ตอนที่แล้วบทที่ 169 – ครอบครัวของเสี่ยวจิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 171 – ตั้งชื่อมังกร

บทที่ 170 - เงื่อนไขของราชามังกร


ผมกล่าวออกมาอย่างแน่วแน่ “ถ้ามีใครบางคนต้องการที่จะทำร้ายเสี่ยวจิน มันผู้นั้นต้องข้ามศพของข้าน้อยไปก่อน”

ราชามังกรผู้ชราพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะกล่าวต่อ “ดีมาก เงื่อนไขข้อที่สอง! ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร เจ้าจะต้องมาเป็นผู้ปกป้องเผ่ามังกรของข้า และห้ามบอกความลับใด ๆ ของเผ่ามังกรให้คนภายนอกรับรู้เด็ดขาด”

ผมตอบรับ “ได้อย่างแน่นอน ข้าน้อยจะไม่ปริปากออกไปแม้แต่คำเดียว”

“เงื่อนไขที่สาม ไม่ว่าจะอย่างไร เจ้าต้องทำให้บุตรของข้ากลับมาสืบทอดตำแหน่งราชาแห่งเผ่ามังกรให้ได้” เขากล่าวต่อออกมา

หลังจากได้ยินเงื่อนไขสุดท้าย ผมได้แต่ยืนอึ้ง “เรื่องนี้มันเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วมิใช่หรือ? มันยังนับว่าเป็นเงื่อนไขได้อย่างไร?”

ราชามังกรยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “มันเป็นเงื่อนไขอย่างแน่นอน และมันเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดด้วย เจ้ารู้หรือไม่ ถึงแม้ว่าพวกเราจะสามารถกำจัดราชามารลงได้ แต่อายุไขของมนุษย์อย่างเจ้า นั้นมีเพียงแค่ 100 ปีเท่านั้น ในขณะที่มังกรอย่างพวกเรา อายุไขน้อยที่สุดก็เป็น 10,000 ปีเข้าไปแล้ว ตอนที่เจ้าตายเพราะหมดอายุไข ด้วยความผูกพันของเขาที่มีต่อเจ้า เขาต้องคิดที่จะตายตามเจ้าไปด้วยอย่างแน่นอน และถ้ามันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น สายเลือดมังกรทองห้ากงเล็บของข้า ก็จะถึงคราวสิ้นสุดลงแล้ว”

อ้า!! มันจะมีเรื่องอย่างนั้นด้วยหรือ? แต่เมื่อผมคิดถึงความรู้สึกของเสี่ยวจิน ก็รู้สึกว่าคำพูดของราชามังกรนั้นก็มีทางเป็นไปได้เหมือนกันนะ

ผมเลยได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะกล่าวออกมา “องค์ราชามังกร ท่านสามารถวางใจในเรื่องนี้ได้ ข้าน้อยจะนำเขากลับมารับตำแหน่งอย่างแน่นอน”

ราชามังกรยังกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่าเพิ่งได้รีบตอบรับเร็วมากนัก! ถึงแม้ว่าข้าจะยังไม่ได้สัมผัสกับเสี่ยวจินใกล้ชิดมากนัก แต่ข้าก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นมังกรที่หัวแข็งมาก มันคงไม่ง่ายนักหรอกที่จะเกลี้ยกล่อมเขาได้”

ผมยิ้มออกมา “ข้าน้อยมีแผนการของตัวเองเรียบร้อยแล้ว”

ราชามังกรที่ยังคงกังวลกล่าวถามออกมา “บอกแผนนั้นมาให้ข้าฟังหน่อย”

ผมเล่าแผนนั้นออกไปด้วยเสียงที่เบามาก ราชามังกรระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เจ้านี่มันไม่ใช่คนดีจริง ๆ แต่นี่ก็ทำให้ข้าวางใจเรื่องนี้ได้มากขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้ายังไม่นับว่าเจ้าผ่านเงื่อนไขข้อแรกเพียงด้วยคำพูดแต่อย่างเดียวหรอกนะ เจ้าต้องผ่านการทดสอบของข้าก่อน”

“การทดสอบ? การทดสอบอันใด?”

รอยยิ้มของราชามังกรนั้นดูเจ้าเล่ห์มาก “เจ้าสามารถเลือกมังกรตัวใดก็ได้จากแปดมังกรอาวุโสของเผ่าข้า และถ้าเจ้าสามารถเอาชนะเขาได้ เจ้าก็จะผ่านการทดสอบ”

หวา!!! เขานี่ช่างชั่วร้าย ช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆ แล้วยังมีหน้ามาปรักปรำผมอีก ผมตอบกลับอย่างคร่ำครวญ “พวกเขาทั้งหมดนั้นไม่ธรรมดาเลย แล้วข้าน้อยจะสู้กับพวกเขาได้อย่างไร?”

แต่เขากลับตอบออกมาอย่างง่าย ๆ “นั่นมันเรื่องของเจ้าไม่ใช่หรือ? ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน เพื่อเพิ่มความสามารถของตัวเอง หลังจากนั้น ข้าจะจัดให้มีการประลองขึ้น ส่วนเรื่องบุตรของข้า เขาจะไม่สามารถจากที่นี่ไปได้ชั่วคราว เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีในการฟื้นฟูพลังชีวิตของตัวเอง และทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นสมกับที่เป็นสายเลือดราชามังกร หลังจากเขาทำทั้งหมดนี่สำเร็จแล้ว ข้าจะให้เขาออกไปตามหาเจ้าเอง แต่แน่นอน นั่นคือในกรณีที่เจ้าผ่านการทดสอบที่ข้ามอบให้เท่านั้น” จากคำพูดของเขา มันหมายความว่าเขาจะเพิ่มพลังให้กับเสี่ยวจินอย่างมากแน่นอน

แล้วผมจะมีโอกาสเอาชนะผู้อาวุโสเผ่ามังกรที่แข็งแกร่งอย่างไม่ธรรมดาพวกนั้นมั้ย? ผมคิดหนักจนหน้าเขียวเหมือนลูกน้ำเต้าเลยทีเดียว แต่ก็นะ เพื่อที่จะได้อยู่กับเสี่ยวจิน ผมคงต้องลองดูสักตั้งล่ะนะ ผมได้แต่กัดฟันตอบออกไป “ก็ได้ครับ! ข้าน้อยจะขอประลองกับผู้อาวุโสมังกรเขียว” ตอนที่ผมพูด ผมชี้มือไปทางเจ้ามังกรเขียวที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

เหมือนว่าราชามังกรจะคาดไม่ถึงว่าผมจะเลือกแบบนี้ เขารีบเอ่ยถาม “เสี่ยวชิงคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่แปดมังกรอาวุโส เจ้าต้องการจะเปลี่ยนใจหรือไม่?”

ผมตอบเขากลับอย่างตัดสินใจแน่วแน่แล้ว “ข้าน้อยไม่เปลี่ยนใจ ข้าน้อยขอเลือกประลองกับเขา” หือม!!! เจ้ามังกรงี่เง่า! กล้ามาทำร้ายผมเหรอ? ผมจะจัดการกับเขาแน่นอน

ราชามังกรได้ฟังแล้วก็เงียบลง ก่อนที่เขาจะกล่าวสรุป “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปตามนี้ ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน หลังจากครบเวลาแล้ว พวกเราจะจัดการประลองกันที่ข้างนอกนั่น ในช่วงเดือนนี้เจ้าต้องพยายามให้เต็มที่ ไม่อย่างนั้น เจ้าไม่มีทางที่จะเอาชนะเสี่ยวชิงได้อย่างแน่นอน เขานั้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากเพราะร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าของเขา จุดเด่นของเขาอยู่ที่การโจมตีทางร่างกาย เขาสามารถจัดการกับอสูรกายยักษ์ได้เป็นร้อย ๆ ตัวอย่างไม่ลำบาก จากที่ข้าได้ยินมาจากบุตรของข้า เจ้าเป็นนักเวทย์ใช่มั้ย? เจ้าคงจะรู้ดี ว่าเผ่าพันธุ์มังกรอย่างพวกเรานั้นมีความต้านทานต่อเวทย์มนต์สูงมาก เอาล่ะ ข้าจะจบเรื่องนี้เอาไว้ตรงนี้ก่อน เจ้าออกไปใช้ถ้ำที่เจ้าจากมาเป็นที่พักในช่วงนี้ไปก่อน ถ้าเจอกับปัญหาอะไร ก็ให้กล่าวกับเสี่ยวชิง ข้าจะกลับไปทำการรักษาบุตรของข้าต่อแล้ว”

ผมตอบรับคำเขา “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” หลังจากกล่าวจบ ผมก็ตามมังกรเขียวกลับออกมาจากถ้ำใหญ่นั้น ระหว่างทาง เจ้ามังกรเขียวกล่าวขึ้น “ไอ้หยา!! นี่มันก็นานแล้วเหมือนกันที่ข้าได้ออกแรง กระดูกผุ ๆ ของข้าจะได้ใช้งานเสียที เจ้าหนู! ถึงแม้ว่าเจ้าจะตัวเล็กไปเสียหน่อย แต่น่าจะพอเป็นเป้าซ้อมมือที่ดีได้ เจ้าต้องฝึกฝนให้ดีล่ะ อย่าแพ้เร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นมันจะทำให้ข้าผิดหวังมากทีเดียว” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาเริ่มลับกงเล็บของตัวเองอีกครั้ง ด้วยท่าทางยินดีเป็นอย่างมาก เพราะการใช้ชีวิตอยู่ในเผ่ามังกรนั้นค่อนข้างจะเงียบเหงา พอมีผมมาทำให้ชีวิตของเขามีสีสันขึ้น เขาต้องดีใจอยู่แล้ว

เห็นท่าทางของเขา ซึ่งแสดงว่าเขามองผมเป็นแค่เป้าซ้อมมือ ผมก็กล่าวออกมาเสียงเย็นชา “เสี่ยวชิง เจ้ารอไปก่อนเถอะ แล้วข้าจะให้เจ้าเห็นเองว่าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร”

ตอนที่เจ้ามังกรเขียวถูกราชามังกรเรียกว่าเสี่ยวชิง เขาก็มีอาการไม่พอใจอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรราชามังกรก็มีอายุมากกว่าเขาไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรออกมา แต่การที่ผมเรียกเขาแบบนั้น มันทำให้เขาโกรธมาก และตวาดใส่ผม “ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเรียกข้าว่าเสี่ยวชิง! ตัวข้านั้นมีอายุเยอะกว่าเจ้ามาก เจ้ามันเป็นแค่เด็กรุ่นหลัง ทำไมถึงได้หยาบคายขนาดนี้?”

ผมไม่สนใจ คำรามตอบกลับไป “ใครเป็นเด็กรุ่นหลังของเจ้า? เสี่ยวชิง รีบหาอะไรมาให้ข้ากินก่อนเร็ว ๆ เข้า”

เจ้ามังกรเขียวเดินวนอยู่รอบตัวผมอย่างโกรธเกรี้ยว แต่ไม่กล้าที่จะทำร้ายผม เขาได้แต่คำรามอย่างดุร้าย “เจ้าเด็กเวร! เจ้านี่มันจะหยาบคายไร้มารยาทเกินไปแล้วนะ รออีกเดือนหนึ่งข้าจะจัดการกับเจ้าแน่”

แล้วเราก็ออกมาจากถ้ำใหญ่นั้นได้ในที่สุด เจ้ามังกรเขียวเอ่ยเรียกมังกรสีน้ำเงินที่ตัวเล็กกว่าเขาให้มาหา “เสียวเสี่ยวหลาน ข้าจะมอบเจ้าเด็กนี่ให้เจ้าดูแล เจ้าต้องทำตามความต้องการของเขาทุกอย่าง ข้าจะไปก่อนแล้ว อย่างลืมระวังอันตรายให้เขาด้วยล่ะ”

ระหว่างที่มังกรน้ำเงินตัวนั้นมองตามมังกรเขียวเดินจากไป เขาก็บ่นขึ้นมา “เขาโยนภาระของตัวเองมาให้ข้าอีกแล้ว ข้าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจอีกล่ะ?”

ผมทักทายเขาอย่างเคารพ “พี่ชายมังกรท่านนี้ ช่วยหาอะไรให้น้องชายคนนี้กินหน่อยได้หรือไม่?”

มังกรตัวนั้นมองมาที่ผมอย่างสงสัย “เจ้าคือมนุษย์ที่พาราชามังกรรุ่นเยาว์ของเรากลับมาใช่หรือไม่?”

ผมพยักหน้า “ถูกแล้ว เป็นข้าเอง ทำไมรึ?”

“โอ้! มนุษย์มีลักษณะเป็นอย่างนี้นี่เอง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นมนุษย์ตัวเป็น ๆ” พี่ชายมังกรกล่าวตอบ พร้อมกับใช้กงเล็บของเขาลองแตะตัวผมดู แล้วยกตัวผมขึ้นเพื่อสังเกตผมอย่างละเอียด

ผมรู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ผมจึงไม่ได้ต่อต้านหรือเอ่ยปากห้ามเขา หลังจากผ่านไปสักพักผมค่อยกล่าว “พี่ชายดูพอหรือยัง? ถ้าพอแล้ว ช่วยหาอะไรมาให้ข้ากินหน่อย ข้าจะต้องรีบกินจะได้รีบฝึกฝน ราชาของพวกท่านให้เวลาข้ามาหนึ่งเดือน หลังจากนั้นข้าต้องสู้กับเจ้ามังกรโง่นั่น”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผมแล้ว เขาดูเหมือนจะตกตะลึงมาก ยืนอึ้งอยู่ชั่วครู่ พร้อมกับทำผมหลุดจากกงเล็บของเขาลงมาที่พื้น นั่นมันทำให้ผมล้มคะมำลงกับพื้นเลยทีเดียว

มังกรน้ำเงินตัวนั้นรีบเข้ามาใช้กงเล็บอันใหญ่โตนั้นช่วยพยุงผมขึ้น “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ข้าขออภัยสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย คำพูดของเจ้าทำให้ข้าเหม่อไปหน่อย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด