ตอนที่ 865 : มีคนมาทวงหนี้!
ตอนที่ 865 : มีคนมาทวงหนี้!
ชายคนนี้ที่ขับรถ Zotye เป็นเพื่อนของ "คนส่งอาหาร" ตั้งแต่เขายังเด็กชื่อว่าเจียงเฉียง
ในหมู่บ้านตระกูลเจียงแห่งนี้เจียงเฉียงเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว
เจียงเฉียงไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่เขาก็เป็นคนซื่อสัตย์หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมต้นแล้วเขาก็ไปเรียนการซ่อมรถยนต์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาก็พัฒนาไปได้ด้วยดีจนสามารถเปิดร้านซ่อมรถยนต์ในเมืองได้
และวันนี้ก็เป็นวันตรุษจีน เขาก็เลยซื้อรถ Zotye แล้วขับกลับมาที่หมู่บ้านเพื่อที่จะได้โอ้อวด
แต่คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางเขาจะพบกับเจียงเฉินและเจียงอันหรันที่เพิ่งกลับมาที่หมู่บ้านหลังจากออกไปเมื่อหลายปีก่อน
ระหว่างทางกลับไปที่หมู่บ้านเจียงเฉียงขับรถ Zotye ที่เพิ่งซื้อมาและหยุดตรงหน้าเจียงเฉินและเจียงอันหรันสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เนื่องจากพวกเขาเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เจียงเฉินไม่ได้พูดอะไรมาก เขายิ้มเล็กน้อยและตอบว่า "ช่วงก่อนหน้านี้ฉันยุ่งกับงานมาก ดังนั้นฉันจึงไม่ได้กลับมาแต่พอดีว่าปีนี้ฉันพอมีเวลาว่างดังนั้นฉันจึงกลับมาว่าแต่รถของนายสวยไม่เบาเลยนะ"
แม้ว่า Zotye จะเป็นแค่รถธรรมดาและไม่นับว่าเป็นอะไรในสายตาของเจียงเฉิน
แต่ในหมู่บ้านตระกูลเจียงแห่งนี้มันก็ไม่เลวเลย
หมู่บ้านตระกูลเจียงแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่มีสองแซ่ในหมู่บ้านนั่นก็คือแซ่เจียงและหวัง
เจียงเฉียงซึ่งนั่งอยู่ในห้องคนขับเมื่อได้ยินเจียงเฉินยกย่องรถของเขาว่าดี มันก็ทำให้ใบหน้าของเจียงเฉียงมีความสุขมาก
เขายิ้มและพูดว่า "เจียงเฉิน นายนี่รู้จักของดีจริงๆนี่คือรถที่ฉันซื้อมาเป็นพิเศษ แม้ว่าราคาจะไม่ได้สูงมากแต่รูปลักษณ์ภายนอกนั้นน่าประทับใจอย่างแน่นอน นายอาจจะไม่รู้หรอก ถ้านายดูมันโดยการมองจากด้านหลังเพียงอย่างเดียวนายก็อาจจะเข้าใจผิดว่ามันคือรถพอร์ชได้ นายคิดว่างั้นมั้ย?”
แม้ว่าเจียงเฉินจะค่อนข้างพูดไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่เขาก็ยังคงไหลไปตามคำพูดของเจียงเฉียง
"เจียงเฉิน ในเมื่อพวกนายกำลังกลับบ้านงั้นก็ขึ้นรถของฉันมาสิ ฉันจะพาพวกนายกลับหมู่บ้านด้วยกัน ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็ไปดื่มที่บ้านฉันสักแก้วสองแก้วสิ เราไม่เจอกันมาตั้งหลายปี นายเปลี่ยนไปเยอะเลย"
เนื่องจากมีรถฟรี เจียงเฉินจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป
เขาพยักหน้าและพูดตรงนั้น "โอเค ขอบคุณมาก"
หลังจากพูดจบ เจียงเฉินและเจียงอันหรันก็หยิบกระเป๋าเดินทางและเข้าไปในรถของเจียงเฉียง
หลังจากเข้าไปในรถแล้ว ดวงตาของเจียงเฉียงก็อดไม่ได้ที่จะจับจ้องไปที่เจียงอันหรัน
ทันทีที่เขาเห็นเจียงอันหรัน เจียงเฉียงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "นี่เจียงอันหรันฉันไม่ได้เจอเธอมาสองสามปีแล้ว เธอดูสวยขึ้นมากเลยนะ เธอดูเหมือนดาราเลย เธอสวยมากจริงๆ ตอนนี้เธอเรียนอยู่หรือว่าทำงานแล้วล่ะ”
คนในหมู่บ้านนั้นชอบพูดคุยเรื่องซุบซิบกัน
ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงทุกคนต่างก็มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น
แน่นอนว่าคำถามของเจียงเฉียงไม่ได้มีเจตนาร้าย
เขาและเจียงเฉินนั้นเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ดังนั้นพวกเขาจึงถือได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและเขาก็ไม่คิดมากเกี่ยวกับน้องสาวของเพื่อนที่ดีของตัวเอง
เจียงอันหรันรู้สึกอายเล็กน้อยกับคำชมของเจียงเฉียง
แต่ในไม่ช้าเจียงอันหรันก็พูดว่า "ฉันยังเรียนอยู่ค่ะ กำลังจะจบมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง วิชาเอกคือการออกอากาศและการเป็นพิธีกรค่ะ"
แม้ว่าเจียงเฉียงจะไม่รู้ว่าการออกอากาศและการเป็นพิธีกรคืออะไร แต่เมื่อเห็นว่าเจียงอันหรันสวยงามขนาดไหน เขาก็รู้สึกว่าอนาคตของเจียงอันหรันนั้นไร้ขอบเขตแน่
เจียงเฉียงยิ้มบางๆก่อนจะพูดว่า "การเรียนเป็นสิ่งที่ดี หลังจากที่เธอเรียนจบแล้วก็สามารถหางานที่ดีได้ เธอสวยถึงขนาดนี้แถมยังมีงานที่ดีด้วย นั่นหมายความว่าเธอก็มีโอกาสแต่งงานกับคนรวยได้ในอนาคต ถ้าหากว่าเธอสามารถแต่งงานกับคนรวยได้เจียงเฉินพี่ชายของเธอก็จะพลอยได้รับแสงสว่างจากเธอไปด้วย”
ต้องยอมรับเลยว่าเจียงเฉียงนั้นเป็นคนที่พูดมาก เมื่อเขาเริ่มพูดออกมาเขาก็จะพูดไม่หยุด
แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้เจียงอันหรันก็พูดไม่ออกเล็กน้อยราวกับว่าเธอนั้นไม่ต้องการที่จะตอบ
เจียงเฉินที่นั่งอยู่ด้านหลังรถเมื่อเขาได้ยินเรื่องไร้สาระของเจียงเฉียงเขาก็พูดออกมาทันที “เจียงเฉียง รีบขับรถเถอะ วันนี้พวกเราเดินทางมาทั้งวันแล้วอยากจะไปพักผ่อนแล้ว”
เจียงเฉียงหัวเราะออกมาทันทีและพูดว่า “ตกลง ไม่มีปัญหา”
เมื่อพูดจบเจียงเฉียงก็เหยียบคันเร่งและรถก็พุ่งไปข้างหน้าทันที
แน่นอนว่ารถยนต์ระดับนี้แย่กว่ารถหรูของเจียงเฉินในเมืองหลวงมาก
แต่สำหรับในหมู่บ้านแล้วมันก็ไม่เลว
ในไม่ช้าเจียงเฉียงก็ขับรถพาเจียงเฉินและเจียงอันหรันกลับมาถึงหมู่บ้านตระกูลเจียง
หมู่บ้านขนาดใหญ่มีหลายร้อยครัวเรือนและมีผู้คนหลายพันคน
หมู่บ้านนี้ถือว่าเป็นหมู่บ้านขนาดกลางในชนบทซึ่งไม่ถือว่าเล็กหรือใหญ่เกินไป
ทันทีที่รถของเจียงเฉียงเข้าสู่หมู่บ้าน เขาก็จงใจลดความเร็วลงเล็กน้อยเมื่อเขาพบคนที่เดินอยู่บนถนนเขาก็จะลดกระจกและบอกพวกเขาอย่างมีความสุขว่าเจียงเฉินนั้นกลับมาหมู่บ้านแล้ว
โดยวิธีนี้ผู้คนจำนวนมากในหมู่บ้านก็รู้ว่าเจียงเฉินและเจียงอันหรันนั้นได้กลับมาแล้ว
เดิมทีหลังจากที่เข้าหมู่บ้านแล้ว มันควรที่จะใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเพื่อตรงไปยังบ้านของเจียงเฉินแต่ว่าเจียงเฉียงนั้นกลับสูบบุหรี่และพูดคุยกับคนที่เขาพบเจอระหว่างทางทำให้การเดินทางต้องล่าช้าไปหลาย 10 นาที
ภายในหมู่บ้านก็มีทั้งบ้านที่ดีและไม่ดี มีตั้งแต่บ้านที่ทำมาจากดินจนไปถึงวิลล่าหลังเล็กๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้คนในหมู่บ้านนั้นก็มีมาตรฐานค่าครองชีพและสภาพความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน
เจียงเฉินที่นั่งอยู่ในรถก็เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อีกครั้ง
จนในที่สุด หลังจากการจอดรถเพื่อพูดคุยกับชาวบ้านหลายครั้งของเจียงเฉียงพวกเขาก็มาถึงประตูบ้านของเจียงเฉินสักที
ในเวลานี้เองก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็ว
เธอคือป้าคนโตของเจียงเฉินและเจียงอันหรัน เมื่อเธอเห็นสองพี่น้องเธอก็รู้สึกประหลาดใจและมีความสุขทันที
“เสี่ยวเฉิน! อันหรัน! ป้าเพิ่งได้รับโทรศัพท์มาจากชาวบ้านว่าพวกเธอกลับมาแล้ว! พวกเธอกลับมาทำไมกัน!”
“แย่แน่ๆ! พวกเธอรีบหนีไปซ่อนตัวซะ!”
“ตอนนี้ตระกูลหวังจะต้องรู้แล้วแน่ๆ พวกเขากำลังจะมาทวงหนี้!”
“ไม่สิ! ป้าต้องดีไปขอให้พี่ใหญ่กับคนอื่นช่วย!”
เจียงหลันหัวตื่นตระหนกและรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว!
เมื่อได้ยินเช่นนี้เจียงเฉินก็ผงะไปชั่วขณะ!
ก่อนจะเริ่มคิดอย่างรอบคอบ....
ปรากฎว่าเป็นพ่อที่ตายแล้วของ "คนส่งอาหาร" ซึ่งเป็นหนี้ก้อนโตในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่และเจ้าหนี้ก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวังซึ่งดูเหมือนจะชื่อว่าหวังหวันหวัน!
ในขณะนี้เจียงเฉินกลับมามีสติและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
จู่ๆป้าก็วิ่งไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ทันทีที่เจียงหลันหัวจากไปเจียงอันหรันที่อยู่ข้างๆเจียงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "พี่ชาย เราควรไปซ่อนตัวสักพักก่อนดีไหม แม้ว่าป้าจะไปพบลุงๆแล้วแต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร พวกเขาก็คงจะยืนดูอยู่เฉยๆดูความตื่นเต้นสำหรับพวกเขาและไม่ยื่นมือมาช่วยพวกเราแน่”
“ไม่ต้องซ่อน! ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้พวกเขามา”
เจียงเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย “เพื่อให้เราได้เห็นว่าญาติคนไหนที่ดีกับเราและญาติคนไหนที่ไม่ดีกับเรา”
นอกจากนี้เขายังต้องการรู้ด้วยว่าคนเหล่านี้จะยอมพูดเพื่อพวกเขาในเวลาที่พวกเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาวิกฤตไหม
….
หลังจากนั้นไม่นานคุณป้าเจียงหลันหัวก็กลับมา
ต้องบอกเลยว่าป้าเจียงหลันหัวนั้นยังถือว่ามีใบหน้าอยู่เล็กน้อย
เพราะลุงของเจียงเฉินทั้ง ลุงสอง ลุงสี่ ลุงห้าและเหล่าป้าๆรวมถึงเพื่อนบ้านหลายคนนั้นก็เดินตามมาด้วย
แต่เจียงเฉินที่เห็นผู้คนมากมาย ก็รู้ดีว่า....
คนเหล่านี้ 9 ใน 10 ไม่ได้มาเพื่อรักษาหน้าของป้าเจียงหลันหัวแต่มาเพื่อดูความสนุกสนาน
พวกเขาทั้งหมดต้องการดูว่าเจียงเฉินจะจัดการกับหนี้ของหหวังหวันหวันอย่างไร
แต่อย่างไรก็ตามเจียงเฉิงนั้นก็ไม่สนใจ
ก่อนที่เจียงเฉินจะพูด ลุงของเจียงเฉินก็หยิบบุหรี่มวนหนึ่งออกมาแล้วเดินมาข้างหน้าเจียงเฉินและพูดอย่างไม่พอใจมากกว่า “เจียงเฉิง แกกลับมาอย่างกะทันหันไม่แม้แต่จะโทรกลับมาที่บ้านด้วยซ้ำนี่มันหมายความว่ายังไง?! แกไม่เห็นหัวลุงอย่างฉันแล้วงั้นเหรอ?! แกรู้ไหมว่าฉันต้องเสียเงินไปมากเท่าไหร่เพื่อเลี้ยงดูแกกับน้องสาวของแกตั้งแต่ยังเด็ก!”
เจียงเฉินไม่คิดว่าเจียงเต๋อหมิงลุงของเขาจะพูดกับเขาแบบนี้
ในความเป็นจริงเจียงเฉินรู้ดีในใจว่าลุงของเขาไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาสองพี่น้องเป็นอย่างดีเป็นพิเศษอะไร
สองพี่น้องคนนี้เติบโตมาได้อย่างมากนั่นก็เพราะว่าการสนับสนุนของเจียงเฉิน
แน่นอนว่าป้าของเจียงเฉิน เจียงหลันหัวก็ให้ความช่วยเหลือพวกเขามาไม่น้อย
ถ้าหากไม่มีเจียงหลันหัวพวกเขาสองพี่น้องก็คงจะอดตายหรือว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้นไปนานแล้ว
แต่สิ่งเหล่านี้นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจียงเต๋อหมิงเลย
เจียงเต๋อหมิงนั้นยังเคยถึงขั้นยึดที่ดินของครอบครัวของเจียงเฉินซึ่งมันมันควรจะกลายเป็นมรดกของพวกเขาสองพี่น้องไปเป็นของตัวเอง
ในหมู่บ้านนี้ไม่ว่าจะเป็นทุ่งนาหรืออะไรก็ตามพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
หากคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีแม้แต่ที่นา พวกเขาก็จะถูกเยาะเย้ยและแม้แต่ถูกรังแกในหลายๆครั้ง
ดังนั้นแล้วสำหรับลุงเจียงเต๋อหมิง เจียงเฉินจึงไม่ชอบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย
เจียงเฉินยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นและพูดเยาะเย้ยออกมาว่า “คุณลุง ไม่ว่าผมจะกลับมาหรือว่าไม่กลับมามันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณไม่ใช่หรอ? ผมไม่ได้เป็นหนี้ของคุณไม่ใช่หรือยังไง?”
