บทที่ 4
บทที่ 4
สวี่ล่ายหันกลับมา ดาบกระหายเลือดในมือขวาฟันไปข้างหน้า
หนึ่งในหมาป่ายักษ์ไหวตัวทัน ล่าถอยทันใด เพื่อหลบการโจมตี
กระนั้น เมื่อโจมตีเสร็จ ร่างของสวี่ล่ายยังไม่ทันมีเวลาพักหายใจ หมาป่ายักษ์ขนเงินอีกตัวที่มีพลังรบสูงสุดในฝูงก็โจมตีอีกครั้ง
กรร~!
ภายใต้เสียงคำราม หมาป่ายักษ์กระโจนมาจากด้านหลังสวี่ล่าย
ทั้งหมดนี้คือแผนการที่มันวางไว้อย่างรอบคอบ แต่นี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่สวี่ล่ายต้องการเช่นกัน
สวี่ล่ายกระตุกดาบกระหายเลือดเข้าสู่อ้อมแขนอย่างรวดเร็วปลายใบมีดชี้มาที่ตัวเองแล้วตะโกนว่า “สะบั้นกระหายเลือด!”
หึ่ง หึ่ง~!
หวืออออ~!
เส้นแสงสีแดงดั่งอาชาโลหิต วิ่งผ่านใต้รักแร้แขนซ้ายของสวี่ล่าย
เอ๋ง...!
เสียงกรีดร้องน่าอนาถ อาชาโลหิตพุ่งเข้าชนหมาป่ายักษ์ที่กระโจนเข้ามา แทงทะลุหัวใจมัน
“เปิดฟังก์ชั่นกระหายเลือด!”
หึ่ง หึ่ง!
“หึ่ง!
ดาบกระหายเลือดดูดซับแก่นโลหิตจากร่างของหมาป่ายักษ์ขนเงินอย่างเมามัน ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
หมาป่ายักษ์ขนาด 4 - 5 หมี่ถูกสูบเลือดจนแห้งเป็นมัมมี่
ตึง!
สภาพศพแห้งเหี่ยวตกกระแทกพื้นอย่างแรง
กรรรร~!
หมาป่ายักษ์สองตนที่เหลือพอเห็นสหายถูกสังหาร พวกมันไม่เพียงไม่หวาดกลัว แต่กลับถูกกระตุ้นโทสะแทน
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณสังหารหมาป่ายักษ์ขนเงินระดับกลางขั้น 1 ได้รับค่าปราณสังหาร 1 แต้ม ]
[ติ๊ง!]
[เนื่องจากใช้ฟังก์ชั่นกระหายเลือด ค่าใจปีศาจเพิ่มขึ้น 1 แต้ม]
[ติ๊ง!]
[ดูดซับพลังงานแก่นแท้ปราณได้ 30 แต้ม ต้องการแปลงเป็นปราณบริสุทธิ์หรือไม่?]
“แปลง!”
หึ่ง หึ่ง!
พลังปราณบริสุทธิ์ในร่างกายได้รับการเติมเต็มอย่างรวดเร็ว
“ยอดเยี่ยม!”
สวี่ล่ายมีความสุขมาก นี่สอดคล้องกับการคำนวณของตัวเอง พลังปราณบริสุทธิ์ที่ถูกเปลี่ยนแปลงจากดาบกระหายเลือดนั้นไม่เพียงช่วยเพิ่มพูนฐานการฝึกตนเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันสามารถช่วยเติมเต็มปราณบริสุทธิ์ที่สูญเสียไปในตัวเขาได้เช่นกัน
ด้วยประการฉะนี้ ก็จะเท่ากับว่าปราณบริสุทธิ์ที่เสียไปจากกระบวนท่าสะบั้นกระหายเลือด สามารถเติมเต็มได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากเติมเต็มปราณบริสุทธิ์ เขาก็จะสามารถใช้สะบั้นกระหายเลือดได้อีกครั้ง!
กรรร~!
หมาป่ายักษ์ขนเงินทั้งสองกระโจนเข้าใส่โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด หมายมั่นที่จะฉีกสวี่ล่ายเป็นชิ้นๆ
“สะบั้นกระหายเลือด!” สวี่ล่ายกวาดมือขวาเป็นวง
หึ่ง หึ่ง!
เส้นแสงสีเลือดถูกยิงออกไป มันวิ่งผ่านหัวหมาป่ายักษ์สองตัวที่กำลังกระโจนเข้ามาพอดี
เอ๋ง ...!
