บทที่ 44-1 กฎเหล็กสามประการของพลังวิเศษ
บทที่ 44-1 กฎเหล็กสามประการของพลังวิเศษ
“ก่อนจักรวรรดิรัตติกาล?”
นักประวัติศาสตร์แบ่งประวัติศาสตร์ของโลกนี้ออกเป็นสามช่วง ช่วงแรกคือสมัยจักรวรรดิ ช่วงที่สองคือช่วงอาณาเขต และช่วงที่สามคือยุคราชอาณาจักร หรือยุคปัจจุบัน
จักรวรรดิรัตติกาลเป็นอาณาจักรที่ปกครองดินแดนอันกว้างใหญ่ของสามอาณาจักรหลักเมื่อหลายพันปีก่อน
แต่แท้จริงแล้วคาดเดาจากเศษซากที่เหลืออยู่ไม่กี่แห่งที่ถูกขุดพบ
ในประวัติศาสตร์ก่อนจักรวรรดิรัตติกาลอาจมีจักรวรรดิบูชามังกรและมีอาณาเขตกว้างขวาง จักรวรรดิรัตติกาลก่อตั้งขึ้นจากการล่มสลายจักรวรรดินี้
ร่องรอยของจักรวรรดินี้สูญหายไปส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา
ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือหลังจากการก่อตั้งอาณาจักรรัตติกาล ร่องรอยของการมีอยู่ของจักรวรรดิได้ถูกลบออกไปด้วยจุดประสงค์บางอย่าง
“ศาสตร์ลึกลับนี้ถูกสร้างขึ้นโดยจักรวรรดิบูชามังกรและที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่าอาณาจักรมังกรหรือ?” ฟลินน์อดคิดไม่ได้
สำหรับอาณาจักรมังกร จนถึงขณะนี้มีเศษซากที่ยังหลงเหลืออยู่น้อยมาก แทบไม่หลงเหลือหลักฐานว่าเศษซากเหล่านี้เป็นของจักรวรรดิที่เรืองอำนาจ
นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าจักรวรรดิมังกรไม่มีอยู่จริง ก่อนจักรวรรดิรัตติกาล มนุษย์อยู่ในอารยธรรมชนเผ่าซึ่งน่าจะเป็นเศษซากจากอารยธรรมนั้นๆ ก่อนที่จะมีจักรวรรดิรัตติกาล
มีนักประวัติศาสตร์เพียงไม่กี่คนที่เชื่อว่าก่อนจักรวรรดิรัตติกาลมีจักรวรรดิอื่นๆ เช่นจักรวรรดิมังกร
เขามีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าอาณาจักรมังกรมีอยู่จริง เพราะซากปรักหักพังที่หลงเหลือถูกค้นพบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ซึ่งไม่เหมือนกับอารยธรรมชนเผ่าที่สามารถสร้างได้
ฟลินน์ยังคงเลื่อนสายตาลงมา
“มีศาสตร์ลึกลับหลายประเภท จนถึงขณะนี้ มีศาสตร์ลึกลับหลายร้อยชนิด แต่นี่ไม่ใช่ขีดจำกัดของมัน”
“นานๆ ครั้ง จะมีศาสตร์ลึกลับใหม่ๆ เช่น ปืนลึกลับที่เกิดขึ้นเมื่อกว่าร้อยปีก่อน และหัวใจจักรกลของศาสตร์ลับเมื่อหลายสิบปีก่อน อย่างไรก็ตามไม่ว่าสิ่งที่มีอยู่เป็นแบบใดก็ล้วนกลายเป็นศาสตร์ลึกลับ ส่วนศาสตร์ลึกลับที่ยังไม่ถูกสร้างขึ้น จะต้องปฏิบัติตามกฎเหล็กสามประการของพลังวิเศษ...”
ฟลินน์ถูกดึงดูดโดยคำว่า ‘กฎเหล็กสามประการของพลังวิเศษ’
ความอยากรู้อยากเห็นพุ่งขึ้นในจิตใจอย่างรวดเร็ว เขาอ่านคำอธิบายของ ‘ศาสตร์ลึกลับ’ เกี่ยวกับกฎเหล็กสามประการของพลังวิเศษอย่างระมัดระวัง
หลังจากอ่านไปหลายสิบหน้า ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่ากฎเหล็กสามประการของพลังวิเศษคืออะไร
ไม่อาจรู้ว่าใครเป็นคนแรกที่เสนอกฎเหล็กสามประการของพลังวิเศษ แต่เขามีความสำคัญอย่างมากในการชี้นำด้านศาสตร์ลึกลับ
นัยสำคัญชี้นำของกฎเหล็กสามประการสำหรับศาสตร์ลึกลับก็เหมือนกับนัยสำคัญชี้นำของกฎสามประการของนิวตันในวิชาฟิสิกส์ของชีวิตที่แล้ว
กฎเหล็กทั้งสามนี้ไม่เพียงใช้ได้กับศาสตร์ลึกลับเท่านั้น แต่ยังใช้กับเวทมนตร์ วัตถุเล่นแร่แปรธาตุ วัตถุเวทและแม้แต่การกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะในสัตว์ประหลาดแต่ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์ประหลาดเท่านั้น
‘กฎเหล็กข้อแรกคือพลังวิเศษสามารถหักล้างได้ ไม่มีพลังวิเศษใดเป็นอมตะ’ หมายความว่าไม่ว่าพลังวิเศษประเภทใดก็ต้องพ่ายแพ้ต่อพลังวิเศษบางประเภทหรือแม้แต่หลายประเภท ‘การยับยั้งกันของพลังวิเศษ’
บวกกับศาสตร์ลึกลับ เวทมนตร์ วัตถุเล่นแร่แปรธาตุ วัตถุเวทและการกลายพันธุ์ ประเภทของพลังวิเศษที่มีอยู่นั้นกว้างเกินไป อีกทั้งบางครั้งก็มีการค้นพบพลังวิเศษใหม่ๆ ขึ้น
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นพลังวิเศษที่ถูกค้นพบในวันนี้หรือพลังวิเศษที่ยังไม่ถูกค้นพบ พวกมันก็ต้องเป็นไปตามกฎเหล็กการยับยั้งกันของพลังวิเศษ
เช่นปืนลึกลับที่เขาฝึกฝน ในแง่ของพลังทำลายล้างทางกายภาพเพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะติดหนึ่งในสิบของศาสตร์ลึกลับในปัจจุบัน
แต่ศาสตร์ลึกลับที่มีพลังทำลายล้างสูงประเภทนี้ไม่สามารถจัดการพวกวิญญาณและสิ่งลึกลับอื่น ๆ ที่จับต้องไม่ได้
เหตุผลที่เขาฝึกฝนศาสตร์ลึกลับที่สองและเรียนรู้ศาสตร์ลึกลับดวงตาประเมินที่สามารถลดผลข้างเคียงของวัตถุเวทได้ก็เพื่อชดเชยจุดอ่อนนี้โดยอาศัยข้อดีจากมัน
เนื่องจากพลังวิเศษถูกยับยั้งร่วมกัน ตามธรรมชาติแล้วจึงไม่มีความสามารถพิเศษใดที่จะอยู่เป็นอมตะ
แม้ว่าพลังวิเศษบางอย่างดูเหมือนจะเข้าใจยากแต่ก็ต้องมีพลังวิเศษที่สามารถยับยั้งมันได้ แม้ว่าจะไม่มีพลังวิเศษเช่นนั้นก็เป็นเพียงเพราะพลังวิเศษนี้ยังไม่ถูกค้นพบ
“กฎเหล็กข้อที่สอง พลังวิเศษอมตะและจะไม่มีวันถูกทำลาย” พลังวิเศษที่มีคุณลักษณะที่ไม่สามารถทำลายได้และจะไม่ถูกทำลายกลังจากการตายของเจ้าของ แต่จะสลายไปพร้อมกับเจ้าของและถ่ายโอนไปในหมู่พวกมัน การกระจายตัวจะเกิดขึ้นเป็นหลักและการถ่ายโอนจะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
เมื่อมันถูกถ่ายโอน มันอาจกลายเป็นสิ่งลึกลับหรือวัตถุเวท
สำหรับสัตว์ประหลาดไม่กี่ตัวที่ฟลินน์เคยฆ่านับตั้งแต่วันที่เขาทำงานให้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร พลังวิเศษของพวกมันจะกระจายไปหลังจากการตายและไม่สามารถสร้างสิ่งลึกลับหรือวัตถุเวทได้
พลังวิเศษก็เหมือนกับสารบางอย่างที่ถูกดูดกลืนเข้าไปในตัวคน วัตถุเวท และวัตถุเล่นแร่แปรธาตุก็เกิดขึ้นด้วยเหตุผลต่างๆ ที่คล้ายกัน
การแพร่กระจายและการถ่ายโอนเกิดขึ้นเมื่อคนหรือสัตว์ประหลาดตายไปแล้ว เช่นเดียวกันกับวัตถุเวทและวัตถุเล่นแร่แปรธาตุเมื่อถูกทำลาย
“กฎเหล็กข้อที่สาม การอนุรักษ์ของพลังพิเศษ ผลรวมของพลังวิเศษจะหายไปไหน” ไม่เพียงแต่พลังวิเศษจะไม่ถูกทำลาย แต่จะไม่เพิ่มขึ้นและทำให้รวมของมันไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
บนพื้นฐานนี้ สมมติฐานสองข้อได้รับการเสนอโดยผู้วิเศษผู้เรืองอำนาจ
สมมติฐานแรกคือเมื่อความสามารถพิเศษและการกลายพันธุ์ถึงขีดจำกัด ของพลังวิเศษ จะไม่มีสิ่งใหม่และการกลายพันธุ์อื่นๆ เกิดขึ้นเพราะไม่มีช่องว่างสำหรับพลังวิเศษนั้นๆ
ข้อสันนิษฐานที่สองคือเมื่อการดำรงอยู่บางอย่างสามารถควบคุมพลังวิเศษทั้งหมดบนเส้นทางหนึ่ง ๆ ได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะให้กำเนิดผู้วิเศษสายพิเศษนี้
สมมติฐานทั้งสองนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันและเป็นการยากที่จะพิสูจน์
อย่างไรก็ตามมีปรากฏการณ์ลึกลับก็สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ในระดับหนึ่ง
ปรากฏการณ์ลึกลับนี้คือไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ประหลาดระดับพลังลึกลับจะมีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถไปถึงวงแหวนที่สิบสองได้และจะไม่สามารถไปถึงวงแหวนที่สิบสามได้
หากต้องการก้าวข้ามวงแหวนที่สิบสอง คนคนนั้นจะต้องสร้างพลังวิเศษที่สอง แต่การก้าวข้ามประเภทนี้ไม่สามารถเรียกว่าวงแหวนที่สิบสามได้
วงแหวนที่สิบสามนี้อาจแสดงถึงพลังวิเศษทั้งหมดของเส้นทางหนึ่งๆ
แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะผูกขาดพลังวิเศษทั้งหมดของเส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง ต้องมีคนอื่นหรือผู้วิเศษอื่นที่มีพลังวิเศษนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงวงแหวนที่สิบสามตลอดกาล
‘ไม่รู้ว่าฉันจะไปถึงวงแหวนที่สิบสามที่ไม่มีใครเคยไปถึงได้จากความสามารถของระบบหรือเปล่า’ ฟลินน์อดคิดไม่ได้
ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงวงแหวนที่สิบสาม แต่จากการโกงของระบบ ตอนนี้เขาจึงไม่อยู่ในสภาพปกติ
ภายใต้สถานการณ์ที่ผิดปกติ เป็นไปได้ไหมที่เขาจะไปถึงวงแหวนที่สิบสามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน?
แน่นอน! หากต้องการไปถึงวงแหวนที่สิบสามก็ต้องพบกับความยากลำบาก นานัปการ นั่นคือไม่มีทางที่จะฝึกฝนจากวงแหวนที่สิบสองไปยังวงแหวนที่สิบสามได้
ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนมากขนาดนั้นและเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถอนุมานวิธีการฝึกฝนจากวงแหวนที่สิบสองไปยังวงแหวนที่สิบสามด้วยตัวเขาเอง
และยิ่งไม่ทราบว่าระบบจะสามารถอนุบาลวิธีปฏิบัติในอนาคตได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามวิธีการฝึกฝนของศาสตร์ลับบางประเภทนั้นพิเศษมากและอาจใช้วิธีฝึกฝนก่อนหน้านี้เพื่อเลื่อนขั้นจากวงแหวนที่สิบสองไปสู่วงแหวนที่สิบสาม
เช่นวิธีการฝึกฝนดวงตาประเมินที่มีแนวโน้มว่าจะสามารถเลื่อนเลื่อนระดับจากรากฐานของวงแหวนที่สิบสองไปสู่วงแหวนที่สิบสามได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เป็นไปได้ไหมที่เขาจะใช้ระบบเพื่อไปถึงวงแหวนที่สิบสาม?
“เกรงว่าฉันจะรู้คำตอบก็ต่อเมื่อถึงเวลาเท่านั้น!” ฟลินน์ส่ายศีรษะ