บทที่ 43 บันทึก
บทที่ 43 บันทึก
คลึ่น!!
เมื่อความทรงจำถูกดูดซับ ร่างสีเงินของปืนลึกลับก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและร้อนขึ้น
ที่ด้านซ้ายของด้ามจับ ลวดลายค่อยๆ ปรากฏขึ้น ราวกับมีมีดสลักลงบนผิวของโลหะที่ร้อนแดง
หลังจากนั้นไม่นานอักขระอาคมก็ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์ ลวดลายนี้ก็คืออักขระอาคมเจาะเกราะ
ดูดซับความทรงจำของการสลักอักขระอาคมเจาะเกราะบนกระสุนพลังลึกลับในความคิดของเขา ปืนลึกลับได้สลักรูปแบบนี้ลงบนตัวมันเอง
ณ จุดนี้ การเปลี่ยนแปลงสิ้นสุดลงและปืนลึกลับกลับมาเป็นสีเงินอีกครั้ง
ฮ่าๆๆ!
ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ปืนลูกโม่ถูกฝังลงไปในรอยสักที่หลังมือซ้ายของเขาเช่นเดิม
รอยสักเปลี่ยนไปและมีคุณลักษณะการเจาะเกราะปรากฏบนด้ามปืน
ยิ่งไปกว่านั้นความร้อนยังคงแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายผ่านรอยสัก
ภายใต้ความร้อนที่แผดเผานี้ สมรรถภาพทางกายที่แข็งแกร่งมากอยู่แล้วของเขาเช่น ความเร็ว ความแข็งแกร่ง ปฏิกิริยาและอื่นๆ ก็ถูกพัฒนาขึ้นอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มไม่ต่างอะไรกับนายทหารมือฉกาจที่สุดในกองทัพ สำหรับตอนนี้ความสามารถของเขาไม่อาจตัดสินได้อีกต่อไป
ฟลินน์สัมผัสได้ว่าความสามารถปัจจุบันของเขา สามารถต่อสู้กับหญิงไร้ตาได้โดยตรง
‘สงสัยต้องเรียนทักษะการต่อสู้เพิ่มแล้ว’ ฟลินน์คิดกับตัวเอง
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีสมรรถภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่เนื่องจากเขาไม่ชำนาญด้านการต่อสู้ เขาจึงไม่สามารถออกแรงได้เต็มที่
หากเขาต้องการแสดงพลังที่แท้จริงของร่างกายได้อย่างเต็มที่ วิธีที่ดีที่สุดคือเรียนรู้ทักษะการต่อสู้และยกระดับให้กลายเป็นระดับปรมาจารย์
หากมีทักษะการต่อสู้ระดับปรมาจารย์ เขาก็จะสามารถปลดปล่อยพลังทำลายล้างที่แท้จริงของสมรรถภาพร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ด้วยสมรรถภาพทางกายของเขา บวกกับการต่อสู้ระดับปรมาจารย์ มันเกือบจะเทียบเท่ากับการครอบครองศาสตร์ลับที่สาม
นอกจากนี้ศาสตร์ลับที่สามก็ไม่จำเป็นต้องใช้คะแนนลึกลับและ เพราะมันจะถูกอัปเกรดพร้อมกับศาสตร์ลับอื่นๆ เช่นปืนลึกลับหรือดวงตาประเมิน
ท้ายที่สุดการอัปเกรดปืนลึกลับและดวงตาประเมินแต่ละครั้งจะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น
“การอัปเกรดสมรรถภาพทางกายยังเป็นเรื่องรองและสิ่งสำคัญคือการอัปเกรดปืนลึกลับ”
ฟลินน์เรียกปืนลึกลับออกมา ที่ด้านซ้ายของปืนลึกลับถูกสลักด้วยอักขระอาคม เขาใช้มือขวากุมที่ด้ามปืน
ทันทีที่เขาถือมันไว้ในมือ ฟลินน์ก็รู้สึกถึงพลังลึกลับมหาศาลที่บรรจุอยู่ปืนลึกลับนั้นทันที
เมื่อเทียบกับวงแหวนที่สอง พลังลึกลับเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ถ้าจะบอกว่าพลังลึกลับที่อยู่ในวงแหวนที่สองสามารถสร้างกระสุนพลังลึกลับได้ประมาณสามสิบลูก
ดังนั้นพลังลึกลับที่มีอยู่ในปัจจุบันก็สามารถสร้างกระสุนพลังลึกลับได้อีกประมาณร้อยลูก
จำนวนกระสุนประมาณหนึ่งร้อยนัดนั้นยังห่างไกลจากคำว่าไร้สิ้นสุด แต่มันก็เป็นจำนวนที่น่าประทับใจมากแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันอยู่ในมือของนักแม่นปืนเช่นเขาที่สามารถยิงเข้าที่จุดสำคัญของศัตรูได้ทุกนัดไม่พลาดเป้า
ในบรรดาการต่อสู้ที่เขาเคยประสบมาก่อน สิ่งที่อันตรายที่สุดคือการต่อสู้กับมนุษย์หมาป่าที่บาดเจ็บ
แม้ในการต่อสู้กับมนุษย์หมาป่าเขาใช้กระสุนเพียงแค่ 12 นัดเท่านั้น เดาได้เลยว่ากระสุนที่อยู่ในมือของนักแม่นปืนอย่างเขานั้นทนทานเพียงใด
“กระสุนพลังลึกลับ เจาะเกราะ!”
ฟลินน์พยายามสร้างกระสุนพลังลึกลับและสลักอักขระอาคมเจาะเกราะบนกระสุนพลังลึกลับ
ภายในเวลาไม่ถึงสองวินาที กระบวนการทั้งหมดก็สิ้นสุดลง
ในปืนลึกลับนั้นกระสุนพลังลึกลับที่ถูกสลักอักขระอาคมเจาะเกราะปรากฏอยู่บนผิวของมัน
“ตามคำอธิบายในหนังสือ พลังของกระสุนพลังลึกลับที่ถูกสลักด้วยอักขระอาคมเจาะเกราะนั้นจะมีพลังเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่า” มือของฟลินน์แตะไกปืนเบา ๆ ต้องการที่จะดึงมันออกมาเพื่อดูลวดลายที่ถูกสลักไว้ เขาต้องการรู้ว่ากระสุนนี้มีพลังทำลายล้างแบบใด?
แต่เขาทำไม่ได้ เพราะถ้าเขาทำเช่นนี้กำแพงบ้านของเขาจะต้องถูกทำลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่อาคารรอบด้านก็คงพังไปด้วย
“แม้แต่ห้องยิงปืนของสำนักงานความมั่นคงฯ ก็ไม่เหมาะสำหรับการทดสอบอีกต่อไป”
แม้ว่าผนังด้านในสุดของห้องยิงปืนของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรจะมีแผ่นเหล็กหนาสำหรับสกัดกั้นกระสุนก็ตาม
แต่นั่นมันสำหรับกระสุนธรรมดา
อาจเรียกได้ว่าไม่มากพอที่จะสกัดกั้นกระสุนพลังลึกลับได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระสุนพลังลึกลับเจาะเกราะที่มีพลังเพิ่มมากขึ้นกว่า 10 เท่า รู้ได้โดยไม่ต้องคิดว่าแผ่นเหล็กนั้นจะต้องกระจุยไปทันทีเมื่อกระสุนสัมผัสและแรงสะท้อนอาจกระทบไปถึงโครงสร้างอื่นๆ
“คงต้องหาโอกาสไปทดสอบที่นอกเมืองเท่านั้น!”
ฟลินน์ปล่อยให้กระสุนพลังลึกลับเจาะเกราะเปลี่ยนเป็นพลังลึกลับขั้นพื้นฐานที่สุดและเก็บมันกลับเข้าไปในรอยสัก
วันต่อมาฟลินน์มาที่สำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
“ไม่มีหนังสือให้อ่าน!” เมื่อนั่งบนโซฟาฟลินน์ก็ตระหนักว่าเขาไม่มีหนังสืออ่าน
เขาอ่านหนังสือลึกลับตั้งแต่วงแหวนที่หนึ่งถึงวงแหวนที่สามของปืนลึกลับจบแล้วและไม่มีหนังสือลึกลับให้อ่านอีกแล้ว
สำหรับหากอยากได้หนังสือลึกลับของปืนลึกลับเล่มใหม่ก็ต้องรายงานไปที่สำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรว่าตอนนี้เขามาถึงวงแหวนที่สามแล้ว
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มไม่ต้องการที่จะรายงานไปยังสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรในเร็วๆ นี้
เขาใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนในการอัปเกรดปืนลึกลับจากวงแหวนที่สองไปยังวงแหวนที่สาม ระยะเวลานี้สั้นเกินไป
หากรายงานไปยังสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตอนนี้ อาจทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
เพื่อป้องกันไม่ให้สำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรสัมผัสได้ถึงเรื่องผิดปกตินี้ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงไว้ให้นานกว่านี้อีกเล็กน้อย
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่มีหนังสือให้อ่าน
“ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็คงมีเวลามากพอที่จะหาความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ลับด้านอื่นไม่รู้ว่าหนังสือแบบไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด?” เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฟลินน์ก็มองไปที่คนอื่นๆ ในห้องรับรองของ 201 นั่นคือ ไอวี่
วันนี้หญิงสาวสวนชุดเดรสยาวสีขาว
ด้วยผมสีฟ้าสลวยละถึงกลางหลัง เธอนั่งหลังตรงอย่างสง่างาม
มือเรียวยาวของเธอถือหนังสือไว้ หญิงสาวกำลังพลิกมันอย่างตั้งใจ
งดงามและชาญฉลาด
เมื่อเห็นคนเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำนี้
“คุณไอวี่ ขอรบกวนหน่อยได้ไหมครับ” เขาถามอย่างลังเล
“มีอะไรเหรอ?”
