CD บทที่ 360 เสื้อกล้ามสุดเย้ายวน
“ก่อนที่ฉันจะรู้จักคุณ ฉันเป็นคนไม่มีอะไร แต่หลังจากรู้จักคุณ ฉันก็ได้แต่ปวดใจ♪”
“ฉันคิดว่ามันคงเป็นได้ไม่นาน และไม่เคยคิดว่าความรู้สึกนี้จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์…♪”
จ้าวหยู่กลับมาทำงานเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง แล้วการร้องเพลงก็เป็นหนึ่งในงานของตำรวจ...
ด้วยความเสียใจที่เกิดขึ้นในพิธีรำลึก จ้าวหยู่จึงเริ่มฝึกการใช้คำทำนายในทุก ๆ วัน อย่างไรก็ตาม ราวกับว่าระบบจำเป็นต้องอุ่นเครื่องหรือทำอะไรสักอย่างก่อน แม้ว่าเขาจะเปิดคำทำนายแล้ว เขากลับไม่พบกับการผจญภัยอันทรงพลังใด ๆ บางครั้งเขาก็ไม่ได้รับข้อเสนอใด ๆ ในตอนท้ายของวันเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะเป็นคดีใหญ่ ๆ หรือคดีแปลก ๆ พวกมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน โดยทั่วไปแล้ว แผนกสืบสวนไม่มีอะไรทำนอกจากทำงานในคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายคดีในเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ผู้กองเหมี่ยวดูเหมือนจะเตรียมการล่วงหน้าหลายอย่าง เธอได้จัดกิจกรรมอบรมและฝึกปฏิบัติต่อเนื่องมาหลายครั้ง
นักสืบทุกคนใช้เวลาอันหายากนี้เพื่อเติมเต็มความรู้ในการสืบสวนและเรียนรู้วิธีการสืบสวนขั้นสูงเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังได้ฝึกฝนวิธีการติดตามอาชญากรและการเข้าบุกจับกุม และอื่นๆ...
นอกจากนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับคดีธุรกรรมอำพราง เหมี่ยวอิงได้ขอให้นักสืบทุกคนร่วมกันหาทางป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น พวกเขาใช้ฉินซินหยางเป็นตัวอย่างเพื่อระบุถึงความสำคัญของการให้คำปรึกษาในภาวะวิกฤติภายหลังเกิดภัยพิบัติ โดยหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้รับความสนใจมากขึ้น
หากมีใครสามารถค้นพบว่าสภาพจิตใจของฉินซินหยางบิดเบี้ยวไปหลังจากเกิดเหตุอุโมงค์ถล่มและเข้าไปพูดคุยกับเขาในทันที บางทีฉินซินหยางอาจไม่คิดว่าการตายของแม่ของเขาเกิดจากกการอดอยากจนตาย บางทีคนในรถทัวร์อาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้
เช่นเดียวกับที่ ต้าเฟยกล่าว การจับกุมอาชญากรไม่ได้แสดงถึงการสิ้นสุดของคดี ตำรวจควรวิเคราะห์สาเหตุผ่านคดี เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดซ้ำซากในอนาคต
วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นและไร้กังวล นอกเหนือจากหน้าที่และความรับผิดชอบตามปกติแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างจ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงก็ค่อย ๆ ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
เพื่อให้ใกล้ชิดกับผู้หญิงของเขา จ้าวหยู่เกือบจะทำตัวเหมือนอันธพาลโดยบังคับให้เหมี่ยวอิงเป็นอาจารย์ของเขาและขอให้เธอสอนทักษะการยิงปืนและศิลปะการต่อสู้ให้เขา
แต่เหมี่ยวอิงพูดว่า
“จ้าวหยู่ คุณสามารถขอให้ตำรวจพิเศษมากมายมาฝึกคุณได้ คุณจะให้ฉันมาฝึกกับคุณไปทำไม?”
อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่ยิ้มเยาะและพูดว่า "เราต้องตีเหล็กในขณะที่ยังร้อน แม้ฉันจะรู้ว่าฉันแข็งแกร่งพอ แต่ในฐานะชายหนุ่มที่มีความทะเยอทะยานสูง ฉันต้องรักษาหัวใจที่มีความปรารถนาที่จะก้าวหน้า ดังนั้นฉันจึงต้องรับคุณเป็นอาจารย์ของฉัน!”
เหมี่ยวอิงเย้ยหยัน เธอตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายลำบากใจมากขึ้น เธอจึงพูดว่า
“ถ้าคุณอยากจะเป็นลูกศิษย์ของฉันจริง ๆ ล่ะก็ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ก่อนอื่นเลยคุณต้องทำความเคารพฉันก่อน มันคงไม่สมเหตุสมผลเลย ในเมื่อคุณอยากให้ฉันเป็นอาจารย์ของคุณ แต่คุณไม่มีความเคารพในตัวฉันเลย!”
จ้าวหยู่หัวเราะและตอบทันทีว่า “เรื่องนั้นมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก แต่โบราณกล่าวว่าไว้ว่า คุณต้องนอนกับอาจารย์ ถ้าอยากเรียนรู้ได้ดี…”
*พลั่ก*
จ้าวหยู่ลอยออกไปไกล เขาได้สัมผัสกับความรู้สึกของการบินอีกครั้ง แต่ถึงแม้มันจะต้องเจ็บตัวก็ตาม
แต่เหมี่ยวอิงก็รับเขาเป็นลูกศิษย์ ดังนั้นจ้าวหยู่จึงเริ่มต้นชีวิตลูกศิษย์ของเขาด้วยเหตุนี้...
“เพลงต่อไป”
“มีชายหญิงกี่คนที่รวบรวมและแยกจากกัน มีโอกาสหนึ่งในสิบล้านที่จะพบคุณ♪”
“ไม่ว่าเราจะห่างกันแค่ไหน ฉันแค่อยากอยู่กับเธอ…♪”
ระหว่างร้องเพลง ภาพความทรงจำได้ผุดขึ้นมา มันเป็นภาพของสถานยิงปืนที่มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เหมี่ยวอิงยิงปืนหกนัดที่สนามยิงปืน แต่ละนัดโดนจุดสำคัญ
*ปังปังปัง*
แต่เมื่อจ้าวหยู่ยิงกระสุนเสร็จ พบว่าเป้ายิงยังคงสะอาดดังเดิม น่าแปลกที่หลอดไฟเหนือสนามยิงปืนแตก ต่อจากนั้น ก็ได้ยินเสียงถังแตกจากที่ห่างไกล
จากนั้นเหมี่ยวอิงได้ปะทุออกมาด้วยความโกรธ เธอทุบจ้าวหยู่จนหน้าบวมปูดเหมือนคางคก…
“แม้เส้นทางจะยากลำบาก แต่ความสุขแสนหวานจะตามไปทุกหนแห่ง…♪”
ในเสียงเพลง จ้าวหยู่ยังคงนึกภาพในความทรงจำ
จ้าวหยู่กำลังแนะนำโค้ชสองคนให้กับเหมี่ยวอิงที่ยิมมวยที่เพิ่มเข้ามาใหม่ของยิมปราณก้นเหว โค้ชทั้งสองถูกดึงดูดด้วยความงามของเหมี่ยวอิง พวกเขาจ้องมองเธออย่างกลัดมัน พวกเขารีบวิ่งไปที่สังเวียนและต้องการจะสอนทักษะมวยให้เธอเป็นการส่วนตัว
เมื่อมองดูเหมี่ยวอิงและโค้ชทั้งสองกำลังขึ้นสังเวียน จ้าวหยู่ก็ไม่อยากเห็นภาพความรุนแรง เขาจึงหันหลังและปิดตาของเขาในเวลาเดียวกัน
วินาทีต่อมา โค้ชทั้งสองก็ลอยออกมาจากสังเวียน และอาเจียนออกมา โค้ชคนอื่น ๆ และสมาชิกยิมต่างตกตะลึงเมื่อเห็นการต่อสู้...
“ถ้าคุณรู้ว่ามันจะยากในตอนเริ่มต้น… คุณก็แค่กลับไปที่ทางของคุณ กลับไปที่สะพานของคุณ…♪”
ในเสียงเพลง จ้าวหยู่นึกถึงภาพเหมี่ยวอิงจับมือจ้าวหยู่สอนท่าที่ถูกต้องของการชกมวย จ้าวหยู่เรียนรู้อย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม เหมี่ยวอิงสวมกางเกงขาสั้นฝึกชกมวย ส่วนท่อนบนสวมเสื้อรัดรูป ชุดเหล่านี้ไม่เพียงแค่เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นและไหล่ที่ขาวราวกับหิมะเท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นหน้าท้องส่วนล่างของเธอด้วย
จ้าวหยู่มองไปกลืนน้ำลายไป จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในระหว่างการฝึก เขามักจะหาช่องจีบเหมี่ยวอิง แต่แล้วเขาก็ถูกเธอชกกลับมาจนโซซัดโซเซ จนจ้าวหยู่ต้องใช้ข้ออ้างในการดื่มน้ำเพื่อหนีจากหมัดของเธอ
จ้าวหยู่ก้มหน้าและซ่อนตัวอยู่ในระยะไกล เมื่อเหมี่ยวอิงเห็นว่าจ้าวหยู่กำลังหลบหนี เธอทำได้เพียงฝึกฝนตัวเองกับกระสอบทรายเท่านั้น เธอเตะกระสอบทรายด้วยขาที่ยาวเป็นพิเศษของเธอ ทำให้เกิดเสียงดังเป็นระยะ ๆ พร้อมกับเหงื่อออกมากหลังจากการฝึกซ้อม เธอจึงเลือกรวบผมเป็นหางม้า ด้วยวิธีนี้เธอจึงดูทะมัดทะแมงและเก๋ไก๋เป็นพิเศษ
เหมี่ยวอิงเหงื่อออกมากในขณะนี้ ขณะที่เธอส่งหมัดออกไปราวสายฟ้าฟาด เธอก็ยกขาขึ้นเตะด้วยความเร็วที่ไม่ต่างกัน สมาชิกยิมทุกคนตกใจและพูดไม่ออกเมื่อเห็นการฝึกซ้อมของเธอ
ในขณะเดียวกัน จ้าวหยู่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของกระสอบทรายในระหว่างที่ดื่มน้ำ เขากำลังหาทางเข้าหาเธออย่างไรในภายหลัง
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น จ้าวหยู่สังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงสปอร์ตบราและมองมาที่เขาอย่างยั่วยวนจากสตูดิโอโยคะข้าง ๆ ผู้หญิงคนนี้ชื่นชมจ้าวหยู่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเห็นเขาจัดการนายจางก่อนหน้านี้ ณ ตอนนี้ พวกเขาสบสายตากัน และเธอก็ขยิบตาให้เขาจากอีกฟากหนึ่งของห้องโถงอย่างน่าหลงใหล
อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่ไม่ได้ถูกล่อลวง ถึงกระนั้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำท่าฉีกขา และเขาก็สงสัยว่าสปอร์ตบราของเธอจะเผยให้เห็นอะไรมากขึ้นในระหว่างเธอทำท่านั้นหรือไม่ ดังนั้นเขาแอบย่องเข้าใกล้ ๆ และยืดคอไปมองเพื่อให้เห็นเธอชัดขึ้น
เหมี่ยวอิงกำลังชกกระสอบทรายอยู่ เมื่อเธอเห็นจ้าวหยู่กำลังทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เธอจึงหันกลับมาและเหลือบมองเขา เมื่อเธอเห็นว่าเขาคิดจะทำอะไร มันทำให้เธอเตะกระสอบทรายจนลอยขึ้นมา
กระสอบทรายกระแทกเข้าที่หลังของจ้าวหยู่ ทำให้เขาล้มลงอย่างแรง แต่ทว่า จ้าวหยู่ได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม และใบหน้าทั้งหมดของเขาติดกับกระจกนอกสตูดิโอโยคะ ทำให้ผู้หญิงที่กำลังฝึกโยคะต่างตกใจ…
“ฉันรู้ตัวว่าความรักคือความเจ็บปวด แต่ก็เป็นห่วงคุณ เช่นนั้นแล้ว ฉันจึงยอมเจ็บปวดเสียดีกว่า♪”
“เห็นชัดแล้วว่าความรักคือความเจ็บปวด…♪”
เสียงเพลงค่อย ๆ ลดลงไป และฉากก็เปลี่ยนไปเป็นภูเขาอันกว้างใหญ่ของฉินชาน สถานที่แห่งนี้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ถึงแม้ว่ามันจะห่างไกลจากตัวเมือง แต่ในขณะนี้ บริเวณนี้ได้มียานพาหนะมากมาย รวมถึงอุปกรณ์ก่อสร้างขนาดใหญ่จำนวนมาก
ในบรรดารถเหล่านั้น มีรถของสถานีโทรทัศน์ฉินชาน และพิธีกรข้าง ๆ ซึ่งกำลังรายงานอยู่หน้ากล้อง
“สวัสดีค่ะ คุณผู้ชมทุกท่าน ตอนนี้เรากำลังรายงานอยู่ในบริเวณการขุดค้นของสุสานหวู่หนิวหลิง” นักข่าวภาคสนามผู้หญิงที่มีผมยาวสลวยกำลังรายงาน “ข้างหลังฉันคือที่ตั้งของสุสานโบราณ นักโบราณคดีของสำนักงานวัฒนธรรมได้ขุดที่นี่เป็นเวลา 5 วันแล้ว และ ตอนนี้ เส้นทางสุสานทั้งหมดถูกขุดขึ้นมาหมดแล้ว และเราก็จะได้เห็นสุสานที่ถูกฝังอยู่ข้างในแล้วค่ะ”
“ตามการประเมินของนักโบราณคดี ประตูสุสานสามารถเปิดได้ทุกเมื่อ ในไม่ช้า สุสานโบราณแห่งราชวงศ์หมิงแห่งนี้จะถูกเปิดเผยภายใต้แสงอาทิตย์ และเราทุกคนจะได้ร่วมกันเป็นสักขีพยาน อย่าเปลี่ยนช่องไปไหนนะคะ!”
“ก่อนหน้านี้ฉันได้สอบถามข้อมูลจากนักโบราณคดีมาแล้วค่ะ แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าใครคือเจ้าของสุสานแห่งนี้ แต่จากขนาดและโครงสร้างของสุสาน มันควรจะเป็นสุสานชนชั้นสูง
อย่างที่เราทราบกันดีว่าชื่อโบราณของฉินชานก็คือหลู่หย๋า และหลู่หย๋ามีบทบาทสำคัญในสมัยโบราณ นักโบราณคดีสงสัยว่าเจ้าของสุสานอาจจะเป็นกษัตริย์หรือขุนนาง ดังนั้นของข้างในต้องไม่ธรรมดาแน่นอนค่ะ!”
“แต่น่าเสียดายที่เจ้าหน้าที่พบโพรงจากมุมตะวันตกเฉียงเหนือของสุสาน ทางนักโบราณคดีจึงกังวลว่าวัตถุโบราณในสุสานอาจถูกขโมยไปค่ะ…”
10 นาทีต่อมา เสียงของนักข่าวภาคสนามก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“คุณผู้ชมคะ ประตูสุสานได้เปิดออกแล้ว แต่เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย จึงมีเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่ได้เข้าใกล้สุสานค่ะ ดังนั้นเราจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ คุณผู้ชมสามารถติดตามจากกล้องของเราและดูได้จากระยะไกลนะคะ…”
ผ่านไปอีก 10 นาที นักข่าวภาคสนามก็รายงานอีกครั้ง
“คุณผู้ชมคะ โชคไม่ดีที่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าสุสานถูกทำลายโดยโจรปล้นสุสานค่ะ แต่จากคำจารึกในสุสาน เจ้าของสุสานคือ... อืม... เอ่อ… เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
ขณะที่นักข่าวภาคสนามฟังข้อมูลจากทีมงาน เธอก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่จำนวนมากในสุสานกำลังวิ่งออกมา พวกเขายังคงวิ่งและตะโกนในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในสุสาน...