(ฟรี) ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 110 หอกหนัก
“ในที่สุดข้าก็มาถึงเสียที ข้าขอบคุณพวกท่านทั้งหลาย!” ฉู่หยางยืนอยู่หน้าร้านอาวุธที่เขาตามหา เขาหันกลับมาขอบคุณผู้คนที่นำทางเขาจนมาถึงที่นี่
“ไม่ได้มากมายเลย ศิษย์พี่ผู้นี้ต้องช่วยเหลือศิษย์น้องอยู่แล้ว!” ชายผู้ที่นำทางฉู่หยางค่อย ๆ เดินจากไป เมื่อเห็นว่าฉู่หยางมาถึงที่หมายแล้ว
ฉู่หยางโบกมือลา ก่อนที่จะหันกลับและเดินเข้าไปในร้านอาวุธนั้น
ร้านนี้เป็นเหมือนร้านอาวุธทั่วไป สิ่งที่แตกต่างมีเพียงความสะอาดสะอ้านเท่านั้น นั่นอาจเป็นเพราะร้านแห่งนี้เพิ่งที่จะเปิดใหม่
“ข้าหวังว่าจะหาอาวุธปฐพีได้...” ฉู่หยางพึมพำกับตัวเอง เมื่อเข้าไปในร้านอาวุธ
...
“เจ้าคนทรยศนั่นเพิ่งจะเดินเข้าไปในร้านอาวุธหรือไม่ พวกเขาล้มเลิกแผนการแล้วหรือ? แล้วพวกเราควรเท่าอย่างไรต่อ?” ผู้อาวุโสที่ติดตามผู้อาวุโสหลิงถาม ขณะที่เขาเฝ้าดูฉู่หยางที่เข้าไปในร้านขายอาวุธ
“หืม… เราต้องเฝ้าระวังต่อไป ไม่แน่พวกเขาอาจจะซ้อนแผนก็เป็นได้!” ผู้อาวุโสหลิงหรี่ตาและมองฉู่หยางที่เดินเข้าไปในร้านอาวุธ
พวกเขาในตอนนี้อยู่ในอาณาเขตของนิกายกระบี่ล่องนภา หากไม่ระมัดระวัง ผู้อาวุโสฝ่ายในของนิกายกระบี่ล่องนภาอาจจะโผล่มาเป็นโขยง
พวกเขาต้องทำให้แผนนี้สมบูรณ์แบบ มิฉะนั้น การที่พวกเขาเฝ้ามองฉู่หยางเดินวนลอบจัตุรัสกลางเมืองเป็นเวลาสองชั่วโมงก็คงต้องเสียเปล่า
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็หัวเราะออกมา เขาจะไม่มีทางตกหลุมพลางโง่ ๆ เช่นนี้เป็นแน่!
เมื่อฉู่หยางเดินเข้ามาในร้าน เขาก็ต้องสดุดตา เมื่อเห็นหากธรรมดาที่อยู่ท่ามกลางหอกปฐพี
ในตอนแรก เขาคาดว่าเจ้าของร้านคงวางมันไว้ผิดที่ แต่เมื่อฉู่หยางจับที่หอกนั้น เขาก็เข้าใจได้ในทันที
หอกนี้ราวกับค้อนยักษ์ ที่มีไว้ทุบศัตรูแทนการแทง
เขาจะแทงศัตรูได้อย่างไร หากใช้หอกนี้? แต่อย่างไรก็ตาม ในเคล็ดวิชาหอกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นก็มีกระบวนท่าของหอกหนักอยู่เช่นกัน
เมื่อคิดเช่นนี้ ฉู่หยางก็ตัดสินใจซื้อมันโดยทันที แม้ว่าจะไม่รู้ว่ากระบวนท่าหอกหนักของเคล็ดวิชาหอกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นจะเป็นอย่างไร
“เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าต้องการหอกนี้? แม้ว่ามันจะเป็นขั้นปฐพี แต่เมื่อเทียบกับหอกอื่น ๆ มันก็ยังด้อยอยู่… อีกทั้งหอกนี้ยังคมน้อยกว่าหอกมนุษย์เสียด้วยซ้ำ ข้าเองก็คาดว่าเจ้าจะรู้เช่นกัน...” เจ้าของร้านชำเลืองมองมาที่ฉู่หยาง เมื่อเห็นว่าเขาจะเลือกหอกนี้
“ข้าเลือกหอกนี้!” ฉู่หยางเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะควักศิลาวิญญาณออกมา
“ฮ่าฮ่า... หากเป็นเช่นนั้น ข้าเองก็หมดคำจะพูด เพราะมันเป็นถึงขั้นปฐพี ดังนั้นมันก็ควรจะราคาเดียวกับหอกปฐพีชิ้นอื่น... เจ้ายังต้องการสิ่งใดเพิ่มหรือไม่?” เมื่อเจ้าของร้านเห็นฉู่หยางควักศิลาวิญญาณ เขาก็รีบเก็บศิลาวิญญาณเข้ากระเป๋าในทันที
“ข้าขอพอแค่นี้” ฉู่หยางส่ายหัวเล็กน้อย เขาหยิบหอกหนักนี้กลับด้วยความยากลำบาก ก่อนที่จะเดินออกจากร้านอาวุธ
อย่างน้อยที่สุด เขาก็ได้รับอนุญาตให้พกอาวุธอย่างเปิดเผยภายในเมืองดาบบินในฐานะสาวกของนิกายดาบบิน
…
ในเวลาเดียวกันนั้น เซวียนห่าวก็เพิ่งกลับมายังตำหนัก ทันทีที่เขาแผ่สัมผัสเทวะออกไป เขาก็ตระหนักว่าตำหนักนี้ว่างเปล่า มีเพียงจื่อหรัวที่นั่งบ่มเพาะอยู่ที่โรงเพาะปลูก
เซวียนห่าวปล่อยให้นางบ่มเพาะอย่างสงบสุข เพราะเขารู้ว่านางไม่ได้มีโอกาสนัก เขาเริ่มแผ่สัมผัสเทวะออกไปเพื่อตามหาศิษย์ของเขา
เซวียนห่าวที่แข็งแกร่งขึ้นก็สามารถแผ่สัมผัสเทวะออกไปในระยะร้อยเมตรได้อย่างสบาย ๆ
นี่คือเหตุผลที่ว่า เหตุใดจึงไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถรอดพ้นจากผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดได้ นี่เป็นเพราะสัมผัสเทวะที่ทำให้พวกเขารู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีนั้น
“หืม?” ในขณะที่เขาแผ่สัมผัสเทวะออกไป เขาก็พบเพียงชิงอี้ที่อ่านหนังสืออยู่ในโถงปรุงโอสถ แต่เขากลับไม่พบฉู่หยางเลย
เซวียนห่าวคาดว่าเขาคงอยู่ที่ไหนสักแห่งของเมืองกระบี่ล่องนภา
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแผ่สัมผัสเทวะไปยังเมืองกระบี่ล่องนภา