะเลาะกันจนฟ้าผ่าลงมามันก็ไม่มีผลอะไร เราเองก็ค่อยมาพูดด้วยข้อเท็จจริงในเวลานั้น ไม่ดีกว่าหรือ?”
พี่เฉิน กล่าวว่า : “คุณพูดฟังดูดีจริงๆ ข้อเท็จจริงอย่างั้นเหรอ..? อย่างไรถึงตอนนั้น มันก็มีแต่จะตบหน้าคุณก็เท่านั้น!”
หลินฟาน กล่าวว่า : “งั้นก็คอยรอดูสิ ฉันมาพาเพื่อนฉันไป ถ้าพวกคุณไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ฉันก็คิดว่าทุกคนเอง ..ก็ควรที่จะแยกย้ายกันไปได้แล้วนะ”
ชายร่างผอม ได้พูดด้วยความโกรธ : “เขาดูถูกทีมเย่เฉิงของเรา แค่อยากจะจากไปแบบนี้ มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น!”
หลินฟาน ได้ร้องโอ้ และถาม หวาง เซียงเฉียน ไปว่า : “คุณได้พูดดูถูกทีมเย่เฉิง?”
หวาง เซียงเฉียน กล่าวว่า : “เขาใส่ร้ายกัน พี่ฟาน ฉันไปพูดดูถูกตรงไหน ฉันแค่คาดเดาว่าพวกเขาจะแพ้ และต้องเสียประตูไปสามประตู ฉันเองก็แค่คาดเดาจากการเล่นของทีมเย่เฉิงในคืนนี้ก็เท่านั้น แต่จากนั้นผู้ชายคนนี้ก็เข้ามาขวางพวกเราไม่ให้ออกไป”
หลินฟาน กล่าวว่า : “แล้วตอนนี้ เสียไปกี่ประตูแล้ว?”
หวาง เซียงเฉียน พูดว่า : “เสียไปสองแล้ว”
หลินฟาน กล่าวว่า : “อีกนานแค่ไหน เกมการแข่งขันจะจบ?”
หวาง เซียงเฉียน พูดว่า : “เหลืออีกสามนาที”
หลินฟาน กล่าวว่า : “โอเค.. งั้นก็รอสามนาที ดูว่าสุดท้ายแล้วจะเสียประตูไปกี่ประตู อีกอย่างถ้าสุดท้ายไม่เสียสามประตู ก็คือเพื่อนของฉันคาดเดาผิด ถึงตอนนั้นฉันก็จะให้เขาขอโทษคุณ ถ้าเสียสามประตูไปจริงๆ นั้นก็เท่ากับว่าเพื่อนของฉันไม่ได้คาดเดาผิด ทีมเย่เฉิง ทําได้ไม่ดีจริงๆ และคุณก็ไม่จําเป็นต้องมากระโดดกระทืบเท้าไปมาอยู่ที่นี่อีก คุณเห็นว่าอย่างไร?”
หลินฟาน ได้มองไปที่ชายร่างผอม
ชายร่างผอมได้ยิ้มอย่างเย็นชา และพูดว่า : “ฉันต้องการให้เขาคุกเข่าลง และขอโทษฉัน!”
หวาง เซียงเฉียน ก็ดูมีอารมณ์ขึ้นมาแล้วเช่นกัน เขาได้พูดว่า : “พี่ฟาน พี่เห็นไหม ที่เขาพูดออกมาน่ะมันใช่ภาษาคนหรือเปล่า? และแม้ว่าฉันจะคาดเดาผิด แล้วมันจำเป็นไหมที่ฉันจะต้องไปคุกเข่าให้กับเขา ก็เพราะแค่เขามีความภาคภูมิใจในตนเองงั้นเหรอ?”
หลินฟาน พูดว่า : “อืมม, ไม่จําเป็นต้องคุกเข่าจริงๆ คําขอของคุณมากเกินไป”
ชายร่างผอม พูดว่า : “ไม่จําเป็นต้องพูดอะไรแล้ว คุกเข่าขอโทษฉัน พวกคุณไม่เต็มใจก็ต้องเต็มใจ!”
หลินฟาน ได้มองไปที่ พี่เฉิน : “พี่ใหญ่ คุณเองได้เรียกเขาว่าพี่น้อง งั้นก็ช่วยออกมาตัดสินเถอะ”
พี่เฉิน ได้ถอนหายใจออกมา และพูดว่า : “มันก็แค่เรื่องไร้สาระเรื่องหนึ่ง แล้วนี่ฉันมันมาเกี่ยวอะไร…”
เขามอง หลินฟาน ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ได้เปลี่ยนสีหน้า : “เพื่อน พี่น้องของฉันคนนี้ก็ขี้หวาดระแวงไปหน่อย คุณเองก็รู้ ถ้าพวกคุณแพ้ ก็ช่วยให้ความร่วมมือหน่อย เพื่อไม่ให้ฉากนี้นั้น มันดูน่าเกลียด…”
หลินฟาน พูดไม่ออกเล็กน้อย แน่นอนว่าเขามองออกว่าชายร่างผอมคนนี้ มีบุคลิกที่ขี้หวาดระแวง คนประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์รุนแรง แต่นี่มันก็เป็นปัญหาของเขา ทําไม.. หรือพวกเขาต้องชินกับนิสัยของเขา?
หลินฟาน กําลังจะพูดบางอย่าง..
แต่ในเวลานี้ กลับมีเสียงดังมาจากทีวี หวาง เซียงเฉียน ได้มองไปที่ทีวี และก็ส่งเสียงไชโยโห่ร้องออกมาว่า : “เป็นไง ทำประตูไปได้ 3 ประตูต่อ 0 ฉันคาดเดาไม่ผิด พวกคุณแพ้แล้ว!”
หวาง เซียงเฉียน ก็มีความสุขอยู่พักหนึ่ง ยิ้มยิงฟัน พร้อมกับทําสีหน้าภาคภูมิใจ
“นี่…” พี่เฉิน ที่เห็นแบบนี้ ก็ได้ถอนหายใจ ..ช่วยไม่ได้จริงๆ
ชายร่างผอม ก็มีสีหน้าเหมือนกับขี้เถ้าไปในทันที เสียงหัวเราะ และรอยยิ้มของ หวาง เซียงเฉียน เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสิ่งที่กระตุ้นเขา เมื่อนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นอย่างอธิบายไม่ได้ เหมือนมันกําลังก่ออารมณ์ และแทบที่จะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา
แฟนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอได้รีบวิ่งเข้ามาดึงชายร่างผอม : “ช่างมันเถอะ ไปกันเถอะ เลิกวุ่นวายได้แล้ว”
หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “แบบนี้ก็ดีแล้ว ดูเหมือนว่าหัวข้อที่ว่าให้คุกเข่าขอโทษ ก็คงไม่จําเป็นต้องคุยกันแล้ว เรื่องนี้เพื่อนของฉันได้คาดการณ์ไม่ผิด ตามข้อตกลงเมื่อกี้ เรื่องนี้ก็ให้จบลงแค่นี้ เอา.. ทุกคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว”
“ไม่!”
จู่ๆ ชายร่างผอม ก็ได้ตะโกนออกมา
ทีมเย่เฉิงแพ้.. เขาเองได้ถูกข้อเท็จจริงนี้ตบหน้า มันก็เป็นแรงกระตุ้นแก่เขามากพออยู่แล้ว มาตอนนี้กลับได้เห็น หวาง เซียงเฉียน ยิ้ม หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ มันก็ยิ่งกระตุ้นเขามากขึ้น จนเขาในตอนนี้.. แทบจะเสียสติไปแล้ว
“แกต้องคุกเข่า และขอโทษฉันวันนี้ ไม่งั้นก็อย่าได้คิดที่จะออกไปจากประตูนี้ได้เลย!” ชายร่างผอม ได้คำรามออกมา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทุกคนภายในร้านก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว คนๆ นี้ก็ไม่มีเหตุผลเกินไป เขาคิดสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล นี่นับได้ว่าแปลก.. มาตอนนี้ยังต้องการให้คนอื่นคุกเข่าขอโทษเขา นี่ก็เกินไป เกรงว่าบางทีเขาอาจจะป่วยจริงๆ!
หวาง เซียงเฉียน ก็ใช่ว่าจะไม่มีอารมณ์ เขาเองได้หัวเราะ แล้วพูดว่า : “อยากจะหัวเราะให้ตายจริงๆ คุณดูคุณสิ พูดตามตรงนะ นี่มันดูเป็นเรื่องปกติไหม หรือว่าคุณ ..เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว?”
ชายร่างผอม ได้ชี้นิ้วไปที่ หวาง เซียงเฉียน และตะโกนออกไปว่า : “แกมันจะขอโทษหรือไม่ขอโทษ?”
หวาง เซียงเฉียน กล่าวว่า : “ไม่.. ไม่มีทาง!”
“ไม่ว่ายังไง แกมันก็ควรขอโทษฉันมา!” ชายร่างผอมได้พูด ทั้งได้ก้าวขึ้นไปพยายามบังคับ หวาง เซียงเฉียน ทันที แฟนสาวของเขาเองก็ได้พยายามเข้ามาห้ามเขา แต่ก็กลับถูกเขาผลักออกไป
พี่เฉิน เองก็ต้องลงมือหยุดชายร่างผอมคนนี้ และกล่าวเตือนสติไปว่า : “พี่น้องเรา ใจเย็นๆ หน่อย นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร…”
หลินฟาน กล่าวว่า : “พี่ใหญ่ คุณพาเขาไปเถอะ ปล่อยให้เรื่องมันจบลงแค่นี้”
พี่เฉิน จึงได้พยายามเกลี้ยกล่อม ชายร่างผอม แต่ ชายร่างผอม กลับไม่ยินยอมฟัง และยังยืนกรานที่จะให้ หวาง เซียงเฉียน ขอโทษ
พี่เฉิน ก็ช่วยไม่ได้ เขาเองได้ถอนหายใจ และพูดกับ หลินฟาน ว่า : “ก็ดูเอาเองสิ พี่น้อง ฉันไม่ยอม แบบนี้ทำไงได้ งั้นคุณก็ให้เพื่อนของคุณมาคุกเข่าขอโทษ พี่น้อง ฉัน นี่ก็ถือว่าเป็นการไว้หน้าฉันเถอะ ฉันก็เป็นคนมีเหตุผลเหมือนกัน และฉันจะไม่ให้พวกคุณเสียเปรียบหรอกนะ เดียวหลังจากนี้ฉันจะเลี้ยงมื้อดึกให้กับพวกคุณ”
หลินฟาน : “......”
พี่เฉิน ..คนนี้ ก็ดูมีความมั่นใจมาก ทั้งน้ำเสียงนี้ของเขา มันก็เป็นน้ำเสียงที่ดูกดดันทางฝั่งของ หลินฟาน และทางฝั่งของ หลินฟาน ก็คงทำได้แค่ต้องทำตามในสิ่งที่เขาบอก
หวาง เซียงเฉียน ได้พูดด้วยความโกรธทันที : “ฉันจะไม่คุกเข่าให้กับเขา ในเรื่องนี้หยุดคิดไปได้เลย!”
หลินฟาน ได้พูดว่า : “ถ้าฉันไม่ตอบตกลงล่ะ?”
พี่เฉิน กล่าวว่า : “งั้นก็พอกันที ฉันเองเหนื่อยกับเรื่องไร้สาระนี้มามากพอแล้ว ฉันเองอยู่บ้านภรรยา นั่งกินไก่ย่าง และดูคลิปวิดีโอสั้นๆ อยู่ แต่กลับมาโดนเรื่องไร้สาระนี้เรียกมาที่นี่ ในตอนนี้ฉันเองก็แค่อยากจะกลับบ้านไปเร็วๆ แม่ยายฉันก็ไม่อนุญาตให้ออกมานานเกินไป ฉันก็ไม่อยากทําให้เธอโกรธด้วย พวกคุณก็แค่รีบๆ ทําตามที่ฉันบอก ไว้หน้าฉันหน่อย ถ้าหากไม่ทำตามที่ฉันบอก งั้นก็ถือว่าไม่ไว้หน้ากัน งั้นฉันคงทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เชิญให้เขาคุกเข่าลงด้วยตัวเองเท่านั้น”
คนที่ตาม พี่เฉิน มา หรือคือชายฉกรรจ์ที่เปลือยท่อนบนอีกคนหนึ่ง ที่ได้เงียบมาตลอด ในเวลานี้ เขาก็ได้กล่าวขึ้นว่า : “ไอ้หนู.. อย่าได้มาพูดว่าฉันไม่เตือน.. พี่เฉิน เป็นผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เขาเป็นผู้ฝึกมวยหนานฉวนที่มีชื่อเสียงจากแดนใต้ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังได้ไปเข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ แม้แต่ศิษย์หงเหมิน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
โอ้?
หลินฟาน ตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง และก็อดนึกถึงเรื่องหนึ่งไม่ได้ นั่นก็คือ เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้พบกับลุงสองคนบนรถไฟใต้ดิน ตอนนั้นลุงสองคน ก็ได้มีเรื่องต้องเข้าปะทะกับคู่รักคู่หนึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างได้ต่อสู้กันบนรถไฟใต้ดิน และในที่สุด หลินฟาน ก็ได้เข้าช่วย
หลังจากนั้นลุงทั้งสองคน ก็ได้กล่าวว่าตัวเองเป็นศิษย์ของ หงเหมิน ทั้งพวกเขายังคิดไปว่า หลินฟาน ก็มาจากโลกศิลปะการต่อสู้เช่นกัน เลยได้ถามกับ หลินฟาน ว่า เขาจะเข้าร่วมการประชุมในอีกสามวันข้างหน้าหรือไม่
หลินฟาน เองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดถึงอะไร ส่วนตัวแล้วเขาเองก็ไม่ได้คิดเก็บมาใส่ใจอะไร
แล้วเป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่ลุงทั้งสองคนที่เป็นศิษย์หงเหมินพูดถึงก็คือ การประชุมแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ที่ชายฉกรรจ์ที่เปลือยท่อนบนคนนี้ กำลังพูดถึง?