ทันทีที่เจียงเฉิงพูดสิ่งเหล่านี้ออกมา การแสดงออกของเจียงเต๋อหมิงก็ดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้เจียงเต๋อหมิงวางแผนเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะเอาชนะเจียงเฉินให้ได้และใช้โอกาสนี้ในการบังคับให้เจียงอันหรันแต่งงานกับลูกชายของหวังหวันหวัน
ซึ่งแผนการทั้งหมดนี้ถูกวางแผนโดยหวังหวันหวันที่ก่อนหน้านี้ได้โทรมาหาเจียงเต๋อหมิงและขอให้เจียงเต๋อหมิงช่วย
นอกจากนี้หวังหวันหวันก็ยังสัญญากับเขาว่าเขาจะให้ผลประโยชน์บางอย่างด้วยอีก
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เจียงเต๋อหมิงมาที่นี่เพื่อทำตามแผนการนั้น
แต่สุดท้ายแล้วเขากลับไม่คิดว่าเจียงเฉินจะหยิ่งยโสได้ขนาด แถมยังทำกับเขาราวกับว่าเป็นคนไร้สาระคนหนึ่งซึ่งทำให้เจียงเต๋อหมิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ในความทรงจำของเจียงเต๋อหมิง เจียงเฉินนั้นเป็นคนขี้ขลาดและค่อนข้างเก็บตัว
แต่ทำไมเจียงเฉินที่เขาพบในวันนี้ถึงได้ดูแตกต่างออกไปจากในอดีต เมื่อเทียบกับในอดีตแล้วเขาดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามเจียงเต๋อหมิงก็แสดงความโกรธออกมาทันทีเพื่อผลประโยชน์ของหวังหวันหวัน
เขาจ้องไปที่เจียงเฉินแล้วพูดออกมาอย่างชั่วร้ายว่า “เอาล่ะเจียงเฉิน แกนี่ปีกกล้าขาแข็งขึ้นแล้วจริงๆ! กล้าที่จะพูดแบบนี้กับลุงอย่างฉันแกทำให้ฉันประหลาดใจได้จริงๆ ตอนแรกฉันจะมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือแก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้แก้ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากฉันแล้วดังนั้นแกก็จัดการเรื่องของหวังหวันหวันเองก็แล้วกัน!”
เนื่องจากเจียงเฉินมีความหยิ่งผยองมาก เจียงเต๋อหมิงก็เลยยกหวังหวันหวันออกมาขู่เจียงเฉินและต้องการทำให้เจียงเฉินรู้สึกกลัว
แต่มีหรือที่เจียงเฉินจะสนใจคำพูดแบบนั้น?
เขาไม่ได้สนใจจะฟังสิ่งที่เจียงเต๋อหมิงพูดออกมาด้วยซ้ำ!
หลังจากที่หัวเราะออกมาแล้วเจียงเฉินก็พูดว่า “คุณลุง ผมก็ไม่ได้ต้องการให้คุณมาที่นี่ด้วยซ้ำ ถ้าคุณไม่อยากอยู่ที่นี่ประตูบ้านก็เปิดอยู่เชิญออกไปได้ตลอด”
เมื่อพูดจบเจียงเฉินก็แสดงท่าทีเฉยเมยออกมา ราวกับว่าเขานั้นไม่สนใจถึงการมีอยู่ของเจียงเต๋อหมิงเลย
เจียงเต๋อหมิงโกรธจัดและไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเจียงเฉินจะกล้าหาญมากจนไม่กลัวหวังหวันหวันและยังกล้าพูดแบบนั้นต่อหน้าเขาอีก
ด้วยความโกรธเจียงเต๋อหมิงจึงสะบัดแขนเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “เอาล่ะเจียงเฉิน แกนี่มันกล้าดีจริงๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละและฉันก็จะไม่สนใจเรื่องของแกอีก”
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเจียงเฉินก็โบกมือ “เชิญ ผมไม่ส่งนะ”
ทุกคนที่เห็นฉากนี้ก็ตกตะลึง
พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเจียงเฉินจะหยิ่งยโสขนาด!
ในหมู่ของพวกเขาสถานะของเจียงเต๋อหมิงนั้นถือว่าสูงมาก
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นผู้อาวุโสของตระกูลซึ่งคนรุ่นปู่นั้นก็จากไปหมดแล้วซึ่งก็เหลือเพียงแค่เขาที่มีความอาวุโสสูงที่สุด
ดังนั้นแล้วเจียงเต๋อหมิงจึงได้รับความเคารพอย่างสูงในตระกูลเจียง
ในหมู่บ้าน ลำดับขั้นของผู้อาวุโสและผู้เยาว์นั้นยังคงชัดเจนมาก
เจียงเต๋อหมิงต้องการที่จะจากไปแต่ว่าเจียงหลันหัวป้าของเจียงเฉินนั้นรู้สึกกังวลมาก
ในตอนแรกเธอนั้นไม่ได้คาดหวังเลยว่าเธอจะสามารถเชิญพี่ชายของเธอมาที่นี่ได้และเธอก็คิดไม่ถึงว่าเจียงเฉินจะทำให้เจียงเต๋อหมิงโกรธแบบนี้
ถ้าหากว่าเธอปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป จะต้องไม่มีใครให้ความช่วยเหลือกับเจียงเฉินแน่
ดังนั้นแล้วเจียงหลันหัวจึงไม่รีรออีกต่อไป เธอรีบวิ่งตามเจียงเต๋อหมิงไปแล้วจับแขนของเจียงเต๋อหมิงก่อนจะพูดว่า “พี่ชาย พี่กำลังทำอะไรของพี่หวังหวันหวันกำลังจะมาแล้วนะ ถ้าเกิดว่าพี่ไม่ยอมช่วยเจียงเฉินเสี่ยวอันหรันจะต้องทุกข์ใจแน่ เธอยังเด็กเกินไปที่จะแต่งงานกับลูกชายของหวังหวันหวัน ลูกชายของผู้ชายคนนั้นทั้งน่าเกลียดแถมยังโง่ ถ้าเกิดว่าเธอต้องไปแต่งงานกับเขาอนาคตของเธอจะต้องถูกทำร้ายแน่!”
อย่างไรก็ตามเจียงเต๋อหมิงนั้นยืนอยู่ตรงที่หน้าประตูและไม่พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอให้เจียงเฉินขอโทษอยู่
เพราะว่าเขาเป็นถึงผู้อาวุโส ถ้าหากว่าเจียงเฉินไม่ยอมขอโทษเขาก็จะต้องเสียหน้า
ในตอนนี้เจียงหลันหัวป้าของเจียงเฉินก็สามารถเข้าใจเจียงเต๋อหมิงพี่ชายของเธอว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ดังนั้นแล้วเจียงหลันหัวจึงหันหน้าไปมองเจียงเฉินแล้วพูดด้วยความกระวนกระวายว่า “เจียงเฉิง นายจะยังนั่งอยู่ตรงนั้นเพื่ออะไรอีก มานี่เร็วๆมาขอโทษลุงของเธอ เข้าใจมั้ย”
เมื่อมองไปที่ท่าทางที่เต็มไปด้วยความกังวลของเจียงหลันหัวก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าความกังวลของเธอนั้นออกมาจากใจจริงและเธอกำลังคิดเพื่อเจียงเฉินอยู่
แต่อย่างไรก็ตามเจียงเฉินก็ยังคงอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทางที่สงบ
เขาผายมือแล้วพูดว่า “คุณป้า เรื่องนี้จะโทษผมก็ไม่ได้หรอก ผมไม่ได้ไล่เขาออกไปสักหน่อยแต่เขาอยากออกไปเอง ผมจะทำอะไรได้?”
คำพูดของเจียงเฉินเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง
ในเวลานี้เขาไม่ต้องการที่จะขอโทษเจียงเต๋อหมิง
ใบหน้าของเจียงเต๋อหมิงนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงกับขาวมาระยะหนึ่งแล้ว!
มันดูน่าอายมาก!
“ปี๊นๆๆ...”
เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายอยู่พักหนึ่ง เสียงแตรของรถก็ดังขึ้นจากประตูหน้าบ้าน
เมื่อสิ้นเสียง สีหน้าของเจียงเต๋อหมิงก็เปลี่ยนไปทันที
จู่ๆเขาก็หัวเราะออกมาแล้วมองไปที่เจียงเฉินและพูดว่า “เจียงเฉิน ดูซิว่าใครมา ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าน่าจะจัดการกับเขายังไง?!”
หลังจากที่พูดจบเจียงเต๋อหมิงก็เดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางหยิ่งผยองทันที
เขามองไปที่เจียงเฉินเป็นครั้งคราว
ดูเหมือนว่าในตอนนี้เขาจะเต็มไปด้วยความมั่นใจและรู้สึกว่าหากไม่มีความช่วยเหลือจากเขาเจียงเฉินจะไม่สามารถรับมือกับหวังหหวันหวันได้อย่างแน่นอน
ภายในห้องนั่งเล่นยังมีญาติคนอื่นๆของเจียงเฉินแต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดก็พากันเงียบ ราวกับว่าพวกเขากำลังรอดูความสนุกสนานอยู่
ท้ายที่สุดแล้ว บางครั้งแม้ว่าจะมีญาติมากมายแต่ก็ไม่มีใครที่คิดจะช่วยในเวลาที่วิกฤติเลย
คนอย่างปรารถนาให้คนที่ตกอยู่ในช่วงเวลาที่วิกฤติต้องพบเจอกับชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
ในตอนนี้มีเพียงแค่เจียงหลันหัวป้าคนโตของเจียงเฉินเท่านั้นที่มีสีหน้ากังวลมาก
เธอดีพูดกับเจียงเต๋อหมิง “พี่ชาย หวังหวันหวันกำลังเข้ามาแล้ว พี่ต้องคิดถามวิธีช่วยเจียงเฉินนะ เจียงเฉินเขายังเด็กอยู่”
เจียงเต๋อหมิงที่ได้ฟังก็นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยความสงบ
ในเวลานี้เขาเพิกเฉยต่อคำพูดของเจียงหลันหัวอย่างสมบูรณ์
ก่อนที่จะหัวเราะแล้วพูดออกมาว่า “น้องสาว อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่! เจียงเฉินมันหยิ่งมากนักไม่ใช่หรือไง? ใครใช้ให้มันคิดว่าตัวเองมีอำนาจมากกัน? ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ให้มาแก้ปัญหาของตัวเองไม่ดีกว่าหรือยังไง?!”
ในขณะที่เขาพูดแบบนั้นเจียงเต๋อหมิงก็ยกขาขึ้นมาไขว่ห้างด้วยท่าทางที่ห่างเหินและรอรับชมความสนุก
เจียงหลันหัวที่อยู่ด้านข้างก็รู้ดีว่าตอนนี้เธอคงไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
แม้ว่าเธอจะต้องการช่วยเจียงเฉินกันอย่างมาก แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเธอไม่มีทางที่จะช่วยได้เลย
เดิมทีเธอต้องการที่จะรวบรวมญาติพี่น้องมาเพื่อช่วยเจียงเฉิน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของคนเหล่านี้จะไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย แถมยังทำให้สถานการณ์ของเจียงเฉินเลวร้ายลงไปอีก
ในขณะนี้เจียงหลันหัวรู้สึกเสียใจเล็กน้อยในใจของเธอ เธอไม่ควรไปขอความช่วยเหลือจากคนเหล่านี้เลย เธอควรที่จะรีบพาเจียงเฉินและเจียงอันหรันหนีไปตั้งแต่แรก
ในเวลานี้เองเสียงจากประตูบ้านก็ดังขึ้น
“ฮ่าๆๆๆ ดูเหมือนว่าจะมีคนมากมายมารออยู่ที่นี่! ช่างบังเอิญจริง!”
เสียงที่เต็มไปด้วยความหยาบคายและหยิ่งยโสเล็กน้อยทำให้คนที่ได้ฟังต่างก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรเข้าไปยุ่งกับคนที่เป็นเจ้าของเสียงนี้
เจียงเฉินที่อยู่ในห้องก็สังเกตเห็นชายร่างอ้วนสวมชุดสูทเดินเข้ามาภายในห้อง
อย่างไรก็ตามเจียงเฉินนั้นไม่จำเป็นต้องเดาเลยเขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั่นก็คือหวังหวันหวัน
เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้ชายคนนี้ก็มีใบหน้าที่น่าเกลียดแถมยังมีร่างกายที่อ้วนท้วมอีก
และถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่คนมีเงินเขาก็คงไม่สามารถที่จะหาชุดสูทและนาฬิกาข้อมือมาใส่ได้
ป้าหลันหัวของเจียงเฉินมีท่าทางที่น่าเกลียดมากเมื่อเธอได้เห็นผู้ชายคนนี้
เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าหวังหวันหวนจะมาเร็วขนาดนี้
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องปั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก่อนที่จะเดินไปด้านหน้าของหวังหวันหวันแล้วพูดว่า “บอสหวัง เชิญนั่งก่อนๆ”
ขณะที่เธอพูดนั้นเจียงหลันหัวก็มองไปที่ลูกสาวของเธอแล้วพูดว่า “เสี่ยวฮุ้ย ยืนงงอะไรอยู่อีกไปรินน้ำชาให้บอสหวังเร็วเข้า”
เสี่ยวฮุ้ยหญิงสาวอายุน้อยและสวยงามที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็พยักหน้าทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของแม่ “ค่ะแม่ หนูจะรีบไป”
แม่พูดแบบนั้นแล้ว เสี่ยวฮุ้ยก็รีบเดินไปที่ครัวเพื่อเตรียมน้ำชาให้กับหวังหวันหวันทันที
อย่างไรก็ตามหวังหวันหวันที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็โบกมือของตัวเองและพูดอย่างเย็นชา
“เอาล่ะ ต่อหน้าฉันเรื่องไร้สาระพวกนั้นไม่ต้อง ฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อตามพาเจียงเฉินส่วนคนอื่นๆก็หุบปากและอยู่นิ่งๆไปดีกว่า!”
ในหมู่บ้านแห่งนี้หวังหวันหวันหยิ่งผยองมาก
ทันทีที่เขาเปิดปาก เขาก็พูดออกมาอย่างโอหังให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ปิดปากของตัวเอง
ถ้าเป็นคนธรรมดาที่กล้าพูดแบบนี้ก็คงถูกผู้คนที่อยู่ที่นี่รุมทุบตีกันไปแล้ว
แต่ว่าหวังหวันหวันไม่ใช่คนธรรมดา เขาทั้งร่ำรวยและยังมีโรงงานที่ตั้งอยู่ในเมืองเป็นของตัวเองแถมยังมีพี่น้องอีกมากมายที่อยู่ภายใต้เขา!
คนทั่วไปก็พากันยกย่องว่าเขาเป็นมหาเศรษฐี!
ไม่รู้ว่าเขามีทรัพย์สินทั้งหมดกี่ล้าน!
แต่ทุกคนรู้เพียงแค่ว่าเขารวย!
เสียงทุกคนเงียบลงทันที!
ทุกคนกลัวเกินกว่าที่จะพูดอีกต่อไป!
…