ได้ยินเพียงเสียงโหยหวนสองครั้ง ก่อนที่สองศพของหมาป่ายักษ์จะร่วงลง
หึ่ง หึ่ง!
แก่นโลหิตถูกดูดซับด้วยดาบกระหายเลือด
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณสังหารหมาป่ายักษ์ระดับต่ำขั้น 1 สองตัว ได้รับค่าปราณสังหาร 1 แต้ม]
[ติ๊ง!]
[เนื่องจากมีการใช้ฟังก์ชั่นกระหายเลือด ค่าใจปีศาจเพิ่มขึ้น 2 แต้ม]
[ได้รับแก่นแท้ปราณ 20 แต้ม ต้องการแปลงเป็นปราณบริสุทธิ์หรือไม่?]
“เชี่ยเถอะ! ทำไมถึงได้น้อยแบบนี้?”
“มีอะไรผิดพลาดรึเปล่า? นี่ฉันฆ่าหมาป่ายักษ์ไปสามตัวเลยนะ ทำไมถึงได้รับปราณบริสุทธิ์น้อยจัง?”
สวี่ล่ายตรวจสอบหลายครั้งอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าในร่างตนได้รับปราณบริสุทธิ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมันไม่มากพอที่จะตัดผ่านเข้าสู่ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้น 7
“ให้ตายสิ!” สวี่ล่ายกัดฟัน ทำความสะอาดแขนขวาที่ได้รับบาดเจ็บ ชำเลืองมองไปทางศพหมาป่ายักษ์ทั้งสามที่กลายสภาพเป็นมัมมี่อย่างสมบูรณ์
“ฆ่าหมาป่ายักษ์สามตัว ได้ค่าปราณสังหาร 2 แต้ม แต่ค่าใจปีศาจกลับเพิ่มขึ้น 3 แต้ม ไหงเป็นงี้?”
สวี่ล่ายรีบค้นหาข้อมูลในม้วนเหล็กดำ เพื่อต้องการดูว่า ‘ค่าใจปีศาจ’ มันคือผีสางอะไรกันแน่
[ค่าใจปีศาจ : เมื่อเพิ่มสูงขึ้น จะเพิ่มโอกาสที่ทำให้ฐานการฝึกตน วิชายุทธ และความเร็วในการพัฒนาเกิดความเสียหายได้ และอาจนำไปสู่การก่อเกิดปีศาจในจิตใจ กลายเป็นคนเสียสติ]
[เมื่อเกิดอาการเสียสติ ฐานฝึกตนจะได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ผู้ที่ตกอยู่ในสถานะนี้ ใจปีศาจจะเข้าสิงสู่ร่างกาย และกลายเป็นคนเสพติดการฆ่า สุดท้ายฟั่นเฟือนและต้องจบชีวิตลง]
[ยิ่งมีแต้มใจปีศาจสะสมเอาไว้มากเท่าไหร่ โอกาสที่จะถูกใจปีศาจครอบงำก็ยิ่งสูงขึ้น]
“เอ้าเวร! มันไม่ใช่ของดีหรอกเหรอ!” สวี่ล่ายเห็นผลลัพธ์ดังกล่าว เขาตกใจมาก
ดูท่าทักษะ ‘กระหายเลือด’ นี้จะไม่สามารถใช้งานสุ่มสี่สุ่มห้าได้
“ช้าก่อน แต่ตอนที่ฉันสะสมค่าปราณสังหารเต็มแล้วเปิดใช้งานวิชาเทพ ‘ราชานรกประทับร่าง’ หลังจากนั้นดูเหมือนค่าปราณสังหารจะลดหายลงเหลือ 0”
“ในเมื่อมันสามารถลดลงเหลือ 0 ได้ งั้นค่าใจปีศาจก็สมควรมีวิธีลบล้างได้เหมือนกันถูกไหม?” สวี่ล่ายจู่ๆก็คิดถึงปัญหานี้ได้ รีบเปิดม้วนเหล็กดำเพื่อตรวจสอบ
“หือ? มีวิธีจริงๆด้วย!” สวี่ล่ายมีความสุขมาก แต่ไม่นานก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
“หากต้องการลดค่าใจปีศาจ คุณต้องบำเพ็ญเพียรเต๋า ขงจื๊อ และพระพุทธศาสนาในระดับธรณีขึ้นไป หรือไม่ก็ต้องใช้สมบัติทางธรรมอื่นๆเพื่อสยบมัน”
สวี่ล่ายครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน และได้ข้อสรุปว่าทั้งสองสิ่งที่กล่าวมานี้ไม่น่าจะหากันได้ง่ายๆ
“ไม่มีทางเลือกแล้ว ดูท่าวิธีเดียวที่เหลือคือหยุดใช้ฟังก์ชั่นกระหายเลือดชั่วคราว ไม่งั้นคงมีสักวันที่ถูกใจปีศาจสิงร่าง ถึงตอนนั้นทุกอย่างคงจบสิ้น”
สวี่ล่ายคิดทบทวนถึงเรื่องนี้ รีบเก็บดาบกระหายเลือด แล้วจัดการซากศพหมาป่าทั้งสาม
เนื่องจากทักษะกระหายเลือดของดาบกระหายเลือดนั้นไม่สามารถใช้แบบลวกๆ ได้ ทางเลือกที่เหลือจึงได้แต่ต้องพึ่งพาการฝึกตนด้วยตัวเองไปทีละนิดเท่านั้น
หลังจากนึกทบทวนอย่างเหมาะสม สวี่ล่ายนั่งขัดสมาธิ เริ่มตรวจจับปราณบริสุทธิ์จากสวรรค์และปฐพี แล้วค่อยๆดูดซับมัน
อย่างไรก็ตาม
....
“ไอ้ทุเรศเอ๊ย! นี่มันจะช้าเกินไปแล้ว!”
สวี่ล่ายดีดตัวขึ้น เกาหนังศีรษะอย่างกระวนกระวาย
หลังจากตอนนั้นก็ผ่านมาสามวันแล้ว แต่การอาศัยแค่การดูดซับปราณบริสุทธิ์จากสวรรค์และปฐพีด้วยตัวเอง มันช้าเหลือเกิน!
แม้แต่การกลืนกินโอสถกระจายปราณ ก็ยังช่วยเพิ่มปราณบริสุทธิ์ได้ไม่มากนัก
“บัดซบจริงๆ มิน่าเล่าเจ้าหมอนี่ถึงถูกเรียกว่านายน้อยขยะ ร่างๆนี้ ... ในแง่การฝึกตนมันแทบจะไร้ประโยชน์!”
สวี่ล่ายตบแก้มตัวเองอย่างอับจนปัญญา เกิดความคิดว่าร่างของ ‘นายน้อยสวี่’ ที่ตนถูกส่งข้ามมิติมาสิงสู่ สมควรถูกเรียกว่าขยะจริงๆ
“แล้วแบบนี้ฉันควรทำยังไงดี?” ด้วยความเร็วในการฝึกระดับนี้ ไม่ต้องพูดถึงครึ่งปี น่ากลัวว่าต่อให้ใช้เวลาสิบปี ก็คงไม่สามารถเอาชนะการประลองหาคู่ได้”
สวี่ล่ายคิดแล้วคิดอีก ในที่สุดกัดฟันแน่น “ผู้บรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่ควรยึดติดกับเรื่องเล็กน้อย ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็มีแต่ต้อง ‘ลงมือทำโดยไม่หยุดพัก’ ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองแก่กล้าขึ้น มาลองกันซักตั้ง!”
“ลุยวะ!” สวี่ล่ายตะโกน ยกดาบกระหายเลือดขึ้น มุ่งหน้าลึกเข้าไปในป่าหมอก
...
สามวันต่อมา
ฮู้มมมม ฮู้มมมม——!
“ดาบกระหายเลือด! ย่า~!”
อู๊ด...!
สวี่ล่ายตวัดดาบกุดหัวหมูศรน้ำแข็งตนหนึ่งในการโจมตีเดียว
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณฆ่าหมูศรน้ำแข็ง ได้รับค่าปราณสังหาร 1 แต้ม]
[คุณใช้ทักษะกระหายเลือด ได้รับแก่นแท้ปราณ 25 แต้ม ต้องการแปลงเป็นปราณบริสุทธิ์หรือไม่?]
“แปลง!”
[เนื่องจากใช้ทักษะกระหายเลือด ค่าใจปีศาจเพิ่มขึ้น 1 แต้ม]
“เพิ่มก็เพิ่มไปสิ” สวี่ล่ายกลอกตา ตอนนี้เขาจำเป็นต้องเลิกสนใจค่าใจปีศาจชั่วคราว เพื่อก้าวสู่ขอบเขตในขั้นต่อไป นี่ไม่มีทางเลือกอื่น
“ลุยกัยต่อ!”
...
หนึ่งเดือนต่อมา
“ฝ่ามือร้อยปะทะท่อนที่ 1 ย่า!”
บรึ้ม!
“ไอ๊ยะ! ตัวฉันแกร่งขึ้นมากทีเดียว” สวี่ล่ายฟาดสัตว์ปีศาจลิงที่สูงกว่าสามหมี่อย่างแรง
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่านี่ไม่มากพอที่จะหยุดมัน
โฮก——!
ปึก ปึก ปึก!
วานรแขนทองคำใช้สองกำปั้นทุบหน้าอกตัวเอง แสดงท่าทีหยิ่งผยองเหมือนกำลังบอกว่าตัวเองไม่เจ็บปวดอะไรให้สวี่ล่ายดู
“ไอ้ทุเรศ! สัตว์ปีศาจระดับสูงขั้น 1 นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ” สวี่ล่ายถูฝ่ามือที่แดงและบวมของเขา เรียกดาบกระหายเลือดออกจากแหวนมิติ
โฮก——!
วานรแขนทองคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว พื้นดินและภูเขาสั่นสะเทือน จากนั้นเร่งความเร็วพุ่งเข้าชนสวี่ล่ายทันที
“ตายซะ! สะบั้นกระหายเลือด!”
สวี่ล่ายไหนเลยจะกล้าเพิกเฉย กุมดาบด้วยสองมือ ถ่ายเทปราณบริสุทธิ์เข้าไปในดาบกระหายเลือดอย่างเต็มที่
หึ่ง หึ่ง!
“ย่า!”
วู้ม~!
เส้นแสงสีเลือดดั่งอาชาโลหิตทะยานออกไป
บรึ้ม!
โฮ--!
เสียงกรีดร้องน่าสังเวชดังขึ้น วานรแขนทองคำล้มหงายท้องหน้าชี้ฟ้า
โครม!
“ฟู่ว ... ฟู่ว ....” สวี่ล่ายหอบเหมือนวัวหายใจ ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ ต้องใช้เวลานานกว่าสองเค่อจึงจะสามารถสบโอกาสฆ่าสัตว์ปีศาจตนนี้ได้
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณฆ่าวานรแขนทองคำระดับสูงขั้น 1 สำเร็จ ได้รับค่าปราณสังหาร 2 แต้ม]
“หือ? 2 แต้มเลยหรอ? ไม่เลวนี่นา” สวี่ล่ายยิ้มบาง
ดูเหมือนยิ่งสัตว์ปีศาจหรือคู่ต่อสู้ที่ฆ่าแข็งแกร่งเท่าไหร่ ค่าปราณสังหารที่ได้ก็จะมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ช่างน่าเสียดาย ที่จนถึงตอนนี้ สวี่ล่ายสะสมค่าปราณสังหารได้เพียง 17 แต้มเท่านั้น
“มันน้อยจริงๆ! ไม่รู้ว่า ‘สวี่ล่าย’ ที่เป็นเจ้าของร่างคนเดิมทำยังไง ถึงสามารถสะสมค่าปราณสังหารได้ถึง 999 แต้ม” สวี่ล่ายยิ้มสมเพชตัวเอง
“อิงตามความเร็วในตอนนี้ ... เฮ้อ!” สวี่ล่ายลอบส่ายหัว
จุดนี้เขากระจ่างแก่ใจ ด้วยความเร็วระดับนี้ เกรงว่าต่อให้ใช้เวลาเป็น 8 - 10 ปีก็คงไม่พอ หรือต่อให้สะสมได้จนเต็มเขาก็คงไม่กล้าใช้งานราชานรกประทับร่างโดยไม่ยั้งคิด
เพราะหากเกิดสถานการณ์ที่ใช้ท่าราชานรกประทับร่างไปแล้ว ระหว่างสะสมค่าปราณสังหารใหม่ดันมีศัตรูที่ร้ายกาจโผล่มา น่ากลัวว่าเขาคงได้ตายจริงๆ
[ติ๊ง!]
[ใช้ทักษะกระหายเลือดดูดซับแก่นแท้ปราณได้ 300 แต้ม ต้องการแปลงเป็นปราณบริสุทธิ์หรือไม่?]
“แปลง”
หึ่ง หึ่ง!
กระแสปราณบริสุทธิ์ค่อยๆไหลเข้าสู่ร่างกายของสวี่ล่าย
ฟุ่ม——!
สวี่ล่ายรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังปราณบริสุทธิ์ในตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งมันเร็วกว่าการนั่งบำเพ็ญเพียรด้วยตัวเองสุดๆ
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณก้าวสู่ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้น 7]
[เนื่องจากการใช้ทักษะกระหายเลือด ค่าใจปีศาจเพิ่มขึ้น 5 แต้ม]
“อะไรนะ! 5 แต้ม ...?” สวี่ล่ายตกใจจนเกือบกัดลิ้นตัวเอง
ตอนนี้ค่าใจปีศาจก็ปาเข้าไปถึง 37 แต้มแล้ว มันเยอะค่าปราณสังหาร 20 แต้ม ขืนปล่อยไว้แบบนี้ไม่ต้องรอให้ค่าปราณสังหารเต็ม แต่คิดว่าค่าใจปีศาจคงเต็มซะก่อน!
[ติ๊ง!]
[คำแนะนำจากระบบ : ได้เวลาที่โฮส์ต้องมีทักษะเสริมเพิ่มเติมแล้ว โปรดเลือกอาชีพรองของตัวเองด้วย]
หลังจากเห็นระบบแจ้งเตือนอีกครั้ง สวี่ล่ายเปิดม้วนเหล็กดำในตันเถียนเขา
“อาชีพรอง อืม ...”
เดิมสวี่ล่ายไม่รีบร้อนที่จะเลือก แค่รู้สึกว่าอะไรอย่างอาชีพรองมันจะทำให้เวลาในการฝึกตนของเขาช้าลง
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางอย่าง พอผ่านไปพักหนึ่ง ระบบมักคอยย้ำเตือนเขาถึงเรื่องนี้ เล่นเอาสวี่ล่ายมารําคาญมากจริงๆ
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สวี่ล่ายเลยตั้งใจที่จะเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของทุกอาชีพด้วยตัวเองก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ
[ผู้เชี่ยวชาญการกลั่นโอสถ]
สามารถกลั่นโอสถหลากหลายประเภทที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกตน รักษาอาการบาดเจ็บ หรือเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ
ค่าความยาก 4 ดาว
ค่าความนิยม 4 ดาว
[ผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธ]
สามารถสร้างอาวุธ ชุดเกราะ และอุปกรณ์สำหรับโจมตีและป้องกันอื่นๆได้
ค่าความยาก 4 ดาว
ค่าความนิยม 4 ดาว
[ผู้เชี่ยวชาญด้านวิถีค่ายกล]
สามารถจัดเตรียมค่ายกลป้องกัน โจมตี ช่วยเหลือด้านการรักษา ฯลฯ
ค่าความยาก 4.5 ดาว
ค่าความนิยม 4.5 ดาว
[ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล]
สามารถใช้หินค่ายกลในการช่วยเหลือการโจมตี ป้องกัน และสนับสนุนได้ นอกจากนี้ยังเหมาะแก่การใช้ฝึกตนหรือในการสู้รบกับศัตรู
ค่าความยาก 5 ดาว
ค่าความนิยม 5 ดาว
“ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล? นี่มันยังไงกัน” สวี่ล่ายพึมพำ แต่ดวงตาเขาสว่างไสวขึ้น
สวี่ล่ายเริ่มตรวจสอบอาชีพผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลอย่างละเอียด และคาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นอาชีพที่ท้าทายสวรรค์!
แน่นอน ไม่ใช่แค่เรื่องอานุภาพของศิลาค่ายกลที่หลอมจากผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลที่อัศจรรย์ แต่ความยากลำบากในการเรียนรู้ทักษะประสานค่ายกลเพียงอย่างเดียว ก็เกือบไปถึงจุดที่แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว!
ในความเป็นจริง มันไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสวี่ล่ายถึงรู้สึกประหลาดใจ เพราะศาสตร์อื่นๆในอาชีพรอง มันจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติมแค่ 1 - 2 ทักษะย่อยเท่านั้น
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล จำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะย่อยทั้งหมดจึงจะได้รับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่!
“นี่มัน ... ออกจะตึงมือเกินไปหน่อยกระมัง?”