บทที่ 175 - ความอบอุ่นจากครอบครัว
ผมหาที่ค่อนข้างจะลับตาคน และเข้าถึงได้ยากแห่งหนึ่ง จัดการวางผังเวทย์เคลื่อนย้ายถาวรเอาไว้ที่นี่ คราวต่อไปที่ผมต้องการจะมาที่นี่อีก ผมจะได้สามารถเคลื่อนย้ายมาได้โดยตรงเลย
แล้วผมยังตัดสินใจที่จะเดินทางกลับโดยใช้เวทย์เคลื่อนย้ายด้วย ตอนนี้ผมอยู่ห่างจากบ้านของตัวเองไม่น้อย มันคงจะดีถ้าได้ใช้เวลากับครอบครัวเพิ่มขึ้นอีกหลายวัน ดังนั้นผมจึงวาดผังเวทย์เคลื่อนย้ายย้อนกลับขึ้นอีกผังหนึ่ง ถึงแม้ว่าระยะทางจะค่อนข้างไกล แต่ด้วยพลังเวทย์ของผมในตอนนี้ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ผมยืนอยู่ที่กลางผังเวทย์ที่เพิ่งจัดวางสำเร็จ ยกมือที่ถือคทาเวทย์ซู่เกอลาขึ้นเหนือศีรษะ แล้วเริ่มพึมพำคำร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายย้อนกลับออกมา พูดถึงคทาเวทย์ด้ามใหม่ที่ผมได้รับมานี้ ผมเริ่มชอบมันมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ไม่ใช่เพียงเพราะพลังอันแข็งแกร่งของมันเท่านั้น แต่เป็นเพราะลักษณะที่ประณีตสวยงามของมันด้วย มันเป็นคทาเวทย์ที่ดูดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย แค่ได้ถือมันอยู่ในมือ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นสง่างามขึ้นมาทันที
ขณะที่ผมกำลังกล่าวคำร่ายอยู่นั้น คทาเวทย์ซู่เกอลาก็ค่อย ๆ เปล่งแสงสีทองออกมาจากอัญมณีโปร่งแสงที่อยู่บริเวณปากมังกร และมันก็ค่อย ๆ ไหลเข้าไปสู่ผังเวทย์เพื่อเปิดการเคลื่อนย้ายทันที การเคลื่อยย้ายในครั้งนี้มีความรู้สึกที่แตกต่างจากครั้งอื่น อาจเป็นเพราะพลังแสงสีทองจากคทาเวทย์นั้นได้รวมตัวกันเป็นชั้นป้องกันตัวของผมเอาไว้ด้วย ผมไม่รู้สึกถึงความปั่นป่วนของมิติที่เกิดขึ้นเลย
แล้วผมก็มาปรากฏตัวที่เป้าหมายของตัวเองอย่างไร้ปัญหาใด ๆ
มันเป็นผังเวทย์ที่ผมเคยทิ้งเอาไว้ก่อนที่จะเดินทางไปเข้าเรียนที่สถาบันเมื่อปีก่อน มันอยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านของผมนัก ผมใช้เวลาเดินทางอีกไม่นาน ก็สามารถมองเห็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ดูคึกคักมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เอ่อล้นมาจากหัวใจ ผมถึงกลับตะโกนออกมา “แม่! พ่อ! ผมกลับมาแล้ว!”
ผมรีบวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านโดยยังถือคทาเวทย์ซู่เกอลาเอาไว้ในมือ คทาเวทย์ด้ามนี้มีคุณสมบัติพิเศษบางอย่างทำให้มันไม่สามารถเก็บเอาไว้ในกระเป๋ามิติได้ ผมได้แต่นำมันติดตัวอยู่ข้างนอกเท่านั้น
เมื่อผู้คนในหมู่บ้านเริ่มสังเกตเห็นผม พวกเขาทักทายอย่างตื่นเต้น ด้วยความที่ความสามารถทางด้านเวทย์มนต์นั้นโดดเด่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ประกอบกันสถานะนักศึกษาของสถาบันเวทย์มนต์หลวงของผม ตอนนี้ผมเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในหมู่บ้านนี้แล้ว ผมยังวิ่งไปไม่ถึงหน้าบ้านของตัวเองเลย ตอนที่พ่อกับแม่ของผมมายืนรอรับอยู่ นี่อาจเป็นเพราะว่าผมได้ให้เหรียญเพชรกับพวกเขาไว้มากพอสมควร ดังนั้นตอนนี้พวกเขาไม่ต้องไปทำงานเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายอีกแล้ว และสามารถอยู่ฝึกฝนเวทย์มนต์ที่บ้านได้อย่างสบาย
ผมตะโกนเรียกพวกเขาอย่างคิดถึง “พ่อ! แม่! ผมกลับบ้านแล้ว!”