เมื่อได้ยินเสียงของฟลินน์ ไอวี่วางหนังสือในมือของเธอลง เงยหน้าขึ้นมอง เขาแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผมต้องการไปห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ลับต่างๆ ไม่ทราบว่าคุณไอวี่จะช่วยแนะนำหนังสือสักเรื่องให้ผมได้ไหม” ฟลินน์กล่าว
เมื่อเทียบกับการค้นหาด้วยตัวเอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ได้รับการแนะนำโดยผู้มีประสบการณ์อย่าง ไอวี่
แน่นอนเขาไม่แน่ใจว่าไอวี่จะให้คำแนะนำหรือไม่
เวลาที่เขาพูดคุยกับไอวี่ส่วนมากไม่ใช่ช่วงเวลาปกติ แต่เป็นระหว่างการทำภารกิจ
ในระหว่างภารกิจ ไอวี่จะพูดมากขึ้นอาจเป็นเพราะมันจำเป็น
เมื่อได้ยินฟลินน์พูดเช่นนี้ ไอวี่ก็ไม่ได้ตอบเขาในทันที
จนฟลินน์คิดว่าเธอจะไม่ตกลง แต่เธอกลับพูดขึ้นก่อนว่า
“ศาสตร์ลึกลับ คุณสามารถยืมหนังสือ ‘ศาสตร์ลึกลับ’ ได้”
“ขอบคุณ”
หลังจากได้รับคำแนะนำ ฟลินน์ขอบคุณไอวี่และเดินออกจากห้องรับรอง 201 ไปที่ห้องสมุด
ถึงจะเรียกว่าห้องสมุด แต่จริงๆ แล้วเรียกว่าหอสมุดน่าจะเหมาะกว่า
ห้องสมุดของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรเป็นอาคาร 2 ชั้นมีหนังสือหลายหมื่นเล่ม
นอกจากหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์ลึกลับแล้วยังมีหนังสือที่เกี่ยวข้องกับทุกเพศทุกวัยในสังคมอีกด้วย
คำว่าศาสตร์ลึกลับคือกำเนิดมาจากอาชีพทั่วๆ ไป ดังนั้นในบางครั้งหนังสือที่เกี่ยวข้องกับอาชีพทั่วไปก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับโลกลึกลับได้
ที่เคาน์เตอร์ของห้องสมุดมีชายวัยกลางคนสวมแว่นตาเลนส์หนานั่งอ่านหนังสืออยู่ เขาน่าจะเป็นบรรณารักษ์
ฟลินน์เคยเห็นชายวัยกลางคนคนนี้ในร้านอาหาร แต่เขาไม่ได้ทักทายกัน
ร้านอาหารเป็นสถานที่ที่มีเพียงผู้วิเศษเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ พนักงานธรรมดา ๆ ของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรจะทานอาหารที่อื่นและเกรดจะต่ำกว่า
เนื่องจากชายวัยกลางคนสามารถไปที่นั่นได้ เขาจึงต้องเป็นผู้วิเศษ
ฟลินน์ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายที่เป็นถึงผู้วิเศษจึงกลายเป็นบรรณารักษ์ธรรมดา
“ผมต้องการยืมหนังสือ ‘ศาสตร์ลึกลับ’” ฟลินน์เดินไปบอกชายวัยกลางคน
“แถวที่สามของชั้นหนังสือในห้องที่สองของชั้นสอง แถวบนสุดคือหนังสือเล่มที่ 32 จากซ้ายไปขวา” ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฟลินน์แล้วพูด
“ขอบคุณครับ” ฟลินน์กล่าวขอบคุณ
มีหนังสือหลายหมื่นเล่มที่ชั้นบนและชั้นล่างของห้องสมุด และเขาแค่ต้องการทราบตำแหน่งโดยประมาณของหนังสือ ‘ศาสตร์ลึกลับ’ แต่เขาไม่คาดคิดว่าชายวัยกลางคนจะระบุอย่างชัดเจนถึงตำแหน่งที่แน่นอน
เขาไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนจะมีความทรงจำราวกับภาพถ่ายคล้ายกับจูลี่หรือไม่ หรือนี่อาจจะเป็นศาสตร์ลึกลับที่เขาฝึกฝนมา
“คุณชื่ออะไร”
ในฐานะผู้วิเศษของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ฟลินน์รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับชายวัยกลางคน
“ผมชื่อเควนติน คริส คุณไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวเอง ผมรู้จักคุณ”
“คุณคือฟลินน์ ซอร์คผู้ซึ่งได้รับคัดเลือกจากสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรด้วยมาตรฐานพิเศษ คุณนำปืนลึกลับออกจากแหวนได้และเลื่อนระดับเป็นวงแหวนที่สอง มีคนน้อยมากในสำนักงานความมั่นคงฯ ที่จำคุณไม่ได้” เควนติน คริสกล่าว
ฟลินน์ไม่แปลกใจกับชื่อเสียงในปัจจุบันของเขาในสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เพราะเมื่อเดินเข้าไปในสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรผู้คนมักก็จะมองมาที่เขา
นี่เป็นกรณีที่ศาสตร์ลึกลับที่สองยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะในขณะนี้ หากศาสตร์ลึกลับที่สองเผยแพร่ต่อสาธารณะ เขาเกรงว่ามันจะ ‘มีชื่อเสียง’ มากกว่านี้
เขาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นในใจ
“คุณมีความสามารถในหน่วยความจำภาพถ่ายหรือไม่ ทำไมคุณรู้ตำแหน่งโดยละเอียดของหนังสือในห้องสมุด”
“ไม่ ในเมืองนี้มีเพียงจูลี่เท่านั้นที่มีความสามารถในการจดจำภาพถ่าย” เควนติน คริสส่ายหัว
“เหตุผลที่ผมจำตำแหน่งเฉพาะของหนังสือแต่ละเล่มได้ก็เพราะศาสตร์ลึกลับของผมคือสมุดบันทึก และผมสามารถบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องและอ้างอิงได้ตลอดเวลา”
ศาสตร์ลึกลับประเภทสมุดบันทึก การจะสอบใบอนุญาตทนายความได้นั้นต้องจำกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ มากมาย หากบุคคลนี้ไปสอบใบอนุญาตทนายความจะต้องสามารถผ่านได้อย่างง่ายดาย แต่อีกฝ่ายเป็นผู้วิเศษอยู่แล้วดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตทนายความ
ท้ายที่สุดแม้ว่าคุณจะเป็นทนายความชั้นนำแต่ความเร็วในการทำเงินนั้นก็ยังไม่ดีเท่าผู้วิเศษอย่างแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่รบกวนคุณแล้ว” หลังจากความสงสัยในใจของเขาได้รับคำตอบ ฟลินน์ก็พยักหน้าให้เควนติน คริสและเดินไปที่ชั้นสองของห้องสมุด
เควนติน คริสชำเลืองมองฟลินน์ที่กำลังเดินไปบนชั้นสองก่อนจะมองไปทางอื่น หลังจากเข้าร่วมสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรสาขาเมืองคอนสตันมากว่าสิบปี เขาได้พบกับผู้มีความสามารถพิเศษหลายคนทั้งก่อนและหลัง
บางคนเติบโตอย่างรวดเร็วและตอนนี้ได้กลายเป็นหน้าตาของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรแล้วเช่น รองผู้อำนวยการลินดี้
บางคนล้มเหลวกลางคันเพราะอุบัติเหตุและกลายเป็นชื่อถูกแช่แข็งไว้ในไฟล์ที่ถูกบันทึก
ไม่รู้ว่าสุดท้ายอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร
บนชั้นสองของห้องสมุดในแถวที่สามของชั้นหนังสือในห้องที่สอง แถวบนสุดคือหนังสือเล่มที่ 32 จากซ้ายไปขวา ฟลินน์พบหนังสือ ‘ศาสตร์ลึกลับ’ ตามที่คาดไว้
เขาถือหนังสือเล่มนี้และกลับไปที่เคาน์เตอร์พร้อมลงทะเบียน
“ผมได้ลงทะเบียนล่วงหน้าแล้ว คุณเอาไปได้เลย” เควนติน คริส โบกมือแล้วพูด
“ขอบคุณ” ฟลินน์พยักหน้าและออกจากห้องสมุด
ตอนนี้เป็นฤดูหนาวอากาศข้างนอกจึงหนาวเย็น หลังจากออกจากห้องสมุด ฟลินน์ก็กลับไปที่ห้องรับรอง 201 อย่างรวดเร็ว
เขานั่งบนโซฟาเปิดหนังสือศาสตร์ลึกลับเงียบๆ
ศาสตร์ลึกลับเป็นเทคนิคกระตุ้นความลึกลับและทำให้อาชีพธรรมดาไม่ธรรมดา ตอนนี้ยังไม่รู้ถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงของมัน ศาสตร์นี้ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกที่อาณาจักรรัตติกาล…