ตอนที่แล้วบทที่ 189 - หลบหนีออกมาจากความสิ้นหวัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 191 – หมู่บ้านในภูเขา

บทที่ 190 – สุดท้ายก็ต้องจากลา


เหมือนว่าไหสุ่ยจะรักผมมากเหลือเกิน นี่ทำให้ผมซาบซึ้งใจ ค่อย ๆ ประทับจูบลงไปบนหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน ไหสุ่ยตัวสั่นไปหมด เงยหน้าอันงดงามของเธอขึ้นมามองหน้าผม สายตาของเธอช่างเต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำที่มีต่อผม แล้วเธอก็ค่อย ๆ หลับตาลง นั่นทำให้ผมต้องขยับตัวเข้าไปชิดกับเธอมากขึ้นไปอีก ความคิดแรกของผมคือต้องการจะจูบเธอเบา ๆ อีกครั้งเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิดเอาไว้ ไหสุ่ยเอามือของเธอมาคล้องรอบคอของผมเอาไว้ เธอตอบสนองกับการกระทำของผมอย่างลุ่มหลง เหมือนกับว่าเธอต้องการปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองออกมา

ผมเหมือนกับว่าจะปล่อยตัวปล่อยใจกับไหสุ่ยมากกว่ามู่จือเสียอีก ผมไม่รู้ตัวตอนที่กอดเธอแล้วลงไปนอนที่เตียงด้วยกัน ก่อนที่มือของผมจะเริ่มพยายามรุกรานผ่านเสื้อผ้าของเธอเข้าไป จนขาของผมกระแทกเข้ากับเสาเตียงเย็น ๆ นั่นแหละ ผมถึงได้เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ แยกตัวของไห่สุยออกจากอ้อมกอดของตัวเอง ตอนนี้ใบหน้าอันงดงามของเธอนั้นแดงกล่ำ ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนา เธอเรียกชื่อผมออกมาอย่างหลงไหล “จางกง จางกง”

สติสัมปชัญญะและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผมกลับมาโดยสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นผมจึงได้พยายามข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ “ตั้งสติเอาไว้หน่อย! พวกเราไม่ควรจะทำแบบนี้ มีสติได้แล้ว” แล้วผมก็สร้างน้ำแข็งเย็น ๆ ขึ้นมาในฝ่ามือของตัวเอง ก่อนจะวางมันเอาไว้ที่หน้าผากของไหสุ่ย

ร่างกายของไห่สุ่ยสั่นไปหมด ในสายตาของเธอนั้นเริ่มสงบลงบ้างแล้ว เธอพยายามนึกว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์แบบไหน ก่อนจะซุกหน้าเข้ากับอกของผม “นายนี่มันไม่ใช่คนดี ฉันไม่ยอมอยู่กับนายอีกแล้ว”

ผมก็ไม่เคยต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อนเหมือนกัน ผมรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้แย่นัก แต่คิดว่าคงต้องควบคุมตัวเองให้ได้มากกว่านี้ ผมกล่าวออกมาอย่างอึกอัก “ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ แค่มัน.....”

เธอหัวเราะเขินออกมา “นายยังคิดที่จะพูดยังงั้นอีกเหรอ? น่าเบื่อจริง ๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำ หรือมาพูดเรื่องเหล่านี้แล้ว นายต้องรีบวางผังเวทย์ให้ได้เร็วที่สุด จะได้รีบออกจากเมืองไป ความปลอดภัยต้องมาก่อนนะ”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย “ที่เธอพูดมาก็ถูกแล้ว ช่วยฉันระวังไม่ให้มีใครเข้ามารบกวนหน่อยนะ ฉันจะเริ่มวางผังเวทย์แล้ว”

ไหสุ่ยไม่ปฏิเสธ เธอรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้ดูเรียบร้อย หน้าของเธอนั้นยังแดงกล่ำอยู่ แต่เธอก็รีบออกจากห้องไปค่อยระวังไม่ให้มีใครเข้ามาได้ทันทีที่จัดการกับเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

เห็นเธอรีบเดินออกไป ตัวผมนั้นเกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ขึ้นในใจ แต่ผมก็ต้องรีบสลัดมันออกไปโดยเร็ว ผมสั่นหัวตัวเองแรง ๆ หลายครั้ง ก่อนที่จะเริ่มวาดผังเวทย์เคลื่อนย้ายทันที

ตอนนี้พลังเวทย์ของผมยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ ผมไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกไปได้ไกลมากนัก ดังนั้นเพื่อความมั่นใจ ผมเลือกที่จะใช้ผังเวทย์เคลื่อนย้ายระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตรเท่านั้น เหมือนกับที่ผมเคยใช้มันส่งมู่จือหลบหนีออกไป ระยะทางขนาดนี้ น่าจะทำให้โอกาสหนีรอดของผมสูงขึ้นอีกมาก

การสร้างผังเวทย์เคลื่อนย้ายครั้งนี้ไม่ได้ง่ายเลย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ร่างกายของผมนั้นไม่แข็งแรงอย่างนี้ มันทำให้ผมรู้สึกอ่อนแรงมากขึ้นไปอีก ไหสุ่ยกลับเข้ามาดู 2-3 ครั้ง เพราะผมต้องใช้เวลาทั้งวันกว่าที่จะทำงานนี้ได้สำเร็จโดยสมบูรณ์

ผมบิดตัวเพื่อไล่ความเมื่อยขบที่เกิดขึ้นมาจากความพยายามทั้งวันนี้ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนลงบนเตียง ไหสุ่ยที่กลับเข้ามาหลังจากนั้น ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “นายวาดผังเวทย์เสร็จแล้วเหรอ?”

“ใช่ ฉันทำเสร็จหมดแล้ว! ข้างนอกสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” ผมถามเธอกลับ

เธอยิ้ม “มันจะเป็นอย่างอื่นได้ยังไงล่ะ? พวกเขากำลังพยายามค้นหาตัวนายอยู่น่ะสิ! ตอนนี้นายถูกประกาศจับไปทั่วอาณาจักรแล้วนะ ตอนที่ยังอยู่ในอาณาจักรอ้ายเซี่ย นายต้องระวังตัวให้ดีล่ะ”

ผมสงสัย “ทำไมพวกเขาถึงทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นด้วย? การจับฉันสำคัญมากเลยเหรอ?”

ไห่สุ่ยหัวเราะคิกคักออกมา “แน่นอนสิ นายเป็นเมธีเวทย์คนที่สิบเอ็ดของมนุษย์ทั้งเผ่าพันธุ์เลยนะ แถมนายยังใช้เวทย์ต้องห้ามได้อีกด้วย”

ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความรู้สึกท้อแท้ “เฮ้อ! ฉันไม่น่าแสดงพรสวรรค์ออกมามากขนาดนั้นเลยจริง ๆ ดูผลลัพธ์ที่ตามมานี่สิ เฮ้อ!! ตอนที่ฉันออกไปแล้ว เธอต้องทำตัวให้เงียบ ๆ นะ อย่าก่อเรื่องหรือปัญหาอะไรอีก ไม่อย่างนั้นเธอต้องยุ่งยากเพราะเรื่องของฉันอีกแน่ ฝากบอกคำพูดของฉันให้พวกหม่าเคอกับคนที่เหลือด้วยนะ”

ตาของไหสุ่ยเบิกกว้าง มองมาที่ผมเขม็ง

“มีอะไร? ทำไมเธอถึงมองฉันอย่างนั้น จะกินฉันหรือยังไง?” ผมแปลกใจกับท่าทางของเธอมาก

เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจ “นายจะไม่พาฉันไปด้วยเหรอ?”

นั่นทำให้ผมสะดุ้งไปทั้งตัว “อะไรกัน? เธอจะไปกับฉันด้วยเนี่ยนะ? เป็นไปไม่ได้หรอก!”

แล้วเธอก็เริ่มร้องไห้ออกมาทันที เธอพูดออกมาทั้งที่ยังสะอื้นอยู่ “นายโกหกฉันนี่! นายบอกว่านายยอมรับฉันแล้ว แต่ตอนนี้นายจะทิ้งฉันไว้อีกแล้ว ทำไมนายเปลี่ยนใจเร็วอย่างนี้?”

ผมได้แต่งงกับเหตุผลของเธอตอนนี้ “ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย ฉันไม่ได้เปลี่ยนใจเลย แต่ต่อจากนี้ไป ฉันอาจจะต้องเจอกับอันตรายต่าง ๆ นับไม่ถ้วน เธอจะเป็นอันตรายไปด้วยถ้าไปกับฉัน อยู่ที่นี่ ทำตัวดี ๆ เถอะนะ! พยายามเพิ่มพลังของตัวเองให้มากที่สุด ถ้าฉันช่วยพามู่จือออกมาได้แล้ว ฉันจะกลับมาหาเธอแน่นอน”

หลังจากได้ยินที่ผมพูดจบ เธอกลับร้องไห้หนักขึ้นอีก “นายมันคนเลว! นายโกหกฉัน! นายโกหกฉันเพื่อที่จะได้ร่างกายของฉันไป แล้วก็ทิ้งฉันทันที ฮือๆๆ”

อะไรนะ? โกหกเพื่อจะได้ตัวเธอมาเหรอ? บ้าแล้ว!! ผมรีบเข้าเอามือไปปิดปากเธอทันที “ยัยตัวยุ่ง! เบาเสียงหน่อยได้มั้ย? ถ้ามีใครมาได้ยินที่เธอพูดเข้าไป ฉันก็ไม่เหลือชื่อเสียงอะไรแล้ว!”

แต่เธอไม่ฟังผมเลย เธอยังร้องไห้ไม่หยุด

จนผมต้องใช้น้ำเสียงข่มขู่ออกมา “หยุด! หยุดร้องได้เดี๋ยวนี้ แล้วฟังฉันให้ดี ๆ!”

เหมือนเธอจะตกใจกับน้ำเสียงของผม เธอหยุดร้องไห้ทันที

เสียงของผมเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน “ทำตัวดี ๆ หน่อยสิ แล้วตั้งใจฟังที่ฉันพูด ถ้าฉันพาเธอไปด้วย มันจะเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกอย่างมาก ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้สถานการณ์อะไรอย่างชัดเจนเลย ที่เผ่าปีศาจตอนนี้เป็นยังไง ที่สนามรบเป็นยังไง แล้วอีกอย่าง ฉันยังต้องมีคนคอยช่วยเหลืออยู่ที่นี่ด้วย เธอรู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงถูกจับตัวได้ในครั้งก่อน ก็เพราะผังเวทย์ที่ฉันเหลือเอาไว้นี่แหละ ดังนั้น หลังจากฉันให้ผังเวทย์เคลื่อนย้ายนี่ออกไปแล้ว เธอต้องเป็นคนที่ลอบมันให้ไม่เหลือร่องรอย อย่ากังวลไปมากนักเลยนะ ฉันไม่ยอมตายง่าย ๆ แน่ ฉันไม่ได้อยากจะแยกจากเธอเหมือนกันนั่นแหละ แต่เธอควรจะเชื่อฟัง ทำตัวดี ๆ รอให้ฉันกลับมา ซึ่งฉันต้องกลับมาหาเธออย่างแน่นอน ได้มั้ย?”

แววตาของไหสุ่ยกลายเป็นซับซ้อนอย่างมาก มันเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ขัดแย้งกัน เธอกำลังเกิดความคิดที่ขัดแย้งกันเองอยู่ในใจแล้ว

ผมรีบกล่อมเธอต่อ “ฉันจะไปหาเพื่อนที่อาณาจักรซิวต้าก่อน ถ้ามีพวกเขาคอยช่วยเหลือ ฉันคิดว่าอันตรายก็คงจะไม่มากแล้ว”

เธอเงยหน้าขึ้นมาถาม “นายจะไม่เป็นอันตรายจริง ๆ ใช่มั้ย?”

ผมรีบพยักหน้า “ฉันสัญญากับเธอเลย!” คงจะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งที่ผมสัญญาออกไปจะเป็นจริงหรือเปล่า แต่ผมสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันตรายได้หรือไม่นั้น บอกเลยว่า ไม่!

แล้วไหสุ่ยก็ทำหน้าบึ้งตึงออกมา “เมื่อกี้นี้นายดูดุมากเลย” ยังไงเสียเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่น่าถนุถนอมเท่านั้น

ผมรีบกอดเธอเอาไว้ “ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว จะไม่ใช้น้ำเสียงแบบนั้นกับเธออีกแล้วนะ! ฉันจะไปกล้าดุเธออีกได้ยังไงกัน?”

เธอซุกหน้ากับอกผม กล่าวออกมาเสียงอู้อี้ “นายต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่ ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน ฉันก็จะยังรอนายแน่นอน!”

ผมรับปากเธอ “แน่นอน ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องกลับมา ทั้งอาจารย์ เพื่อน แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเธอที่รออยู่ ทั้งหมดนี่คือคนสำคัญที่สุดในชีวิต ฉันกลับมาแน่!”

ไหสุ่ยหน้าแดงกล่ำ ตอนที่พยายามกล่าวออกมา “ฉันให้ครั้งแรกของฉันกับนายได้มั้ย? มันจะทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจมากขึ้นอีก”

ผมสะดุ้งจนตัวลอยเลยคราวนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ใสซื่ออย่างเธอจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมา “ไม่ต้องหรอก! รอให้ถึงวันที่พวกเราแต่งงานกันอย่างถูกต้อง หลังจากนั้นฉันจะ....”

สีหน้าของเธอดูน่าถนุถนอมมาก “นายไม่ต้องการจริง ๆ เหรอ?”

ผมพยักหน้าอย่างหนักแน่น ไม่มีทางที่ผมจะทำกับเธออย่างนั้นแน่ มันไม่เป็นผลดีกับเธอเลย ผมรับประกันไม่ได้หรอกว่าผมจะไม่ตายอยู่ที่ดินแดนอันห่างไกลนั่น

ไห่สุ่ยยอมรับมัน แต่กล่าวออกมาอีก “ก็ได้! แต่นายต้องทิ้งอะไรบางอย่างไว้ให้ฉันเป็นตัวแทนความรักของนาย ฉันจะได้มีของแทนตัวนายเอาไว้”

ผมอึ้ง “เธออยากได้ของแบบไหน?”

“อะไรก็ได้!” เธอไม่ได้คิดเลย

นั่นทำให้ผมต้องใช้เวลาพอสมควร ก่อนที่จะนำผลึกสีน้ำเงินก้อนใหญ่ออกมาจากกระเป๋ามิติ “นี่น่าจะได้นะ” หลังจากกล่าวจบ ผมหยิบมีดสั้นที่หม่าเคอเป็นคนมอบเอาไว้ให้ออกมา แล้วใส่พลังของจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เข้าไป เพื่อใช้มันสลักผลึกสีน้ำเงินก้อนนั้น ด้วยมือที่มั่นคงของผม มันเปลี่ยนรูปทรงของผลึกเป็นรูปหัวใจที่เปล่งประกายสีน้ำเงินอย่างงดงาม ผมยังสลักชื่อ ‘จางกง’ ลงไปอีกด้วย แล้วผมก็มอบมันให้กับไหสุ่ย “เธอชอบมันมั้ย?”

เธอรับมันไปอย่างดีใจ น้ำเสียงของเธอนั้นมีความสุขมาก “ฉันชอบมันมากเลย ตอนที่ฉันคิดถึงนายในอนาคต มันจะทำให้ฉันรู้สึกว่ามีหัวใจของนายอยู่ใกล้ ๆ” แล้วเธอก็คว้ามือซ้ายของผมไป ก่อนจะสวมแหวนสีเขียวเข้มวงหนึ่งเข้าที่นิ้วกลางของผม “นี่เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจมอบให้นาย มันสลักชื่อของฉันเอาไว้ที่ด้านใน นายต้องไม่ทำมันหายนะ ฉันตั้งใจปล่อยนิ้วนางเอาไว้ให้แหวนของพี่หญิงมู่จือด้วย”

ผมก้มลงจูบแก้มของเธอเบา ๆ “เด็กโง่เอ๋ย! เธอแค่ต้องรอฉันกลับมาเท่านั้นเอง อ้อ! เธอได้ข่าวสถานการณ์ล่าสุดของเผ่าปีศาจมาบ้างมั้ย?”

“ฉันได้ยินมาว่าการสู้รบนั้นไม่ได้ดุเดือดมากนัก” เธอตอบผมกลับมา “ทั้งสองฝ่ายพยายามรวบรวมกำลังให้ได้มากที่สุดอยู่ แต่ยังตั้งหลักอยู่แต่ในที่มั่นของตัวเอง ตอนนี้มีแต่การปะทะกันเล็ก ๆ เท่านั้น จากเท่าที่เห็นในตอนนี้ เผ่าปีศาจกับเผ่าอสูรกายก็เคลื่อนไหวได้ลำบากเหมือนกัน สบายใจได้ การป้องกันปราการเต๋อหลุนเอาไว้ไม่น่าจะเป็นปัญหาหรอก”

นั่นมันเหมือนกับยกหินก้อนใหญ่ออกจากอกผม “เป็นแบบนั้นก็ยอดเยี่ยมแล้ว ถ้าพวกเขาเริ่มทำสงครามกันอย่างจริงจังแล้ว มันต้องเกิดความเสียหายเป็นอย่างมากให้กับทั้งสองฝ่ายแน่ แล้วผู้ที่จะทุกข์ทรมานมากที่สุด ก็เป็นพวกคนธรรมดานี่แหละ”

ผมลูบหัวไหสุ่ยอย่างแผ่วเบา “เธอน่าจะยังต้องฝึกฝนอยู่ในสถาบันรอให้เรื่องทั้งหมดจบสิ้นลงไปก่อน รอข้าอยู่ที่นั่น ตอนนี้น่าจะถึงเวลาแล้ว ข้าต้องไปก่อนแล้วล่ะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด