ตอนที่ 1131 นักเปียโนอัจฉริยะที่ลึกลับคนนี้.. เป็นชาวจีน
ในตอนท้ายของคอนเสิร์ต แสงไฟทั้งหมดก็ได้สว่างขึ้น เกรกอรี เองก็ได้ยืนอยู่บนเวที และเขาก็ได้เห็น หลินฟาน ซึ่งกลับมานั่งที่โต๊ะร่วมกับผู้ชมคนอื่นๆ แล้ว
ในเวลานี้ผู้ชมต่างก็กําลังตั้งตารอ ทาง.. เกรกอรี เองก็กำลังเปิดเผยตัวของนักเปียโนผู้ลึกลับ ที่ได้ทําให้พวกเขาตกใจ ทั้งมันก็ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนอย่างรู้ว่าเขาคนนี้ ..คือใครกันแน่?
ในมุมมองของบางคน นี่ต้องเป็น เกรกอรี ที่ได้จงใจสร้างความสงสัยให้กับพวกเขา จุดประสงค์ก็คือ เพื่อแนะนํานักเปียโนคนนี้ และเป็นไปได้ว่าเมื่อนักเปียโนคนนี้ ถูกเปิดเผยตัวตนออกมาในคืนนี้ เขาก็จะได้รับความนิยมขึ้นทันที
อาจกล่าวได้ว่า.. นี่จะเป็นการตลาดที่ประสบความสําเร็จอย่างมาก แน่นอนว่า.. เหตุผลของความสําเร็จ ในท้ายที่สุดก็คือ นักเปียโนคนนี้แข็งแกร่งเกินไป และไม่มีเหตุผลใดๆ อื่นนอกเหนือจากนั้น
หลังเวที, หลี่ ตี๋ ที่ได้กำลังมองดูฉากนี้ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน, หลินฟาน นี่เขากําลังจะดังแล้วหรือ? และนี่มันก็เป็นเรื่องที่เขาใฝ่ฝัน คืนนี้เขาเองก็ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการแสดง นั่นก็เพราะว่าเขาเองอยากที่จะได้รับความโปรดปรานจาก เกรกอรี อยากได้ความโปรดปรานจากผู้ชม สุดท้ายแล้ว.. สิ่งที่เขาต้องการก็คือ การมีชื่อเสียง
แต่ผลลัพธ์ทั้งหมดนี้.. มันก็ไม่ได้ทําให้เขา ‘สมหวัง’ การแสดงอย่างสุดความสามารถของเขาไม่ได้ทําให้ผู้ชมตกใจ เกรกอรี เองก็ไม่ได้ดูตื่นเต้น และก็ไม่ได้อยากที่จะรับเขาเป็นลูกศิษย์..
ในทางตรงกันข้าม หลังจากที่ หลินฟาน แสดงเสร็จ ผู้ชมทั้งหมดก็ต่างพากันตกใจ และตกตะลึงอย่างมาก เกรกอรี เองก็ได้ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจทั้งๆ ที่เขาดูกำลังจะตายไปด้วยโรค.. ปฏิกิริยานั้น มันดูน่าทึ่งมาก หลี่ ตี๋ จึงรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขา เมื่อเทียบกับ หลินฟาน แล้ว มันดูไม่คุ้มค่าที่จะให้พูดถึง เลยสักนิด…
ความมั่นใจในตนเองมาตลอดของเขา มันได้พังทลายลงทันที
ตอนนี้ ความนิยม ชื่อเสียงที่เขาอยากได้ ..มันกลับกลายเป็นสิ้นหวัง แต่ หลินฟาน เขากลับกําลังจะได้รับมัน ขอเพียงแค่ เกรกอรี ประกาศชื่อของ หลินฟาน ออกมา..
ถ้าเขาเป็น หลินฟาน นาทีนี้ ..เขาจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน และแทรอไม่ไหวที่จะให้ เกรกอรี ตะโกนชื่อของเขาออกมาดังๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับโอกาสนี้ที่จะได้รับความนิยมไปทั่วโลก หลินฟาน ก็กลับปฏิเสธมันลงไป ..อย่างแท้จริง
หลี่ ตี๋ ไม่เข้าใจ..
ในเวลานี้เขามอง เกรกอรี และมองไปที่ หลินฟาน แล้ว.. หลินฟาน เขาคิดที่จะสามารถปฏิเสธโอกาสที่จะได้รับความนิยมในครั้งนี้ ..ได้จริงๆ?
สายตาของ เกรกอรี ได้ตกลงไปที่ หลินฟาน..
“ทุกท่านในที่นี่ สิ่งนี้ทําให้พวกคุณตกใจ และแน่นอนว่า ..เขาเอง ก็เป็นนักเปียโนที่ทำให้ฉันตกใจเช่นกัน ในตอนนี้เขาคนนั้นก็ได้นั่งอยู่ในหมู่พวกคุณแล้ว!” เกรกอรี ได้กล่าว
ทันทีที่คําพูดนี้ออกมา ผู้ชมก็ต่างพากันเดือดพล่าน และก็ได้พากันมองไปรอบๆ ตัวเองโดยไม่รู้ตัว พยายามมองหาบุคคลที่ว่านี้
โอ้.. สวรรค์ นักเปียโนอัจฉริยะคนนี้ ได้นั่งอยู่ท่ามกลางพวกเขาเหรอ? แต่แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่รู้อะไรเลย คนๆ นี้ เป็นใครกันแน่?
สายตาของ เกรกอรี ได้ตกลงไปที่ หลินฟาน เขามีแรงกระตุ้นที่ไม่สามารถควบคุมได้ในใจ เขาอยากที่จะพูดชื่อของ หลินฟาน ออกมา มันก็เหมือนกับการได้ค้นพบสมบัติอันล้ำค่าที่หาที่เปรียบไม่ได้ และต้องการที่จะแบ่งปันให้กับผู้คนทั้งโลก ..ได้รับรู้
เกรกอรี รู้สึกว่า อัจฉริยะอย่าง หลินฟาน ถ้าไม่เป็นที่รู้จักของโลก มันก็นับได้ว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของโลกจริงๆ ในฐานะนักเปียโนระดับโลก เขาไม่สามารถยอมรับความสูญเสียเช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงอยากที่จะเปิดเผย หลินฟาน
สายตาของ หลินฟาน ได้จ้องมองไปที่ เกรกอรี ในช่วงเวลาสั้นๆ จากนั้น หลินฟาน ก็ได้ส่ายหัวเล็กน้อย
หลินฟาน ส่ายหัว!
ฉากนี้ ได้ถูก หลี่ ตี๋ เห็นเข้า และมันก็ทำให้ หลี่ ตี๋ ตกตะลึงจริงๆ
ในนาทีสุดท้ายนี้ หลินฟาน กลับปฏิเสธโอกาสที่จะกลายเป็นที่นิยม และโด่งดังไปในระดับโลก โอ้.. สวรรค์ ทําไมถึงมีคนไม่สนใจความเป็นที่นิยมเช่นนี้ ได้ยังไง?
หรือว่านี่คือ สไตล์?
หลี่ ตี๋ ได้นั่งลงราวกับเป็นอัมพาตไปในทันที ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ถึงช่องว่างระหว่างเขากับ หลินฟาน ที่มันได้กว้างขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่ง หรือสไตล์ของเขา เขา.. ก็กลับแตกต่างจาก หลินฟาน อย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้.. มันยิ่งน่าขันจริงๆ ที่เขาได้ดูถูก หลินฟาน มาในก่อนหน้านี้ และคิดเพียงว่า หลินฟาน ก็เป็นแค่คนรวยรุ่นสอง ที่ไม่มีความรู้ ความสามารถ แต่สุดท้าย... ตัวตลก มันก็กลับกลายเป็นตัวของเขาเอง
หลินฟาน ได้ส่ายหัวเบาๆ ดับความปรารถนาของ เกรกอรี ที่ต้องการเปิดเผยตัวตนของเขาไป.. ในทันที
สิ่งที่ไม่มีใครรู้ก็คือ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่แสงไฟบนเวที มันได้ดับลงอย่างกะทันหัน ขณะที่ หลินฟาน กำลังขึ้นไปแสดง
แต่มันเป็นเพราะ หลินฟาน ได้เปิดใช้งานโชคระดับสุดยอด โดยเขาได้คำนวนไว้ว่า มันจะมีความบังเอิญมากแค่ไหนที่ไฟบนเวทีจะเสีย ในขณะที่เขาแสดง?
ด้วยโชคระดับสุดยอด ทุกอย่างมันก็เป็นไปได้เสมอ ไฟบนเวทีเลยได้ดับลง และไม่มีใครมองเห็นได้ชัดว่า นักแสดง คนนี้ ..เป็นใคร
สิ่งนี้.. นี่ก็เป็นเช่นเดียวกันกับครั้งล่าสุด ในสนามการต่อสู้ ฟรี ไฟติ้ง ที่ หลินฟาน ได้เผชิญหน้ากับ บิ๊กวิลสัน หลินฟาน เพียงแค่ใช้โชคระดับสุดยอด ก็เพื่อทำให้ บิ๊กวิลสัน ล้มป่วยอย่างกะทันหัน เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้
ในครั้งนั้น มันก็เป็นโอกาสที่จะทำให้ หลินฟาน โด่งดังได้เช่นกัน, ตราบใดที่เขาต่อย บิ๊กวิลสัน จนล้มลงไปกองกับพื้นได้ด้วยหมัดเดียว ชื่อของเขาก็จะปรากฏอยู่บนพาดหัวข่าวของสื่อต่างๆ ไปทั่วโลก และคนทั่วโลกก็จะรู้ว่าเขาสู้ บิ๊กวิลสัน ได้
แต่ หลินฟาน กลับเลือกที่จะไม่ยอมรับชื่อเสียงจากในครั้งที่แล้ว และในครั้งนี้ก็เช่นกัน
การมีชื่อเสียงย่อมสามารถตอบสนองต่อความหยิ่งยะโสได้ การได้รับความชื่นชมจากผู้คนนับไม่ถ้วน หรือการได้รับดอกไม้ และเสียงปรบมือนับไม่ถ้วน, แต่การมีชื่อเสียงก็ต้องแลกมาด้วยความกังวลที่จะตามมา, สายตาความสนใจที่ติดตามมานับไม่ถ้วน การสัมภาษณ์นับไม่ถ้วน ทุกอย่างล้วนจะก่อให้เกิดการล่วงละเมิด เมื่อนั้นการล่วงละเมิดพวกนี้ เพียงแค่อยากจะทิ้ง หรือสลัดออกไปก็ทำไม่ได้แล้ว
สิ่งเหล่านี้มันจะกลายเป็นปัญหา และทำให้เสียเวลา
แน่นอนว่าการถ่อมตัว มันก็สามารถกลายมาเป็น ‘ราชา’ ได้
แทนที่จะมาเผชิญหน้ากับปัญหาแบบนี้ แล้วการแกล้งทำตัวเป็นหมูกินเสือ(1) มันไม่ดีกว่าหรือ?
ไม่ใช่ว่า หลินฟาน ไม่อยากมีชื่อเสียง แต่เขากลับมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และพอเมื่อได้เทียบกับชื่อเสียงเหล่านี้แล้ว เขากลับมองว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อเขา…
การสร้างอาณาจักรธุรกิจล้านล้าน และกลายเป็นมหาเศรษฐีล้านล้าน สร้างโลกในอนาคตของมนุษยชาติ!
หลินฟาน ไม่ได้อยากมาเสียเวลากับเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้จริงๆ และนี่ก็คือความแตกต่างของรูปแบบความคิด
ราชาแห่งกังฟูผู้เขย่าโลก? ปรมาจารย์ด้านเปียโนที่มีชื่อเสียงระดับโลก?
หลินฟาน เขาสามารถพูดตรงๆ ได้ทันทีเลยว่า เขา.. ไม่สนใจมัน
แน่นอนว่าถ้าในที่สุดเขาเองได้มีชื่อเสียงเพราะเปียโน และกลายมาเป็นปรมาจารย์เปียโนที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก นี่มันไม่สำคัญอะไรจริงๆ กับ หลินฟาน และเขาก็ไม่ได้ต้องการมัน เพราะเขาเกรงว่าจะเกิดปัญหา แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ เขาก็สามารถจ่ายได้..
ในตอนนี้ มันก็ต้องดูว่า เกรกอรี จะสามารถทนได้หรือไม่?
เมื่อเห็น หลินฟาน ส่ายหัว เกรกอรี ก็รู้สึกท้อใจอยู่ครู่หนึ่ง และแรงกระตุ้น ความปรารถนาที่ได้พองตัวขึ้นมาของเขา มันก็ได้หายไปทันที
“ทุกคนไม่จำเป็นต้องมองหาแล้ว พวกคุณไม่สามารถจินตนาการได้ว่านักเปียโนอัจฉริยะคนนี้คือใคร เพราะคําตอบของมันก็ออกจะเกินความคาดหมายของพวกคุณไปโดยสิ้นเชิง” เกรกอรี ได้กล่าว
ผู้ชมที่ได้ยินสิ่งนี้ ก็ยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น และมีบางคนอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้น และถามไปว่า : “คุณเกรกอรี คุณอย่าอุบไว้เลย คนๆ นี้เป็นใครกันแน่?”
เกรกอรี ยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า : “ฉันจะไม่พูดชื่อของเขา แต่ฉันสามารถบอกพวกคุณได้ว่า นักเปียโนอัจฉริยะคนนี้ เป็นชาวจีน ใช่ ตอนนี้เปียโนระดับที่สูงที่สุดในโลกในปัจจุบันอยู่ในประเทศจีน! และนี่ถือเป็นความภาคภูมิใจของหัวเซี่ย ของพวกคุณ! ฉันที่ได้มาที่จีนในครั้งนี้ และได้มารู้จักกับอัจฉริยะคนนี้ ฉันได้ถือว่านี้ มันเป็นเกียรติสูงสุดของฉัน!”
พอคําพูดนี้ออกมา ผู้ชมทั้งงานต่างก็พากันตกใจอีกครั้ง
พวกเขายังคิดว่านักเปียโนอัจฉริยะที่ลึกลับคนนี้ จะเป็นเหล่าปรมาจารย์ระดับโลกที่ เกรกอรี ได้เชิญมา และเขาก็ได้มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษในค่ำคืนนี้ มาตอนนี้ปรมาจารย์ด้านเปียโนระดับโลก ล้วนแล้วแต่เป็นปรมาจารย์ที่ซ่อนเร้น บางคนถึงกลับเกษียณตัวเองออกไปแล้ว และมีเพียง เกรกอรี เท่านั้น ที่มีหน้าใหญ่พอที่จะเชิญพวกเขามาได้
ทุกคนเองก็รู้ดีว่าปรมาจารย์เหล่านี้ไม่ใช่ชาวจีน นักเปียโนที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีนก็คือ หลางหล่าง ทั้งมันยังแสดงถึงระดับเปียโนที่สูงที่สุดในประเทศจีน ณ ปัจจุบัน
ตอนนี้.. เกรกอรี กลับบอกพวกเขาว่า อัจฉริยะลึกลับคนนี้ เป็นชาวจีน?
แล้วมันเป็นไปได้ไหมว่า ..ยังมีชาวจีนอีกคนหนึ่งที่มีระดับสูงกว่า หลางหล่าง และแม้กระทั่งอยู่ในจุดสูงสุดของโลก แต่กลับไม่มีใครรู้จัก?
โอ้.. สวรรค์! ทุกคนในเวลานี้แทบที่จะบ้าคลั่งไปแล้ว…
(1)[แกล้งทำตัวเป็นหมูกินเสือ (扮猪吃老虎)] - เป็นคำอุปมาอุปไมยอุบาย ฉ้อฉลจงใจแสร้งทำเป็นคนอ่อนแอให้คู่ต่อสู้ประมาทแล้วฉวยโอกาสชิงชัยในที่สุด