บทที่ 2
บทที่ 2
“ไปลงนรกซะ!” สวี่เฉียนถีบหน้าอกสวี่ล่าย มือขวาชักกระบี่ออกอย่างแรง
“อ๊าาาา——!”สวี่ล่ายกรีดร้องน้ำเสียงแหบแห้ง หงายหลังหน้าชี้ฟ้า
แต่ในจังหวะนั้นเอง ช่วงเวลาพลันหยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง ร่างของสวี่ล่ายลอยค้างอยู่กลางอากาศไม่ตกลงมา
“นี่ฉัน ... จะต้องตายทั้งๆแบบนี้หรือ?” สวี่ล่ายหลับตาลงอย่างช้าๆ เฝ้ารอช่วงเวลาสุดท้าย
แม้ในใจยังไม่ยอมแพ้ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นจากการกลั่นแกล้งของโชคชะตา
“สวี่ล่าย ข้าเย่เสวี่ยหลิงเกิดมาเพื่อเป็นสมาชิกในตระกูลสวี่ของเจ้า หากตายไป วิญญาณนี้ก็จะเป็นของตระกูลสวี่ของเจ้า ฉะนั้น เจ้าต้องรอดชีวิตกลับมา ข้าจะรอ ...”
อีกฉากหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของสวี่ล่าย ผู้พูดเป็นสตรีที่สง่างามและอ่อนโยน ในฉากนี้เธอกำลังชะเง้อมองอยู่ห่างๆ ยืนส่งเขา
“เย่ ... เสวี่ยหลิง?” ในสมองสวี่ล่ายพลันนึกถึงหน้าของคนๆนึง อันที่จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเย่เสวี่ยหลิงค่อนข้างยุ่งเหยิง
สวี่ล่ายในฐานะผู้สืบทอดรุ่นใหม่ของตระกูลสวี่ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสามตระกูลใหญ่ให้มั่นคง เย่หนานเทียน ประมุขตระกูลเย่คนปัจจุบัน จึงหมั้นหมายตนกับเย่เสวี่ยหลิง บุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา
เดิมนี่เป็นการจับคู่ที่สวรรค์สร้าง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพรสวรรค์ด้านการต่อสู้อันต่ำต้อยของสวี่ล่าย ยิ่งนานจึงยิ่งปรากฏรอยร้าว
กว่า 16 ปีเต็มที่เกิดมา สวี่ล่ายเพิ่งมาถึงขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้น 3 เท่านั้น เป็นนายน้อยขยะอย่างแท้จริง
ขณะที่พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของเสวี่ยหลิงนั้นน่าทึ่งมาก ทุกวันนี้เธอไปถึงขอบเขตรวบรวมปราณขั้น 9 แล้ว อีกเพียงก้าวเดียวก็จะตัดผ่านคอขวดสู่ขอบเขตรวมวิญญาณ กลายเป็นนักบู๊ที่ทุกคนชื่นชม
แต่ที่ยังไม่ไปถึง เป็นเพราะเย่เสวี่ยหลิงจงใจชะลอความเร็วในการฝึกฝนของเธอ เพื่อรอให้สวี่ล่ายไล่ตามมา ไม่อย่างนั้น ... เย่เสวี่ยหลิงที่เดิมเป็นทั้งคู่รักและเพื่อนสมัยเด็ก จะเกิดความห่างชั้นกันมากไป สุดท้ายถูกตระกูลเย่ยกเลิกหมั้นหมายเอา
โชคดีที่คุณหนูเย่มีความชอบธรรมและสาบานว่าจะไม่ถอนหมั้น!
แต่น่าเสียดาย สุดท้ายแล้วที่ยังดึงดันมีแค่เย่เสวี่ยหลิงคนเดียว ลำพังเธอต้องเผชิญแรงกดดันจากทั้งตระกูลเย่ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอยคนละครึ่งทาง ยอมตกลงให้จัดงานประลองเพื่อหาคู่ครองในอีกครึ่งปีหลัง
ทางหนึ่งเพื่อใช้เรื่องนี้เป็นไม้กันหมา อีกทางหนึ่งเพื่อหวังว่าสวี่ล่ายจะฮึดสู้เป็นครั้งสุดท้าย ฝึกฝนเพิ่มพลังรบแล้วเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมด ฟันฝ่าอุปสรรคแล้วแต่งงานกับเธอในที่สุด
แม้ว่าทั้งหมดนี้ ... มันอาจเป็นแค่เรื่องฝันเฟื่องก็ตาม!
สวี่ล่ายเองก็รู้ ว่าเย่เสวี่ยหลิงเสียสละอย่างมากเพื่อตนเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงนำบริวารทั้งสองออกจากตระกูลสวี่ เดินทางมาป่าหมอกเพื่อรับการฝึกพิเศษ คาดหวังว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกฝนได้โดยเร็วในช่วงเวลาหกเดือนสั้นๆนี้
เพื่อที่จะได้แต่งงานกับเย่เสวี่ยหลิงอันเป็นที่รัก
เพื่อไม่ให้ตระกูลสวี่ต้องผิดหวัง
สวี่ล่ายจึงตัดสินใจเด็ดขาด มาตายเอาดาบหน้า หากไม่รุ่งโรจน์ก็ล่มจม!
อย่างไรก็ตาม ใครจะคิดว่าตระกูลเย่จะแอบซื้อบริวารสองคนข้างกายสวี่ล่าย เพียงเข้าสู่ป่าหมอกในวันที่สาม พวกเขาก็ทรยศตระกูลสวี่และลอบสังหารสวี่ล่าย!
ทั้งหมดนี้ อาจจะเป็นโชคชะตาที่พระเจ้าลิขิตไว้ ...
ในขณะที่สติของสวี่ล่ายค่อยๆสลายไป
[ติ๊ง!]
[คำแนะนำจากระบบ : วิชาเทพ : ราชานรกประทับร่าง เปิดใช้งานอัตโนมัติ]
“ราชานรก ——ประทับร่าง!”
หวือออออ!
เสาแสงสีขาวสาดลงมาจากท้องฟ้า แสงนี้อาบไปทั่วร่างของสวี่ล่าย
หึ่ง หึ่ง~!
อักขระสีทองกลุ่มหนึ่งไหลช้าๆบนเสาแสง ความกดอากาศโดยรอบลดลงอย่างเห็นได้ชัด เงาสีขาวผสานเข้ากับสวี่ล่าย
ฮู้มมมม~!
บรึ้ม!~!
ในชั่วพริบตา คลื่นอัดอากาศรุนแรงระเบิดออก เสาแสงแตกเป็นเสี่ยงๆ กวาดคลื่นลมขนาดมหึมากระจายไปทุกทิศทาง ทั่วทั้งป่าหมอกสั่นสะเทือน
“นี่มันอะไรกัน ... เหตุใดถึงเป็นแบบนี้ไปได้!?” สวี่เฉียนถูกคลื่นอัดอากาศบังคับถอยหลังไปเป็นสิบก้าว ขณะเดียวกันรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันน่าทึ่งที่โชยออกมาจากร่างของสวี่ล่าย
[ติ๊ง!]
[การแจ้งเตือนจากระบบ : โฮสต์ได้เข้าสู่โหมดร่างสถิตราชานรกแล้ว พลังรบเพิ่มขึ้น 10 เท่า ระยะเวลาคงสถานะ 20 วินาที]
[ภารกิจ : โฮส์ต้องเอาชนะสวี่เฉียนในขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้น 7 ภายใต้สถานะร่างสถิตราชานรก]
ว๊ากกกก——!
สวี่ล่ายแหกปากร้อง กวาดคลื่นอัดอากาศกระจายออกไปอีกระลอก
“นี่มันพลังอะไรกัน ... เหลือเชื่อจริงๆ” สัมผัสถึงพลังในตัว สวี่ล่ายเกิดความรู้สึกราวกับว่าสามารถเหยียบย่ำโลกทั้งใบใต้เท้าเขา
ขณะเดียวกันตัวเขาในเวลานี้ ผมทั่วทั้งหัวกลายเป็นสีขาวราวหิมะ ปลิวไสวไปตามแรงลม ดวงตาเปล่งประกายด้วยแสงสีเงิน ชายเสื้อคลุมสีขาวแกว่งไกว ในมือถือดาบสีเลือดที่แผ่กลิ่นไอสังหารจางๆ
“ไม่จริง ... นี่มันทักษะลับของบรรพชนตระกูลสวี่! เศษสวะเช่นเจ้า สามารถฝึกฝนมันได้อย่างไร?”