แม่ของผมร้องไห้ตอนที่เข้ามากอดผม “ลูกเอ๋ย ในที่สุดก็กลับมาแล้ว แม่คิดถึงลูกมากเลยนะ ไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งครึ่งปี”
หัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามาหา “จางกง! ตอนนี้เธอเป็นความภาคภูมิใจของหมู่บ้าน เดี๋ยวลุงขอเชิญพวกเธอทั้งครอบครัวไปที่บ้านแล้วกันนะ ไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน ถือว่าเป็นการเลี้ยงตอนรับที่เธอกลับมาบ้าน”
ผมตอบเขากลับไปอย่างยิ้มแย้ม “ไม่ต้องลำบากก็ได้มั้งครับ จะเป็นการรบกวนเปล่า ๆ”
หัวหน้าหมู่บ้านรีบบอก “มันจะเป็นการรบกวนอะไรนักหนา? เธอไม่ต้องเกรงใจหลอก พ่อของจางกง พวกท่านก็พากันไปทั้งคู่เลยนะ”
พ่อของผมรับคำ “ได้เลย! พวกเราต้องขอบคุณความมีน้ำใจของหัวหน้าแล้ว”
หัวหน้าหมู่บ้านเดินจากไปอย่างมีความสุข และมีชาวบ้านบางส่วนเข้ามารุมล้อมพวกเราแทนแล้ว โดยเฉพาะผมนั้นเป็นเป้าหมายของพวกเขาเลย มีคำถามต่าง ๆ สาดเข้ามาหาผมไม่หยุด ความกระตือรือร้นของพวกเขานั้นทำให้ผมแทบจะรับเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ แล้วยิ่งเมื่อมีบางคนสังเกตเห็นคทาเวทย์อันสวยงามในมือผม พวกเขาก็พยายามที่จะขอเอาไปลองถือดูบ้าง ผมนี่หัวหมุนไปหมด กลับมาคราวที่แล้วผมยังไม่เจอกับสถานการณ์แบบนี้เลย ไม่สิ! ผมไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิตต่างหาก นี่ใช่มั้ยที่เขาพูดกัน? สุกรมักกลัวว่าจะอ้วนพี ส่วนคนมักจะกลัวการมีชื่อเสียง!
นี่มันทำให้ผมเหนื่อยยิ่งกว่าการประลองติดต่อกันหลายรอบอีกนะเนี่ย ในที่สุดพวกผมก็สามารถสลัดพวกเขากลับมาถึงบ้านตัวเองได้
ตอนที่กลับมาถึงที่บ้าน ผมได้เห็นว่าตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว มันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเกือบสามเท่า จากปกติที่มีแค่สี่ห้อง ตอนนี้กลายเป็นบ้านที่มีแปดห้องไปแล้ว ห้องรับแขกที่อยู่ตรงกลางนั้นจัดตกแต่งเอาไว้อย่างงดงาม และมีขนาดกว้างขวางมาก ผมได้แต่ถามพ่ออย่างประหลาดใจ “พ่อครับ ทำไมบ้านเรากลายเป็นอย่างนี้ไปแล้วล่ะ? พ่อทำบ้านใหม่เหรอ?” จำนวนเงินที่ผมมอบให้พวกเขาเอาไว้ มันเหลือพอที่จะปรับปรุงบ้านได้อย่างแน่นอน แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่น่าจะใช่ความคิดของพ่อกับแม่แน่ ๆ พวกเขาชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมากกว่า
พ่อของผมยิ้มแห้ง ๆ “พ่อกับแม่ไม่มีทางใช้เงินไปกับเรื่องพวกนี้แน่ บ้านหลังเดิมนั้นก็เหมาะสมกับพวกเราอยู่แล้ว แต่นี่เป็นการจัดการของหัวหน้าหมู่บ้านน่ะ พ่อก็ปฏิเสธเขาไปหลายรอบมาก แต่เขาก็ไม่ยอม บอกแต่ว่าบ้านหลังเก่ามันไม่เหมาะอีกแล้ว ต่อไปตอนที่ลูกแต่งงาน บ้านหลังนั้นมันจะเล็กเกินไป แล้วเขาก็ดึงดันที่จะสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาให้พวกเรา ลูกดูสิตอนนี้มันใหญ่ขนาดไหน แค่ต้องทำความสะอาดทั้งบ้านก็เป็นงานหนักแล้ว แถมพวกเรายังติดหนี้บุญคุณพวกเขาโดยไม่จำเป็นอีก”
อ้อ! นี่คืออีกหนึ่งผลประโยชน์ที่ได้รับจากการมีระดับเวทย์มนต์ที่แข็งแกร่งนั่นเอง แม้แต่บ้านก็ยังได้รับการปรับปรุงขึ้นมาใหม่หมดได้ ผมถามต่อ “ลุงหัวหน้าหมู่บ้านกับคนอื่น ๆ อยากจะให้ผมทำอะไรให้หรือเปล่าครับ? ถ้าไม่มี พวกเขาจะมาเอาใจพ่อกับอย่างนี้ทำไม?”
แม่ของผมส่ายหัว “พวกเขาไม่ได้อยากได้อะไรหรอก แต่ว่านะ ตั้งแต่ที่ลูกกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงขึ้นมา การใช้ชีวิต แล้วก็สถานะของพวกเราในหมู่บ้าน มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ตอนนี้ นอกจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว บ้านของพวกเราก็ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน พวกชาวบ้านก็ให้ความเคารพแม่กับพ่อมากขึ้นเยอะ แต่มันก็ทำให้พ่อกับแม่ไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไรนักหรอก”
“มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ?” ผมถามยิ้ม ๆ
พ่อผมตอบ “มันจะดีได้ยังไง? การถูกผู้คนจับจ้องอยู่ตลอดเวลานี่ มันเป็นความรู้สึกที่ทนไม่ได้จริง ๆ”
ผมเลยถามพวกเขา “ถ้าอยู่ที่นี่แล้วไม่สะดวกใจอย่างนั้น ให้ผมพาพ่อกับแม่ไปอยู่ที่อื่นมั้ยครับ? แล้วก็คืนบ้านหลังนี้ให้พวกเขาไป”
แม่ของผมส่ายหัวอีกครั้ง “พ่อของลูกกับแม่อายุก็ไม่น้อยแล้ว อยู่ที่นี่ภูเขาเขียว น้ำก็ใสดีอยู่แล้ว พวกเราไม่ย้ายไปอยู่ที่อื่นหรอก พวกเราพอจะรู้ว่าลูกคงจะไม่กลับมาอยู่ที่นี่หรอกในอนาคต แต่แค่ลูกกลับมาเยี่ยมบ้านบ่อย ๆ เท่านั้นก็พอแล้ว แม่กับพ่อไม่ได้ต้องการอะไรจากลูกมากนักหรอก”
ผมพยักหน้าแล้วเข้าไปคล้องแขนเธออย่างประจบ “แม่ครับ! ถ้าต่อไปผมแต่งงานแล้ว ผมจะทำตามแม่ในการหาที่อยู่ที่มีสภาพแวดล้อมดี ๆ เพื่อปักหลักสร้างครอบครัว แล้วตอนนั้น ผมจะพาแม่กับพ่อไปดูกัน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะย้ายไปอยู่กับผมดีหรือเปล่าตอนนั้นนะครับ”
พ่อของผมได้ที เขารีบกล่าวล้อผมขึ้นมาทันที “ดีมากลูก! ฟังจากที่ลูกพูดมา ดูเหมือนว่าจะหาเจ้าสาวได้แล้วใช่มั้ย?”
ผมหน้าแดงทันที “อย่ามาพูดอะไรเรื่อยเปื่อยสิครับ เรื่องมันยังไม่แน่นอนขนาดนั้นเสียหน่อย”
พอแม่เริ่มจับใจความได้ เธอรีบเข้ามาซักไซ้ผมอย่างตื่นเต้นทันที “รีบบอกแม่มาเร็ว ๆ! เป็นลูกสาวบ้านไหน?”
ผมได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่ามาจากบ้านไหน? พวกเราเจอกันที่สถาบัน เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผมเอง เธอชื่อโหมวมู่จือ ถึงเธอจะไม่ได้สวยมาก แต่ก็นิสัยดีน่ะครับ”
เสียงพ่อกระแอมออกมา “พ่อไม่สนใจหรอกว่าหน้าตาจะเป็นยังไง แค่นิสัยดีก็พอมากแล้ว ดูอย่างแม่ของลูกสิ ถึงเธอจะขี้เหร่ไปหน่อย พ่อก็ยังรักอยู่มาได้ตั้งหลายปี ฮ่าฮ่า”
ตอนที่ได้ยินประโยคแรกของพ่อ แม่ของผมอารมณ์ขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าพร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา แต่พอได้ยินประโยคสุดท้าย เธอก็ใจเย็นลงทันทีเหมือนกัน แต่ยังกล่าวออกมาอย่างโกรธ ๆ “เจ้าแก่หงำเหงือก! ถ้าฉันขี้เหร่ คุณก็ไม่ได้แตกต่างกันนักหรอก ไม่ได้มีความรู้ตัวเองเลย ไปส่องกระจกเสียบ้างไป!”
พ่อผมไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเธออีก หันมาบอกผม “ลูกเดินทางมาไกล น่าจะเหนื่อยมาก รีบไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
ผมส่ายหัว “ผมไม่เหนื่อยเลยครับ ผมใช้ผังเวทย์เคลื่อนย้ายกลับมา ไม่ได้เดินทางไกลอะไรมากมาย มันสะดวกสบายดีมากครับ”
พ่อของผมถามอย่างประหลาดใจ “ผังเวทย์เคลื่อนย้าย ผังเวทย์เคลื่อนย้ายที่ไหน? นั่นมันเวทย์มนต์ระดับสูงไม่ใช่เหรอ?”
ผมพยักหน้า แล้วอวด “ผมวางมันเอาไว้ไม่ไกลจากหมู่บ้านครับ ตอนนี้ลูกชายของพ่อเก่งมากแล้วนะ แค่ผังเวทย์เคลื่อนย้ายมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”