ตอนที่ 257 บุคลิกที่เปลี่ยนไป
ตอนที่ 257 บุคลิกที่เปลี่ยนไป
สมาพันธ์นักสู้ที่ทรงพลังที่สุดของพันธมิตรมนุษย์ทั้งสองสมาพันธ์ต่างก็มีจุดตั้งต้นมาจากสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้เหมือนกัน และฉินหมางยังคาดหวังให้เขาเข้าร่วมกับกลุ่มปริศนากลุ่มนี้ มันจึงทำให้เซี่ยเฟยประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
เขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าฉินหมางกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วทำไมถึงต้องเน้นย้ำเรื่องเข้าร่วมกับสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้ในเวลาเดียวกันด้วย
เซี่ยเฟยสะบัดหัวไล่ความคิดนี้ออกไปก่อนที่จะเอาของโปรดไปเยี่ยมเหล่าเฮยและไปทานอาหารร่วมกันกับพวกเยว่เกอ
ในระหว่างมื้อเย็นเยว่เกอกลับมาทำตัวปกติอีกครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น
‘นี่คงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอสินะ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
หลังจากกินดื่มมื้อเย็นไปสักพักเฉินตงก็เริ่มถามความเห็นคนอื่น ๆ ว่าเขาควรจะไปที่ไหนดีเพื่อที่จะมีโอกาสได้พบกับปรมาจารย์นักสู้
คำถามนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเฉินตงแทบที่จะไม่ออกมาจากห้องฝึกของเขาเลย แต่ในตอนนี้คนบ้าการฝึกกลับตั้งคำถามเรื่องที่เขาจะออกไปผจญภัยในทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่
เซี่ยเฟยรู้ดีว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวกับทฤษฎี ‘YES’ ที่เขาได้พูดคุยกับเฉินตงในก่อนหน้านี้แน่นอน และเมื่อเฉินตงตัดสินใจได้แล้วเขาก็คิดที่จะออกไปเผชิญหน้ากับจักรวาลเพื่อหาความท้าทายใหม่ในชีวิต
“นายตัดสินใจได้หรือยังว่านายจะไปที่ไหน?” เซี่ยเฟยถาม
“ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ ฉันแค่รู้ว่าในคราวนี้ฉันจะออกไปอย่างน้อยสักครึ่งปี” เฉินตงกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“นายสนใจกลับไปโลกพร้อมกับฉันไหม? ถึงแม้ดาวบ้านเกิดของฉันจะค่อนข้างล้าหลังแต่มันก็เป็นดาวที่สวยงามมาก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉินตงต้องการพบกับปรมาจารย์นักสู้เพื่อที่เขาจะได้พบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ แต่ในปัจจุบันเซี่ยเฟยเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในโลกอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะปฏิเสธคำชวนของเซี่ยเฟยออกไป
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็เคยสอนทฤษฎี ‘YES’ ให้กับเขาแล้ว และมันก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าหากเขาเดินทางไปยังโลกมันจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาตอบปฏิเสธมันก็หมายความว่าเขาจะพลาดโอกาสนั้นไปตลอดชีวิต
“ไปสิ” เฉินตงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะจู่ ๆ เฉินตงก็เหมือนกับจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ถึงขนาดคิดจะเดินทางไปยังดาวโลกที่เซี่ยเฟยเล่าว่าเป็นดาวเคราะห์ที่ล้าหลัง
“ฉันได้ยินมาว่าในภูมิภาคดาวดอลิสต์มีสมุนไพรชนิดหนึ่งชื่อว่า ‘โฉมสะพรั่ง’ ว่ากันว่ามันเป็นสมุนไพรที่จะช่วยทำให้ผู้หญิงมีผิวพรรณที่เปล่งประกายมากยิ่งขึ้น ถ้านายว่างขากลับช่วยเก็บกลับมาฝากฉันหน่อยได้ไหม” เยว่เกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
‘ไปเก็บสมุนไพรให้เธอเนี่ยนะ! เธอคิดว่าฉันเป็นพวกว่างไม่มีอะไรทำงั้นเหรอ’ เฉินตงขมวดคิ้วพร้อมกับคิดภายในใจ แต่ในขณะที่เขากำลังจะตอบปฏิเสธเซี่ยเฟยก็ส่งเสียงกระแอมออกมา
ทันใดนั้นเฉินตงก็คิดถึงทฤษฎี ‘YES’ ของเซี่ยเฟยอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนความคิดภายในหัวและตอบกลับคำขอของเยว่เกอกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
ในความเป็นจริงเยว่เกอรู้ว่าเซี่ยเฟยปลูกฝังทฤษฎี ‘YES’ เอาไว้ให้กับเฉินตง เธอจึงใช้โอกาสนี้ในการสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง
เป๋ยไฮ่และหมานจุนอ้าปากค้างขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะก่อนหน้านี้เฉินตงเอาแต่ฝึกฝนกับต่อสู้เพียงอย่างเดียว แต่ในตอนนี้เขากลับยอมรับคำขอขอความช่วยเหลือจากเยว่เกอได้อย่างง่ายดาย
หรือว่าเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว?
“ฉันได้ยินมาว่าในภูมิภาคดาวทรานคิวลิตี้ มีสมุนไพรที่ชื่อว่า ‘ดอกบัวผีเสื้อ’ ที่จะช่วยให้หญิงสาวสามารถคงความอ่อนเยาว์เอาไว้ได้ นายช่วยหาพวกมันให้ฉันหน่อยจะได้ไหม?” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างโอบแก้มเอาไว้ราวกับว่าเธอเป็นหญิงสาวน่ารัก
“ได้!” เฉินตงกล่าวอย่างหนักแน่น
“ฉันยังอยากได้ผ้าฝ้ายขนแมวเอากลับมาตัดชุดด้วย” เยว่เกอกล่าว
“ได้” เฉินตงตอบ
“ฉันยังอยากได้ผลไม้หวานจากชนเผ่าฮูตูด้วย ผลไม้ชนิดนี้เป็นผลไม้ที่อร่อยที่สุดเลย” เยว่เกอกล่าว
“ได้! เดี๋ยวฉันจะเอาผลไม้กลับมาให้เธอเอง” เฉินตงตอบกลับ
“ฉันต้องการ…”
“ได้…”
เยว่เกอช่างเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์จริง ๆ เพราะทันทีที่เธอรู้ว่าเฉินตงไม่คิดจะตอบปฏิเสธเธอจึงเริ่มออกปากขอสิ่งที่เธอต้องการหลายสิบอย่างออกมาในคราวเดียว ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมสมุนไพร, การหาอาหารอร่อย ๆ หรือแม้กระทั่งการขอให้ทำอะไรบางอย่างที่ดูแปลกประหลาด
คำขอของหญิงสาวเพียงคนเดียวเริ่มทำให้เฉินตงรู้สึกเวียนหัว เนื่องจากเหล่าสิ่งของที่เธอได้ขอมาเขาจะสามารถจัดการเรื่องพวกนี้ให้ได้ภายในช่วงครึ่งปีได้ยังไง เพราะเพียงแค่เขามุ่งเน้นไปที่การทำตามคำขอของเยว่เกอมันก็น่าจะกินเวลาไปนานกว่าครึ่งปีแล้ว
แต่เมื่อเฉินตงได้คิดถึงทฤษฎี ‘YES’ ของเซี่ยเฟย เขาก็เริ่มกลับมารู้สึกฮึกเหิมอีกครั้ง เพราะมันมีสถานที่แปลก ๆ มากมายกำลังรอเขาอยู่ และบนสถานที่เหล่านั้นก็อาจจะมีโอกาสอย่างมากมายที่รอเขาเข้าไปค้นหา!
