ตอนที่แล้วบทที่ 175 - ความอบอุ่นจากครอบครัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 177 – เจ้าชายเคอจาสืบทอดบัลลังก์

บทที่ 176 – กลับมาที่สถาบัน


แต่พ่อของผมกล่าวเตือนอย่างจริงจังทันที “ลูกอย่าได้ทะนงตัวมากเกินไปนัก! ความหยิ่งผยองนั้นเป็นอุปสรรคที่ร้ายแรงที่สุดแล้ว นักเวทย์จะต้องปล่อยวางเรื่องนี้ให้ได้นะ”

ผมได้แต่แลบลิ้นออกมา ก่อนจะตอบเขา “ผมเข้าใจครับ!”

แล้วแม่ก็โดดเข้ามาอยู่ข้างเดียวกับผมทันที “ทำไมคุณทำตัวน่าเกลียดอย่างนี้นะ? ลูกเพิ่งกลับมาถึงบ้านแท้ ๆ จะไปบ่นลูกอีกทำไม แล้วจางกงลูกฉันก็แข็งแกร่งจะตาย”

สีหน้าของพ่อตอนนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว “เธอนี่จะตามใจจนลูกเสียคนเลยหรือยังไง?”

ผมยิ้มล้อเลียนเขา “ไม่เสียคนหรอกครับ ผมเชื่อฟังแม่จะตายไป”

พ่อของผมไม่ยอมต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว “ถ้าลูกไม่เหนื่อย อย่างนั้นก็ไปที่บ้านของหัวหน้ากันเลยดีกว่า พวกเราต้องให้เกียรติเขาบ้าง อย่างน้อยเขาก็ดูแลพวกเราอย่างดีไม่น้อย ตอนที่ลูกไม่อยู่บ้าน”

แต่ผมเอ่ยถามอย่างลังเล “พวกเรายังไม่ต้องรีบออกไปตอนนี้ก็ได้มั้งครับ? รออีกสักพักดีกว่า พ่อครับ แม่ครับ ตอนนี้พ่อกับแม่ฝึกเวทย์มนต์เป็นยังไงบ้างแล้วครับ?”

พ่อของผมรีบตอบอย่างอวดตัว “มันเป็นไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าพวกเราจะเปลี่ยนจากธาตุเดิม มาเรียนเวทย์ธาตุแสง แต่มันก็ยังได้ผลเป็นอย่างดี ตอนนี้พ่อสามารถใช้เวทย์แสงระดับกลางได้อย่างสบาย ๆ แล้ว ส่วนแม่ของลูกก็ใกล้เคียงกับพ่อนี่แหละ แต่ยังอ่อนกว่าพ่ออยู่นิดหน่อย”

“ใคร! ใครที่ว่าอ่อนกว่าคุณ?” แม่ผมเถียงทันที “ไม่ใช่ว่าคราวที่แล้วคุณแพ้ฉันไม่ใช่เหรอ? ใครกันที่เป็นฝ่ายวิ่งนี้ไปน่ะ? หา? !”

พ่อยิ้มอย่างอาย ๆ ก่อนจะกล่าว “นั่นมันฉันอ่อนข้อให้เธอหรอกน่า ทำอย่างกับว่าเธอจะไม่รู้อย่างนั้นแหละ?”

แม่มองไปที่พ่ออย่างดูถูก ก่อนจะหันมาทางผม “จางกง ลูกสอนเวทย์บทใหม่ให้พวกเราได้แล้วล่ะ ความก้าวหน้าของพวกเราค่อนข้างจะเร็วพอสมควร”

ผมลองขอให้พวกเขาใช้เวทย์มนต์เพื่อตรวจสอบดู ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเริ่มบอกพวกเขา “เพราะพ่อกับแม่ไม่ได้เริ่มศึกษาเวทย์แสงมาตั้งแต่ต้น พลังเวทย์ของพ่อกับแม่ไม่บริสุทธิ์เท่าที่ควรเลยครับ มันน่าจะยากที่จะเรียนเวทย์มนต์ระดับสูง!”

พ่อกับแม่แสดงอาการหดหู่ออกมาทันที หันมองหน้ากันไปมา ก่อนที่พ่อจะกล่าวออกมา “ถ้าพวกเราเรียนไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ลืมมันไปเถอะ พวกเราไม่ฝืนเรียนหรอก” ผมรู้ดีว่าพวกเขาต้องการพัฒนาเวทย์มนต์ของตัวเองเป็นอย่างมาก อาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งเวทย์มนต์ มีใครบ้างที่ไม่อยากจะเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่ง? แต่แล้วผมก็คิดอะไรบางอย่างได้ มันน่าจะได้ผลน่า! ผมรีบบอกพวกเขา “อย่าเพิ่งถอดใจสิครับ! ผมคิดว่าน่าจะยังมีวิธีอยู่”

หลังจากกล่าวจบ ผมก็หยิบผลึกเวทย์มนต์สีม่วงบริสุทธิ์หลายก้อนออกมาจากกระเป๋ามิติของตัวเอง “พ่อกับแม่ลองดูสิครับ ว่ามันคืออะไร?”

ทั้งคู่อุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “นี่มันผลึกสีม่วงไม่ใช่เหรอ? ทำไมลูกมีของมีค่าอย่างนี้อยู่ได้ล่ะ? แล้วนี่มันก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลยด้วย”

ผมกล่าวกับพวกเขาอย่างยิ้ม ๆ “นี่มันแค่นิดหน่อยเองครับ ผมยังมีอยู่ในกระเป๋ามิติเยอะกว่านี้มาก ผมได้มันมาจากเพื่อน ๆ ของผมเอง ได้มาอย่างถูกต้องเลยครับ ผมจะมอบพวกมันให้พ่อกับแม่ไว้ ตอนที่ทำสมาธิ ให้ส่งผ่านพลังเวทย์เข้าไปในผลึกเวทย์มนต์สีม่วงนี้ด้วย มันจะช่วยทำให้พลังเวทย์บริสุทธิ์ขึ้นได้ แล้วยังจะช่วยให้ความเร็วในการรวบรวมธาตุเวทย์มนต์ของพ่อกับแม่เพิ่มขึ้นอย่างมากด้วยครับ”

แม่ของผมรีบหยิบก้อนที่ใหญ่ที่สุดไปชื่นชมทันที “นี่มันสวยมากเลย ฉันเอาก้อนนี้แหละ!”

พ่อของผมไม่ยอม “ไม่ได้! พวกเราต้องแบ่งมันให้เท่า ๆ กัน...” แล้วพวกเขาก็ทะเลาะแย่งของกันเหมือนเด็ก ๆ จนผมต้องกลายมาเป็นคนกลางในการแบ่งผลึกเวทย์มนต์เหล่านั้น แล้วก็ต้องหยิบออกจากกระเป๋ามิติออกมาเพิ่มเพื่อให้พวกเขาได้ผลึกเวทย์ไปในปริมาณที่เท่า ๆ กัน เป็นการจบการขัดแย้งครั้งนี้ลงได้ในที่สุด

หลังจากนั้นผมก็ออกปากถามพวกเขา “อย่างนี้ก็ตกลงกันได้แล้วใช่มั้ยครับ? ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบไปกันดีกว่า น่าจะได้เวลาไปที่บ้านของลุงหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว”

ระหว่างที่กำลังเดินทางไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน พ่อของผมก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเพิ่งนึกได้ “จางกง พ่อลืมบอกไป ตอนนี้อ้าวเต๋อกับลั่วหยูแต่งงานกันแล้วนะ”

ผมค่อนข้างตกใจเลยทีเดียว “จริงเหรอครับ? ทำไมพวกเรารีบกันขนาดนั้น? ไม่แม้กระทั่งจะรอให้ผมกลับมาร่วมงานแต่งงานด้วย เจ้าเด็กนี่!”

และหลังจากที่ไปถึงบ้านของพวกเขา อ้าวเต๋อกับลั่วหยูก็เป็นคนออกมาต้อนรับพวกเราก่อน ผมเดินเข้าไปต่อยอ้าวเต๋อก่อนเลย “ยอดเยี่ยมจริง ๆ! เจ้าเด็กเหลวไหล! นายถึงขนาดแต่งงานโดยไม่เชิญฉันมาร่วมงานเนี่ยนะ!”

อ้าวเต๋อป้องกันตัวไป แล้วก็ตะโกนฟ้องไปเรื่อย “อ้ายหยา!! มีนักเวทย์กำลังทำร้ายคนแล้ว มีนักเวทย์ทำร้ายคนแล้ว”

ผมหัวเราะแล้วตะคอกใส่เขา “นายก็เป็นนักเวทย์ไม่ใช่เหรอ?”

ลั่วหยูที่อยู่ด้านข้างรีบปรามพวกเราไว้ “พอกันได้แล้ว! เลิกล้อเล่นกันเสียที รีบ ๆ เข้าไปข้างในบ้านเถอะ” หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งปี ตอนนี้ลั่วหยูสวยขึ้นกว่าเดิมมาก ผมยิ้มแล้วทักทายเธอ “ขอแสดงความยินดีที่ได้มาเป็นน้องสะใภ้ของฉันด้วยนะ แต่เธอคงต้องลำบากดูแลเจ้าหมอนี่หน่อยล่ะกัน”

เธอยิ้มกว้าง แล้วกล่าวตอบ “แน่นอน! ถ้าเขาทำตัวเจ้าชู้นะ ฉันจะบิดหูของเขาให้ขาดให้หมดเลย” อ้าวเต๋อรีบทำตัวสงบเสงี่ยมทันที เห็นความสัมพันธ์ที่ดีของพวกเขาแล้ว ผมรู้สึกอิจฉาขึ้นมาหน่อย ๆ

ผู้ที่มาร่วมโต๊ะคนอื่น ๆ ก็มีแต่ครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้น เขาไม่ได้เชิญชาวบ้านคนอื่น ๆ มาร่วมงานด้วย ลุงหัวหน้าหมู่บ้านบอกว่า “ลุงกลัวว่าเธอจะรำคาญถ้ามีคนมากันมากเกินไป เลยไม่ได้เรียกให้คนอื่นมาร่วมกินด้วยกัน จางกง! รีบนั่งลงก่อนเถอะ เดี๋ยวอาหารก็มาแล้ว”

แน่นอนว่ามื้ออาหารผ่านไปอย่างมีความสุข เพื่อแสดงความยินดีกับการแต่งงานของอ้าวเต๋อและลั่วหยู ผมมอบผลึกเวทย์มนต์สีม่วงให้กับพวกเขาคนละก้อน ตอนนี้ลุงหัวหน้าหมู่บ้านยิ่งเกรงใจครอบครัวเราเข้าไปใหญ่

หลังจากวันนั้น ผมก็เริ่มช่วยสอนพ่อกับแม่ให้เรียนรู้เวทย์มนต์แสงระดับสูง และแน่นอนช่วยพวกเขาทำให้พลังเวทย์มนต์บริสุทธิ์ขึ้นด้วย เพื่อที่พวกเขาจะสามารถเรียนรู้เวทย์มนต์ระดับสูงได้ดีขึ้น

เวลาผ่านไปเหมือนติดปีกบิน มันใกล้เวลาที่สถาบันเวทย์มนต์หลวงจะเปิดปีการศึกษาใหม่เข้ามาทุกทีแล้ว ในช่วงเดือนที่ผ่านมาตอนที่อยู่ที่หมู่บ้าน ผมถูกปฏิบัติเหมือนเป็นพระจันทร์ที่ถูกหมู่ดาวชาวบ้านรุมล้อม ผมรู้ได้เลยว่ามันมีความคาดหวังบางอย่างที่พวกเขาตั้งเอาไว้ที่ผม

“พ่อครับ ผมจะกลับไปเมืองหลวงพรุ่งนี้แล้วนะครับ”

“อืม! ไปเถอะ! แล้วลูกพ่อ การเรียนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะ ต่อให้ลูกจะประสบความสำเร็จอยู่บ้างแล้ว แต่ยังไงก็ต้องพยายามให้มากขึ้นไปอีก เข้าใจมั้ย?”

ผมพยักหน้ารับคำสั่งสอนของเขา “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมทำเต็มที่แน่นอน”

ส่วนแม่ของผมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กลับมาคราวหน้าพาลูกสะใภ้ของแม่กลับมาด้วยล่ะ แม่อยากเห็นหน้าแล้ว”

ผมได้แต่หน้าแดง “ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ ถ้าผมสามารถพาเธอมาที่บ้านได้จริง ๆ นั่นก็แสดงว่าแม่ได้ลูกสะใภ้แน่แล้ว”

“ลูกต้องพยายามให้เต็มที่ล่ะ แม่อยากจะอุ้มหลานแล้ว” แม่ผมรีบย้ำ

วันรุ่งขึ้น ผมกลับไปที่เมืองหลวงโดยใช้เวทย์เคลื่อนย้ายอีกครั้ง สิ่งที่ผมไม่รู้เลยก็คือ ครั้งหน้าที่ผมจะได้กลับมาที่บ้านอีกนั้น มันจะเป็นเวลาที่ยาวนานมาก!

ผมตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมอาจารย์ตี้ก่อน

หลังจากที่มาปรากฏตัวที่โรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวง ผมเห็นอาจารย์ตี้กำลังดูแลต้นไม้และดอกไม้อยู่ในสวนนั่นเอง ผมรีบส่งเสียงเรียกเขา “อาจารย์ครับ ผมกลับมาแล้ว!”

เขารีบลุกขึ้นจากการดูแลต้นไม้ทันที หันหน้ามายิ้มให้ผม “จางกง เธอกลับมาแล้วหรือ? เป็นยังไงบ้าง ได้ส่งเสี่ยวจินกลับถึงบ้านมั้ย?”

“การเดินทางครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จครับ” ผมรายงาน “ไม่เพียงแต่ผมจะพาเสี่ยวจินกลับไปถึงบ้าน ผมยังได้การสนับสนุนที่ดีจากเผ่ามังกรด้วย พวกเขาตกลงที่จะช่วยพวกเราในการต่อสู้กับราชามาร อย่างน้อยก็ตอนที่สงครามครั้งสุดท้ายเกิดขึ้น ตอนอยู่ที่หุบเขามังกร ผมเจอกับมังกรตั้งมากมาย มันทำให้ผมได้เปิดโลกมากเลยครับ”

อาจารย์ตี้รีบซักไซ้ด้วยความตื่นเต้น “ไหนเธอรีบบอกมาเร็ว บอกมาให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

ผมเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในหุบเขามังกร พร้อมกับส่งคทาเวทย์ซู่เกอลาให้เขาดู

เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างตื่นเต้น “จางกง ชีวิตของเธอนี่ช่างมีสีสันจริง ๆ ถ้าอาจารย์มีอายุน้อยกว่านี้สัก 50 ปี อาจารย์จะต้องไปท่องเที่ยวที่นั่นกับเธอด้วยแน่”

ผมเข้าไปจับแขนของเขาอย่างประจบ “ก็เป็นเพราะอาจารย์นั่นแหละครับ ที่เป็นคนสอนผมมาอย่างดีไม่ใช่เหรอครับ? ไม่มีอาจารย์แล้ว ผมจะมีวันนี้ได้ยังไง?”

อาจารย์ตี้ยืนลูบเคราสีขาวยาว ๆ ของเขาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด