ตอนที่ 105 เลือดและไขกระดูกของสัตว์ต่างดาว
ตอนที่ 105 เลือดและไขกระดูกของสัตว์ต่างดาว
"พัด-พัด"
ประตูของเฮลิคอปเตอร์สีดำลำใหญ่พิเศษถูกปิดลงพร้อมกับปล่อยลมกระโชกสุดท้ายพัดพายุหลายลูกไปบนท้องถนนและบินออกไปอย่างรวดเร็ว
กลุ่มคนยืนรอที่ป้ายรถเมล์ด้านล่างตกใจและหลายคนรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป
ชายหนุ่มพนักงานปกขาวที่เคยอิจฉาลู่เซิงก่อนหน้านี้ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ปากของเขาเปิดกว้างจนเกือบจะยัดไข่เป็ดเข้าไปได้
เดิมทีเขาคิดว่าลู่เซิงซึ่งดูเหมือนนักเรียนมัธยมปลายจะเป็นคนธรรมดาที่สุดในบรรดากลุ่มคนรวยรุ่นสองและที่เขาสามารถเข้าหาคนรวยรุ่นสองได้เป็นเพราะหน้าตาเป็นหลัก
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าลู่เซิงจะเป็นคนที่เหนือกว่าในที่สุด
ซูเปอร์คาร์ 10 ล้านว่าไม่ธรรมดาแล้ว แต่นี่เขาเอาเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่พิเศษจากเขตทหารตะวันออกมารับตัวเองโดยตรง
และการกระทำของลู่เซิงที่เพิ่งปีนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตอนนี้... แม้แต่จอมยุทธ์ธรรมดาก็ไม่สามารถทำได้
"เฮ้คนนี้น่าจะถูกเรียกว่าพระเจ้าแห่งเมือง..." ชายหนุ่มพนักงานปกขาวพึมพำ
ฉากที่เกิดขึ้นในตอนนี้ส่งผลกระทบต่อเขาไม่น้อยไปกว่าคุณป้าขี่จักรยานเข้าไปในตลาดและซื้อของทุกอย่างด้วยตะกร้าผัก
ชายหนุ่มพนักงานปกขาวรู้สึกถึงความจริงอันโหดร้ายของโลกนี้อย่างสุดซึ้ง ดังนั้นเขาไม่รอรถเมล์อีกต่อไปและรีบนั่งแท็กซี่จากไป
ในเวลานี้ ทั้งเฉาหมิงเหลียงและซูเหวินฮุ่ยต่างก็กำลังมึนงง เวลาผ่านไปนานจนทั้งคู่รู้สึกตัว
"ตันตัน เพื่อนนักเรียนมัธยมปลายของเธอ...เขาเป็นใครหรอ"
เฉาหมิงเหลียงนึกถึงเฮลิคอปเตอร์ทหารที่บินออกไปเมื่อกี้แล้วมองไปที่รถซูเปอร์คาร์ของเขา
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าโอเอซิสคิลเลอร์คันนี้เท่ห์มาก แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันไม่เท่ห์อีกต่อไป
เจิ้งตันตันและหลินจื่อซานสบายดี พวกเธอเคยเห็นความแข็งแกร่งของลู่เซิงมาก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ความแข็งแกร่งเช่นนั้นจะมีภูมิหลังลึกลับและไม่ธรรมดา
เจิ้งตันตันเหลือบมองซูเหวินฮุ่ยและเฉาหมิงเหลียงอย่างเฉยเมย เธอคว้าแขนของหลินจื่อซานแล้วพูดว่า "จื่อซาน ฉันคิดว่าเรานั่งรถไฟความเร็วสูงกลับไปที่เมืองเหลียงกันเถอะ!"
หลินจื่อซานชะงักจากนั้นก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
"โอเค"
หลังจากพูดจบ ทั้งสองก็ไม่สนใจเฉาหมิงเหลียงที่มีใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง พวกเธอรีบหันหลังกลับและออกจากป้ายรถเมล์ไป
.....
ลู่เซิงนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์และมองออกไปทางกระจกหน้าต่างด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจ
เมืองชิวหมิงด้านล่างกำลังเล็กลงอย่างรวดเร็วกลายเป็นเหมือนเมืองที่สร้างจากตัวต่อในของเล่นเลโก้
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลู่เซิงขึ้นเครื่องบิน แต่นี่เป็นครั้งแรกของเฮลิคอปเตอร์จริงๆ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะมีความรู้สึกแปลกๆในใจ
เมื่อสังเกตเห็นท่าทางของเขา ตงชิงเสวี่ยก็พูดขึ้น "เธอชอบมันไหม ถ้าชอบก็เข้าร่วมเขตทหารตะวันออกของเราสิ..."
"จริงหรอแล้วลำนี้ให้ผมไหม" ลู่เซิงยิ้ม
"ผมคิดว่ามันเท่ห์มาก"
ตงชิงเสวี่ยพูดด้วยสีหน้าหมดหนทาง "ฉันหมายความว่าเธอสามารถนั่งมันได้ทุกวัน"
“ในอนาคต เมื่อเธอขึ้นเป็นปรมาจารย์และกลายเป็นนายพลในเขตทหาร กองทัพทหารอาจจะให้เธอลำนึง” ฉินเส้าจวินที่อยู่ข้างๆ ตบไหล่ลู่เซิงและพูดติดตลก
[ ชื่อฉินเส้าชุนเปลี่ยนเป็นฉินเส้าจวินครับ ]
ลู่เซิงยิ้มเล็กน้อยมองออกไปนอกหน้าต่างและสีหน้าของเขาก็กลับมาสงบ
ไม่ได้เจอกันมา 2-3 สัปดาห์ ทั้งตงชิงเสวี่ยและฉินเส้าจวินยังคงเหมือนเดิม คนหนึ่งเย็นชาและจริงจัง อีกคนยังคงเกียจคร้านและกวนโอ้ย
แต่ในสายตาของตงชิงเสวี่ยและฉินเส้าจวินนั้น ลู่เซิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
การเปลี่ยนแปลงนี้ยากที่จะอธิบาย ส่วนสำคัญที่สุดคือ...
ก่อนหน้านี้ ตงชิงเสวี่ยสามารถมองผ่านลู่เซิงได้เล็กน้อย แต่ตอนนี้...
ลู่เซิงซึ่งนั่งอยู่เงียบๆ ข้างหน้าต่างในห้องโดยสาร มองแวบแรก เขาดูเหมือนนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ และพวกเขาสองคนมองไม่เห็นอะไรเลย
“เด็กประหลาด...”
ตงชิงเสวี่ยพึมพำ จากนั้นหยิบเอกสารออกมาและพูดว่า " 3 วันก่อน ค่ายฝึกอัจฉริยะของทุกจังหวัดในภาคตะวันออกได้ประกาศยุติลงแล้ว ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกนายพลดาวรุ่งในแต่ละจังหวัดได้ถูกกำหนดแล้วและผู้สมัครคัดเลือกนายพลดาวรุ่งในปีนี้แข็งแกร่งกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา!" สีหน้าของตงชิงเสวี่ยจริงจัง
พูดตามตรง แม้แต่เธอก็ยังตกใจเมื่อได้รับข้อมูลนี้
หากไม่ใช่เพราะจังหวัดตงหนิงที่เธอรับผิดชอบอยู่ได้ผลิตสัตว์ประหลาดอย่างลู่เซิงขึ้นมาด้วย ตงชิงเสวี่ยแทบจะอยากออกจากที่นั่น
“ตันแทนอัจฉริยะที่ได้รับการคัดเลือกจากกว่า 20 จังหวัดล้วนเป็นจอมยุทธ์ระดับ 3 หรือสูงกว่านั้น ส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธ์พรสวรรค์รวมถึงจอมยุทธ์พรสวรรค์ที่มีพลังมากกว่าจอมยุทธ์พรสวรรค์ทั่วไป หนึ่งในนั้นประกาศตัวเมื่อเดือนที่แล้ว จอมยุทธ์พรสวรรค์ซึ่งผ่านการประเมินของผู้ใช้พลังจิตระดับ 2 มีแม้แต่สัตว์ประหลาดที่น่าจะก้าวเข้าสู่ระดับ 4 แล้ว!”
ตงชิงเสวี่ยมองดูเอกสารด้วยท่าทางเคร่งขรึม
ข้อมูลที่เหลือเชื่อบนเอกสารนี้ แม้ว่าจะถูกอ่านซ้ำหลายครั้งมันก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกตกใจ
แต่หลังจากคุยกันเป็นเวลานาน ตงชิงเสวี่ยก็เงยหน้าขึ้นและทันใดนั้นก็ตระหนักว่าดวงตาของลู่เซิงมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับว่าเขากำลังชมทิวทัศน์ ...
“ไม่สนใจหน่อยเหรอ?”
ตงชิงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะพูด "ความแข็งแกร่งของคนพวกนี้"
"ฮะ? อ๋อ"
ลู่เซิงหันหัวของเขามาด้วยสีหน้า 'จริงจัง' และพยักหน้า "มันสุดยอดมาก ผมตกใจมาก"
"..." เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้ไม่สนใจ นี่อะไร?
หลอกหลวงเกินไป
ตงชิงเสวี่ยและฉินเส้าจวินมองหน้ากันด้วยสีหน้าอึ้งๆ
แต่หลังจากคิดดูแล้ว ความแข็งแกร่งของลู่เซิงน่าจะเหลือเชื่อกว่าคนพวกนี้
จอมยุทธ์ระดับ 3 ซึ่งมีพลังยุทธ์ทัดเทียมกับระดับ 5 ผู้ใช้พลังจิตระดับ 3....
เอ่อ ผู้ใช้พลังจิตระดับ 3 ไม่ได้ถูกเขียนไว้ในข้อมูลและคนอื่นๆ ยังไม่รู้
"ช่างเถอะ..."
ฉินเส้าจวินส่ายหัว "เธอบอกสัตว์ประหลาดคนนี้ว่าคนอื่นเป็นสัตว์ประหลาดไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาควรจะรู้สึกยังไง เราคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า"
ตงชิงเสวี่ยพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ "เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นบอกฉันทีว่าเธอสนใจอะไร"
“ไม่ๆ ครูตงพูดต่อเถอะ ตอนนี้ผมตกใจมาก...”
ลู่เซิงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้สีหน้าตนเองดูตกใจยิ่งขึ้น
ตงชิงเสวี่ยโบกมือราวกับว่าเธอเบื่อที่จะดูการแสดงของลู่เซิง "ปีนี้การคัดเลือกนายพลดาวรุ่งจะจัดขึ้นในเขตทหารตะวันออกและจะมีทหารยศใหญ่หลายคนจากกองทัพทหารเข้าร่วมรับชมด้วยและปีนี้การคัดเลือกนายพลดาวรุ่งไม่ใช่วิธีแข่งขันในสังเวียนอีกต่อไป แต่เป็นวิธีอื่น "
"อะไร?" ลู่เซิงถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
ตงชิงเสวี่ยหยุดชั่วคราวและพูดต่อ "คราวนี้ การคัดเลือกจะถูกแทนที่ด้วยสัตว์ต่างดาว"
"สัตว์ต่างดาว..." ลู่เซิงกระพริบตาอย่างแปลกใจ
ในโลกนี้แทบทุกคนรู้จักมัน ศัตรูตัวฉกาจที่มนุษย์กำลังเผชิญหน้าอยู่คืออะไร?
พวกมันคือสัตว์ต่างดาวที่มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวโผล่ออกมาจากรอยแยกทั่วทุกที่
ทุกปี จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนเข้าสู่สนามรบครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่ออุทิศชีวิตวัยเยาว์และความเชื่อของพวกเขา
แต่ถึงกระนั้นดินแดนของมนุษย์ก็ยังลดลงทุกปี
อาจกล่าวได้ว่าตั้งแต่วินาทีที่สัตว์ต่างดาวปรากฏขึ้นในโลกนี้ มนุษย์ไม่เคยได้เปรียบเหนือสัตว์ต่างดาว เห็นได้ชัดเจนว่าสัตว์ต่างดาวน่ากลัวเพียงใด
ในอดีต ลู่เซิงรู้ข้อมูลของพวกมันผ่านข่าวทีวีและในห้องเรียน แต่เขาไม่เคยเห็นตัวเป็นๆสักทีเลย
ตอนนี้ ตงชิงเสวี่ยพูดจริงๆ ว่านักเรียนมัธยมปลายเหล่านี้ที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีกำลังจะเผชิญหน้ากับสัตว์ต่างดาวตัวต่อตัว เขาจะไม่แปลกใจได้อย่างไร
"สถานการณ์ในแนวหน้าไม่สู้ดีนัก ทุกคนกำลังมองหาวิธีทำลายสถานการณ์ในปัจจุบัน แต่ต้องใช้เวลาอีกนาน ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหลายคนยังสามารถซื้อเวลาให้มนุษยชาติได้อยู่ ดังนั้นเบื้องบนจึงตัดสินใจไม่อ่อนโยนกับอัจฉริยะอย่างพวกเธอที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในอนาคต
พวกเขาต้องการให้เธอรู้สึกกดดันล่วงหน้าเพื่อเปลี่ยนมันเป็นแรงผลักดันก้าวไปข้างหน้าบนเส้นทางศิลปะการต่อสู้
จากคำพูดของบุคคลระดับสูงบางคน ท่ามกลางสนามรบที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายเท่านั้นที่สามารถสร้างยอดนักรบที่แท้จริงได้ "
ลู่เซิงพยักหน้า เขาเห็นด้วยกับแนวคิดนี้เช่นกัน
อาจกล่าวได้ว่าที่ลู่เซิงฝึกฝนอย่างหนักก็เพื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ต่างดาวพวกนี้ในวันหนึ่ง
เอาล่ะ แค่ปล่อยให้วันนี้มาถึงเร็วกว่าเดิม
"..แม้ว่าความยากและอันตรายของการคัดเลือกครั้งนี้จะสูงกว่าปีก่อนๆ มาก แต่รางวัลก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน"
ตงชิงเสวี่ยชำเลืองมองลู่เซิงและพูดว่า "เธอควรสนใจเรื่องนี้"
“ครูตง บอกผมที”
"การคัดเลือกนายพลดาวรุ่งในปีนี้ ตราบใดที่เธอเข้าสู่ 10 อันดับแรก เธอจะได้รับเลือดต่างดาวหนึ่งขวด
3 อันดับแรกสามารถเข้า 'สระเลือดต่างดาว' ได้และผู้ที่ได้รับตำแหน่งนายพลดาวรุ่ง... "
ตงชิงเสวี่ยพูดอย่างมีความหมาย "สามารถเข้าสระไขกระดูกต่างดาวซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเลือดต่างดาวมาก"
เลือดต่างดาว?
ไขกระดูกต่างดาว?
ลู่เซิงตกใจ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตงชิงเสวี่ยกำลังพูดถึงอะไร แต่...
แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกไม่ธรรมดาแล้ว