แม้แต่เป๋ยไฮ่และหมานจุนก็เริ่มได้รับอิทธิพลจากเยว่เกอเช่นกัน พวกเขาจึงร้องขอในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ซึ่งเฉินตงก็ตอบรับทุกอย่างโดยไม่ปฏิเสธคำขอใดเลยแม้แต่ข้อเดียว
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนรู้สึกมีความสุขมาก ขณะที่เซี่ยเฟยหัวเราะท้องแข็งอยู่ข้าง ๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าดูตลกมากจนเกินไป ซึ่งเรื่องแบบนี้มันก็ควรจะมีเพียงแต่ในนิยายเท่านั้น
“นี่มันเป็นเรื่องน่าตลกตรงไหน? เฉินตงเป็นนักสู้ที่มีพรสวรรค์มาก ตราบใดก็ตามที่เขาฝึกฝนอย่างมุ่งมั่นอนาคตของเขาก็จะไร้ขีดจำกัด น่าเสียดายจริง ๆ ที่เขามีเพื่อนอย่างนายที่แนะนำทฤษฎีอะไรให้กับเขาก็ไม่รู้” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นายจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ นายคิดว่ามันเป็นเรื่องผิดจริง ๆ เหรอที่ต้องออกไปข้างนอก สมมตินะว่าตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาในค่ายฝึกแล้วฉันทำการฝึกอยู่ในห้องฝึกทั้งวันทั้งคืน นายคิดว่าตัวฉันที่ทำแบบนั้นกับตัวฉันในวันนี้ใครจะพัฒนาความสามารถมาได้ไกลกว่ากัน?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
อันธเงียบไปครู่หนึ่งและไม่สามารถที่จะเถียงอะไรกลับไปได้ เพราะท้ายที่สุดผลลัพธ์หลังจากที่เซี่ยเฟยใช้ชีวิตอยู่นอกค่ายก็เป็นสิ่งที่ชัดเจนมาก และถ้าหากว่าชายหนุ่มหมกมุ่นอยู่ในห้องฝึกเหมือนกับเฉินตง เขาก็จะไม่มีวันได้พบโอกาสที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับเขาอย่างรวดเร็วแบบนี้เลย
“นายแค่โชคดี แต่เฉินตงอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนั้น” อันธพยายามกล่าวแย้ง
“มันก็อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้หรืออาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้ แต่ตราบใดก็ตามที่เฉินตงยังไม่ยอมออกไปไหน เขาจะไม่มีโอกาสได้เจอกับอะไรใหม่ ๆ ด้วยซ้ำ สิ่งที่ฉันทำตอนนี้คือการแนะนำให้เขาออกไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ แล้วมันจะมีใครรับประกันได้ไหมว่าเขาจะไม่ได้พบกับโอกาสในช่วงเวลาที่เขาอยู่ข้างนอกเลย” เซี่ยเฟยกล่าว
คำอธิบายของเซี่ยเฟยถึงกับทำให้อันธเถียงไม่ออก ท้ายที่สุดมนุษย์โลกคนนี้ก็เป็นคนที่มีวาทะศิลป์มากกว่าเขามาก ถึงขนาดที่พูดให้คนตายยอมกลับมามีชีวิตได้ด้วยซ้ำ แล้วอันธจะเอาเหตุผลอะไรมาโต้เถียงกับเซี่ยเฟยได้
‘ถ้าตอนที่ฉันมีชีวิตอยู่ฉันออกไปผจญภัยมากกว่านี้ บางทีฉันอาจจะไม่ได้มาติดอยู่ในสร้อยนี้ก็ได้’ อันธคิดภายในใจหลังจากได้คิดตามคำอธิบายของเซี่ยเฟย
มื้ออาหารผ่านไปอย่างสนุกสนานซึ่งทุกคนก็รู้สึกพึงพอใจมาก นอกจากเฉินตงที่กำลังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเส้นทางที่เขาจะต้องก้าวเดินว่าเขาควรจะเดินทางไปที่ไหนก่อน และเขาจะต้องทำตัวอย่างไรเมื่อต้องไปยังสถานที่ใหม่ ๆ ที่เขาไม่รู้จัก
ในช่วงท้ายของงานเลี้ยงจู่ ๆ เยว่เกอก็พูดขึ้นมาว่าเธอต้องการกลับไปยังโลกพร้อมกับเขาด้วย ซึ่งเขาก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธตราบใดก็ตามที่เธอไม่จับเขาเข้าไปฝังในหน้าอกของเธออย่างในวันนี้
หลังจากแยกย้ายทั้งสามคนก็อำลาเป๋ยไฮ่และหมานจุนเพื่อเดินทางไปยังดาวโลก ซึ่งในระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ได้นึกถึงสิ่งที่เยว่เกอเคยได้พูดเอาไว้ในก่อนหน้านี้ ว่าความเร็วของเขา, น้ำแข็งของเฉินตงและภาพลวงตาของเยว่เกอจะก่อให้เกิดการประสานงานที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งกว่าการประสานงานของทีม 13
***************