บทที่ 1
บทที่ 1
ณ ป่าหมอก
แหล่งรวมสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดนอกเมืองเฟิงตู นี่คือสวรรค์สำหรับนักผจญภัย และยังเป็นสวรรค์สำหรับผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ แต่ในขณะเดียวกัน ... ก็เป็นหนทางสู่ประตูมรณะ!
“อ๊าาาา——!”
เสียงร้องอันน่าสมเพชดังออกมาจากส่วนลึกของป่าหมอก
“ที่นี่ที่ไหน ..?”
สวี่ล่ายลืมตา ความเจ็บปวดอันเสียวซ่านที่ไม่สามารถทานทนได้กระหึ่มอยู่ในหัวเขา ข้อมูลจำนวนมากถูกยัดเข้ามาไม่ว่าเขาจะต้องการหรือไม่ก็ตาม
“พี่ใหญ่ นายน้อยยังไม่ตาย?”
“ไม่ ... นั่นเป็นไปไม่ได้ เห็นอยู่ชัดๆว่ามันโดนฝ่ามือร้อยปะทะของข้าเข้าไปเต็มๆ ...”
ไม่ไกลจากสวี่ล่าย สองพี่น้องที่หน้าตาคล้ายกันมาก ก้มมองที่พื้นด้วยสีหน้าตกใจ
ผู้ที่ถูกเรียก ‘นายน้อย’ ยกมือกุมศีรษะ ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
“พี่ใหญ่ แล้วตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร?” สวี่คุนมองพี่ชายที่อยู่ข้างๆอย่างกระวนกระวายใจ
“ทำตามแผนเดิม ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ และเรารับเงินมาเพื่อกำจัดผู้อื่นแล้ว ก็ต้องไปให้สุดทาง ต้องทำให้มั่นใจว่าเขาตายอย่างเด็ดขาด” สวี่เฉียนขบฟันสีเงินของตน
“ขอรับพี่ใหญ่” สวี่คุนรับคำ ชักดาบออกมาจากเอวเขา ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้สวี่ล่ายทีละก้าว
สองพี่น้องสวี่เฉียนและสวี่คุนคือคนรับใช้ของตระกูลสวี่ เดิมพวกเขาติดตามสวี่ล่ายเข้ามาฝึกฝนในป่าหมอก อย่างไรก็ตาม เข้ามาได้ไม่กี่วัน จู่ๆสองคนนี้ก็ลอบโจมตีเขา สังหารเจ้านาย!
“นี่มันบ้าอะไรกัน ... เกิดอะไรขึ้นกับฉัน? ก่อนหน้านี้เห็นๆกันอยู่ว่าฉันกำลังปฏิบัติภารกิจที่ชายแดนจีน-เวียดนาม...”
ในหัวของสวี่ล่าย ความทรงจำสองแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงซ้อนทับกัน
“หรือ... หรือว่าฉันข้ามมิติมา?”
‘ข้ามมิติ’
คำนี้สะท้อนในหัวของสวี่ล่าย มันเสมือนดั่งสายฟ้าฟาดชวนให้ผู้คนตกใจ
[ติ๊ง!!]
ทันใดนั้นเอง แสงแวบวาบปรากฏขึ้นในหัวสวี่ล่าย
การแจ้งเตือนจากระบบ
โฮสต์ : สวี่ล่าย
ขอบเขต : รวบรวมลมปราณขั้น 3
อาชีพ : นักบู๊
ทักษะ : ไม่มี
ปราณบริสุทธิ์ : 0
ค่าปราณสังหาร : 999
“นี่......นี่มันอะไรกัน?”
สวี่ล่ายเผชิญกับ ‘การแจ้งเตือนจากระบบ’ อย่างกะทันหัน ทำให้เขาไม่ทราบว่าจะรับมืออย่างไรดี
“นายน้อย เมื่อตายไปแล้วก็อย่าได้ตำหนิเราสองพี่น้อง แต่จงตำหนิที่ตนเองเป็นแค่ขยะ ไม่สามารถเป็นเสาหลักของตระกูลสวี่ได้!”
สวี่คุนยิ้มเย็นชา ค่อยๆยกดาบขึ้นมาอย่างช้าๆ
‘นั่นเขาคิดจะฆ่าฉัน? ... ไม่ได้การ! ต้องรีบหนี!’ แต่ในจังหวะที่สวี่ล่ายเพียงต้องการหลบหนี
ในตอนนั้นเอง
[ติ๊ง!!]
“คำแนะนำจากระบบ: ภายในสามวินาที ขอให้โฮสต์หยิบดาบหักขึ้นสนิมทางด้านขวาขึ้นมาป้องกันตัว”
“คราวนี้บ้าอะไรอีก?”
สวี่ล่ายมองไปยังสิ่งที่เรียกตัวเองว่า ‘คำแนะนำจากระบบ’ ตรงหน้า แต่เขายังไม่ทันมีเวลาคิดทบทวน เสียงของระบบดังขึ้นอีกครั้ง
“สาม”
“สอง”
สวี่ล่ายสะบัดหน้า เห็นเพียงเยื้องออกไปหนึ่งอิงฉื่อทางมือขวาของตัวเอง มีดาบหักที่เกรอะไปด้วยสนิม
“จงไปที่ชอบที่ชอบอย่างสบายใจเถอะ!” สวี่คุนตะโกน ดาบที่ชูสูงขึ้นฟันลงมาสุดกำลัง
“ไม่ได้การ!” สวี่ล่ายแตกตื่น เอื้อมมือคว้าดาบขึ้นสนิมและยกขึ้นเหนือหัวโดยสัญชาตญาณ
เคร้ง!
เหล็กปะทะเหล็ก เกิดประกายไฟแวววาวงดงามปะทุดั่งบุปผาเบ่งบาน
“อ๊าาาา——!”
แรงกระแทกระลอกใหญ่ทำให้แขนของสวี่ล่ายเกิดอาการด้านชา เนื้อหนังบนฝ่ามือปริแตกทันที เลือดไหลย้อยลงไปบนดาบขึ้นสนิมในมือเขา
“ฮึ่ม! ยังดิ้นรนโดยไม่จําเป็นอีก!” สวี่คุนตะคอกอย่างเย็นชา ง้างขาเตะเข้าที่อกของสวี่ล่ายพอดิบพอดี
“อ๊ากกก!”
สวี่ล่ายตัวลอย ก่อนไถลไปไกลกว่าสองอิงฉื่อ ตกลงในพุ่มไม้หนึ่ง
“น้องรอง ... อย่าเสียเวลาอีกเลย รีบทำให้มันจบๆซักทีเถอะ หากล่าช้า เดี๋ยวจะถูกนักบู๊ที่เดินทางผ่านมาพบเห็นเข้า ถึงตอนนั้นเรื่องราวคงยุ่งยากแล้ว”
“ข้าทราบแล้วพี่ใหญ่” สวี่คุนวิ่งไปข้างหน้าอย่างเร็วไว ตั้งใจจะโจมตีสวี่ล่ายเป็นครั้งสุดท้าย
หึ่ง หึ่ง~!
เพียงแต่ในขณะนั้นเอง ดาบหักขึ้นสนิทที่ได้ดูดซับเลือดของสวี่ล่าย คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเสียง หึ่ง หึ่ง ดังขึ้น
[ติ๊ง!]
[การแจ้งเตือนจากระบบ : ปลดล็อคอาวุธประจำตระกูล]
[อาวุธประจำตระกูล : ดาบกระหายเลือด]
[ระดับอาวุธ : สมบัติขั้นกลาง]
“ดาบกระหายเลือด? คราวนี้อะไรอีกละเนี่ย?”
ไม่รอให้สวี่ล่ายตอบสนอง ทันใดนั้นในพุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งอิงฉื่อก็ปรากฏเม่นที่ปกคลุมไปด้วยหนามสีทองเต็มตัววิ่งเข้ามา แผ่นหลังของมันพองโต คล้ายพร้อมสะบัดขนใส่ผู้ที่จู่ๆก็โผล่มาอย่างสวี่ล่ายทุกเมื่อ
[คำแนะนำจากระบบ : โฮสต์กรุณาสังหารสัตว์ปีศาจเม่นขนทองภายในสามวินาที]
“สาม”
“สอง”
เสร็จสิ้นคำแนะนำ ระบบก็เริ่มทำการนับถอยหลังทันที
“อึก! เอาก็เอาวะ!”
ตอนนี้สวี่ล่ายไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น ได้แต่ทำตามคำแนะนำของมัน พลิกฝ่ามือ เหวี่ยงดาบด้านที่แหลมคมออกไปทันที
ฟัฟฟฟ~!
ดาบของสวี่ล่ายนั้นรวดเร็วและไร้ปรานี มันแทบจะใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ ฟันเข้าตรงลำตัวของเม่นขนทองในดาบเดียว
เม่นขนทองไม่มีเวลากระทั่งจะกรีดร้อง ก็ถูกสังหารโดยสวี่ล่าย
[ติ๊ง!]
[คำแนะนำจากระบบ : ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณสังหารสัตว์ปีศาจเม่นขนทอง ปลดล็อคทักษะลับของดาบกระหายเลือดโดยอัตโนมัติ : ‘ฟังก์ชั่นกระหายเลือด’]
หึ่ง หึ่ง~!
ดาบกระหายเลือดในมือเขาส่งเสียงหึ่ง หึ่ง อีกครั้ง ไอวิญญาณสีเลือดถูกฉีดเข้าไปในดาบกระหายเลือด ขณะเดียวกัน ศพของเม่นขนทองก็เริ่มเหือดแห้งอย่างรวดเร็ว
[ติ๊ง!]
[คำแนะนำจากระบบ : ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณได้รับ 100 แต้มแก่นแท้ปราณ ต้องการแปลงเป็นปราณบริสุทธิ์เพื่อยกระดับเลยหรือไม่?]
“แปลงเลย!” ตอนนี้สวี่ล่ายตระหนักแล้ว เขาเข้าใจกระจ่างแจ้ง ว่าตราบใดที่ทำตามสิ่งที่เรียกว่า [คำแนะนำจากระบบ] มันอาจสามารถช่วยให้เขารอดพ้นจากสภาพอันตรายที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้
หึ่ง หึ่ง!
ดาบกระหายเลือดในมือของสวี่ล่ายสั่นไหว ริ้วแสงสีแดงเลือดถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานปราณบริสุทธิ์สีฟ้าคราม และฉีดเข้าไปในร่างเขา
[ติ๊ง!]
[การแจ้งเตือนจากระบบ : ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณทำการแปลงปราณบริสุทธิ์ได้ 50 แต้มเป็นผลสำเร็จ]
[ติ๊ง!]
[ ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณยกระดับสู่ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้น 4 ได้สำเร็จ]
[ติ๊ง!]
[ ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณยกระดับสู่ขอบเขตรวบรวมลทปราณขั้น 5 ได้สำเร็จ]
[ติ๊ง!]
[การแจ้งเตือนจากระบบ : ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณปลดล็อคทักษะสังหารขั้นต้น : สะบั้นกระหายเลือด!]
[ติ๊ง!]
[การแจ้งเตือนจากระบบ : โฮสต์กรุณาใช้ ‘สะบั้นกระหายเลือด’ สังหารศัตรูสวี่คุน]
ณ ตอนนี้ สวี่ล่ายรู้สึกว่าภายในร่างกายเขา พลังงานได้ไปรวมตัวกันในตันเถียน
ไม่เพียงแค่นั้น สวี่ล่ายยังพบว่าร่างกายเขาที่ได้รับบาดเจ็บ เวลานี้เกิดการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“นี่มันช่าง .... ช่างน่าอัศจรรย์นัก!”
สวี่ล่ายก้มมองมือตัวเองด้วยความประหลาดใจ สำรวจดูร่างกายที่เดิมเต็มไปด้วยบาดแผล
ตัวเขาในชีวิตก่อน คือผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ ขณะกำลังปฏิบัติภารกิจปราบปรามยาเสพติดบริเวณชายแดนจีน-เวียดนาม บังเอิญตกหลุมพรางของศัตรู สหายทั้งหมดเสียชีวิตในสนามรบ ท่ามกลางช่วงเวลาวิกฤต เขาตัดสินใจดึงสลักระเบิดลูกสุดท้ายที่พกติดตัว ยอมตายไปพร้อมเจ้าพ่อค้ายาข้ามชาติ
แต่ใครจะนึก ว่าชายที่พร้อมยอมรับความตาย จะได้เดินทางข้ามมิติโดยบังเอิญ
และที่เหนือความคาดหมายยิ่งกว่าก็คือ สวี่ล่ายที่เพิ่งข้ามมิติ ไม่มีเวลาได้พักหายใจ ต้องเผชิญหน้ากับการลอบสังหารของคนใช้ทั้งสองคน
ทั้งหมดนี้ ทุกอย่างกะทันหันเกินไป หากสวี่ล่ายมิใช่ทหารหน่วยรบพิเศษในชีวิตก่อน แต่เป็นแค่คนธรรมดา เกรงว่าเขาคงตายไปแล้ว
“สวี่ล่าย หยุดดิ้นรนอย่างไร้ความหมายเถอะ ยังไงเจ้าก็ต้องตาย รั้นไปรังแต่จะยิ่งทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด”
สวี่คุนเร่งฝีเท้าเข้ามา ชูดาบขึ้นและสับลง
“ก็ยังไม่แน่หรอกว่าใครจะตาย!” มุมปากสวี่ล่ายยกโค้งขึ้นเล็กน้อย ความมั่นใจในตัวเองที่สั่งสมมานานจากชีวิตก่อนหวนกลับมาอีกครั้ง
สวี่ล่ายลุกพรวดขึ้น กำดาบด้วยสองมือ ปราณบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนในร่างกายเขา กระแสสีครามของมันถูกถ่ายเทลงไปในดาบกระหายเลือดอย่างเต็มที่
หึ่ง หึ่ง!
ดาบกระหายเลือดเปล่งแสงสีแดงในคราเดียว พลังปราณบริสุทธิ์แปรผันเป็นอักขระยันต์สีแดงเลือดเข้าห่อมหุ้มดาบหัก
“ตายซะ! สะบั้นกระหายเลือด——!”
สวี่ล่ายเหวี่ยงดาบขึ้นไปในอากาศด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา กระแสแสงสีเลือดที่ยาวกว่าสิบอิงฉื่อจากตัวดาบถูกสะบัดออกไป
“เป็น ... เป็นไปไม่ได้!” สวี่คุนตะลึง เปลี่ยนท่วงท่าเป็นป้องกันโดยสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ตาม
หวืออออ~!
ประกายแสงสีแดงดั่งอาชาโลหิตพาดผ่านการป้องกันไปได้อย่างง่ายดาย วิ่งผ่านร่างของสวี่คุน
บรึ้ม!
ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากสวี่คุน ถูกหั่นครึ่งเป็นสองซีก
“นี่ ... นี่มันบ้าอะไรกัน!”
สวี่คุนอ้าปากโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
เห็นเพียงเส้นสีแดงบางๆ เริ่มลามลงมาจากหน้าผากของสวี่คุน
ฟึ่บ~!
พร้อมละอองเลือดกระฉูดออกมา
ร่างสวี่คุนโอนเอนไปซ้ายทีขวาทีสองสามครั้ง สุดท้ายล้มลงกับพื้น
“น้องรอง!!” สวี่เฉียนกรีดร้อง เฝ้ามองสวี่คุนถูกสวี่ล่ายสังหารด้วยดวงตาเบิกกว้าง
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณสังหารสวี่คุน ได้รับแต้มปราณสังหาร 1 แต้ม]
[ติ๊ง!]
[แต้มปราณสังหารสะสมถึง 1,000 แต้ม ปลดล็อควิชาเทพ : ราชานรกประทับร่าง]
“สวี่ล่าย! ข้าจะเอาชีวิตเจ้า——!”
ดวงตาของสวี่เฉียนลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความโกรธแค้น เร่งฝีเท้าไปข้างหน้า ปราณบริสุทธิ์ในกายปะทุอย่างเดือดดาล เปลี่ยนทั้งคนทั้งร่างเป็นเส้นแสงสีขาว ชั่วพริบตาเดียวปรากฏตัวห่างจากสวี่ล่ายไม่ถึงสิบอิงฉื่อ
“กระบี่ทระนงสังหาร - ท่อนที่ 4!”
“ห๊ะ? เขาว่องไวขนาดนี้ได้ยังไง!” สวี่ล่ายตกใจมาก
อย่างไรก็ตาม นี่ก็ผ่านมาได้สักพักแล้ว สวี่ล่ายเริ่มเข้าใจกฏแห่งป่าของโลกใบนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เสียสมาธิและยกดาบขึ้นเพื่อตอบโต้กลับอย่างทันท่วงที
“สะบั้นกระหายเลือด!”
อย่างไรก็ตาม
[ติ๊ง!]
[คำเตือน! ปราณบริสุทธิ์ในตัวโฮสต์ไม่เพียงพอ ไม่สามารถเปิดใช้ทักษะสะบั้นกระหายเลือดได้]
“เอ้า! ได้ไงกัน!?” สวี่ล่ายตื่นตระหนกจนหน้าซีด
ขณะที่สวี่ล่ายกำลังมึนงง ปลายกระบี่ในมือของสวี่คุนก็แทงเข้าที่หน้าอกเข้าแล้ว
ฟุฟฟฟฟ!
“อ๊าาา——!”
มันเจ็บ!
ความเจ็บปวดนี้เสียดลึกไปถึงกระดูก
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้า ความเจ็บปวดนี้ค่อยๆหายไป
“ไอ้ ... ทุเรศเอ๊ย ... ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ฉันแค่ ... แค่เพิ่งข้ามโลกมาก็โดนคนรับใช้ฆ่าซะแล้วหรอ? ไม่ ... แบบนี้ทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ!”
สวี่ล่ายกัดฟันสีเงินแน่น ดวงตาจ้องมองสวี่เฉียนเบื้องหน้าอย่างไม่ยินยอม มือข้างหนึ่งของเขายกมือกำกระบี่ที่แทงเข้ามาตรงหน้าอกอย่างแม่นยำ สัมผัสได้ถึงเสียงของหัวใจที่เต้นช้าลง และเลือดที่ไหลมาตามปลายกระบี่ หยดลงบนพื้นเสียงดัง ติ๋ง ติ๋ง
“ไปลงนรกซะ!” สวี่เฉียนถีบหน้าอกสวี่ล่าย มือขวาชักกระบี่ออกอย่างแรง
“อ๊าาาา——!”สวี่ล่ายตะโกนน้ำเสียงแหบแห้ง หงายหลังหน้าชี้ฟ้า
แต่ในจังหวะนั้นเอง ช่วงเวลาพลันหยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง ร่างของสวี่ล่ายลอยค้างอยู่กลางอากาศไม่ตกลงมา
“นี่ฉัน ... ฉันจะต้องตายไปทั้งๆแบบนี้หรือ?” สวี่ล่ายหลับตาลงอย่างช้าๆ เฝ้ารอช่วงเวลาสุดท้าย
[ติ๊ง!]
[คำแนะนำจากระบบ : เปิดใช้งานวิชาเทพ : ราชานรกประทับร่าง]
ทันทีที่เสียงแนะนำของระบบแผ่วลง ท้องฟ้าที่เดิมแจ่มใสพลันถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้ม เกิดเสียงฟ้าร้องดังระงม และสามารถมองเห็นเส้นสายฟ้าได้รางๆ
“นี่ .... สถานการณ์นี่มันอะไรกัน?” สวี่เฉียนเงยหน้าขึ้น มองสภาพแวดล้อมตรงหน้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างตกตะลึง
ขณะเดียวกัน สวี่ล่ายลืมตาขึ้นอย่างแรง ปากอ้าตะโกนก้อง “ราชานรก ... ประทับร่าง!”
หวืออออออ!
เสาแสงสีขาวสาดลงมาจากท้องฟ้า แสงนี้อาบไปทั่วร่างของสวี่ล่าย
“สวี่เฉียน! คราวนี้เป็นเจ้าที่ต้องตาย!”