(ฟรี) บทที่ 515 ข้าไม่รังเกียจที่จะแบ่งปันครึ่งหนึ่งกับท่าน
ตำหนักมังกรนที
เซิงอันอวี่ลดศีรษะลง ใบหน้าสวยของนางแดงระเรื่อเล็กน้อย
ครั้งสุดท้ายที่หลี่หรานกลับมาที่เมืองหลวง เขาได้รับเชิญจากทั้งสองให้อยู่ในพระราชวังสักสองสามวัน และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นทำให้พวกนางเข้าใจว่าตนเองต้องการอะไร
ก่อนเขาจากไป พวกนางรวบรวมความกล้าที่จะจูบหลี่หรานบนใบหน้า
ในเวลานั้น เซิงจื่อเซี่ยชิงลงมือก่อนแล้วจึงวิ่งหนีไปหลังจากกระทำเสร็จ
เหลือเพียงเซิงอันอวี่และหลี่หรานตามลำพัง ดังนั้นนางจึง...
ข้าคิดว่าคงไม่มีใครรู้ว่าข้าทำอะไร แต่น้องสาวกลับเห็นมันอย่างชัดเจน?
เซิงจื่อเซี่ยกอดอกและพ่นลมอย่างฉุนเฉียว “พี่สาว ข้ารู้ว่าท่านคงอดกลั้นไว้ไม่ได้ คิดว่าข้าวิ่งหนีเพราะความเขินอายจริงๆหรือ?”
ทันใดนั้นเซิงอันอวี่ก็ตระหนักได้ทันที “เจ้าตั้งใจ!”
กลายเป็นว่าเซิงจื่อเซี่ยวิ่งออกไปโดยเจตนาเพื่อล่อเหยื่ออย่างนางให้กินเบ็ด!
เซิงจื่อเซี่ยส่ายหัวและพูดอย่างมั่นใจ “ทำไมข้าจะดูพี่สาวบ้างไม่ได้ในเมื่อท่านยังมองข้าได้เลย? นอกจากนี้ หากพี่สาวของข้าไม่ถูกหลอกล่อ นางคงจะไม่มีวันทำแบบนั้น”
“……” เซิงอันอวี่ปิดใบหน้าของนาง
น้องสาวของข้าอุกอาจจริงๆ!
ในตอนแรก เพื่อความยุติธรรม นางยืนกรานที่จะบันทึกภาพลงในศิลาเงาและมอบให้หลี่หราน...
หากไม่ใช่เพราะสิ่งนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงไม่เปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้
เซิงจื่อเซี่ยมองไปที่เซิงอันอวี่และถามอย่างสงสัย “พี่สาว ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย ท่านตกหลุมรักบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ข้า…”
เซิงอันอวี่ยังไม่ต้องการที่จะยอมรับ แต่เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว คำพูดใดๆย่อมดูซีดเซียวและไร้อำนาจ
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ลดศีรษะลง และพูดอย่างยอมจำนน “อาจเป็นตอนที่พระบิดาประกาศชื่อของเขาให้โลกรู้”
เดิมที ในความรู้ของนาง แนวคิดเบื้องหลังชื่อ “หลี่หราน” เป็นตัวแทนของปีศาจและความชั่วร้าย
ปีศาจต่างมองว่าชีวิตมนุษย์นั้นไร้ค่า แล้วคนดีๆจะมีอยู่ได้อย่างไร?
แต่ในวิหารของพระราชวัง ความทรงจำของอวี้ชิงหลันทำให้ความรู้ความเข้าใจของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ฉากการสกัดกั้นคลื่นสัตว์อสูรยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของนางจนถึงตอนนี้
ปรากฎว่ามีวีรบุรุษอยู่ในวิถีมารจริงๆ!
ยิ่งไปกว่านั้น ฐานการบ่มเพาะที่แข็งแกร่งและความกล้าหาญของเขาในการขับไล่กลุ่มสัตว์อสูรกลับด้วยตัวคนเดียวทำให้หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้น และเมล็ดพันธุ์เล็กๆก็ถูกปลูกลงในหัวใจของนาง
“ตอนแรกข้าเพียงสงสัยว่าบุรุษแบบใดกันที่ทำให้เจ้าลืมเรื่องการกินและนอน” เซิงอันอวี่พูดเสียงแผ่ว“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากติดต่อกันระยะหนึ่ง ข้าถึงกับตกลงไปในหลุมนั้น…”
หลังจากพูดจบ หัวของนางก็ลดต่ำลงไปอีก และใบหน้าของนางก็แดงมากจนแทบจะมีควันลอยออกมา
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจะดีมาก แต่นางก็ยังรู้สึกละอายใจเล็กน้อยที่ต้องยอมรับความรู้สึกของนางต่อหน้าน้องสาวของตน
ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางทั้งสองยังชอบบุรุษคนเดียวกัน...
เซิงจื่อเซี่ยลูบคางที่เรียบเนียนของนางด้วยท่าทางขี้เล่น “ตอนนั้นท่านดูเหมือนจะเคยเจอกันเพียงครั้งเดียวใช่ไหม? ความรู้สึกของพี่สาวไม่เกิดขึ้นเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?”
“……” เซิงอันอวี่ปิดใบหน้าของนางอีกครั้ง “อย่าพูด…”
เห็นได้ชัดว่าเซิงจื่อเซี่ยไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดแม้แต่น้อย “ถ้าอย่างนั้นบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ก็เป็นรักแรกของพี่สาว?”
“เจ้าว่าไงนะ?!” เซิงอันอวี่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธ
แม้ว่านางจะเป็นพี่สาวของเซิงจื่อเซี่ย แต่นางก็มีบุคลิกเงียบขรึมและไม่ชอบที่จะเปิดเผยตัวในที่สาธารณะ โดยพื้นฐานแล้วนางอยู่ในเมืองหลวงตลอดเวลา
ส่วนเรื่องความรัก นางไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับมันเลย...
เซิงจื่อเซี่ยยักไหล่และพูดว่า “ในตอนนั้น พี่สาวสอนข้าถึงเรื่องรักๆใคร่ๆ นางดูมีประสบการณ์มากทีเดียว”
“!!!”
เซิงอันอวี่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป นางลุกขึ้นและรีบปิดปากน้องสาวของนาง
ทั้งสองเล่นกันจนยุ่งเหยิงไปหมด กระโปรงพระราชวังอันหรูหราถูกเลิกขึ้น ผิวที่ขาวและบอบบางสามารถมองเห็นได้เมื่อร่างกายเคลื่อนไหวไปมา
ห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ
หลังจากหนึ่งก้านธูป...
ทั้งสองทรุดตัวลงบนเตียง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย
ขาที่เรียวยาวของพวกนางพันกัน พวกนางจ้องมองไปยังเพดานที่สร้างด้วยทองและหยกด้วยดวงตาที่สดใส ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ดวงตาของพวกนางดูเหม่อลอยเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน เซิงจื่อเซี่ยก็หันศีรษะมาและพูดว่า “พี่สาว ข้าไม่รังเกียจจริงๆ”
“อา?” เซิงอันอวี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งไม่สามารถตอบสนองได้ชั่วขณะ
เซิงจื่อเซี่ยมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของนางและพูดอย่างจริงจัง “ข้าบอกว่าข้าไม่รังเกียจที่จะแบ่งปันบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่กับท่าน”
“แบ่งปัน?” หัวใจของเซิงอันอวี่เต้นไม่เป็นจังหวะ และนางพูดตะกุกตะกัก “จะ-เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร!”
เรื่องแบบนี้แบ่งกันได้ด้วยเหรอ?
เซิงจื่อเซี่ยยักไหล่ “ข้าไม่ได้พูดไร้สาระ ข้าไม่ต้องการแยกจากบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่หรือพี่สาวของข้า ดังนั้นนี่น่าจะเป็นทางออกเดียวใช่ไหม?”
“……” เซิงอันอวี่ปิดหน้าของนาง
วงจรสมองของน้องสาวข้าช่างน่าทึ่งจริงๆ!
‘แต่ทำไม... ข้าถึงรู้สึกคาดหวังเล็กๆในใจ?’
แก้มของเซิงอันอวี่ร้อนผ่าว และราวกับมีประกายในดวงตาของนาง
‘อ๊า ข้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!’
นางกลับมามีสติและหวังว่าจะพบรอยแยกบนพื้นเพื่อเข้าไปได้
แต่ด้วยตัวตนของพวกนาง หากเรื่องแบบนี้หลุดรอดออกไป เกรงว่าราชวงศ์เซิงทั้งหมดอาจกลายเป็นตัวตลกของโลก!
ท้ายที่สุด ตัวตนของทั้งสองคือองค์หญิง...
พวกนางไม่จำเป็นต้องใส่ใจ แต่เซิงเย่จะตอบสนองอย่างไร?
เมื่อนึกถึงวิธีการของบิดา หนังศีรษะของเซิงอันอวี่ก็รู้สึกด้านชา
“จะเกิดอะไรขึ้นหากบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ต้องมาลำบากเพราะเรื่องนี้?”
นางกัดริมฝีปากเบาๆด้วยท่าทางลังเล
ในเวลานี้ เซิงจื่อเซี่ยพึมพำด้วยเสียงต่ำ “แต่เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ดูเหมือนจะมีสตรีมากมาย ข้าเพียงคนเดียวยังได้ไม่ถึงครึ่งเลย ถ้าแบ่งให้พี่สาวมันจะไม่น้อยลงไปอีกหรือ?”
“……” เซิงอันอวี่หน้าแดงและส่ายหัว
อะไรอยู่ในหัวของเจ้าหญิงคนนี้?
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ จากนั้นเสียงของสาวใช้ก็ดังขึ้น “ทูลองค์หญิงทั้งสอง ฝ่าบาทเรียกหาพวกท่านเจ้าค่ะ”
“พระบิดา?” ทั้งสองตกตะลึงเมื่อได้ยิน
เซิงอันอวี่เป็นคนแรกที่กลับมามีสติและถามออกมาตรงๆว่า “พระบิดาเรียกเราด้วยเรื่องอันใด?”
สาวใช้ส่ายหัว “บ่าวก็มิทราบเจ้าค่ะ แต่องค์จักรพรรดิทรงเรียกหาและบอกให้องค์หญิงทั้งสองไปเข้าพบโดยเร็ว”
“บอกให้พวกเรารีบไปพบด้วย?” เซิงอันอวี่ขมวดคิ้วลึกยิ่งขึ้น
...เป็นไปได้ไหมว่าพระบิดาได้ยินสิ่งที่พวกนางพูด?
หากเป็นอย่างนั้นคงจะแย่แล้วจริงๆ!
“โอเค ข้าเข้าใจแล้ว”
—
ศาลาจื่อฮุ้ย
เจ้าหญิงทั้งสองซึ่งสวมชุดคลุมมังกรและกระโปรงพระราชวังก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม และโค้งคำนับด้วยความเคารพ “คารวะพระบิดา”
“ลุกขึ้นได้”
เซิงเย่นั่งอยู่บนแท่นสูง การแสดงออกของเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
มีบรรยากาศอึมครึมในอากาศ
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยสีหน้าจริงจัง
เซิงอันอวี่เป็นฝ่ายถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “พระบิดามีเหตุอันใดจึงเรียกหาพวกเราอย่างเร่งด่วนกัน?”
นางกำมือเรียวไว้แน่นภายใต้แขนเสื้อด้วยสีหน้าประหม่า
“อะแฮ่ม ไม่มีอันใดหรอก” เซิงเย่กระแอมในลำคอและถามว่า “อืม... พวกเจ้ารู้วิธีเขียนจดหมายรักไหม?”
“?!!”
/////