สวี่เฉียนแสดงสีหน้าไม่เชื่อถือ อดไม่ไหวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
“สวี่เฉียน ในฐานะคนรับใช้ตระกูลสวี่ เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นสังหารนายน้อย วันนี้! ข้าสวี่ล่ายจะบังคับใช้กฏตระกูลแทนบิดาข้า ประหารเจ้า!”
สวี่ล่ายแค่นเสียงตะโกน พริบตาเดียวปรากฏกายเบื้องหน้าสวี่เฉียน
“อาศัยเพียงเจ้า? นายน้อยขยะกล้าดียังไงมาทำตัวหยิ่งผยอง? เจ้าฆ่าน้องชายข้า ข้าจะลากตัวเจ้าไปกลบฝังไปพร้อมกับเขา!” สวี่เฉียนคล้ายบ้าไปแล้ว กระบี่ในมือขวาชี้ไปข้างหน้าเล็กน้อย เร่งเร้าปราณบริสุทธิ์ทั้งหมดในกาย
“กระบี่ทระนงสังหาร --ท่อนที่ 5!”
ปราณกระบี่ยาวสองอิงฉื่อแทงเข้าที่สวี่ล่าย
สวี่ล่ายยิ้มเย็นชา ดาบกระหายเลือดเคลื่อนไปข้างหน้าเล็กน้อย อักขระยันต์สีเลือดไหลอ้อยอิ่งไปตามใบดาบอย่างเงียบเชียบคล้ายไร้อานุภาพใดๆ
“ตาย!”
เคร้ง!
กระนั้น ทันทีที่ปลายกระบี่ของสวี่เฉียนแตะโดนดาบกระหายเลือดของสวี่ล่าย พลังที่ไม่อาจอธิบายได้แพร่กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว กระบี่ของสวี่เฉียนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในคราเดียว
บรึ้ม——!
จากนั้นบังเกิดคลื่นอัดอากาศ ไม่ว่าจะดอกไม้ ต้นไม้ เนินเขาเขียวขจี ก้อนหิน หรือพืชพรรณทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีหนึ่งลี้ประหนึ่งถูกพายุไต้ฝุ่นเข้ากวาดทำลาย
อ๊าาาา——!
ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวช สวี่เฉียนถูกดาบของสวี่ล่ายแทงเข้าที่หน้าอก
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างยังไม่จบลงเพียงเท่านี้
อักขระยันต์ที่เวียนว่ายอยู่ในดาบกระหายเลือดพลันวิ่งออกไปพัวพันร่างของสวี่เฉียน และเริ่มดูดซับแก่นโลหิตในตัวเขาอย่างเมามัน
ไม่—!” สวี่เฉียนกรีดร้อง ใบหน้าที่ไม่ยินยอมพร้อมใจค่อยๆค่อยๆถูกดูดจนแห้งอย่างช้าๆ
[ติ๊ง!]
[การแจ้งเตือนจากระบบ : โฮสต์ได้รับแก่นแท้ปราณ 150 แต้ม ต้องการแปลงเป็นปราณบริสุทธิ์หรือไม่?]
“แปลงมัน”
[ติ๊ง!]
[แปลงสำเร็จ]
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณประสบความสำเร็จในการก้าวสู่ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้น 6 ]
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณฆ่าศัตรูที่ทรงพลังกว่า ได้รับค่าปราณสังหาร 1 แต้ม ค่าปราณสังหารสะสมในปัจจุบัน : 1/1,000 ]
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณเสร็จสิ้นภารกิจแนะนำเบื้องต้น ได้รับแต้มสะสม 500 แต้ม]
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณได้รับแหวนมิติระดับสมบัติ 1 วง]
[ได้รับโอสถกระจายปราณ 10 เม็ด]
[ได้รับทักษะฝึกฝนระดับอำพันขั้นกลาง : ส่วนหนึ่งของเคล็ดตะวันนภา ]
[ได้รับเพลงกระบี่ระดับอำพันขั้นกลาง : ส่วนหนึ่งของเพลงกระบี่ทระนงสังหาร]
[ได้รับวิชาฝ่ามือระดับอำพันขั้นต่ำ : ฝ่ามือร้อยปะทะ]
[ได้รับหินดวงดาวขั้นต้น 15 ก้อน]
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณสามารถปลดล็อคทักษะฝึกฝนและวิชาต่อสู้ ]
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณปลดล็อคการฝึกฝนอาชีพเสริม]
[ติ๊ง!]
[เนื่องจากโฮสต์ใช้ฟังก์ชั่นกระหายเลือด ค่าใจปีศาจเพิ่มขึ้น 1 แต้ม]
“ไอ้พวกนี้มัน .... อะไรกัน?”
เผชิญกับเสียงแจ้งเตือนของระบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สวี่ล่ายยื่นนิ้วจิ้มตรงนั้นตรงนี้อย่างโง่เขลา ไม่ทราบต้องทำอย่างไรดี
[ติ๊ง!]
[การแจ้งเตือนจากระบบ : สถานะร่างสถิตราชานรกถูกยกเลิก]
ปราณบริสุทธิ์มหาศาลเหือดหาย สวี่ล่ายฟื้นตัวจากสถานะ ‘ร่างสถิตราชานรก’
แม้ว่าเสื้อผ้าเขาจะขาดรุ่งริ่งไปบ้าง แต่ตามตัวก็ปราศจากบาดแผลใด ดาบหักที่เต็มไปด้วยสนิมในมือยังคงกำแน่น
“นี่มัน ... น่าทึ่งมาก!”
สวี่ล่ายลดศีรษะลง ลองคลำหน้าอกตรงจุดที่เพิ่งถูกเจาะด้วยปลายกระบี่
แม้ตอนนี้อาจกล่าวได้ว่าไม่พบกระทั่งร่องรอยของมัน แต่ความเจ็บปวดที่ถูกเสียดแทงเข้าเลือดเนื้อนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจ
“เป็นไปได้ไหมว่าฉันกำลังฝันอยู่?” สวี่ล่ายหยิกแก้มตัวเองอย่างแรง “โอ๊ย! เจ็บชะมัด ..!”
“เจ็บนี่หว่า แสดงว่านี่ไม่ใช่ความฝันแน่นอน ว่าแต่ ... มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เขาไม่ได้แค่รู้สึกเจ็บ แต่ยังสังเกตได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบข้างเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยความเสียหายของดอกไม้ พืชพรรณ และต้นไม้ที่ถูกคลื่นลมทำลาย รวมไปถึงสองศพของสวี่คุน สวี่เฉียนที่นอนนิ่งอยู่ไม่ไกล ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง
“อีหรอบนี้ ... คงปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันเดินทางข้ามมิติมาแล้วจริงๆ!” สวี่ล่ายก้มมองสองมืออย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นหลับตาลง พยายามค้นเข้าไปในทะเลแห่งความทรงจำของร่างนี้
หลังจากใช้เวลานานพอสมควร สวี่ล่ายลืมตา ผุดยิ้มเล็กน้อย “ดูท่าว่าจะไม่ผิดพลาดแล้ว ฉันข้ามมิติมาจริงๆ เดินทางสู่โลกมหัศจรรย์นี้ และมาอยู่ในร่างของอีกตัวตนหนึ่ง”
[ติ๊ง!]
“เชี่ยเถอะ! นี่ยังไม่หมดอีกหรอ?”
สวี่ล่ายกำลังรู้สึกตื่นเต้นกับตัวตนใหม่ของเขา อย่างไรก็ตาม เสียงเตือนของระบบกลับแทรกขึ้นอย่างกะทันหัน มันทำให้สวี่ล่ายตกใจ สะดุ้งโดยไม่ทันตั้งตัว
แต่ไม่นาน สวี่ล่ายก็หัวเราะอย่างขมขื่น “แต่ที่ทุกอย่างเป็นความจริงได้แบบนี้ ทั้งหมดคงมาจากระบบ ...”
[การแจ้งเตือนจากระบบ : ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณปลดล็อคฟังก์ชั่นแลกเปลี่ยนแต้มสะสม]
[คำแนะนำจากระบบ : โฮสต์กรุณาใช้แต้มสะสมที่มี ทำการแลกเปลี่ยนลายแทงที่ซ่อนขุมทรัพย์ขั้นต้น]
“ลายแทง ... ลายแทงที่ซ่อนขุมทรัพย์?” สวี่ล่ายอ้าปากกว้าง ตกตะลึงตัวแข็งไปทั้งๆอย่างนั้น
[ติ๊ง!]
ระบบพอได้ยินคำสั่งที่สวี่ล่ายพูดขึ้นโดยไม่รู้ตัว มันก็เข้าสู่การเลือกลายแทงที่ซ่อนขุมทรัพย์โดยอัตโนมัติ
“ลายแทงที่ซ่อนสมบัติขั้นต้น ...” ข้อมูลลายแทงสมบัติจำนวนมากปรากฏขึ้นในใจของสวี่ล่าย
“เอ๋?”
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลมากมายเหล่านั้นไม่อนุญาตให้เข้าถึง แต่มันกระโดดข้ามมายังลายแทงที่ซ่อนขุมทรัพย์ในพื้นที่ป่าหมอกแทน
[คำแนะนำจากระบบ : ลายแทงที่ซ่อนขุมทรัพย์ขั้นต้นในป่าหมอก : ราคา 500 แต้มสะสม ต้องการแลกหรือไม่?]
“เอ่อ .. เอาสิ แลกก็แลก” สวี่ล่ายกระจ่างแก่ใจว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น ‘คำแนะนำจากระบบ’ นี้เปรียบเสมือนคู่มือสำหรับมือใหม่ในการเล่นเกมออนไลน์ มันสมควรเป็นฟังก์ชั่นเริ่มต้นให้มือใหม่เข้าใจการทำงานทั้งหมด
[ติ๊ง!]
[แลกเปลี่ยนสำเร็จ โฮสต์ต้องการตรวจสอบหรือไม่?]
“ตรวจสอบ”
ตอนนี้สวี่ล่ายเริ่มเข้าใจอะไรๆมากขึ้นแล้ว ดังนั้นตั้งใจจะตรวจสอบระบบโดยละเอียด เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลกใบนี้ และหาสาเหตุว่าทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่
ประกายแสงสว่างวาบ ม้วนลายแทงกระดาษปรากฏขึ้นในทะเลแห่งจิตสำนึกของสวี่ล่าย
ภายใต้การสั่งการผ่านความคิด ลายแทงค่อยๆคลี่ออกอย่างช้าๆ
“นี่มัน ....”
เห็นเพียงบนลายแทงไม่ได้มีรายละเอียดเฉพาะเจาะจงมากนัก แต่ก็พอจะบอกได้คร่าวๆ ว่าที่ซ่อมขุมทรัพย์สมควรเป็นสถานที่ใดสถานที่หนึ่งในป่าหมอก
และเนื่องจากมันเป็นลายแทงขุมทรัพย์ นั่นหมายความว่าตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้บนลายแทงนี้ จะต้องมีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่
“จะเป็นสมบัติประเภทไหนกันนะ?” มุมปากสวี่ล่ายโค้งเล็กน้อย ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะไปออกค้นหามัน
[ติ๊ง!]
[การแจ้งเตือนจากระบบ : ภารกิจหลัก : เข้าร่วมการประลองเลือกคู่ครองในอีกหกเดือนหลังจากนี้]
[รางวัลความสำเร็จ : ได้เป็นผู้สืบทอดภายในของตระกูลสวี่ , ได้รับ 2,000 แต้มสะสมและสาวใช้ส่วนตัวหนึ่งคน]
“ได้รับสาวใช้ส่วนตัว? นี่มันอะไรกัน?” สวี่ล่ายพออ่านประโยคสุดท้าย เขากลอกตาทันใด “ไม่ใช่หมายความว่าถ้าชนะการประลองหาคู่ ฉันจะต้องได้คู่ชีวิตหรืออะไรทำนองนั้นหรอกหรือ?”
[ภารกิจเสริม : ทะลวงสู่ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้น 9 ภายในครึ่งปี และกลายเป็นนักบู๊ในขอบเขตรวมวิญญาณ]
[รางวัลความสำเร็จ : ได้รับ 1,000 แต้มสะสม และเปิดใช้งานตราลับประจำตระกูล]
“หือ? ว่าแต่ตราประจำตระกูลนี่มันคืออะไรกัน?”